Masukแม่เสิ่นหนานจึงพาฟ่านปิงมาเลือกลายผ้าเพื่อไปใช้ปักลายใหม่มาส่งและเป็นสินค้าตัวอย่างอีกด้วยแม่เสิ่นดีใจมากยิ้มไม่หุบเลย ส่วนสองหนุ่มนั่งรอที่ร้านน้ำชาใกล้ๆกันและคอยมองว่าคนของตัวเองออกมาจากร้านผ้าหรือยังนี้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว
มู่ฟ่านปิงลืมเอาลายเครื่องประดับออกมาพอคิดได้เธอจึงบอกแม่เสิ่นเลือกผ้ารอและให้แม่เสิ่นเป็นคนเลือกสีผ้าเผื่อเธอด้วย "หนูขอไปถามคุณเจียงหยู่สักครู่นะคะคุณแม่" ฟ่านปิงบอกก่อนจะรีบเดินตามเจียงหยู่ที่เดินไปได้สักพัก ก่อนเห็นเธอยืนสั่งงานคนงานที่ขายผ้าอยู่หน้าร้านพอดีฟ่านปิงจึงรีบเดินไปหาทันที "ขอโทษค่ะพี่สาวเจียงหยู่พอดีฉันมีเรื่องจะถามพี่สาวเจียงสักครู่ได้ไหมคะ" ฟ่านปิงรีบบอกเรื่องของตัวเองต่อพอเห็นว่าเจียงหยู่สั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว "อ้าวฟ่านปิงมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" เจียงหยู่ถามกับมู่ฟ่านปิง "อ้อพอดีฉันจะถามพี่สาวว่าร้านที่ขายเครื่องประดับร้านไหนรับซื้อและให้ราคายุติธรรมที่สุดคะพี่สาวเจียงหยู่" มูฟ่านปิงตอบพี่สาวเจียงทันที "อ้อฟ่านปิงมีอะไรจะไปขายหรือเดี๋ยวพี่สาวแนะนำให้ร้านที่ถัดกันไปจากร้านของพี่สาวนี้ละ เป็นร้านของครอบครัวฝั่งพี่สาวเองจ๊ะพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของพี่ดูแลเองจ๊ะเดี๋ยวพี่พาเธอเดินไปก็ได้นะ" เจียงหยู่ตอบ โอ๊ะโหสังสัยว่าสองครอบครัวนี้ดองกันเพราะค้าขายแน่ๆเลย ฝั่งสามีพี่สาวเจียงขายผ้าทุกชนิดฝั่งมารดาพี่สาวก็ขายเครื่องประดับไม่ธรรมดาจริงๆด้วย เราได้ขาทองคำแล้วต้องเกาะเอาไว้ดีๆฟ่านปิงคิดในระยะยาวทันที "อ้อพอดีฉันทำเครื่องประดับแบบใหม่ออกมาเสนอพร้อมลายของเครื่องประดับอีกห้าลายค่ะพี่สาวเจียง จึงอยากนำไปเสนอที่ร้านขายเครื่องประดับดูที่ให้ราคาที่เป็นธรรมที่สุดค่ะ ขอบคุณพี่สาวเจียงมานะคะที่แนะนำเดี๋ยวฉันจะเดินไปเสนองานดูค่ะ" ฟ่านปิงตอบความตั้งใจของตัวเองทันที "จริงหรือน้องสาวฟ่านปิงโอ๊ะพี่ดีใจจริงๆเลยคุณแม่ยิ่งบ่นอยากได้แบบของเครื่องประดับใหม่ๆที่ไม่เหมือนใครเพื่อเข้าประกวดในอีกสองเดือนอยู่พอดีเลย นี้พี่ก็เห็นติดป้ายที่หน้าร้านให้คนวาดมาเสนอก็เห็นมีแต่ลายที่คล้ายของทางร้านของคุณแม่ของพี่มีแล้วทั้งนั้นเลย พี่ขอดูลายของน้องสาวฟ่านปิงได้ไหมจ๊ะ พี่จะได้พาน้องสาวฟ่านปิงไปที่ร้านของครอบครัวพี่เลยในตอนนี้" เจียงหยู่ตอบด้วยความตื่นเต้น มู่ฟ่านปิงจึงเอาเครื่องประดับของเธอเองที่ทำในภพเก่าออกมาให้พี่สาวเจียงหยู่ดูสี่ห้าอย่าง พร้อมทั้งลายของชุดเครื่องประดับอีกสี่ลายสร้างความตกตระลึงให้กับเจียงหยู่ยิ่งนัก ลายผ้าก็ว่าสวยแล้วเจอลายชุดเครื่องประดับส่งท้ายนี้ชนะเริศเชียว สาวน้อยเธอทำให้พี่ตกใจมากแล้วละ ในสมองเล็กๆของเธอมีอะไรซ่อนอยู่ถึงได้คิดสิ่งที่สวยงามออกมาได้เช่นนี้สวยจริงๆเลยเจียงหยู่พึมพำเบาๆ "ฟ่านปิงขอบใจเธอมากนะที่ถามพี่เป็นคนแรกพี่รับลองว่าเธอจะได้รับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมอย่างแน่นอนเลยจ้ะสาวน้อยของพี่ฮ้าๆ" เจียงหยู่หัาเราะเสียงดังด้วยความดีใจก่อนจะเก็บของใส่ถุงผ้าคืนฟ่านปิงแล้วจับมือของฟ่านปิงเดินออกจากร้านด้วยรอยยิ้มที่เต็มหน้าออกไปที่ร้านเครื่องประบของพี่ชายและพี่สะใภ้ของตัวเอง เดินมาไม่ไกลร้านอยู่ถนัดกันไปสองคูหาก็ถึงร้านขนาดสามคูหาที่ขายเครื่องประดับทุกอย่างทั้งทองเงินเพรชมากมากมายในตู้กระจกที่สวยงาม พี่สาวเจียงแอบกระซิบบอก "ของสาวๆวัยรุ่นอยู่ข้างๆกันสองคูหาจ๊ะฟ่านปิงมีขายทุกอย่าง เดี๋ยวพี่สาวจะพาไปเดินดูตอนนี้เรามาคุยเรื่องลายของเครื่องประดับกันก่อนนะน้องสาวฟ่านปิง" เจียงหยู่จับมือของฟ่านปิงไม่ปล่อยจนเดินเข้าไปถึงในร้านขายเครื่องประดับของครอบครัวของเธอแล้ว ตอนนี้ทุกคนพักอยู่ชั้นบนของร้านและเป็นครอบครัวใหญ่แต่ตึกมีถึงห้าคูหา ด้านล่างทุบทะลุกันทำเป็นร้านขายของข้างบนเอาไว้พักอาศัย "เมื่อก่อนพี่ก็อยู่ที่นี้ละจ๊ะน้องฟ่านปิงพอพี่แต่งงานกับสามีจึงย้ายไปที่ร้านผ้าที่เป็นลูกชายคนโตและดูแลกิจการร้านขายผ้า" เจียงหยู่เล่าให้ฟ่านปิงฟังมาตลอดทางที่เดินมาด้วยกัน จนถึงในร้านที่ตอนนี้คนงานเปิดประตูและเชิญเจียงหยู่เข้าไปในร้านที่มีพี่ชายกับพี่สะใภ้นั่งอยู่ข้างหลังเค้าท์เตอร์ขายของ คงจะเป็นห้องทำงานเพราะสามารถมองออออกมาจากในห้องที่ติดกระจกใสมองเห็นคนที่เข้ามาในร้านได้ทั้งหมดและดูร้านไปด้วยในตัว เขาก็ฉลาดทำเหมือนที่เราจากมาเลยบางร้านเขาก็ทำกันเช่นนี้เหมือนกันฟ่านปิงคิดในใจ ส่วนสองหนุ่มตอนนั้นที่เห็นน้องสาวกับเจ้าของร้านเดินจับมือกันออกมามู่หยางก็รีบเข้าไปถามและได้คำตอบจากน้องสาวว่าจะไปคุยงานให้พี่ชายรออยู่ที่เดิมก่อน และตอนนี้แม่เสิ่นกำลังเลือกผ้าอยู่ในร้านส่วนสามีจำเป็นก็ยืนข้างพี่ชายใหญ่ของเธอเพื่อรอคำตอบจากภรรยาตัวน้อยด้วยใจจดจ่อ พอได้คำตอบแล้วสองหนุ่มจึงกลับไปรอที่เดิมเพราะได้แนะนำตัวกับพี่สาวเจียงหยู่ไปทั้งสองคนแล้ว อีกคนรีบออกตัวว่าเป็นคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันสิ้นเดือนนี้คงไม่ถึงยี่สิบวันดีด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าที่ได้แนะนำตัวเองกับพี่สาวเจียงหยูฟ่านปิงได้แต่กรอกตามองบนกับความหน้าด้านของสามจำเป็นของเธอ ตัดมาที่เจียงหยู่กับฟ่านปิงที่ตอนนี้เข้ามาในร้านเรียบร้อยก็จูงมือฟ่านปิงตรงไปที่ห้องของพี่ชายใหญ่ของตัวเองเลย เจียงห่าวมองน้องสาวที่จูงมือใครก็ไม่รู้เข้ามาในห้องทำงานของเขากับภรรยา และมองอย่างแปลกใจในการกระทำของน้องสาวตัวเองแต่ก็ไม่พูดอะไรรอให้น้องสาวพูดออกมาทีเดียวเลยดีกว่า "สวัสดีค่ะพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่คงจะแปลกใจนะสิที่น้องเดินมาหา นี้คือมู่ฟ่านปิงค่ะคนออกแบบลายผ้าให้กับน้องคนใหม่" เธอแนะนำให้พี่ชายกับพี่สะใภ้พร้อมกันเลยทีเดียว "สวัสดีค่ะฉันชื่อมู่ฟ่านปิงค่ะยินดีที่ได้รู้จักคุณทั้งสองคนค่ะ" ฟ่านปิงไหว้ทำความเคารพคนที่เป็นพี่ชายของพี่สาวเจียงหยูกับพี่สะใภ้ของเธอไปเลยพร้อมกัน "สวัสดีสาวน้อยยินดีที่ได้รู้จัก" เจียงห่าวกับเหม่ยอิงทักทายตอบมู่ฟ่านปิง ซึ่งพี่สะใภ้ของพี่สาวเจียงหยูก็คือเพื่อนสนิทของพี่สาวเจียงนั้นเอง ส่วนพี่ชายของพี่สาวเจียงคงจะประมาณสามสิบกว่าปีได้ฟ่านปิงมองหน้าทั้งสองคนและสำรวจดูทั้งสองคนว่าจะมีนิสัยเหมือนพี่สาวเจียงหยูหรือเปล่า "แสดงว่าแบบผ้าของฟ่านปิงคงจะถูกใจเธอมากสินะจึงจูงมือมาหาพี่ไม่ยอมปล่อย" เจียงห่าวถามน้องสาวยิ้มๆเหม่ยอิงก็พูดตามสามีด้วยเช่นกัน "อะไรทำให้เจียงหยู่ของเราอารมณ์ขนาดนี้จ๊ะเพื่อนรัก" "มันแน่นอนอยู่แล้วจ๊ะ" พอดีกับเด็กในร้านนำขนมกับน้ำชามาเสริฟและเดินออกไป สองสาวจึงนั่งลงที่เก้าอี้รับแขกเรียบร้อยพร้อมคุยงาน "ฟ่านปิงจ๊ะเอาของออกมาให้พี่ชายของพี่กับพี่สะใภ้ดูหน่อยสิจ๊ะ" เจียงหยู่บอกมู่ฟ่านปิงเสียงหวาน "ค่ะพี่สาวเจียงหยู่" มู่ฟ่านปิงตอบก่อนจะหยิบเครื่องประดับและลายแบบที่เธอเอาให้พี่สาวเจียงดูก่อนที่จะมาหาพี่ชายใหญ่ของเธอ พอฟ่านปิงแกะถุงผ้าและหยิบเอาเครื่องประดับลวดลายต่างๆออกมาวางใส่ถาดที่พี่สะใภ้ของพี่สาวเจียงวางให้เธอใส่ สองสามีภรรยาตาโตด้วยความตกใจนี้มันลายอะไรถึงสวยงามและแปลกตาเช่นนี้และทั้งสี่ลายไม่เหมือนกันเลยสีก็ต่างกันอีกทุกอย่างสวยงามและลงตัว "อือสวยจริงๆอย่างที่น้องบอกเลยน้องเล็กนี้ถ้าคุณแม่มาเห็นต้องชอบใจมากๆเลย พี่ว่าเหม่ยอิงให้เด็กไปตามคุณแม่มาดูด้วยกันสิจะได้คุยงานกันเลยทีเดียว" เจียงห่าวบอกภรรยาก่อนจะหันมาหยิบแบบจากการวาดและลงสีของมู่ฟ่านปิงด้วยความตกตะลึงและทึ่งในฝีมือของสาวน้อยตรงหน้าที่น้องสาวของเขาพามาด้วยความชื่นชม "สวยมากจริงๆแล้วคุณมู่ฟ่านปิงจะขายแบบกับเรายังไงครับ" เจียงห่าวถามกับมู่ฟ่านปิงแต่มือลูบแบบวาดแต่ละใบด้วยความหลงใหล แม้แต่เหม่ยอิงที่เดินไปบอกเด็กให้ไปตามแม่สามีแล้วก็เดินมาหยิบแบบวาดดูด้วยตาที่ลุกวาวพูดขึ้น "เรารอดตายแล้วค่ะสามีคุณดูแบบวาดเครื่องประดับนี้สิคะมันสวยมากและเช้ากันเป็นอย่างดีน้องสาวฟ่านปิงเก่งจริงๆเลย" สองสามีภรรยาพูดกันจนลืมว่าน้องสาวของตัวเองนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วยอีกคนทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







