ยามบ่ายวันนั้นหลังจากที่หนิงเยียนกับเสิ่นฮัวถวายการรักษาเหนียงฮองเฮาแห่งแคว้นหนานเเล้ว พระนางได้บอกว่า วันพรุ่งนี้มีการเทศกาลชมดอกท้อนอกเมือง ให้พวกนางทั้งสองไม่ต้องมาถวายการรักษา ให้พวกนางทั้งสองหยุดหนึ่งวัน เพื่อที่จะไปงานชมดอกท้อ
ทั้งสองคนคิดว่าการอยู่ในวังหลวงหนิงเยียนเบื่อหน่ายยิ่งนัก ในระหว่างที่กำลังก้าวออกจากตำหนักรับรอง
เซียวหยางเดินเข้ามาพร้อมถือดอกเหมยกุ้ยมาหนึ่งดอก มอบให้หนิงเยียน
"ข้ากำลังจะถอนหมั้นกับนางในไม่ช้า" เซียวหยางเอ่ยขึ้นด้วยเเววตาใสซื่อ
หนิงเยียนมองดอกเหมยกุ้ยในมือของเขา ตอนนี้นางยังไม่หย่าสามี อีกทั้งเซียวหยางยังมีคู่หมาย เมื่อคืนนางร่ำสุรากับเวยอ๋อง ทำให้นางคิดได้หลายอย่าง
"รัชทายาท ข้าเป็นหญิงยังไม่หย่าสามี ส่วนท่านมีคู่หมายอยู่เเล้ว ข้าว่าเรื่องนี้ให้ข้าไม่มีพันธะ และท่านไม่มีพันธะ พวกเราทั้งสองค่อยมากลับมาคบกันดีรึไม่"
หนิงเยียนจูงมือเสิ่นฮัวออกจากตำหนักรับรองโดยไม่หันมามองเซียวหยาง ดอกเหมยกุ้ยในมือเซียวหยางร่วงลงกับพื้นทันที
นางโกรธเขารึ
เวยอ๋องที่หลบอยู่ด้านนอกย่างกรายเข้ามาพอดี
"ให้เวลานางหน่อย ถ้าเจ้ารักนางจริง" เวยอ๋องยอมถอยออกมาแล้ว เขาขอให้หนิงเยียนมีความสุขก็พอ เเต่ดูเหมือนเส้นทางความรักของหนิงเยียนกับเซียวยางจะไม่ราบรื่นเอาเสียเลย เพราะเซียวหยางมีคู่หมายเเล้ว
หนิงเยียนลากเสิ่นฮัวออกมากลางตลาด เสิ่นฮัวนึกสงสารพี่หญิงของนางเสียจริง
"พี่หญิงเยียน ท่านชอบรัชทายาทจริง ๆ รึ" เสิ่นฮัวอยากรู้จริง ๆ
"ตอนแรกเขามารักษาโรคเรื้อนกวางกับข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นรัชทายาทแคว้นหนาน ก่อนจากกันในครั้งนั้น เขามอบปิ่นหยกให้ข้า ข้าอยากหย่ากับเวยอ๋องมานานในตอนนั้น แต่พอตอนนี้เวยอ๋องไม่ข่มเหงข้า อีกทั้งยังรับปากเมื่อถึงแคว้นต้าโจวจะหย่าให้ข้า"
เสิ่นฮัวพอจะเข้าใจเเล้ว เพราะหนิงเยียนรักษาโรคของรัชทายาทได้ เซียวหยางจึงมีความรู้สึกดี ๆ ให้หนิงเยียน
"พี่หญิงจะแต่งกับรัชทายาทรึ" เสิ่นฮัวยังคงถามต่อ
"เขามีคู่หมายเเล้ว ข้าไม่แต่งกับเขาหรอก แต่ข้ายังอยากหย่ากับเวยอ๋องอยู่ดี"
เสิ่นฮัวเคยได้ยินเรื่องไม่ดีของหนิงเยียนมาว่า หนิงเยียนชอบเวยอ๋องจะตาย เหตุใดนางถึงจะหย่าง่าย ๆ เล่า
"พี่หญิงไม่รักเวยอ๋องรึ"
รักอย่างนั้นรึ รักไม่ลงจริง ๆ ข่มเหงรังแก แต่ช่วงหลังเขาดีกับนางมาก แต่นางก็ไม่ลืมเรื่องชั่วอยู่ดี
หนิงเยียนเลือกที่จะไม่ตอบเสิ่นฮัว นางเดินไปแผงร้านเครื่องประดับ ที่มีปิ่นหยก เงิน เรียงรายกันอย่างงดงาม
หนิงเยียนหยิบปิ่นเงิน แต่ทว่ามีสตรีนางหนึ่งแย่งจากมือหนิงเยียนอย่างหน้าตาเฉย
นางจำได้สตรีนางนั้นคือคู่หมายของเซียวหยาง เสิ่นฮัวหลบอยู่ด้านหลังหนิงเยียน
"ข้าชอบนัก ขออภัยด้วย" เหรินซิงเอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉย พร้อมมองปิ่นเงินในมือ
หนิงเยียนจับปิ่นหยกชิ้นไหน เหรินซิงแย่งไปจนหมด หนิงเยียนแค่นยิ้ม
นางขอถาดจากเถ้าแก่เนี้ยร้านเครื่องประดับ หยิบปิ่นใส่ถาดทั้งหมด แต่เหรินซิงยังคงแย่งหนิงเยียนไปทั้งถาด
"ข้าชอบหมดถาด" เหรินซิงเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
"งั้นเจ้าก็เอาไปเลย" หนิงเยียนเดินจูงมือเสิ่นฮัวออกมาจากร้านเครื่องประดับ
"แม่นางทั้งหมดสองร้อยตำลึง" คราให้บ่าวจ่ายเบี้ย เหรินซิงแทบเข่าอ่อนลงพื้น
นังสารเลวต่างแคว้นบังอาจแกล้งนางอย่างนั้นรึ
หนิงเยียนกับเสิ่นฮัวพลันเดินกลับเข้ามาในตำหนักรับรอง หัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุข
เวยอ๋องมองหนิงเยียนกลับมาเเล้ว เสิ่นฮัวขอตัวกลับไปที่ตำหนักอีกด้านหนึ่งของนาง
"กลับมาเเล้วไปอาบน้ำเถอะ ข้าให้เสี่ยวอ้ายเตรียมน้ำ แช่ด้วยบุปผาให้เจ้า"
"ขอบคุณท่านมาก" หนิงเยียนเดินไปที่ฉากกั้นห้องน้ำ เพียงไม่นานนางก็อาบน้ำเสร็จ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อย
สำรับอาหารเย็นถูกจัดเตรียมอย่างเรียบร้อย กุ้งผัดบัว น้ำแกงปลา ปูผัดไข่ หมูน้ำแดง หนิงเยียนมองเวยอ๋องแกะกุ้งให้นาง อีกทั้งยังแกะปูให้นางด้วย
"มากินข้าวเถอะ ข้าแกะให้เจ้า" เวยอ๋องยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นาง
หนิงเยียนกินกุ้งกับปูได้หลายคำทีเดียว หญิงสาวกินอย่างมูมมาม
"ประเดี๋ยวก่อน" หนิงเยียนมองมือหนาใหญ่ของเขา
"เม็ดข้าวติดคาง" ชายหนุ่มหยิบออกจากคางให้นาง
หนิงเยียนพุ้ยข้าวเข้าปากไปหลายคำ พอตกเย็นอากาศค่อนข้างเย็นยิ่งนัก เวยอ๋องจุดเต่าอุ่นให้นาง อีกทั้งจุดกำยานหอมให้นางด้วย ถอดรองเท้าห่มผ้าให้นางอย่างหนา ส่วนตัวเขาไปนอนที่ตั่งยาว
วันถัดมาอากาศที่แสนจะเย็น เสิ่นฮัวมารอหนิงเยียนหน้าตำหนักเพื่อที่จะชมดอกท้อ หนิงเยียนแต่งกายด้วยอาภรณ์สีชมพูอ่อน บนศีรษะปักด้วยปิ่นไม้ที่เรียบง่าย เวยอ๋องเดินตามหลังหนิงเยียนไม่ห่าง เซียวหยางในอาภรณ์สีฟ้าเดินย่างกรายมาหาพวกนาง
"รถม้าพร้อมแล้ว" เซียวหยางยิ้มให้พวกนางทั้งสองคน หนิงเยียนยิ้มให้เขาตามมารยาท ทั้งสี่คนจึงเดินออกไปด้านหน้าวังหลวงเพื่อขึ้นรถม้า
ภายในรถม้าหนิงเยียนนั่งข้างเวยอ๋อง ส่วนเสิ่นฮัวนั่งข้างเซียวหยาง นางแอบดีใจเล็กน้อย
รถม้าออกจากเมืองหลวงหนานไปภูเขานอกเมือง ที่มีดอกท้อบานสะพรั่งอย่างงดงาม ช่วงเดือนที่สี่ดอกท้อจะเบ่งบานอย่างงดงามตระการตา
ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็พลันมาถึงภูเขาที่ดอกท้อบานสะพรั่ง
เซียวหยางลงเป็นคนแรก ตามด้วยเสิ่นฮัวที่จับมือเขาเเล้วลงรถม้า
มือหนายื่นไปหาหนิงเยียน แต่นางกระโดดลงรถม้าเอง ปิดท้ายด้วยเวยอ๋อง การกระทำของนางทำให้เซียวหยางหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก
หนิงเยียนนอนที่เตียงพลันหายเหนื่อย นางคลอดลูกชาย นางดีใจทั้งน้ำตาจ้าวเชียนดีใจไม่ต่างจากนางที่ได้โอรสทั้งสองพระองค์จ้าวเทียน จ้าวตี้ จ้าวเชียนตั้งชื่อโอรสของเขาเรียบร้อยเเล้วโอรสทั้งสองช่างมีใบหน้าคล้ายเขาเจ็ดส่วน ชายหนุ่มดีใจมาก "ให้ข้าดูหน้าเขาหน่อย" หนิงเยียนมองแฝดชายทั้งสอง ช่างคล้ายพระบิดานัก"เจ้าพักผ่อนเถอะ""ข้าคลอดโอรสให้ท่าน ท่านรับปากข้าเเล้วว่าจะไม่รับสนมทั้งสิ้น""แน่นอนเรารับปากเจ้าเเล้ว" จ้าวเชียนจุมพิตที่หน้าผากคนงาม ขุนนางน้อยใหญ่เสนอบุตรีมาเป็นสนม เขาจะพักงานขุนนางในราชสำนักทันทีในใจฮ่องเต้มีเพียงหนิงฮองเฮาคนเดียว ชั่วนิรันดร์กาลเสิ่นฮัวในยามนี้ได้เป็นชายารัชทายาทแคว้นหนานเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ในยามนี้เซียวหยางดีกับนางมาก "พี่หญิงเยียนส่งข่าวมาเเล้ว นางคลอดแฝดชายทั้งสองคนอย่างปลอดภัย ท่านพาข้ากลับไปเยี่ยมนางได้รึไม่"เซียวหยางมองหน้าชายารัก เหตุใดจะมิได้"ได้สิ หากชายารักต้องการ""ท่านลืมนางได้เเล้วใช่รึไม่"เสิ่นฮัวสบตากับรัชทายาทเซียวหยาง ในอดีตเซียวหยางรักหนิงเยียนมาก แม้นางจะเป็นชายาอ๋องก็ตาม"ข้ามีแต่มิตรภาพดี ๆ ให้นาง ยามนี้นางเป็นหนิงฮองเฮาเเล้ว""ข้ารั
เวยอ๋องสั่งคนให้ไปที่คุกหลวงนำตัวไท่ชางหวงออกมา พบว่าไท่ชางหวงโดนทรมานเกือบตาย แต่ก็ยังไม่ตายเวยอ๋องนั่งมองไท่ชางหวง เขาให้หมอหลวงมารักษา สองชั่วยามเเล้วยังไม่ฟื้น ยามนี้เขาสั่งให้คนนำตัวอวี้ฮองเฮาออกไปที่สำนักนางชีชั่วชีวิต อีกทั้งช่วยพระมารดาออกมาจากคุกหลวงด้วยเช่นกัน ชูอ๋องแม้จะไม่มีส่วนก่อกบฏ เวยอ๋องตัดสินให้ชูอ๋อง ออกไปใช้ชีวิตที่นอกเมือง พร้อมทั้งอนุและบุตรชายบุตรสาว นับว่าเวยอ๋องเมตตาเเล้วหนิงเยียนอาเจียนไม่หยุด สองอาทิตย์มานี้ไม่ได้ข่าวของเวยอ๋องบ้างเลย ดูเหมือนนางจะมีข่าวดีเเล้ว หญิงสาวเพิ่งตรวจดูอาการของนางยามเช้า นางตั้งครรภ์แล้ว เสี่ยวอ้ายดูแลนางอย่างดี อีกทั้งเสิ่นฮัวยามนี้ ดูเหมือนว่า เซียวหยางจะตัดสินใจหมั้นหมายกับเสิ่นฮัว รอข่าวจากแคว้นต้าโจว เวยอ๋องชิงเมืองมาได้รึไม่"พระชายา" เสิ่นกวงนั่นเอง หนิงเยียนคิดว่าเวยอ๋องต้องมารับนาง"เขาเล่า""เวยอ๋องสิ้นพระชนม์แล้ว" หนิงเยียนเข่าอ่อนเป็นลมทันที"พระชายา" เสี่ยวอ้ายรีบประคองเจ้านายเข้าไปในตำหนักรับรอง หนิงเยียนลืมตาขึ้นมาอีกที เสิ่นกวงยังพูดความเดิม เวยอ๋องตายเเล้ว ค่ำคืนนั้น นางขออนุญาตเซียวหยางเผากระดาษเงิน กระดาษทอง
ยามนี้ต้าโจวระส่ำระส่ายยิ่งนัก ราษฎรต้องจ่ายส่วยหนักมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่เซียวจิ้งสิ้นพระชนม์ไป เพราะอวี้ฮองเฮาเป็นคนวางพิษ เซียวจิ้งเองกับมือ ส่วนไท่ชางหวงถูกจองจำในคุกใต้ดิน อย่างไม่มีทางหนีรอด"เสด็จปู่" หนานอ๋องนั่งมองไท่ชางหวงถูกล่ามโซ่ อีกทั้งมีเหล็กร้อน ๆ กำลังจะทาบไปที่หลังมือของไท่ชางหวง"หลานเนรคุณ""ตราพยัคฆ์ทหารอยู่ที่ใด ส่งมันมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้""คนที่มันสังหารบิดาตัวเอง จะต้องเลวสักเพียงใด ถึงทำเยี่ยงนี้ ต่อให้เราตายไป เราไม่บอกเจ้าหรอก" ไท่ชางหวงไม่คิดว่าเวลาเพียงเดือนกว่า เวยอ๋องไม่อยู่ หนานอ๋องกับอวี้ฮองเฮาจะลุกขึ้นมาก่อกบฏ"ได้ ทรมานเขาจนกว่าเขาจะบอก" หนานอ๋องเดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ ส่วนไท่ชางหวงเจ็บปวด จนจะตายอยู่เเล้ว เหล็กร้อน ๆ แทงเข้าเนื้อที่มืออย่างเจ็บปวดหนานอ๋องตอนนี้ กำจัดขุนนางไปได้หลายคน อีกทั้งอยู่ในฉลองพระองค์สีเหลืองทอง มองฮองเฮารักอย่างหยวนเหมยที่บีบนวดให้เขา "ฮองเฮาของข้า เจ้าช่างงามนัก""จริงรึเพคะ""จริงสิ เรารักเจ้า ถึงแม้จะร้ายกับเจ้าไปบ้าง วันนี้ เรารู้สึกง่วงเสียจริง""ท่านก็"หยวนเหมยจุมพิตอย่างหวานล้ำ นางนั่งตำแหน่งฮองเ
เซียวหยางส่งคนไปจับเสนาบดีเหรินข้อหาค้าเงินเถื่อนอีกทั้งหลักฐานการโกงเงินภาษีของราชสำนัก เมื่อคืนงานเลี้ยงอำลาหนิงเยียน ขุนนางน้อยใหญ่ทุกคนต้องมาร่วมงานครั้งนี้ เซียวหยางหารือกับพระบิดานี่คือโอกาสดี ให้องครักษ์ลับไปค้นจวนขุนนางทุกคน พบว่ามีขุนนางฝั่งอัครเสนาบดีเหรินจำนวนมาก กระนั้นเขาจึงตัดสินโทษให้ยึดสมบัติจวนเหริน อีกทั้งสตรีเป็นนางคณิกา บุรุษคือผู้ใช้เเรงงานหนิงเยียนเก็บข้าวของเพื่อที่จะกลับแคว้นต้าโจว นางสังเกตเสิ่นฮัว ปกติจะมาพูดคุยกับนาง แต่ทว่าวันนี้เสิ่นฮัวขึ้นรถม้า แล้วนั่งเงียบ หนิงเยียนสงสัย แต่ไม่ได้ถามเสี่ยวฟาง เวยอ๋องกับหนิงเยียนร่ำลาผู้ครองแคว้นหนานแล้ว ทั้งสองกำลังขึ้นรถม้า เห็นเซียวหยางนำทหารม้ามาทางพวกนางเวยอ๋องตกใจ"เจ้าจะทำอันใด" "เจ้าสองคนไปได้ แต่เสิ่นฮัวไปมิได้" หนิงเยียนกับเวยอ๋องต่างสบตากัน เสิ่นฮัวได้ยินกระนั้นลงจากรถม้าด้วยความหวาดกลัว หนิงเยียนสังเกตรอยแดงที่ต้นคอเสิ่นฮัว "ไม่ข้าจะกลับแคว้นข้า" เสิ่นฮัวไม่ยอม นางจะไม่อยู่กับคนที่ไม่รักนางเป็นอันขาดเซียวหยางลงจากหลังมา สาวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆ แล้วอุ้มเสิ่นฮัวพาดบ่า"ปล่อยข้านะ""เซียวหยางเจ้าปล่อยนางเ
หนิงเยียนกับเวยอ๋องนั่งที่ประทับนางกำนัลจัดไว้ให้เรียบร้อย เสียงเพลงพิณบรรเลงขึ้นมาพร้อมกับสาวงามออกมาร่ายรำ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ในแคว้นหนาน ต้องมาร่วมงานเลี้ยงอำลาหมอเทวดาเยียน พอนางจะกลับแคว้นพวกเขาต่างมิอยากให้คนมีฝีมือไปแคว้นต้าโจว แต่นางเป็นชายาเวยอ๋อง ยังไงก็ต้องจากไปอยู่ดี ฮ่องเต้เซียวจิ้งกับเหนียงฮองเฮาพลันเสด็จมาเเล้ว ทุกคนต่างถวายพระพร จากนั้นนั่งแท่นประทับ ทุกคนต่างมองที่เหนียงฮองเฮา ยามนี้นางงดงามนัก หลังจากที่ปกปิดใบหน้ามาตลอดยี่สิบห้าปี คนชั่วได้รับการลงโทษเป็นที่เรียบร้อยเซียวหยางเดินเคียงคู่มาพร้อมกับคู่หมายของเขาคือเหรินเหมี่ยว ขุนนางน้อยใหญ่ ต่างคำนับรัชทายาท เสิ่นฮัวนั่งฝั่งหนึ่งปรายตามองเซียวหยางเเล้วเบ้ปากงานเลี้ยงได้ดำเนินต่อไป สาวงามได้ออกมาร่ายรำ หนิงเยียนนั่งซบอกเวยอ๋องอย่างไม่สนใจสายตาของผู้ใด เวยอ๋องทั้งแกะเมล็ดแตงโมให้นางกิน ช่างเป็นภาพที่ทำให้ใครหลายคนพลันอิจฉานักเหรินเหมี่ยวมองคู่หมั้นของนาง ที่นางเเย่งชิงมาจากพี่สาวสมองสุนัขของนางได้ ในงานเลี้ยงครั้งนั้น นางแอบติดสินบนนางกำนัล จึงให้นางกำนัลใส่ยาพิษลงไปในสุรา พบว่าพี่สาวสมองสุนัขหลงกลเข้า จึงต้องรับโ
ค่ำคืนนั้นหนิงเยียนเหนื่อยมากจากการที่รักษาคนป่วย เวยอ๋องเดินเข้ามาถอดรองเท้าเเล้วห่มผ้าให้นาง ใบหน้าหล่อเหลาพลันปรากฏด้วยรอยยิ้มก่อนจะจุมพิตเเล้วไปนอนที่ตั่งยาว ยามเช้าของวันนั้นอากาศพลันเย็นมาก ผู้ป่วยไข้ทรพิษเริ่มลดลงจำนวนมากหนิงเยียนสั่งให้เสี่ยวอ้าย และเสิ่นฮัวแจกจ่ายยาให้ชาวบ้านไปต้มกิน ชาวบ้านต่างสรรเสริญนางว่านางคือพระโพธิสัตว์กวนอิมมาโปรดพวกเขาให้หายจากโรคร้ายเซียวหยางพลันเข้ามาในคุกมืดสอบความถามท่านเจ้าเมืองเฟิง มีชื่อว่า เฟิงหนานด้วยตัวเองเขานั่งมองเฟิงหนานในชุดนักโทษสีขาวที่สกปรก "เหตุใดในเมืองเฟิงจึงเกิดไข้ทรพิษได้" เซียวหยางมองเจ้าคนปากเเข็ง เขาไม่เชื่อโรคนี้จะเกิดขึ้นจากธรรมชาติ นอกจากจะมีคนปล่อยพิษโรคไข้ระบาดนี้"ข้า..." "เหล็กทาบมือเขา" เหล็กร้อน ๆ สีแดงชาดที่เต็มไปด้วยประกายไฟ กำลังจะทาบลงมาที่มือเจ้าเมือง"ช้าก่อน ช้าก่อน"เซียวหยางส่งสัญญาณให้องครักษ์ทันที"องค์ชายรองสั่งให้ข้านำพิษมาปล่อย รัชทายาทช่วยข้าด้วย"องค์ชายรองอย่างนั้นรึ เซียวเซาโอรสของเนี่ยกุ้ยเฟยสามวันต่อมาคนทั้งเมืองเฟิงได้รับการรักษาจนหายหมดเเล้ว รถม้าทั้งสามคันมุ่งหน้ากลับไปที่เมือ