รองแม่ทัพเฉิงอี้นำไม้กวาด ผ้าขี้ริ้ว และถังน้ำสำหรับทำความสะอาดเข้ามาในกระโจมส่งให้กับองค์หญิงเรียบร้อยแล้วก็รีบหายหัวออกไปทันที
หลินหลินจับไม้กวาดขึ้นมาท่าทางนั้นเหมือนจะจับไม้ไล่ตีคนมากกว่าจับเพื่อกวาดพื้น นางออกแรงขูดไม้กวาดไปกับพื้นกระโจมที่ปูด้วยหนังสัตว์หยาบ ๆ ฝุ่นก็ฟุ้งขึ้นมาในอากาศ นางไม่ทันระวังจึงสูดเอาฝุ่นนั้นเข้าไป จนระคายเคืองจมูกไปหมด
ฮัดฉิ่ววววว....
เมื่อฝุ่นลอยเข้าปากนางก็ไอออกมา
แค่ก ๆ ๆ
“โอ๊ย อะไรกันนี่”
ยิ่งกวาดฝุ่นก็ยิ่งฟุ้งเข้าทั้งจมูก ทั้งตา นางจึงต้องหรี่ตาลงทำให้มองเห็นไม่ชัด ไม้กวาดในมือก็กวัดแกว่งไปมาแล้วไปปัดข้าวของบนโต๊ะร่วงลงพื้นระเนระนาดไปคนละทิศละทาง
หลินหลินมองข้าวของบนพื้นอย่างอ่อนใจ ยิ่งกวาดก็ยิ่งรก สุดท้ายนางก็ขว้างไม้กวาดลงบนพื้น แล้วเปลี่ยนไปยกถังน้ำขึ้นมาเทราดลงบนโต๊ะหมายจะขัดมันให้สะอาดเอี่ยม
ซ่า !
เพราะถังน้ำหนักเกินไป นางไม่ทันระวังจึงทำให้มันพลิกคว่ำ น้ำไหลไปถูกกับหมึกที่ฝนไว้จึงเกิดเป็นน้ำสีดำไหลนองลงพื้น อีกทั้งเอกสารบนโต๊ะก็เปียกชุ่มไปทั้งกอง
ด้วยความตกใจ นางจึงรีบขว้างถังน้ำออกไปให้พ้นมือ
ตุบ !
โครม !
เคร้ง !
ถังน้ำใบใหญ่ลอยไปชนเข้ากับแท่นเก็บดาบแลทวนทำให้แท่นนั้นล้มลง อาวุธเหล่านั้นกระจายเกลื่อนพื้นอย่างน่าอนาถใจ
หลินหลินกวาดสายตามองไปรอบกระโจมอย่างอ่อนใจ ยิ่งทำก็ยิ่งเละ ยิ่งเละก็ยิ่งหิว ยิ่งหิวนางก็ยิ่งโมโห นางจึงเตะเท้าระบายเอากับม้านั่งตัวเล็กด้วยความเจ็บใจ
ปึ้ง !
ม้านั่งตัวเล็กล้มกลิ้งไปกับพื้นอย่างน่าสงสาร
“ไม่ทำแล้ว !”
นางเป็นถึงองค์หญิงแต่กลับต้องมาเป็นทาสรับใช้ในกระโจมของแม่ทัพหน้าโหด ฝันไปเถอะ !
ร่างน้อยสะบัดหน้าพรืดรีบซอยเท้าออกจากกระโจม ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดจึงไม่มีใครสังเกตเห็นนาง หลินหลินเดินลัดเลาะไปยังด้านหลังค่ายทหาร หนีไปตายข้างหน้าดีกว่าอยู่ให้แม่ทัพหน้าโหดคนนั้นแกล้งทรมานนาง
......
เท้าน้อย ๆ วิ่งตามแสงสลัวของคบเพลิงที่วางห่างกันเป็นระยะ ๆ นางไม่กล้าวิ่งเข้าไปในป่ารกยามค่ำคืน เพราะกลัวผีสางแลสัตว์ดุร้าย ไม่นานนักนางก็พบว่าคบเพลิงสิ้นสุดลงที่บ่อน้ำร้อนแห่งหนึ่ง มีไอพวยพุ่งขึ้นเป็นม่านบาง ๆ รอบ ๆ บ่อมีโขดหิน และต้นไม้ขึ้นหนาคล้ายกับกำแพงหนึ่งชั้น
“วิเศษนัก ! นึกไม่ถึงว่าในป่าลึกแบบนี้จะมีบ่อน้ำร้อนด้วย”
ดวงตาหงส์เป็นประกายด้วยความดีใจ นางเดินทางมาตลอดทั้งวัน ทั้งยังถูกใช้ให้ทำความสะอาดกระโจม จนร่างกายของนางทั้งเหมื่อยล้า ทั้งเหนียวเหนอะไปทั้งตัว หากได้ลงแช่น้ำอุ่น ๆ คงจะสบายมิใช่น้อย
ร่างกายไวเท่าความคิดหลินหลินจึงรีบเปลื้องอาภรณ์ออก แล้วย่างเท้าก้าวลงบ่ออย่างรวดเร็ว ไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาเปรียบเสมือนผ้าม่านบาง ๆ ทำให้มองเห็นเฉพาะระยะประชิดเท่านั้น นางลูบไล้ผิวกายอย่างสบายใจขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนร่างนวลเนียนขาวผ่องลึกลงไปในบ่อน้ำอุ่นนั้น ฉับพลันก็มีเสียงดุดันคุ้นหูตวาดขึ้นข้างตัว
“ใครอนุญาตให้สาวใช้อย่างเจ้า เข้ามาในบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ !”
หลินหลินสะดุ้งตกใจรีบหันขวับไปมอง สายตานางปะทะเข้ากับร่างเปลือยเปล่าของแม่ทัพหน้าโหดอยู่ในระยะประชิด
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง“หยุดร้อง !”
แม่ทัพหยางจงคำรามลั่น ใบหน้าดุดันยิ่งทวีความน่ากลัว แต่ความน่ากลัวนั้น ก็ไม่ทำให้เสียงกรีดร้องของนางสงบลงได้
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
สติของนางกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว นางจึงหลับหูหลับตากรีดร้อง แม่ทัพหนุ่มเกรงว่าพลทหารจะแตกตื่นกันทั้งค่าย เขาจึงคว้าตัวนางเข้าแนบชิด ริมฝีปากร้อนระอุของเขาทาบทับบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางจนแนบสนิท กลืนกินเสียงร้องของนางเอาไว้
“อึก... อื้อ”
หลินหลินเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แม้นางมิอาจส่งเสียงได้อีกแล้ว แต่เขากลับยังไม่ผละปากออก อีกทั้งยังเพิ่มความร้อนแรงขึ้น จุมพิตของเขานั้นทำให้ความซาบซ่านแปลบปลาบจู่โจมเข้าใส่ร่างในอ้อมแขนแกร่งทุกสัดส่วน นางรู้สึกว่าตนเองไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านขัดขืน ไม่นานนักร่างนางก็อ่อนระทวยลงกับอ้อมแขนแข็งแรงของแม่ทัพหนุ่ม
“อ่า”
หยางจงถอนจูบออกทั้งที่ลมหายใจเขายังถี่กระชั้น ดวงตาดำสนิทหรี่ปรือมองนางในอ้อมอกแล้วพบว่า นางได้สลบไปแล้ว มุมปากเขากระตุกไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะนาง หรือร้องไห้ให้กับตนเองดี เพราะขณะที่ตนกำลังนอนแช่ในน้ำอุ่นและครุ่นคิดว่าจะจัดการกับองค์หญิงต่อไปอย่างไรดี สตรีในห้วงความคิดก็ปรากฏกายตรงหน้าด้วยเรือนร่างไร้ซึ่งอาภรณ์ ผิวพรรณของนางขาวละเอียดเกลี้ยงเกลาดุจหยกชั้นดี ใบหน้าสวยงามหยดประดับด้วยดวงตาหงส์มีประกายระยับจับใจยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้า
นางก้าวลงบ่อน้ำร้อนโดยไม่สังเกตเห็นเขาแม้แต่น้อย เขาจึงรีบหลับตาลงระงับเลือดลมที่พลุ่งพล่านขึ้นมา แต่นึกไม่ถึงว่าร่างนุ่มนิ่มจะเคลื่อนกายเข้าใกล้เขามากขึ้นจนแทบจะชิด เขาจึงส่งเสียงออกไป นึกไม่ถึงว่านางจะกรีดร้องออกมา เขาจึงดึงนางเข้ามาจูบหมายจะหยุดเสียงร้อง แต่กลับกลายเป็นว่าบัดนี้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเสียแล้ว
ร่างน้อยสลบไม่ได้สติเช่นนั้น เขาจึงหลับตาอุ้มนางขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อนเพื่อไม่ให้มองเห็นเรือนร่างอันงดงาม อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงองค์หญิงในห้องหอ เขาเป็นบุรุษอาจหาญผู้หนึ่งจะไม่เอาเปรียบนางขณะที่หมดสติ แต่ผิวนุ่มนิ่มที่สัมผัสเสียดสีกับกายแกร่งของเขาให้ความรู้สึกแสนจะทรมานยิ่งนัก เขาจึงรีบคว้าเอาอาภรณ์มาห่อหุ้มร่างสวยเอาไว้อย่างมิดชิด จากนั้นก็อุ้มนางกลับไปยังกระโจมใหญ่
ฮูหยินหวังเฉาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “นี่พวกเจ้ากำลังข่มขู่ข้ารึ !”เฟยเฟยร้อนใจที่เห็นคนในครอบครัวทะเลาะกัน นางจึงรีบหันไปเขย่าแขนสามี “ท่านพี่ ช่วยพูดอะไรสักอย่างสิ ข้าไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย”โอฬารตบมือภรรยาคนงามอย่างปลอบประโลม “วางใจเถอะ ข้าจะยอมให้พวกเขา” จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นเอ่ยกับประมุขของจวนว่า “ท่านแม่ ในเมื่อพวกพี่ ๆ ทั้งสามต่างไม่ยอมรับข้าเป็นคนในสกุลหวังเฉา งั้นข้าก็จะขอออกจากตระกูลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”ฮูหยินหวังเฉาร้องเสียงหลง “ไม่นะ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป”โอฬารหน้าเศร้า “ท่านแม่ หากข้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้ท่านเดือดเนื้อร้อนใจ สู้ให้ข้าไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”เฟยเฟยกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “ท่านพี่....”เขาหันมากุมมือภรรยาแล้วเอ่ยเสียงเศร้าว่า “น้องหญิง.... เราสองคนคงไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว พี่เกิดมาต่ำต้อยมิอาจใช้นามสกุลหวังเฉาได้”เฟยเฟยส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ท่านพี่ไม่ว่าท่านจะสกุลอะไร ข้าก็จะไปใช้นามสกุลเดียวกันกับท่าน เป็นตายร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน”โอฬารเช็ดน้ำตา “งั้นเราทั้งสองก็ไปกันเถิด ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี ให้สุขสบายยิ่งกว่าอยู่ที่จวนนี้”เฟยเฟยพยักหน้
เพี๊ยะ!“อั๊ก”นักฆ่าถูกตบจนหน้าหันไปอีกด้านเพี๊ยะ!“บอกมาใครเป็นคนว่าจ้างเจ้าให้มาสังหารคุณชายโอฬาร”องครักษ์เงาตะคอกถามโอฬารมองภาพนั้นด้วยความสะใจ เขาเคยตายเพราะถูกเพื่อนสามคนวางแผนสังหารมาแล้ว เกิดใหม่อีกครั้ง เขาไม่มีทางโง่ซ้ำสองเป็นแน่เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! “โอ๊ยยย ข้ายอมแล้ว ข้าบอกแล้ว” นักฆ่าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดฮูหยินหวังเฉาสีหน้าทะมึน “บอกมา... หากเจ้าโกหกแม้แต่คำเดียว ข้าจะสั่งทหารตัดลิ้นเจ้าซะ”นักฆ่าสารภาพออกมาว่า “ท่านแม่ทัพหยางหยาง กับรองแม่ทัพจ้านจ้าน และจ้วงจ้วง”ฮูหยินหวังเฉาสีหน้าตื่นตะลึงโอฬารได้ทีรีบเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย”ฮูหยินหวังเฉาพยักหน้าช้า ๆ แล้วสั่งทุกคนว่า “จับตัวคนร้ายผู้นี้ไปที่จวนตระกูลหวังเฉา !”ณ จวนตระกูลหวังเฉาบรรดาเขยทั้งสามคนของตระกูลหวังเฉาถูกเรียกตัวกลับมาที่จวน เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นฮูหยินหวังเฉานั่งอยู่ที่ตั่งนั่งตำแหน่งประธาน สีหน้าเรียบตึง ถัดลงมาที่ฝั่งขาวภรรยาของพวกเขาทั้งสามนั่งอยู่ด้วยท่าทีกระวนกระวาย ส่วนฝั่งซ้ายเฟยเฟยนั่งเคียงข้างคนที่พวกเขาหมายจะปลิดชีวิตจ้านจ้านตื่นตระหนกกับภาพเบื้องหน้าที่เห็น เข
รถม้าสกุลหวังเฉาวิ่งออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังวัดไท่เจียง ไม่นานนักก็เข้าสู่ชายป่า พ้นเขตป่าแถบนี้ไปจึงจะถึงที่หมายกุบกับ กุบกับ กุบกับเสียงเกือกม้าย่ำลงพื้นผสมผสานกับเสียงร้องเร่งความเร็วของคนขับรถม้าแสงอาทิตย์ใกล้เที่ยงแผดแสงแรงกล้า คนขับยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เขาเร่งฟาดแส้ลงเพื่อให้ไปถึงวัดก่อนเที่ยงเพี๊ยะ !กุบกับ กุบกับ กุบกับแฉ่ง....เสียงคมดาบแหวกอากาศดังหวีดหวิว กว่าขับจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ศีรษะของเขาก็หล่นตุบลงพื้น เลือดสีแดงสาดกระเซ็นฮี่ ๆ......กุบกับ กุบกับ กุบกับรถม้าที่ไร้คนขับวิ่งเตลิดออกนอกเส้นทาง คนร้ายชุดดำไม่รอช้าจ้วงแทงดาบเข้าไปในรถม้าทันทีฉึบ !ดาบในมือจ้วงแทงได้เพียงความว่างเปล่า ชายชุดดำรีบตวัดผ้าม่านขึ้นกลับไม่พบผู้ใดในรถม้า“บัดซบ !”คนร้ายคำรามดังลั่น รู้ว่าตนเองหลงกลเข้าให้แล้ว มันรีบทะยานออกจากรถม้าที่กำลังวิ่งเข้าป่าอย่างไร้ทิศทางยังไม่ทันที่มันจะยืนได้มั่นคงบนพื้น เงาร่างขององครักษ์เงาสิบนายก็รุมล้อมเข้าโจมตีมันบุรุษชุดดำเป็นนักฆ่ามืออาชีพ องครักษ์เงาต้องเข้าปะทะมันพร้อมกันจึงสามารถสยบมันลงได้นักฆ่าถูกองครักษ์เงามัดไว้กับพื้น เป็นจังหวะเดียวที่ร
เช้าตรู่ของวันต่อมาบรรยากาศที่โต๊ะรับประทานอาหารเช้าในวันนี้เต็มไปด้วยหมอกเมฆอึมครึม ทั้งหนิงหนิง เหยียนเหยียน และหลินหลินต่างก็โกรธสามีของตนตั้งแต่เมื่อคืน ต่างก็นั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาไม่เอาใจสามีเหมือนอย่างเคยหยางหยางเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบว่า “วันนี้ทำไมไม่เห็นเฟยเฟยลงมากินข้าว”หนิงหนิงหันขวับมองสามี แค่นเสียงเอ่ยว่า “ท่านพี่... ข้านั่งอยู่นี่ทั้งคน เหตุใดท่านถามถึงน้องภรรยา และดูเป็นห่วงนางนัก”หยางหยางสักสีหน้ารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างที่ภรรยาหาเรื่องตนตั้งแต่เช้า “ข้าก็แค่ถามไถ่ตามปกติ แต่เจ้าสิไม่ปกติ ทำไมต้องหาเรื่องข้าด้วย”หนิงหนิงแวดขึ้นว่า “ก็ท่านพี่...”ฮูหยินหวังเฉาเห็นลูกสาวคนโต กับลูกเขยกำลังเริ่มทะเลาะกันเช่นนั้น จึงวางตะเกียบลงแล้วเอ่ยแทรกว่า “เอาละ... เอาละ... ไม่ต้องทะเลาะกัน ที่นี่โต๊ะกินข้าว ไม่ใช่สนามรบ” เมื่อทั้งสองสงบปากสงบคำกันแล้ว ฮูหยินหวังเฉาก็เอ่ยต่อไปว่า “เฟยเฟยไม่ได้มาร่วมโต๊ะกับพวกเราวันนี้ ก็เพราะว่าคงจะยังไม่ตื่น สาวใช้เข้ามารายงานข้าตั้งแต่เช้าแล้วว่า โอฬารไปขอพรที่วัด แล้วองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ได้ประทานสิ่งล้ำค่าสำหรับการทำลูกมาให้ ตอนนี้พวกเขาก็คงจ
หลินหลินเข้ามาถึงห้องนอนของตน เห็นสามีกำลังอ่านตำราก็รีบเข้าไปคลอเคลียส่งเสียงออดอ้อนว่า “ท่านพี่... ดึกแล้วนอนเข้านอนกันเถิด”จ้านจ้านไม่เข้าใจความหมายของภรรยา จึงตอบกลับไปว่า “น้องหญิงเจ้านอนก่อนเถิด พี่จะอ่านตำรานี้ให้จบก่อน พรุ่งนี้จะได้เสนอรายงานต่อฝ่าบาทได้”หลินหลินชักสีหน้า เริ่มขึ้นเสียงดัง “ทุกคืนท่านก็เอาแต่อ่านตำรา ตำรา ทำไมไม่คิดจะตำข้าบ้าง”ตำราในมือจ้านจ้านแทบจะร่วงลง เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ภรรยาก็ชวนขึ้นเตียง“เอ่อ... น้องหญิงเจ้ากำลังตั้งครรภ์ จะให้พี่กระทำรุนแรงต่อเจ้าได้อย่างไร”ภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็สะบัดหน้าขึ้นเตียงอย่างแง่งอนที่สามีไม่ยอมปรนเปรอความสุขให้ คิดแล้วก็ได้แต่อิจฉาน้องเล็กที่ถูกสามีตำเสียจนครางลั่นห้อง มีความสุขจนถึงสวรรค์ฝ่ายเหยียนเหยียนนั้นรีบเข้าห้องนอนของตน เห็นสามีนอนหลับอยู่บนเตียง พร้อมกับได้ยินเสียงกรนเป็นระยะ นางจึงขึ้นไปนอนข้าง ๆ แล้วสะกิดสามีให้ตื่น“ท่านพี่เจ้าคะ... ท่านพี่ตื่นเถิดเจ้าค่ะ”จ้วงจ้วงรู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่ก็ยังสะลึมสะลือ เอ่ยถามกลับไปทั้งที่ยังไม่ลืมตาว่า “หือ... มีอะไร”เหยียนเหยียนยิ้มพรายออกมา นางคลอดบุตรได้
ณ เรือนนอนโอฬารวางภรรยาไว้บนเตียง จากนั้นก็กระตุกสายรัดเอวออก เมื่ออาภรณ์หลุดร่วง ทรวงอกอวบ ๆ ก็ดีดเด้งชูชันอย่างเชื้อเชิญทำเอาเขาตะลึงตาค้าง เลือดในกายร้อนฉ่าตั้งแต่หัวจรดเท้า“โอ้... ภรรยาข้า เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน ข้ารอวันนี้มานานแล้ว”“ท่านพี่... ข้าก็รอวันที่ท่านจะเร่าร้อนเช่นนี้มานานแล้ว”เฟยเฟยเอ่ยเสียงกระเส่า หัวใจเต้นระทึก จากกันไปนานนับสิบวันเหมือนกับได้สามีคนใหม่กลับมาโอฬารไม่รอช้ายื่นมือเข้าไปเฟ้นฟอนหน้าอกนุ่มนิ่มของภรรยาคนงาม“อื้อออ... ท่านพี่... อา”ภรรยาสาวแอ่นอกหยัดส่งเสียงกระเส่าอย่างซ่านกระสัน นานแล้วที่นางไม่ถูกเขาเล้าโลมอย่างเร่าร้อนเช่นนี้โอฬารออกแรงบีบเคล้นเต้านมอย่างเมามัน จากนั้นก็โฉบปากก้มลงครอบเม็ดทับทิมสีสวยอย่างหิวโหยจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบน่าอาย“อืมมม อา ซี๊ดท่านพี่.... น้องเสียวเหลือเกิน อา”เฟยเฟยครวญครางซี้ดปากด้วยความเสียวซ่าน พลางสอดมือเข้าใต้เส้นผมดกดำของเขา แล้วกดศีรษะสามีให้แนบชิดกับเต้ายิ่งขึ้นสามีของนางก็ทั้งดูดทั้งดึง ฝ่ามือใหญ่ก็เฟ้นฟอนก้อนเนื้อนุ่มนิ่มอีกข้าง จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นตวัดเม็ดทับทิมสีสวยรัว ๆ ทำเอานางบิดกายเร่า ๆ อย่างซ่านกระส