Share

บทที่ 2

ฤดูหนาวเดือนสิบสอง หิมะร่วงโรยปลิวพริ้ว

รถม้าคันหนึ่งวิ่งไปตามเส้นทางบนภูเขาที่ทุรกันดารอย่างช้าๆ

รถม้าที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมไม่อาจต้านแรงลมหนาวได้ เย็นจนคล้ายกับจะแช่แข็งกระดูกคนได้

เจียงหวานหว่านฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด นางไม่ได้ตายไปแล้วเหรอ

ทำไมถึงยังเจ็บมากขนาดนี้อีก

นางพยายามที่จะลืมตาขึ้น ในขณะที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็คล้ายกับได้เห็นหลิ่วซู่แม่ของนาง

"ท่านแม่..."

น้ำเสียงที่แหบพร่าแฝงไว้ด้วยความสั่นเครือ คล้ายกับกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง

หลิ่วซู่คว้ามือนางไว้อย่างตื่นเต้นพร้อมกับพูดว่า "หวานหว่าน เยี่ยมไปเลย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที"

"ท่านแม่..."

เมื่อได้สัมผัสความรู้สึกห่วงใยอันแสนอบอุ่นจากแม่อีกครั้ง เจียงหวานหว่านก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ จนน้ำตาเกือบจะไหลรินออกมา

หลิ่วซู่ตกใจ "หวานหว่านอย่าร้อง ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว เดี๋ยวเจ้าก็จะได้เจอพ่อกับพวกพี่ชายแล้วนะ"

เมื่อเจียงหวานหว่านใด้ยินที่นางพูด ก็นิ่งอึ้งไป "ไปเมืองหลวงหรือ"

แววตาของหลิ่วซู่หม่นแสงลงนิดหนึ่ง แล้วจึงถอนหายใจออกมา

เมื่อสิบกว่าปีก่อน สามีได้พาแม่สามีและลูกๆ ที่อายุยังน้อยห้าคนมาที่เมืองหลวงก่อน รับปากเอาไว้ว่าเมื่อตั้งตัวที่เมืองหลวงได้แล้วจะส่งคนมารับนาง

ใครจะรู้ว่าเมื่อพวกเขาจากไป ก็ไม่ส่งข่าวอะไรกลับมาอีกเลย

และเมื่อพวกเขาจากไปได้ประมาณหนึ่งเดือน นางก็ตรวจพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้ประมาณสองเดือนแล้ว

นางที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่สามารถจะเดินทางไกลมาเมืองหลวงเพื่อตามหาพวกเขาได้

ทำได้เพียงรอคอยให้เจียงป๋อเหนียนรีบส่งคนมารับนางอยู่ทุกวัน แต่ตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่จดหมายฉบับเดียวนางก็ยังไม่เคยได้รับเลย

จนเมื่อไม่นานมานี้ มีเพื่อนกลับมาเยี่ยมบ้าน บอกว่าสามีของนางได้เป็นขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงแล้ว

นางคล้ายกับว่าจะจับสังเกตอะไรได้บางอย่าง

แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดอะไรมาก หวานหว่านก็มาป่วยเสียก่อน

ตำบลที่พวกนางอาศัยอยู่ค่อนข้างห่างไกล แถมหลายปีมานี้ก็แห้งแล้งอดอยาก

อย่าพูดถึงเงินทองเลย ขนาดอาหารที่จะกินให้อิ่มท้องก็ยังเหลือไม่มาก

เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป นางตัดสินใจพาลูกสาวเข้าเมืองหลวงเพื่อไปตามหาสามี

พวกนางอาศัยเงินจากการขายบ้านและที่ดินเพื่อมาซื้อรถม้าเก่าๆ และทรุดโทรมคันนี้

ตลอดทางต้องอดทนต่อสู้กับความหิวโหย เมื่อใกล้จะถึงเมืองหลวงก็กลับเจออากาศที่หนาวเย็นที่สุด จึงทำได้เพียงเดินทางอ้อมไป

ตอนนี้เจียงหวานหว่านกลับกำลังตื่นเต้นดีใจจนตัวสั่น

นางคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้กลับมาเกิดใหม่!

"หวานหว่าน เจ้าเป็นอะไรไป" หลิ่วซู่เห็นว่าลูกสาวมีสีหน้าแปลกๆ จึงพูดออกมาอย่างร้อนใจ

เมื่อเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงของแม่ จึงได้หลุดออกมาจากความทรงจำในอดีตชาติ

นางมองไปที่แม่ กอดไปที่นางด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้น "ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร..."

ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา ให้นางได้โอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!

ครั้งนี้นางจะต้องปกป้องท่านแม่ไว้ให้ดี!

ให้เดรัจฉานพวกนั้นได้ชดใช้!

หลิ่วซู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยื่นมือไปลูบผมที่ดำขลับดุจแพรไหมของลูกสาว ก่อนจะพูดด้วยสายตาที่เมตตารักใคร่ว่า

"ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้พวกเหยียนเกอเออร์ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง รอไปถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเราทั้งครอบครัวก็จะไม่แยกจากกันตลอดไป"

ได้ฟังคำพูดของแม่ ความอบอุ่นในดวงตาของเจียงหวานหว่านก็เย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย

มุมปากของนางยกขึ้นเป็นองศาของการเหยียดหยัน

พวกพี่ชายย่อมมีชีวิตที่สุขสบายอยู่แล้ว!

พี่ชายคนโตเป็นคนหูเบา เจียงอวิ้นใช้เขาเป็นบันไดสำหรับมู่หรงหาน

พี่ชายคนรองกล้าช่วยเจียงอวิ้นขโมยตราบัญชากองทัพ แค่เพียงเพราะเจียงอวิ้นอยากจะเอาใจมู่หรงหาน

พี่ชายคนที่สามถือเป็นถุงเงินของเฉาหยูเฟิ่งแม่ลูก ทำให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือ

พี่ชายคนที่สี่ดีต่อเจียงอวิ้นที่สุด เพียงแค่นางเอ่ยปาก ไม่มีเรื่องไหนที่จะปฏิเสธ

พี่ชายคนที่ห้ายอมฆ่าคนได้เพื่อเจียงอวิ้น

พวกเขาเพียงแค่หลงลืมแม่และน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ต่างไปกตัญญูกับผู้หญิงคนอื่น ปกป้องน้องสาวคนอื่นก็เท่านั้น

เมื่อมีโอกาสอีกครั้ง นางจะไม่คาดหวังอะไรจากพวกเขาอีกแล้ว!

ชาตินี้ นางจะให้คนพวกนั้นชดใช้หนี้ที่ติดค้างไว้เป็นร้อยเท่า

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status