จนถึงตอนนี้ โหลวฉางเยว่ถึงจะมองไปที่เขา “นี่เป็นเดิมพันระหว่างฉันกับเธอ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งคุณประธานเหวิน ล้วนเป็นพยานกันทั้งนั้น ฉันก็แค่ทำตามผลของเดิมพัน ประธานเหวินคิดว่าฉันมีปัญหาตรงไหนเหรอคะ? ฉันทำผิดตรงไหนเหรอ?” เธอดูเหมือนเม่นที่มีหนามอยู่ทั่วตัว เม่นที่แยกเขี้ยวอยู่ มันต่างจากท่าทีที่สุขุม ไม่ทำตัวเด่นและถ่อมตัวตามปกติของเธออย่างสิ้นเชิง เหวินเหยียนโจวรู้สึกถึงความแปลกไปเล็กน้อย “เธอให้ร้ายฉัน และทำแม้กระทั่งใส่ร้ายฉัน บางทีเธออาจดึงเชือกแล้วมาตำหนิฉัน หากไม่ใช่เพราะมีหลักฐาน อาศัยแค่คำพูดสองสามคำของเธอ บวกกับอาศัยการปกป้องที่ลำเอียงของคุณประธานเหวิน วันนี้ต่อให้ฉันกระโดดลงแม่น้ำหวงผู่ก็เกรงว่าจะต้องโดนพูดว่าฆ่าตัวตายเพราะเกรงกลัวต่อความผิด ทำไมฉันต้องรับความไม่ยุติธรรมนี้ไว้ด้วยคะ? แล้วพอรับความยุติธรรมนี้ไว้แล้วทำไมถึงคืนความบริสุทธิ์กลับมาไม่ได้คะ?” โหลวฉางเยว่โต้ตอบไปคำต่อคำ และมองตรงเข้าไปในดวงตาของเหวินเหยียนโจว ไม่หลบไม่ซ่อน ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิงและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย! “และถ้าหากว่า ลูกค้าโดนเรือทับเป็นอะไรขึ้นมา ไม่ไว้หน้ากัน ก็จะต้องรับผิดชอ
“แม่ง……” “หญิงร้ายชายเลว ขอให้แม่งอยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย” วันนี้โหลวฉางเยว่จะขนของในห้องทำงานกลับบ้านไปจนหมด การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ ไม่อาจปกปิดเฉียวซีซีที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้ตามปกติ ภายใต้การซักถามซ้ำ ๆ ของเฉียวซีซี ในที่สุดโหลวฉางเยว่ก็ต้องบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เฉียวซีซีเปิดไมค์ขึ้นมาโดยตรง ด่าว่าเหวินเหยียนโจวกับไป๋โหยวอยู่นานนับครึ่งชั่วโมง ยิ่งด่าก็ยิ่งโมโห จึงไปหยิบเบียร์เย็น ๆ ออกมาจากตู้เย็นหนึ่งขวด แล้วกระดกเข้าไปจัง ๆ เธอหันหน้า ไปถามโหลวฉางเยว่ “จากนั้นเธอก็ลาออกมาอย่างนี้งั้นเหรอ?” โหลวฉางเยว่ทายาลงบนขาที่บาดเจ็บให้กับตัวเอง และพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ไม่ใช่ว่าเธอหวังอยากให้ฉันออกมาจากเหวินเหยียนโจวมาโดยตลอดหรอกเหรอ? ตอนนี้ฉันลาออกมาแล้วไง เธอยังคิดว่าฉันวู่วามเกินไปอีกเหรอ?” “ไม่ใช่แน่นอน! เธอเลือกถอยออกมาเอง มีหรือฉันจะไม่มีความสุข! ก็แค่รู้สึกว่าเอาคืนไอ้สารเลวคู่นั้นน้อยไป!” เฉี่ยวซีซีด่าเสร็จ ก็เม้มริมฝีปากอีกครั้ง และถามโดยที่ยังโกรธต่อว่า “แล้วตอนที่เธอพูดว่าจะลาออก ท่าทีของไอ้โง่เหวินเหยียนโจวเป็นอย่างไรบ้าง?”
ข้อมูลเป็นอะไรที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เรื่องที่โหลวฉางเยว่ติดต่อกับหลายบริษัทบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ก็ไม่อาจปิดบังจากคนในได้ เหวินเหยียนโจวไปขี่ม้าที่ทุ่งหญ้าเพื่อพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์กับเพื่อน ๆ สองสามคน และระหว่างเวลานี้ก็คุยกันถึงหัวข้อนี้ขึ้นมา ซูหยุนถามขึ้นอย่างซื่อบื้อว่า “จริงหรือเปล่า? ที่ว่าพี่โจวยอมปล่อยให้เลขาโหลวจากไป?” “จริงแท้แน่นอน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของฉันก็ยังได้ติดต่อเธอไปแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะอยู่นอกเหนือการพิจารณาวางแผนเรื่องอาชีพการงาน หรือว่าเพราะฉันรู้จักโจวเอ๋อร์กันแน่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็บอกว่าไม่ค่อยเหมาะสม และปฏิเสธมาแล้ว” เย่เหอหรานเหลือบมองไปที่เหวินเหยียนโจว สายตานั้นแฝงความหมายที่ตำหนิเขาอยู่เล็กน้อยที่ขัดโอกาสในการคว้าคนมีความสามารถเอาไว้ เหวินเหยียนโจวสวมชุดขี่ม้าสีดำ ส่วนล่างสะโพกคือม้าขาวตัวหนึ่ง หน้าตาหล่อแต่เย็นชา เมื่อเทียบกับสวมชุดสูทแบบคนชนชั้นสูงนั้น ตอนนี้ดูสบาย ๆ กว่ามาก พวกเขากำลังคุยเรื่องโหลวฉางเยว่กันอยู่ แต่เขากลับดูเหมือนฟังเรื่องของคนแปลกหน้าอยู่เสียอย่างนั้น แต่พอคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เหวินเหยีย
ท่าทีของเหวินเหยียนโจวนั้นเมินเฉย “นายไม่เพียงแต่รู้สึกเสียดาย แต่ยังรู้สึกว่าฉันเป็นผู้กระทำเธอ——ไม่ใช่ว่านายคิดอยู่เสมอเหรอว่าสุดท้ายพวกเราจะต้องแต่งงานกัน?” นอกจากพ่อแม่ของเขาแล้ว ซิ่วอวี้ก็เคยถามเขาด้วย ว่าวางแผนจะปลูกต้นรักมีลูกมีเต้ากับโหลวฉางเยว่ตอนไหน ซิ่วอวี้ชี้ให้เห็นต่อว่า “เลขาโหลวเป็นอาหารอันโอชะที่อร่อยไปทุกด้านไม่ว่าจะสี กลิ่นหรือรส นายปล่อยเธอออกไป ไม่ต้องบอกว่าพวกหมาป่าเตรียมพร้อมที่จะลงมือขนาดไหน ฉันกลัวว่านายจะเสียใจในภายหลัง และเธอก็ถูกคนอื่นคาบไปกินเสียแล้วด้วย” เหวินเหยียนโจวพูดอย่างใจเย็น “เธอทำไม่ได้หรอก” “ทำไม่ได้ที่จะไปกับคนอื่นเหรอ? นายก็มั่นใจอะไรขนาดนั้นกัน?” เหวินเหยียนโจวเหลือบมองไปที่เขา แล้วตอบอย่างไม่กระตือรือร้นว่า “ถ้านายสนใจ ก็ลองดูได้”“นายนี่เลวจริง ๆ ” ซิ่วอวี้ควบม้าหนีห่างจากเขา แต่กลับเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมั่นใจในตัวเองขนาดนี้——เพราะสามปีที่ผ่านมาโหลวฉางเยว่ก็คล้อยตามเขาเสียเหลือเกิน ในสายตาและในใจของเธอ ก็มีแต่เหวินเหยียนโจวคนเดียวเท่านั้น เวลาไม่ทำงานก็ติดสอยห้อยตามอยู่ข้างกายเขา จนแทบจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย ราวกับว่าเหว
โหลวฉางเยว่รีบพูดไกล่เกลี่ยขึ้นว่า “ประธานเสี่ยวจินก็มาทานอาหารด้วยเหรอคะ? ซุปเห็ดในร้านนี้ก็ค่อนข้างอร่อยเลยนะคะ เดี๋ยวคุณลองสั่งดูได้เลยค่ะ ยังมีเรื่องที่คุณคุยกับฉันในวันนั้น ฉันยังพิจารณาอยู่นะคะ รอให้พิจารณาเสร็จแล้ว ฉันจะติดต่อคุณไปอีกทีนะคะ” จินอี้เฟยยังเห็นแก่หน้าของโหลวฉางเยว่อยู่ เขาเหลือบมองไปที่ซูหยุน ก่อนจะพูดกับเธอต่อว่า “ครับ ผมจะลองสั่งดูแน่นอน และผมก็รอคำตอบของคุณอยู่นะครับ” จากนั้นก็พาเพื่อนร่วมงานสาวไปยังอีกโต๊ะทันที โหลวฉางเยว่มองไปที่ซูหยุน ซูหยุนก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่นะครับ ฉางเยว่ คุณอย่าไปพิจารณาเขาเลย ผมเองก็จริงใจจริง ๆ นะครับ” โหลวฉางเยว่ “จริงใจอะไรเหรอคะ?” “จริงใจอยากจะจ้างคุณมาเป็นเลขาของผมจริง ๆ ครับ! ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วจะไปบริหารบริษัทของพ่อผมได้ดีอย่างไรล่ะครับ ผมต้องการคุณมากกว่าใคร” ซูหยุนกล่าวอย่างจริงใจ “คุณวางใจได้เลยครับ ผมก็เป็นเพียงเจ้านายประเภทนั้น ประเภทที่ใช้แต่เงินมาจ้าง ไม่บีบบังคับ คุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะไปเจ้ากี้เจ้าการผู้เชี่ยวชาญนะครับ คุณทำงานกับผมที่นี่ ก็เป็นผู้อำนาจเหนือคนทั้งปวงครับ!” ตอนแรกโหลวฉางเยว่โกร
ถ้าตอบกลับคำพูดของอีกฝ่าย คุณจะตกลงไปในวงจรที่ถามคำตอบคำเธอไม่ควรที่จะตอบคำถามเขาโหลวฉางเยว่เปิดหัวเรื่อง “มีประธานซิ่วจัดการ นายน้อยซูและประธานจินคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขอตัวก่อน”ท่าทางของเธอนิ่งมากราวกับกำลังปฏิบัติกับคนที่ไม่คุ้นเคยเหวินเหยียนโจวมองเธอด้วยสายตาไร้ความปรานี หลังจากที่เธอพึ่งก้าวเท้ากลับไปสองเก้านั้นจึงเอ่ยปากไปว่า “เรื่องมันก็ผ่านไปสัปดาห์หนึ่งแล้ว ยังไม่หายอีกเหรอ?”โหลวฉางเยว่ผงะและรู้แจ้งทันที เขาคงคิดว่าวันนั้นที่เธออยู่ในโรงพยาบาลแล้วโดนกล่าวหา ถึงได้โมโหแล้วระบายอารมณ์ออกาแบบนั้น เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็จะเย็นลงเองอันที่จริงภายหลังเธอได้ มองย้อนกลับไป ฉันยังรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองวู่วามจนเกินไป ระบายความคับข้องใจทั้งหมดที่เธอได้รับจากเขาในคราวเดียว ในสายตาของเขา คงเป็นเหมือนตัวตลกโหลวฉางเยว่ไม่รู้จะพูดอะไร เธอลาออกแล้ว พูดได้เลยว่าพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสังเกตุอารมณ์ของเขาเหมือนอย่างเมื่อก่อนเธอไม่หันกลับไป แต่เดินหน้าต่อไปเหวินเหยียนโจวมองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินโซเซ การแสดงออกที่เหมือนเดิมแต่ดูเหมือนจะเย็นชามาก
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ถูกจับได้โหลวฉางเยว่ก็ถึงกับตกใจทันทีที่หันหน้าไปสบตาเข้ากับสายตาที่เป็นประกาย ของซูหยุน“ผมบอกแล้วว่าเพลงในสายของคุณเป็นเพลงเดียวกับผม ต้องอยู่ที่นี่แน่นอน คุณยังจะโกหกผมอีก!”“……”โหลฉางเยว่กัดปลายลิ้นตัวเองเฉียวซีซีมาพบลูกค้าที่นี่แล้วส่งข้อความมาหาเธอว่าดื่มจนเมา ให้เธอมารับเธอหน่อย เฉียวซีซีไม่เคย ขอความช่วยเหลือเธอมาก่อน เธอกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเธอ จึงมาหาเธอทันทีแบบนี้แต่เฉียวซีซีไม่ได้แจ้งหมายเลขห้อง เธอจึงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ห้องไหน ตอนนี้กำลังรอเธอตอบกลับแล้วซูหยุนก็โทรเข้ามาพอดีเธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาอธิบายให้เขามากมายจึงโกหกว่ามีแขกมาที่บ้าน แต่แล้ว…โหลวฉางเยว่เม้มปาก พูดได้เพียงว่า “นายน้อยซู ฉันมารอเพื่อนค่ะ”เมื่อครู่เธอพึ่งบอกเองว่ามีญาติมาหาที่บ้านแล้วตอนนี้ก็โกหกอีกว่ามารอเพื่อน ซูหยุนไม่เชื่อเธอแล้ว ถึงแม้เธอจะถูกลากเข้าไปในเวสเทิร์นพาเลซ โหลวฉางเยว่ก็ไม่สามารถดิ้นไปไหนได้ถึงแม้จะออกแรงสุดกำลังก็ตาม “อุ๊ย วันนี้มีแต่คนคุ้นเคยไม่มีคนนอกเลย คุณจะเขินอายทำไมกัน พวกเราไม่รังแกคุณหรอก แถมพี่โจวก็อยู่อีกด้วย!”โหลวฉางเยว่ “……”ซูหยุนประมาท
โหลวฉางเยว่ถือแก้วเหล้าขึ้นมา แก้วหนึ่งดื่มกริบเดียว หลังจากที่ดื่มหมด แล้วสามแก้วก็คว่ำแก้วเหล้าลงกับโต๊ะเธอหัวเราะ “ดื่มแล้ว หลังจากนี้นายน้อยซูจะมีแต่โชคลาภในเส้นทางที่ถูกต้อง วันนี้มีธุระด่วนจึงไม่สามารถอยู่ร่วมสนุกกับทุกคนได้ ขอโทษด้วยนะคะ”ดวงตาของเหวินเหยียนโจวจ้องเขม็ง โหลวฉางเยว่หันหลังกลับและจากไปเธอดื่มไว พูดคล่องแถมยังเดินเร็วอีกด้วย ทุกคนต่างไม่ทันตอบสนอง จึงไม่ได้รั้งเธอไว้ พอเธอเดินออกไปสักพักจึงพึมพำ ว่าน่าเบื่อโหลวฉางเยว่ก็น่าเบื่อแบบนี้แหละเธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แบบนั้น ไม่ดื่มเหล้า ก็ออกมาจากห้องไม่ได้ แค่สามแก้วเอง ดื่มแล้วก็ จัดการปัญหาได้ แถมไม่รบกวน การตามหาเฉียวซีซีอีกด้วย ทำไมถึงจะไม่ดื่มล่ะ?การต่อต้านถือว่ามี ความหยิ่งทรนง แต่ความหยิ่งทรนงที่ใช้ในทางผิด แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย เป็นเพียงเพิ่มความสนุกในแวดวงของเหล่าคุณชาย เท่านั้นโหลวฉางเยว่ไม่อยากคิดถึงเหตุผลที่เหวินเหยียนโจวให้เธอดื่มเหล้า หลังจากที่เธอจากไป เหวินเหยียนโจวก็ดับบุหรี่ของเขาและมองดูผู้คนที่กำลังรินเหล้าคนพวกนั้นต่างพากันสงสัย “…พี่โจวเป็นอะไรไป?”ซิ่วอวี้ที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยขึ้