Masukพอมาถึงบ้านของสองพี่น้องมู่สองหนุ่มก็แยกไปที่สวนและทำงานที่ค้างอยู่ ส่วนฟ่านปิงกับแม่เสิ่นก็ปักผ้าต่อที่หลังบ้านใต้ต้นลูกพับที่เย็นสบาย
"แม่ว่าวันนี้เราก็คงจะได้ผ้าปักกันคนละสองผืนที่สวยงามเป็นอย่างมากแน่เลยปิงเอ๋อร์แม่ไม่อยากขายแล้วสิ" ฟ่านปิงหัวเราะเบาๆและบอกกับแม่เสิ่นไป "เดี๋ยวหนูจะวาดแบบใหม่ๆออกมาให้คุนแม่ปักทุกลายเลยคะ" "ดีๆรับปากแม่แล้วนะปิงเอ๋อร์" แม่เสิ่นพูดด้วยความดีใจ "ค่ะกลัวว่าคุณแม่จะปักไม่ทันมากกว่าค่ะ" ฟ่านปิงตอบกลับ สองคนแม่ลูกคนละฝาพูดคุยกันจะถึงเวลาอาหารเที่ยงฟ่านปิงจึงขอตัวไปทำอาหาร "ไม่ต้องทำหลายอย่างพอดีแม่ทำมาด้วยสองอย่างในตระกร้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแม่ลืมบอกหนูไปเมื่อเช้า" "อ้อค่ะเดี๋ยวหนูจะอุ่นให้ร้อนๆและทำเพิ่มอีกสองอย่างก็พอค่ะคุณแม่" พูดจบเธอก็เดินเข้าครัวไปทำเลยเดี๋ยวสองหนุ่มจะกลับมาเสียก่อน มู่ฟ่านปิงใช้เวลาทำอาหารไม่นานก็เสร็จพอดีกับสองหนุ่มกลับมาถึงและช่วยกันยกอาหารไปขึ้นโต๊ะ และคนที่กินข้าวอร่อยที่สุดคงจะสามีจำเป็นของเธอและพี่ชายที่กินข้าวกันคนละสามถ้วย หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วก็นั่งพักกันจนถึงยามบ่ายสองหนุ่มก็เตรียมตัวขึ้นเขาไปตัดไม้ฟ่านปิงจะไปด้วยป้าเสิ่นจึงบอกให้ไปแค่ป่าไผ่ป้าเสิ่นจะไปเป็นเพื่อนด้วย "ได้ค่ะคุณแม่เราไปหาผักป่ากันรอที่ตีนเขานะคะ" ฟ่านปิงดีใจที่จะได้ไปขึ้นเขากับพี่ชายเฉินซานมองหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความเอ็นดูยิ้มให้เธอตลอดถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมองเขาหรือยิ้มให้เขาก็ตาม จากนั้นสี่คนก็เดินมุ่งหน้าขึ้นเขาหลังบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพี่น้องมู่มากนัก "พรุ่งนี้หนูว่าจะเข้าไปที่อำเภอเพื่อไปเสนอขายแบบเครื่องประดับน่ะคะ" มู่ฟ่านปิงบอกแม่เสิ่น "อือถ้าเช่นนั้นก็ไปด้วยกันหมดนี้ละแม่จะพาไปที่ร้านที่แม่ขายผ้าที่ปักแล้วเขาจะได้ไม่โกง" "ได้ค่ะคุณแม่" ฟ่านมู่ปิงไม่ดื้อดึงการมีผู้ใหญ่ไปได้เป็นสิ่งที่ดีและดีเสียอีกจะได้ไปหลายๆที่ด้วยเพื่อหาลู่ทางทำเงินให้กับเธอ พอเดินมาถึงป่าไผ่ ด้านหลังป่าไผ่คือน้ำตกที่ไหลลงไปหลังบ้านของเธอ นางเสิ่นหนานจึงชวนฟ่านปิงเดินเลาะไปอีกทางที่มีผักป่าเพราะเธอเคยขึ้นมาหาผักป่าจึงชวนฟ่านปิงเดินไปดูบริเวณนั้นก่อนและให้สองหนุ่มไปตัดไม้อีกทาง พอเดินแยกมาสักพักฟ่านปิงจึงสอดส่ายสายตาหาทางไปอีกทางที่ไม่ค่อยมีคนเดินมองเห็นผักป่าขึ้นมากกว่าที่เธอเดินมาจึงชวนแม่เสิ่นเดินไปด "หนูเห็นว่าผักขึ้นทางฝั่งโน้นเยอะมากเลยค่ะคุณแม่" "แต่มันรกกว่าทางนี้นะฟ่านปิงแม่ว่าหนูอย่าไปเลยนะลูก นางเสิ่นหนานบอกเด็กสาวด้วยกลัวว่าจะมีสัตว์มีพิษเพราะฝั่งทางนั้นชาวบ้านไม่ค่อยกล้าเข้าไปเพราะเคยมีข่าวลือเรื่องที่นานมาแล้วมีคนเจอสัตว์ป่าดุร้ายทางป่าฝั่งนั้น ฟ่านปิงจึงเอาเสียมกับมีดพร้ามาแกว่งไปเพื่อไล่สัตว์ที่อยู่ตามพุ้มไม้ให้หนีไปก่อนจะหันมาบอกแม่เสิ่น "ให้รอเธอที่ตรงนี้ก็ได้หนูเข้าไปดูแปบเดียวก็ได้ค่ะแล้วหนูจะรีบออกมาไม่ต้องห่วงหนูนะคะคุณแม่" ฟ่านปิงบอก "ไม่แม่ไม่ให้ลูกเข้าไปคนเดียวหรอกนะฟ่านปิงถ้าหนูอยากเข้าไปแม่จะไปเป็นเพื่อนแต่อย่าลึกมากนะลูก" นางเสิ่นหนานบอกกมู่ฟ่านปิงก่อนจะรีบเดินตามสาวน้อยเข้าป่าไปอีกทาง พอเดินเข้ามาสักพักก็มองเห็นมีผักป่าหลายอย่างเพราะคนไม่กล้าเข้ามาหานั้นเอง เธอจึงบออกให้แม่เสิ่นเก็บผักที่ยอดอวบๆมากมายหลายอย่างจะว่าไปดินมันก็ยังชื้นอยู่นะเพราะยังไม่หมดหน้าฝนผักป่าจึงมีให้เก็บมากมายแม้แต่เห็ดก็มีให้เก็บฟ่านปปิงก็เก็บได้มาเยอะเช่นเดียวกัน จนได้ผักจนพอแล้วเธอจึงพาแม่เสิ่นหนานสับหน่อไม้และปอกเปลือกให้เรียบร้อยจนเต็มตระกร้าทั้งสองใบที่ทั้งสองสะพายมาจึงชวนกันอออกมารอสองหนุ่มข้างลำธารฟ่านปิงล้างผักในลำธารจนสะอาดทุกออย่างรวมทั้งตระกร้าของแม่เสิ่นหนานด้วย เธอจึงก้มมองลงไปที่น้ำในลำธารอื้อหือปลาก็มีแต่ตัวใหญ่ๆกุ้งก็ยังมีอยู่เลยป่าทางนี้สมบรูณ์มากจริงๆวันหลังชวนพี่ใหญ่ขึ้นมาช่วยจับดีกว่า ส่วนนางเสิ่นหนานนั่งรอฟ่านปิงอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ได้ลงไปในน้ำกับฟ่างปิงด้วย เพียงแต่เดินมาล้างหน้าล้างตาแล้วไปนั่งรอเด็กสาวข้างบน "ฟ่านปิงอย่าเล่นน้ำนานจนเกินไปเดี๋ยวสักพักแม่ว่าเราออกไปรอพี่เขาตรงป่าไผ่อีกนะ" "ค่ะหนูขอเดินดูแถวนี้ไม่นานแม่นั่งพักให้หายเหนื่อยเถอะค่ะ" ฟ่านปิงตอบก่อนจะหันไปสนใจกุ้งตัวใหญ่ตามซอกหินและปลาตัวใหญ่ๆ เธอแกล้งก้มๆเงยๆกวดเอากุ้งกับปลาเข้ามิติไปไม่น้อยใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีที่เธอรีบเก็บกุ้งกับปลาจนพอใจ จับไปฝากแม่เสิ่นสิบตัวและปลาสองตัวเธอเอาใส่ใบตองและเอาเถาวัลย์มัดเอาไว้ส่วนปลาก็ร้อยใส่เถาวัลย์และถือขึ้นไปข้างบน ปลาเธอแกล้งใช้มีดฟันให้มันตายเพราะแม่เสิ่นจะได้ไม่สงสัยว่าเธอจับปลาได้อย่างไร "โอ๊ะ!!!ป่านปิงหนูจับปลาได้ด้วยเหรอนี้เก่งจริงๆลูกสะใภ้ของแม่มาๆแม่จะช่วยถือเราจะได้รีบออกไปหาพี่ายของลูกกัน" "อ้อค่ะแม่เสิ่นที่จริงหนูใช้มีดฟันปลาจนมันตายและจับกุ้งให้แม่อีกสิบตัวให้แม่เสิ่นกลับไปทำอาหารเย็นที่บ้านกันนะคะ" นางเสิ่นเอามือลูบหัวฟ่านปิงด้วยความอ่อนโยน "เราทำกินด้วยกันในวันนี้ละลูกแม่จะทำช่วยหนูเองนะปิงเอ๋อร์" แม่เสิ่นหนานตอบฟ่านปิงและพากันเดินออกจากป่าไปรอสองหนุ่มที่ป่าไผ่ของอีกฝั่งหนึ่ง พอเดินออกมาถึงที่นัดเจอกันก็เจอกับพี่ชายและสามีจำเป็นชะเง้อคอมองหาด้วยความเป็นห่วง พอเห็นแม่เสิ่นกับฟ่านปิงเดินออกมาพ้นป่ามู่หยางกับเฉินซานก็รีบเดินไปช่วยถือกระกร้าคนละใบแทนเธอกับแม่เสิ่น "แม่ไปไหนมาผมมารอได้เกือบสิบนาทีแล้วนะกำลังชวนมู่หยางให้เดินหาพอดีอย่าบอกว่าแอบเข้าไปป่าอีกฝั่งมานะครับแม่" เฉินซานถามมารดา "ใช่แล้วลูกแม่ไปป่าฝั่งโน้นมากับฟ่านปิงแต่ไม่ได้เข้าไปลึกมากหรอกลูกแค่ข้างลำธารนี้ละได้ผักมาเยอะมากมายหลายอย่าง ปิงเอ๋อร์เจอทั้งเห็ดทั้งผักและจับปลากับกุ้งไปทำอาหารค่ำด้วย" นางเสิ่นบอกกับลูกชาย "ครับแม่แต่วันหลังต้องรอพวกผมทั้งสองคนก่อนนะครับไปแค่ผู้หญิงสองคนมันไม่ปลอดภัยผมเป็นห่วง" เฉินซานบอกมารดา "น้องด้วยนะปิงเอ๋อร์" เฉินซานหันมาบอกภรรยาตัวน้อยของตัวเองแต่ก็ได้รับสายตาค้อนกลับมาวงใหญ่ เฉินซานยิ้มให้ฟ่านปิง "พี่เป็นห่วงน้องนะครับวันหลังรอพี่กับมู่หยางนะครับ" เขาบอกภรรยาตัวน้อยด้วยรอยยิ้มกลับไปแม้จะได้เพียงสายตาค้อนให้มาวงใหญ่ก็ตามทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







