LOGINในค่ำวันนั้นมู่ฟ่านปิงกับแม่เสิ่นทำอาหารด้วยกันกุ้งเผาพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดจากฟ่านปิง ผัดผักป่าจากแม่เสิ่นมู่ฟ่านปิงเลยจัดแปะซะปลาทอดที่จับได้ไปอีกหม้อใหญ่เล่นเอาสองหนุ่มกินข้าวหมดไปหลายถ้วยและบอกว่าวันหน้าจะพากันขึ้นไปจับกุ้งด้วยกันทั้งสี่คนและหาที่ดักปลาไปใส่ด้วยฟ่านปิงบอกว่าหาของไปขายที่ตัวอำเภอกันดีกว่า
การค้าเปิดขายเสรีและทำเงินให้กับครอบครัวได้เธอเสนอให้พี่ชายเข้าไปขายกับสามีจำเป็นลองหาผักป่าของบ้านชาวเมืองอยากกินน่าจะขายดีมาก "พรุ่งนี้ลองเข้าไปหาดูทำเลและดูร้านค้าเอาไว้ขายของกันดีไหมคะพี่ใหญ่" เธอหันไปหาพี่ชายเพื่อขอความคิดเห็นด้วย "ได้สิพรุ่งนี้เราค่อยเดินสำรวจดูให้ทั่วตลาดเลยดีไหมพี่จะช่วยลองเป็นพ่อค้าตามที่น้องบอกก็น่าสนใจดีนายว่าไหมเฉินซาน ถ้านายมาเป็นน้องเขยของฉันต้องทำตามใจน้องสาวก็ของฉันนะเพราะว่าน้องสาวฉันใหญ่ที่สุดในบ้าน"มู่หยางบอกน้องเขยจำเป็นของตัวเอง "ครับพี่ภรรยาผมจะเชื่อฟังที่ภรรยาบอกทุกอย่างเลยครับ" เฉินซานตอบมู่หยางแต่สายตานั้นจ้องมองแต่หน้าของภรรยาตัวน้อยของตัวเอง แม่เสิ่นจึงหัวเราะและบอก "เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำการค้าแต่แม่จะปักผ้าขายเฝ้าร้านและช่วยขายของช่วยอีกแรงนะปิงเอ๋อร์ อะไรที่หนูอยากทำพวกเราจะสนับสนุนหนูทุกอย่างนะลูกเพราะเราคือครอบครัวเดียวกันแล้ว" แม่เสิ่นบอกลูกสะใภ้เพราะอีกไม่นานจะแต่งฟ่านปิงเข้าบ้านแล้วนั้นเอง "พรุ่งนี้เราก็เข้ามันไปด้วยกันทุกคนนี้ละมีอะไรจะได้ปรึกษาหารือกัน" แม่เสิ่นหนานบอกก่อนจะกลับบ้านและนัดกันตอนเช้าเจ็ดโมงกับสองพี่น้อง มู่หยางกับฟ่านปิงพูดคุยกันในบ้านต่อฟ่านปิงจึงพาพี่ชายของเธอเข้ามิติ "กุ้งที่ลำธารเยอะมากๆเลยค่ะพี่ใหญ่ปลาก็มีแต่ตัวใหญ่น้องแอบเข้าเข้ามิติมาเยอะมากเช่นเดียวกันค่ะ" เธอพาพี่ชายเดินไปดูสองบ่อปูนที่ฟ่านปิงแยกใส่เอาไว้ปลากับกุ้งไม่ให้ปนกัน "โอ๊ะ!!!ปิงเอ๋อร์มันตัวใหญ่และเยอะมากๆเลย พี่ว่าเราลองเอาไปถามที่ร้านอาหารที่พี่ทำงานดูเราน่าจะขายได้นะและหาที่ดักปลาไปใส่กับเฉินซานสองคนก็ได้ ส่วนน้องกับป้าเสิ่นหนานก็เก็บผักป่าก็พอเพราะพี่เห็นมีชาวบ้านเอาผักป่าไปขายให้ที่ร้านเป็นบางครั้งแต่ไม่เยอะ และผักมันไม่ใหญ่และอวบเท่าที่น้องเก็บมาเลยนะฟ่านปิง" มู่หยางบอกน้องสาว "พี่ใหญ่พรุ่งนี้เราลองไปขายดูนะคะว่าที่ร้านเค้าต้องการเยอะไหมทั้งปลาและกุ้งทั้งผักนั้นละเราลองไปเสนอขายดูเลยทีเดียว" จากนั้นสองพี่น้องก็แยกกันเข้าห้องพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าเมืองไปทำธุระหลายอย่างเพื่อจะหาเงินเข้าบ้าน วันรุ่งขึ้นหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จตั้งแต่เช้ามู่ฟ่านปิงเตรียมเอาแแบบลายปักผ้ารวมทั้งผ้าที่เธอปักไว้อีกสามผืนเพื่อนำไปเสนอกับทางร้าน ผักป่าสามอย่างและกุ้งที่อีกห้าตัวที่เธอแยกเอาไว้ตั้งเมื่อคืนใส่ถุงผ้าคนละถุงกับของพี่ชายเดินออกมาล็อคกุญแจประตูหน้าบ้านและพี่ชายปั่นจักรยานให้เธอซ้อนท้ายไปที่หน้าหมู่บ้านเพราะนัดกับกับสองแม่ลูกตระกูลเสิ่นเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะยุคนี้มีรถวิ่งเข้าตัวอำเภอแล้วแต่ต้องรอให้คนเต็มรถก่อนรถถึงจะออกและวิ่งตามเวลาซึ่งชาวบ้านจะรู้เวลารถวิ่งออกจากหมู่บ้านทุกคน สองพี่น้องบ้านมู่ขี่จักรยานมาสักพักก็ถึงหน้าหมู่บ้านซึ่งเสิ่นเฉินซานกับแม่เสิ่นรออยู่ สองพี่น้องทักทายกันแล้วกับสองแม่ลูกแล้วจึงก็ปั่นจักรยานตามหลังกันไปสองคันใช่เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงตลาดคนกำลังคึกคักและเดินหาซื้อของกันไปมาเสียงแม่ค้าร้องเรียกลูกค้าแข่งกันครึกครื้น ฟ่านปิงมองด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นตลาดยุคเก่าทุกการกระทำของเธอตกอยู่ในสายตาของเฉินซานตลอดเขายิ้มตามและมองเธอที่อยากรู้จริงๆว่าเธอไม่เคยมาตลาดบ่อยหรืออย่างไร จึงดูเหมือนเด็กที่เห็นสิ่งของถูกใจต่อไปเขาจะพาเธอมาเที่ยวตลาดบ่อยๆขอแค่เธอเอ่ยปากบอกเขา "เราไปที่ร้านขายผ้าปักกันก่อนดีกว่า" แม่เสิ่นหนานจับมือฟ่านปิงให้เดินตามไปที่ร้านขายผ้าที่เธอส่งขายทุกเดือนและเจ้าของก็ใจดีให้ราคาดีไม่เอาเปรียบคนปักผ้าขาย พอมาถึงหน้าร้านเด็กในร้านมองเห็นแม่เสิ่นก็ทักทายด้วยความสนิทเพราะแม่เสิ่นมาส่งผ้าปักตลอดเดือนหนึ่งก็ทำเงินได้หลายหยวน "วันนี้ป้ามีลายผ้าใหม่มาเสนอให้เถ้าแก่เนี้ยหนูช่วยไปบอกให้ป้าหน่อยนะ" ป้าเสิ่นบอกกับเด็กที่ขายผ้าหน้าร้าน เด็กสาวจึงพาป้าเสิ่นกับมู่ฟ่านปิงเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย เคาะประตูห้องบอกกับเจ้านาย "ป้าเสิ่นมาส่งผ้าและมีลายผ้ามาให้เถ้าแก่เนี้ยดูด้วยค่ะ" พอเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องก็เจอกับเจ้าของร้านอายุคงจะยี่สิบกว่าฟ่านปิงจึงไหว้สวัสดีตามคำแนะนำจากแม่เสิ่น จากนั้นก็เอาลายผ้าที่ทั้งสองคนปักออกมาให้เจ้าของร้านดูพอเจ้าของร้านมองเห็นลายผ้าที่แม่เสิ่นกับมู่ฟ่านปิงปักมาคนละสามผืนสามลาย "โอ๊ะ!" เธอเอามือติดปากแล้วก็ตาโตและขอซื้อด้วยราคาที่สูงเพราะว่าผ้าที่ฟ่านปิงนำออกมาสวยมากๆ ปักลายการ์ตูนเข้าใส่มันเหมือนกับมีชีวิตและยิ้มได้ เธอขอซื้อลายผ้าต่อทันทีและซื้อขาดตัวฟ่านปิงจึงขอสองส่วนจากรายได้ทั้งเดือนและยังจะวาดแบบลายใหม่ๆให้เดือนละห้าลาย เจียงหยู่จึงตกลงและทำสัญญากันคนละสองแผ่นเก็บไว้คนละใบเพื่อเป็นหลักฐานโดยมีแม่เสิ่นลงชื่อเป็นพยานให้ และเจียงหยู่จึงขอซื้อผ้าที่ปักไปให้ผู้ใหญ่ที่เธอเคารพที่จะถึงวันเกิดในอีกสิบวันข้างหน้าก็คือผู้อาวุโสในบ้านของสามีของเธอเพราะผ้าที่ฟ่านปิงปักเป็นผ้าคลุมไหล่สองผืนใหญ่กับผ้าเช็ดหน้าผืนเดี่ยวและผืนใหญ่ได้ในราคาหนึ่งร้อยหยวน ผืนเล็กห้าสิบหยวนวันนี้สองแม่ลูกคนละฝาได้เงินค่าผ้ามาคนละสองร้อยห้าสิบหยวนสร้างความดีใจให้กับแม่เสิ่นที่ส่งผ้าปักทั้งเดือนจะได้สิบถึงยี่สิบหยวนเพียงเท่านั้นแต่วันนี้เธอทำเงินจากลายผ้าของฟ่านปิงถึงสองร้อยห้าสิบหยวนซึ้งมันเยอะมากๆเทียบกลับที่ส่งผ้าเช็ดหน้ามาโดยตลอดหลายปี เจียงหยู่บอกว่าปักผ้าผืนใหญ่มาส่งให้ได้เลยตามแบบที่ฟ่านปิงวาดเพราะจะเอามาโชว์หน้าร้านพร้อมกับแบบที่จะนำมาส่งด้วยได้เลยและรับซื้อราคาที่ให้ในวันนี้อีกด้วย "หรือจะไปเลือกเอาผ้าที่ร้านไปปักมาส่งเลยก็ได้นะป้าเสิ่นหนาน" เจียงหยู่บอกกับสองสาวต่างวัยด้วยรอยยิ้มวันนี้เธอได้ของที่ถูกใจไปให้ญาติผู้ใหญ่ของสามีได้แล้ว "อ้อแล้วค่าผ้าไม่ต้องคิดเงินนะเอาไว้สิ้นเดือนเราค่อยว่ากัน เลือกไปปักได้เลยลงบัญชีเอาไว้กันพนักงานได้เลยนะคะ" และเธอยังเดินออกมาสั่งคนงานด้วยตัวเองและแนะนำมู่ฟ่านปิงให้คนงานรู้จักอำนวยความสะดวกให้เธอทุกอย่างเหมือนเธออีกด้วยทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







