เมื่อเห็นบรรดาทหารนายกองยืนละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพก็ก้าวพรวดเดียวก็เอื้อมถึงนาง มือแกร่งคว้าเอาร่างบางของนางขึ้นมาแบกไว้บนบ่าราวกับไม้ท่อนหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังกระโจมของตน
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างอ้าปากค้าง ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น แม่ทัพผู้ไม่เคยแตะต้องสตรี บัดนี้กับแบกนางงามผู้หนึ่งเข้าไปในกระโจม
“ยืนนิ่งทำไม มองทำไม ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว แยกย้าย ๆ ไปช่วยกันขนเสบียง และอาวุธ เก็บให้เรียบร้อย”
รองแม่ทัพเฉิงอี้ตั้งสติได้ก่อนใคร จึงตะเบ็งเสียงสั่งเหล่าทหาร ก่อนที่จะรีบก้าวเท้าวิ่งตามแม่ทัพเข้ากระโจมไปติด ๆ
“เจ้าแม่ทัพหน้าโหดปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ ข้าจะบอกเสด็จพ่อประหารเจ้า”
องค์หญิงปิงหลินทั้งตะโกนทั้งทุบแผ่นหลังบุรุษที่แบกนางอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีผู้ใดกล้าบังอาจทำกับนางเช่นนี้
เมื่อเดินเข้ามาถึงในกระโจม แม่ทัพหยางจงก็ปล่อยร่างนางให้ร่วงลงกับพื้นราวกับสิ่งของไร้ค่า
ตุบ !
“โอ๊ย ! ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้า !”
องค์หญิงปิงหลินก้นกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ
รองแม่ทัพเฉิงอี้ที่ตามเข้ามาติด ๆ ได้แค่ยืนห่าง ๆ อย่างรู้กาลเทศะ เขายังไม่อยากแส่หาเรื่องใส่ตัว คนหนึ่งก็จอมทัพเลือดเย็น อีกคนก็องค์หญิงปีศาจ ร้ายกาจทั้งคู่ !
“เป็นเจ้าต่างหากที่ต้องถูกข้าสั่งตัดหัว โทษฐานดูหมิ่นเหยียดหยามแม่ทัพ และบุกเข้าค่ายทหารโดยพลการ…. อ่อ และอีกหนึ่งข้อหาคือ ทำร้ายแม่ทัพ”
หยางจงเค้นเสียงต่ำอย่างน่าสะพรึงกลัว
“เจ้ากล้ารึ !”
องค์หญิงปิงหลินหยัดตัวลุกขึ้นจ้องตาเขากลับ มือน้อยทั้งสองข้างกำหมัดแน่น น้ำเสียงของนางแฝงด้วยความหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย
“ทำไมจะไม่กล้า ในค่ายแห่งนี้ข้ามีอำนาจสูงสุด ในค่ายย่อมมีกฎของกองทัพ เมื่อทำผิดกฎเจ้าต้องถูกลงโทษ.... ดูหมิ่นเหยียดหยามแม่ทัพต้องโทษโบย 50 ที บุกเข้าค่ายทหารโดยพลการต้องโทษโบย 50 ที และทำร้ายแม่ทัพต้องโทษโบย 100 ที”
ร่างสูงใหญ่สืบเท้าเข้าหานางมากขึ้น ดวงตาดำสนิทหรี่ลงครึ่งหนึ่งอย่างเยียบเย็น รอยยิ้มที่มุมปากของเขายักขึ้นน้อย ๆ คล้ายรอยยิ้มของมัจจุราชที่กระหายกลิ่นคาวโลหิต
“รวมทั้งหมดก็..... โบย 200 ที”
องค์หญิงปิงหลินถึงกับผงะถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่เขายังสืบเท้าก้าวตามไม่ลดละ เมื่อทนความกดดันไม่ไหวนางจึงแผดเสียงขึ้นมาอีกคราว่า
“นี่ท่านแม่ทัพจะรังแกข้าเกินไปแล้วนะ ท่านยังมีความเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ ข้าเป็นสตรีจะทนรับการโบยมากมายได้อย่างไร”
“เหอะ”
หยางจงแค่นเสียงออกมาคำหนึ่งอย่างเย็นชา ตอนที่นางสั่งลงโทษผู้อื่นยังไม่ลดหย่อนผ่อนโทษ แต่พอตัวเองจะถูกทำโทษเสียเองกลับแหกปากร้องขอความเป็นธรรม
“ได้.... หากเจ้าไม่ถูกโบยก็ต้องยอมเป็นทาสรับใช้ข้าหนึ่งปี”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแฝงเลศนัย
“หนึ่งปี”
องค์หญิงปิงหลินจ้องหน้ารก ๆ ของเขาตาแทบจะถลน
“เลือกเอาจะเป็นทาสข้า หรือจะยอมถูกโบย 200 ที”
เขาปั้นสีหน้าเคร่งขรึม
องค์หญิงปิงหลินเม้มริมฝีปากแน่น จากนั้นก็คลายออกคล้ายกับตัดสินใจได้แล้วว่า
“ได้ ข้าจะยอมเป็นสาวใช้ท่าน”
ดวงตาดำสนิทของเขาปรากฏรอยยินดีขึ้นมาวูบหนึ่งคล้ายน้ำกระเพื่อมแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็วก่อนถามขึ้นว่า
“ดี บอกชื่อเจ้ามา ข้าจะได้เรียกใช้ถูก”
“หลินหลิน”
องค์หญิงปิงหลินเอ่ยนามรองออกไป บัดนี้ความเย่อหยิ่งในตัวของนางลดลงจนเกือบหมด เขาทำให้นางรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวราวกับผักที่ขาดน้ำมาหลายวัน จากองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ กลายเป็นทาสรับใช้ในกระโจมชั่วพริบตา
“หลินหลิน งานแรกของเจ้าคือ ทำความสะอาดกระโจมข้า”
เขาสั่งงานต่อโดยไม่ใส่ใจกับท่าทีเหนื่อยล้าเศร้าสลดของนางแม้แต่น้อย
“ว่าไงนะ ข้าเดินทางมาเหนื่อยจะแย่แล้ว จะให้ข้ามาทำความสะอาดกระโจมให้ท่านอย่างนั้นรึ จะไม่ใจร้ายกับสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างข้าไปหน่อยรึ”
หลินหลินอุทานเสียงหลง เบิ่งตาโต สวรรค์ ! แม้แต่สวมใส่อาภรณ์นางยังไม่ต้องทำด้วยตนเอง แต่ตอนนี้เขากลับสั่งให้นางไปกวาดกระโจม ถูพื้น !
“จะทำ หรือจะยอมถูกโบย 200 ทีเลือกเอา”
เขายื่นคำขาดเสียงเข้ม แววตาดุดันไม่มีความเมตตาต่อนางแม้แต่น้อย
“ได้ ทำก็ทำสิ”
นางสะบัดเสียงเบ้ปากใส่เขาอย่างขุ่นเคือง ในเมื่อตอนนี้นางอยู่ในฐานะทาสรับใช้ ก็ไม่ต้องระวังกิริยาอีกต่อไป รู้สึกอย่างไรนางก็จะแสดงออกมาอย่างนั้น
“เฉิงอี้ ไปเอาไม้กวาด กับผ้าถูพื้นมาให้นาง”
หยางจงหันไปสั่งรองแม่ทัพที่ยืนรั้งรออยู่ไม่ไกลนัก เฉิงอี้พยักหน้ารับอย่างลำบากใจ แล้วรีบไปนำสิ่งของมาตามที่ผู้เป็นนายสั่ง
“หากเจ้าทำความสะอาดกระโจมข้าไม่เรียบร้อย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์กินข้าว”
เขาขู่นางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกจากกระโจมไป หลินหลินได้แต่ส่งสายตาแค้นเคืองตามร่างสูงใหญ่
ทางด้านเกวียนพ่อค้าที่เดินทางลงทิศใต้นั้น เมื่อถึงที่พักก็ได้หยุดเกวียนลง ชิงชิงจึงเดินตามหาองค์หญิงปิงหลินในเกวียนคันแล้วคันเล่า
“หลินหลิน เจ้าอยู่ที่นี่หรือไม่”
“หลินหลิน”
ชิงชิงขอเปิดดูเกวียนสินค้าทุกคัน เมื่อไม่พบผู้ที่นางค้นหาสีหน้าจึงย่ำแย่ลงทุกที
“หลินหลินซ่อนตัวอยู่ที่ใด ออกมาเถอะ อย่าทำให้ข้าตกใจเลย”
นางตะโกนจนเสียงแหบแห้ง
อค้าทนเห็นนางเที่ยวขึ้นลงสำรวจเกวียนทุกคันโดยมิได้หยุดพักไม่ได้ จึงเข้าไปบอกกับนางว่า
“แม่นาง ข้ารับเจ้าขึ้นเกวียนมาคนเดียวเท่านั้น”
“น้องสาวของข้าแอบขึ้นเกวียนมาก่อนแล้ว”
ชิงชิงยืนยัน น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อล้นขอบตา หรือว่านางกับองค์หญิงจะพลัดพรากจากกันโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
“ไม่มีแน่ ๆ เพราะข้าดูแลเกวียนสินค้าทุกลำ ไม่มีสตรีนางใดเลยนอกจากแม่นางเท่านั้น”
พ่อค้าส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ถ้า.... ถ้าเช่นนั้นน้องสาวข้าหายตัวไปไหน”
น้ำตาของชิงชิงหยดแมะลงอย่างห้ามไม่ได้ คนที่นางรู้จักเพียงคนเดียวได้หายตัวไปแล้ว
“อาจจะขึ้นเกวียนไปกับพ่อค้าขบวนอื่น หรืออาจจะพลัดหลงไปกับเกวียนเสบียงทหาร เพราะวันนี้มีเกวียนไปรับสินค้าที่ประตูท้ายวังมากนัก”
“ในเมื่อน้องข้าไม่ได้ติดตามมาด้วย ข้าก็จะไม่อยู่ทางใต้แล้ว ข้าจะออกตามหาน้องสาวข้า”
ชิงชิงปาดน้ำตาออกจากแก้ม มือหนึ่งกระชับห่อผ้าแน่น เพราะในนี้มีป้ายหยกสัญลักษณ์องค์หญิงแห่งแคว้นฉู่ นางจะทำหายไม่ได้ และต้องเร่งติดตามหาเจ้าของของมันโดยเร็ว
“งั้นเจ้าอยู่รอที่โรงเตี๊ยมนี้เถิด ราว ๆ สี่ห้าวันจะมีขบวนเกวียนพ่อค้ากลับขึ้นไปทางเหนือ”
“ขอบคุณท่านมาก”
ฮูหยินหวังเฉาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “นี่พวกเจ้ากำลังข่มขู่ข้ารึ !”เฟยเฟยร้อนใจที่เห็นคนในครอบครัวทะเลาะกัน นางจึงรีบหันไปเขย่าแขนสามี “ท่านพี่ ช่วยพูดอะไรสักอย่างสิ ข้าไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เลย”โอฬารตบมือภรรยาคนงามอย่างปลอบประโลม “วางใจเถอะ ข้าจะยอมให้พวกเขา” จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นเอ่ยกับประมุขของจวนว่า “ท่านแม่ ในเมื่อพวกพี่ ๆ ทั้งสามต่างไม่ยอมรับข้าเป็นคนในสกุลหวังเฉา งั้นข้าก็จะขอออกจากตระกูลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”ฮูหยินหวังเฉาร้องเสียงหลง “ไม่นะ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป”โอฬารหน้าเศร้า “ท่านแม่ หากข้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้ท่านเดือดเนื้อร้อนใจ สู้ให้ข้าไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”เฟยเฟยกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “ท่านพี่....”เขาหันมากุมมือภรรยาแล้วเอ่ยเสียงเศร้าว่า “น้องหญิง.... เราสองคนคงไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว พี่เกิดมาต่ำต้อยมิอาจใช้นามสกุลหวังเฉาได้”เฟยเฟยส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ท่านพี่ไม่ว่าท่านจะสกุลอะไร ข้าก็จะไปใช้นามสกุลเดียวกันกับท่าน เป็นตายร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน”โอฬารเช็ดน้ำตา “งั้นเราทั้งสองก็ไปกันเถิด ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี ให้สุขสบายยิ่งกว่าอยู่ที่จวนนี้”เฟยเฟยพยักหน้
เพี๊ยะ!“อั๊ก”นักฆ่าถูกตบจนหน้าหันไปอีกด้านเพี๊ยะ!“บอกมาใครเป็นคนว่าจ้างเจ้าให้มาสังหารคุณชายโอฬาร”องครักษ์เงาตะคอกถามโอฬารมองภาพนั้นด้วยความสะใจ เขาเคยตายเพราะถูกเพื่อนสามคนวางแผนสังหารมาแล้ว เกิดใหม่อีกครั้ง เขาไม่มีทางโง่ซ้ำสองเป็นแน่เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! “โอ๊ยยย ข้ายอมแล้ว ข้าบอกแล้ว” นักฆ่าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดฮูหยินหวังเฉาสีหน้าทะมึน “บอกมา... หากเจ้าโกหกแม้แต่คำเดียว ข้าจะสั่งทหารตัดลิ้นเจ้าซะ”นักฆ่าสารภาพออกมาว่า “ท่านแม่ทัพหยางหยาง กับรองแม่ทัพจ้านจ้าน และจ้วงจ้วง”ฮูหยินหวังเฉาสีหน้าตื่นตะลึงโอฬารได้ทีรีบเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย”ฮูหยินหวังเฉาพยักหน้าช้า ๆ แล้วสั่งทุกคนว่า “จับตัวคนร้ายผู้นี้ไปที่จวนตระกูลหวังเฉา !”ณ จวนตระกูลหวังเฉาบรรดาเขยทั้งสามคนของตระกูลหวังเฉาถูกเรียกตัวกลับมาที่จวน เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นฮูหยินหวังเฉานั่งอยู่ที่ตั่งนั่งตำแหน่งประธาน สีหน้าเรียบตึง ถัดลงมาที่ฝั่งขาวภรรยาของพวกเขาทั้งสามนั่งอยู่ด้วยท่าทีกระวนกระวาย ส่วนฝั่งซ้ายเฟยเฟยนั่งเคียงข้างคนที่พวกเขาหมายจะปลิดชีวิตจ้านจ้านตื่นตระหนกกับภาพเบื้องหน้าที่เห็น เข
รถม้าสกุลหวังเฉาวิ่งออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังวัดไท่เจียง ไม่นานนักก็เข้าสู่ชายป่า พ้นเขตป่าแถบนี้ไปจึงจะถึงที่หมายกุบกับ กุบกับ กุบกับเสียงเกือกม้าย่ำลงพื้นผสมผสานกับเสียงร้องเร่งความเร็วของคนขับรถม้าแสงอาทิตย์ใกล้เที่ยงแผดแสงแรงกล้า คนขับยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เขาเร่งฟาดแส้ลงเพื่อให้ไปถึงวัดก่อนเที่ยงเพี๊ยะ !กุบกับ กุบกับ กุบกับแฉ่ง....เสียงคมดาบแหวกอากาศดังหวีดหวิว กว่าขับจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ศีรษะของเขาก็หล่นตุบลงพื้น เลือดสีแดงสาดกระเซ็นฮี่ ๆ......กุบกับ กุบกับ กุบกับรถม้าที่ไร้คนขับวิ่งเตลิดออกนอกเส้นทาง คนร้ายชุดดำไม่รอช้าจ้วงแทงดาบเข้าไปในรถม้าทันทีฉึบ !ดาบในมือจ้วงแทงได้เพียงความว่างเปล่า ชายชุดดำรีบตวัดผ้าม่านขึ้นกลับไม่พบผู้ใดในรถม้า“บัดซบ !”คนร้ายคำรามดังลั่น รู้ว่าตนเองหลงกลเข้าให้แล้ว มันรีบทะยานออกจากรถม้าที่กำลังวิ่งเข้าป่าอย่างไร้ทิศทางยังไม่ทันที่มันจะยืนได้มั่นคงบนพื้น เงาร่างขององครักษ์เงาสิบนายก็รุมล้อมเข้าโจมตีมันบุรุษชุดดำเป็นนักฆ่ามืออาชีพ องครักษ์เงาต้องเข้าปะทะมันพร้อมกันจึงสามารถสยบมันลงได้นักฆ่าถูกองครักษ์เงามัดไว้กับพื้น เป็นจังหวะเดียวที่ร
เช้าตรู่ของวันต่อมาบรรยากาศที่โต๊ะรับประทานอาหารเช้าในวันนี้เต็มไปด้วยหมอกเมฆอึมครึม ทั้งหนิงหนิง เหยียนเหยียน และหลินหลินต่างก็โกรธสามีของตนตั้งแต่เมื่อคืน ต่างก็นั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาไม่เอาใจสามีเหมือนอย่างเคยหยางหยางเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบว่า “วันนี้ทำไมไม่เห็นเฟยเฟยลงมากินข้าว”หนิงหนิงหันขวับมองสามี แค่นเสียงเอ่ยว่า “ท่านพี่... ข้านั่งอยู่นี่ทั้งคน เหตุใดท่านถามถึงน้องภรรยา และดูเป็นห่วงนางนัก”หยางหยางสักสีหน้ารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างที่ภรรยาหาเรื่องตนตั้งแต่เช้า “ข้าก็แค่ถามไถ่ตามปกติ แต่เจ้าสิไม่ปกติ ทำไมต้องหาเรื่องข้าด้วย”หนิงหนิงแวดขึ้นว่า “ก็ท่านพี่...”ฮูหยินหวังเฉาเห็นลูกสาวคนโต กับลูกเขยกำลังเริ่มทะเลาะกันเช่นนั้น จึงวางตะเกียบลงแล้วเอ่ยแทรกว่า “เอาละ... เอาละ... ไม่ต้องทะเลาะกัน ที่นี่โต๊ะกินข้าว ไม่ใช่สนามรบ” เมื่อทั้งสองสงบปากสงบคำกันแล้ว ฮูหยินหวังเฉาก็เอ่ยต่อไปว่า “เฟยเฟยไม่ได้มาร่วมโต๊ะกับพวกเราวันนี้ ก็เพราะว่าคงจะยังไม่ตื่น สาวใช้เข้ามารายงานข้าตั้งแต่เช้าแล้วว่า โอฬารไปขอพรที่วัด แล้วองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ได้ประทานสิ่งล้ำค่าสำหรับการทำลูกมาให้ ตอนนี้พวกเขาก็คงจ
หลินหลินเข้ามาถึงห้องนอนของตน เห็นสามีกำลังอ่านตำราก็รีบเข้าไปคลอเคลียส่งเสียงออดอ้อนว่า “ท่านพี่... ดึกแล้วนอนเข้านอนกันเถิด”จ้านจ้านไม่เข้าใจความหมายของภรรยา จึงตอบกลับไปว่า “น้องหญิงเจ้านอนก่อนเถิด พี่จะอ่านตำรานี้ให้จบก่อน พรุ่งนี้จะได้เสนอรายงานต่อฝ่าบาทได้”หลินหลินชักสีหน้า เริ่มขึ้นเสียงดัง “ทุกคืนท่านก็เอาแต่อ่านตำรา ตำรา ทำไมไม่คิดจะตำข้าบ้าง”ตำราในมือจ้านจ้านแทบจะร่วงลง เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ภรรยาก็ชวนขึ้นเตียง“เอ่อ... น้องหญิงเจ้ากำลังตั้งครรภ์ จะให้พี่กระทำรุนแรงต่อเจ้าได้อย่างไร”ภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็สะบัดหน้าขึ้นเตียงอย่างแง่งอนที่สามีไม่ยอมปรนเปรอความสุขให้ คิดแล้วก็ได้แต่อิจฉาน้องเล็กที่ถูกสามีตำเสียจนครางลั่นห้อง มีความสุขจนถึงสวรรค์ฝ่ายเหยียนเหยียนนั้นรีบเข้าห้องนอนของตน เห็นสามีนอนหลับอยู่บนเตียง พร้อมกับได้ยินเสียงกรนเป็นระยะ นางจึงขึ้นไปนอนข้าง ๆ แล้วสะกิดสามีให้ตื่น“ท่านพี่เจ้าคะ... ท่านพี่ตื่นเถิดเจ้าค่ะ”จ้วงจ้วงรู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่ก็ยังสะลึมสะลือ เอ่ยถามกลับไปทั้งที่ยังไม่ลืมตาว่า “หือ... มีอะไร”เหยียนเหยียนยิ้มพรายออกมา นางคลอดบุตรได้
ณ เรือนนอนโอฬารวางภรรยาไว้บนเตียง จากนั้นก็กระตุกสายรัดเอวออก เมื่ออาภรณ์หลุดร่วง ทรวงอกอวบ ๆ ก็ดีดเด้งชูชันอย่างเชื้อเชิญทำเอาเขาตะลึงตาค้าง เลือดในกายร้อนฉ่าตั้งแต่หัวจรดเท้า“โอ้... ภรรยาข้า เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน ข้ารอวันนี้มานานแล้ว”“ท่านพี่... ข้าก็รอวันที่ท่านจะเร่าร้อนเช่นนี้มานานแล้ว”เฟยเฟยเอ่ยเสียงกระเส่า หัวใจเต้นระทึก จากกันไปนานนับสิบวันเหมือนกับได้สามีคนใหม่กลับมาโอฬารไม่รอช้ายื่นมือเข้าไปเฟ้นฟอนหน้าอกนุ่มนิ่มของภรรยาคนงาม“อื้อออ... ท่านพี่... อา”ภรรยาสาวแอ่นอกหยัดส่งเสียงกระเส่าอย่างซ่านกระสัน นานแล้วที่นางไม่ถูกเขาเล้าโลมอย่างเร่าร้อนเช่นนี้โอฬารออกแรงบีบเคล้นเต้านมอย่างเมามัน จากนั้นก็โฉบปากก้มลงครอบเม็ดทับทิมสีสวยอย่างหิวโหยจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบน่าอาย“อืมมม อา ซี๊ดท่านพี่.... น้องเสียวเหลือเกิน อา”เฟยเฟยครวญครางซี้ดปากด้วยความเสียวซ่าน พลางสอดมือเข้าใต้เส้นผมดกดำของเขา แล้วกดศีรษะสามีให้แนบชิดกับเต้ายิ่งขึ้นสามีของนางก็ทั้งดูดทั้งดึง ฝ่ามือใหญ่ก็เฟ้นฟอนก้อนเนื้อนุ่มนิ่มอีกข้าง จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นตวัดเม็ดทับทิมสีสวยรัว ๆ ทำเอานางบิดกายเร่า ๆ อย่างซ่านกระส