ร่างบางที่มัวแต่สนใจสองข้างทาง จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาคนเดียว หันไปมองรอบกายอีกทีปรากฏว่าบุรุษที่มากับนางได้หายตัวไปแล้ว
ไหนบอกกับพี่ชายของนางว่าจะส่งนางให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไรเล่า เจ้าแม่ทัพสัพปรับ
นึกว่าข้าจะแคร์หรือ รู้จักน้ำขิงน้อยไปเสียแล้ว นี่ใคร นี่คือคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีเมิ่งผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้เชียวนะ สตรีที่ทั้ง สวย รวย เก่ง ขนาดนี้ กล้าเมินข้าได้เช่นไรกัน หึ กลับเองก็ได้วะ
เสี่ยวหลานที่หาได้แคร์กับการที่ถูกบุรุษผู้นั้นทิ้ง มองร้านรวงสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ยิ่งร้านเครื่องประดับตรงหน้าที่มีเครื่องประดับงดงามกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่นั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นางอยากได้ปิ่นประดับอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่อันนั้น
โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาเท้าเล็กก็มุ่งหน้าไปยังสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้า มือเล็กบอบบางพลันตบลงไปบนเอวบาง
ถุงเงิน
ฮื้อ นางลืมไปเสียสนิทว่านางไม่ได้พกถุงเงินมา ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะแยกกันกับผู้เป็นพี่ชาย ทำไงดีล่ะทีนี้
หยกพก ใช่หยกพกประจำตัวของนาง แค่เพียงแสดงหยกของนาง ก็สามารถซื้อเครื่องประดับทั้งร้านนี้ก็ยังได้ คนในเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ตระกูลเมิ่ง ตระกูลผู้ทรงอิทธิพลและมั่งคั่งร่ำรวยของเมืองหลวงแห่งนี้ ให้เขาส่งใบรายการไปเก็บเงินที่จวนคือจบปัญหา
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือบางก็ตบลงตรงบริเวณรอบๆเอวก่อนจะเลื่อนขึ้นมาลูบๆคลำๆไปทั่วทั้งตัว ใบหน้างามพลันซีดเผือด นิสัยหลงๆลืมๆของนางตามติดข้ามภพข้ามชาติมาขนาดนี้เลยหรือ
คนสวยแย่แล้ว
ตอนนี้อย่าว่าแต่ซื้อเครื่องประดับเลย แม้แต่เงินสักอีแปะยังไม่มีติดตัว เมิ่งเสี่ยวหลานคนเดิมก็เก็บตัวอยู่แต่ในจวนไม่เคยมาเดินตลาดอย่างที่นางกำลังทำ จึงไม่มีใครรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่ง ขืนบอกไปจะได้โดนกล่าวหาว่าแอบอ้าง เพราะข่าวลือของนางนั้น คือสตรีถือตัวว่าตนเองสูงส่งคงไม่มาเดินอยู่ข้างถนนเช่นนี้แน่ ดวงตากลมโตที่กวาดตามองไปรอบๆอย่างเคว้งคว้าง ช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก
สำรวจของมีค่าบนกายของนาง ก็ตัดใจขายมันไปไม่ได้ เพราะนางก็ชอบทุกชิ้นมากเช่นกัน
ระหว่างที่กำลังเคว้งคว้างราวเด็กหลงทาง หางตาก็พลันเหลือบไปเห็น เงาร่างของบุรุษคุ้นตาที่หายหัว เอ่อหายตัวไปปล่อยให้นางเดินโง่ๆอยู่คนเดียวเสียตั้งนานสองนาง กำลังเดินตรงมาหานาง ใบหน้างามถึงกับยกยิ้มหวานอย่างดีใจ รอยยิ้มที่ทำให้บุรุษที่กำลังเดินมาถึงกับชะงักไป
"ข้าคิดว่าท่านทิ้งข้าแล้วเสียอีก"
เอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนเสียงหวาน
"ไร้สาระ"
เสียงเรียบนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านนางไป
"ท่านแม่ทัพ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ"
ร่างสูงที่หันกลับมามองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่านางมีปัญหาอะไร
"ข้าลืมนำถุงเงินมาและไม่ได้พกหยกประจำตัวมาด้วย กลับจวนเลยดีกว่าเจ้าค่ะ"
เอ่ยกับอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มแห้งไปให้
ร่างสูงที่สีหน้ายังคงเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"มาเถอะ"
เสี่ยวหลานที่เห็นดังนั้น จึงรีบเอ่ยถามขึ้นอย่างยินดี
"ท่านจะออกให้ข้าก่อนหรือเจ้าคะ"
"อืม ไปกันได้แล้วหรือยัง"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ พี่หลงเย่"
เสียงอ่อนหวานที่เอ่ยเรียกเขาเช่นนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มนวล ทำให้หัวใจแกร่งกระตุกวูบเต้นกระหน่ำจนน่าตกใจ จึงแสร้งตีหน้าดุปกปิดอาการผิดปกติของตน
เสี่ยวหลานที่เห็นอีกฝ่ายมองตนตาเขียวจึงรีบกล่าวขึ้น
"เรียกไม่ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้น เรียกเฮียได้หรือไม่ หรือ แด๊ดดี้ดี"
กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างถูกใจ จนถูกสายตาคมดุตวัดมามองถึงได้หยุดหัวเราะแล้วส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้อีกฝ่าย
"จะเรียกเช่นไรก็สุดแล้วแต่เจ้าเถอะ"
ซ่งหลงเย่ที่ตีน่าเบื่อหน่ายส่งให้อีกฝ่าย แต่คำที่หลุดออกมาจากปากเล็กนั้นทำให้เขาแทบสำลักน้ำลาย ใบหูนั้นแดงก่ำ
"สามี"
เมื่อตั้งสติได้ก็ถลึงตามองเจ้าของใบหน้างดงามที่กำลังลอยหน้าลอยตาฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้เขา
"เมิ่งเสี่ยวหลาน"
รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นยั่วโทสะตน จึงกล่าวขึ้น ข่มอารมณ์ที่กำลังตีกันวุ่น นางช่างยั่วประสาทเก่งนัก
"เจ้ามีสิ่งใดก็รีบกล่าวมา ข้ามิได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ"
เสี่ยวหลานที่หุบยิ้มฉับ เมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกำลังโกรธจนหน้าแดง มองบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
"ขอยืมเงินหน่อย"
เสียงหวานที่กล่าวขึ้นเสียงดังฟังชัดพร้อมกับยื่นฝ่ามือเรียวขาวมาตรงหน้าเขา ทำตาปริบๆ
"ข้าอยากได้ปิ่นปักผมชิ้นนั้น ถึงจวนแล้วจะคืนให้"
กล่าวพร้อมกับพยักพเยิดไปยังปิ่นปักผมที่วางโดดเด่นอยู่
"วุ่นวาย"
ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านหน้านางเข้าไปด้านใน เห็นดังนั้นโฉมงามก็ยิ้มร่า เร่งฝีเท้าตามเข้าไป
"เถ้าแก่ข้าต้องการปิ่นอันนี้"
เถ้าแก่เจ้าของร้านที่กุลีกุจอหยิบปิ่นราคาแพงส่งให้ ก่อนจะยื่นมือมารับเงินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ซ่งหลงเย่ที่ถือปิ่นไว้ในมือ มองสตรีตรงหน้าที่มองปิ่นในมือเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือขาวนวลยื่นมาตรงหน้า แต่ร่างหนากลับก้าวเข้ามาประชิดร่างบางที่สูงเพียงอกของเขา กายบางพลันชะงัก มือบอบบางที่ยื่นออกมาเพื่อรับปิ่นตอนนี้กลับวางทาบอยู่บนแผ่นอกแข็งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำ ก่อนที่มือหนาจะปักปิ่นในมือลงบนมวยผมของนาง แล้วผละออกก่อนจะเดินออกไป
"ไปกันได้แล้ว วุ่นวายเสียจริง"
เสี่ยวหลานที่มัวแต่ตกตะลึงมองตามแผ่นหลังกว้าง มือบางยกขึ้นลูบปิ่นบนศีรษะอย่างเหม่อลอย จนไม่รู้ว่าบุรุษที่เดินนำออกไป กำลังยกยิ้มขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร รู้เพียงเขารู้สึกสุขใจจนอยากยิ้ม
นิ้วเรียวยาวที่แยกกลีบดอกตูมเต่งออกจากกัน บุปผางามบานแย้มปรากฏสู่สายตา เรียวปากหนาประกบนาบลงบนใจกลางบุปผางาม ลิ้นร้อนสากระคายกดลึกแหย่ลงในช่องทางรักเล็กแคบจุ่มจ้วงดุนดันลึกสุดโคนลิ้น กระดกเรียวลิ้นถี่รัว จนกายบางผวาเฮือกเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ริมฝีปากอุ่นชื้นดูดดุนปาดป่ายตุ่มเกสรงามที่เบ่งบานตูมเต่งรับสัมผัสอย่างซ่านกระสัน เสี่ยวหลานบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านเสียว ความกระสันแล่นแปลบปลาบไปทั่วทั้งตัว มือบางขยุ้มลงบนที่นอนนุ่มจนยับย่นสลับขึ้นมาขยุ้มเรือนผมดำเงาที่ซุกซบอยู่ตรงหว่างขาเรียว ความหวามไหววิ่งวนตรงกลางร่างเสียวแปลบปลาบลามไปทั่วทั้งช่องท้อง จังหวะปลายลิ้นร้อนที่กดลึกทำนางแทบขาดใจ บุปผางามคายน้ำหวานมากมายเพียงใดลิ้นหนากลับกวาดเลียเสียหมดทุกหยาดหยด ริมฝีปากร้อนผ่าวที่เลื่อนขึ้นมาทาบจูบบนหน้าท้องแบนราบ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียทรวงอกอวบอิ่ม รวบปลายยอดที่หดรัดแข็งเกร็งดูดดื่มจนเกิดเสียงคละเคล้าน้ำลาย ปาดป่ายเรียวลิ้นสลับดูดเลียอย่างเท่าเทียมทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้บุปผางามเบื้องล่าง สอดไล้ก้านนิ้วเรียวยาวกดลึกลงในความร้อนรุ่มที่บีบรัดแน่น ช่องทางรักภายในอุ่นร้อนนุ่มนิ่มบีบร
ริมฝีปากหนาที่ผละออกอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้างามของโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หลงใหล"หวานที่สุด วันนี้เจ้างดงามมากรู้ตัวหรือไม่"เสียงแหบพร่าที่กล่าวขึ้นราวกับละเมอ เลื่อนปลายนิ้วเรียวมาแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงมือบอบบางที่วันนี้ช่างดูเกะกะยิ่งนัก ไม่รู้ว่านางจะเอาไปวางไว้ตรงที่ใดดี ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากร้อนผ่าว จุมพิตมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาแตะจูบปลายจมูกเล็ก เลื่อนมาหอมแก้มนวลที่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะเข้าครอบครองเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างมิรู้เบื่อ ฝ่าเท้าเรียวเล็กเหยียบลงบนหลังเท้าใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างอ่อนหวาน เผยอริมฝีปากให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนางด้วยความวาบหวาม นางสูงแค่อกของคนตัวโตเท่านั้นช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด หึหึหึเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่ดังขึ้นอย่างขบขันคนงามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนได้รับค้อนวงโตจากโฉมสะคราญ"มิได้เป็นปัญหาเลยสักนิด"จมูกโด่งที่ก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่องกระซิบชิดใบหูเล็กขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า"พี่จะพิสูจน์ให้
วันมงคลของแม่ทัพหนุ่มถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า แม้จะอยากแต่งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องให้เวลาว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัว แม้จะมีเวลาเพียงเจ็ดวันแต่งานมงคลในครั้งนี้กลับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร้ที่ติและมันเป็นเจ็ดวันที่แม่ทัพหนุ่มทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะว่าที่พ่อตาราวกับจะรู้เท่าทันความคิดของเขา วางกำลังรอบจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาแทบจะคลั่งตาย ไม่เห็นหน้านางมาแรมเดือน เจอกันเพียงครู่ยังไม่ได้กอดไม่ได้หอมให้หายคิดถึง กลับถูกว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเข้าเสียแล้ว โธ่ ซ่งหลงเย่ หนอ ซ่งหลงเย่ แล้วเขาจะไปทำอันใดได้ เกิดยังฝืนดึงดัน ว่าที่พ่อตาคงได้ขุ่นเคืองใจแล้วในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ขบวนสินสอดของจวนแม่ทัพว่ายาวมากแล้ว ขบวนสินเดิมเจ้าสาวยิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาเสียยิ่งกว่า เสนาบดีเมิ่งกลัวบุตรีจะลำบากหรืออย่างไรกัน ช่างสมกับเป็นงานมงคลของคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ชุดมงคลของเจ้าสาวงดงามสูงค่า หากมิใช่คุณหนูเมิ่งเสี่ยวหลานคงมิมีโอกาสจะได้สวมใส่ ยิ่งได้อยู่บนเรือนร่างงดงามของสตรีผู้สะคราญโฉมที่สุดในแคว้น ยิ่งส
แม่ทัพหนุ่มที่มองเห็นร่างบางของสตรีคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายมือของบัลลังก์ที่จัดเอาไว้สำหรับเหล่าสตรีพลันยกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใบหน้างามล่มเมืองนั้นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่วันนี้ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามจนบุรุษที่มาร่วมงานล้วนต่างจ้องมองนาง เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดนางให้หายคิดถึงนัก อยากเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ บุรุษอื่นจะได้มิกล้าจ้องมองนางอีก ยิ่งพิศมองเรียวปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงเรื่อนั้น ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งอย่างเสียอาการ กายแกร่งร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังประกาศราชโองการประทานสมรสให้ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงและคุณหนูรองเมิ่งเหลียนฮวาเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปจึงเป็นการประกาศคุณงามความดีของแม่ทัพแห่งแคว้น แม่ทัพซ่งหลงเย่ บุรุษที่ก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์อย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เหล่าสตรีที่ได้มองต่างพากันเขินอาย เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างอยากที่จะเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้ที่ยังคงไม่มีฮูหยินเคียงกาย แม้แต่สตรีอุ่นเตียงก็ยังไม่มีแม้แต่นางเดียว ผู้เป็นใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือบัลลังก์พ
ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นหมิง ในขบวนล้วนเต็มไปด้วยคนของแม่ทัพซ่งหลงเย่แห่งแคว้นถัง และคนของชินอ๋องน่าหมั่นไส้มิงเว่ยหรง ส่วนคนของตระกูลต้วนนั้นตอนนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเกือบหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่เอะใจเลยสักนิดชินอ๋องหมิงเว่ยหรราบรื่นที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าชะงักเท้าลง เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นถังกำลังเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานอย่างน่าหมั่นไส้ ข้างกายนั้นเคียงคู่มากับท่านหญิงคนงามตระกูลต้วน ต้วนหรูหลิน ที่ใบหน้างามนั้นแดงซ่านประดับไปด้วยรอยยิ้มเอียงอายที่ได้รับความเอาใจจากแม่ทัพหนุ่มสองหนุ่มสาวที่ทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้า"เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพซ่งคงหลับสบายกระมัง วันนี้ถึงได้ดูสดชื่นยิ่งนัก"ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เอ่ยขึ้นปรายตามองสหายร่วมทางที่ทำเพียงยกยิ้มให้อย่างยียวนมิตอบสิ่งใด ก่อนจะส่งโฉมงามขึ้นรถม้าอย่างเอาใจใส่ท่านหญิงต้วนหรูหลินที่เห็นความไม่ลงรอยของบุรุษทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มิได้ล่วงรู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น รวมทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาหลงใหลที่มองมายังนางของแม่ทัพหน
แม่ทัพหนุ่มที่สูดลมหายใจเข้าลึก มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล โฉมสะคราญที่ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำ สะบัดผมดำสลวยตัดกับผิวขาวผ่องรวบเอาไปไว้ด้านหลังด้วยมือขาวนวลเนียนราวหยกเนื้อดี ทรวงอกอวบใหญ่ขาวผุดผาดแต่งแต้มด้วยยอดสีแดงบวมช้ำดูงดงามพุ่งชูชันจนยากที่จะถอนสายตา มองดูริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจรดลงบนท่อนเนื้ออวบยาวใหญ่ที่ผงาดกล้าแข็งชูชันร้อนผ่าวดังแท่งเหล็กอังไฟ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือเล็กนุ่มนิ่มที่กอบกุมท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ไม่รอบ ส่วนหัวหยักแดงลื่นที่หลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน ทำให้คนตัวโตครางต่ำเสียงแหบห้าว กัดฟันกรอดอย่างเสียวซ่าน"อ่าาาส์"มือเล็กที่กอบกุมเอ็นอุ่น ครอบครองความแข็งกร้าวด้วยเรียวปากอ่อนนุ่ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเสียดสีกับกายแกร่งที่คับแน่นในปากเล็ก น้ำลายเหนียวใสไหลอาบชโลมท่อนลำใหญ่จนเปียกชุ่ม แกนกายใหญ่โตผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นเล็กๆ เสียดสีไล้เลียบนหัวหยักบานจนกายหนาหยัดเกร็งครางกระหึ่ม เสียงครางต่ำลึกในลำคอยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งฮึกเหิม ราวกับชัยชนะเหนือคนตัวโตกำลังรออยู่ข้างหน้า"ซี๊ด..."กายหนาที่หยัดสะโพกเกร็งขึ้นซี๊ดปากอย่างซ่านสยิว มองอ