Share

บทที่​17 หย่า

ทางฝั่งเยว่ซินหลังจากที่มีนักฆ่าเข้ามาลอบสังหารบุตรชายของนางในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวขึ้น ที่น่าแปลกใจคือหนังสือจ้างวานฆ่านี้ได้ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของหวงลู่เอินหรือฮูหยินรองคนรักของจางเลี่ยงหวง เยว่ซินนั้นไม่มีเรื่องราวข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก แต่หากว่าแรงจูงใจของการกระทำนี้คือนางต้องการผลักดันบุตรชายของนางขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลแทนจางหนิงอ้ายผู้เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจางสายหลักแล้วย่อมเป็นไปได้เช่นกันทั้งสิ้น

แต่แล้วอย่างไรเล่า? จางเลี่ยงหวงสามีของนางก็คงไม่เชื่อต่อหลักฐานที่มีอยู่และคงเข้าข้างคนรักของตนเฉกเช่นทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนิงอ้ายถูกรังแกและโดนทำร้าย ต่อให้นางมีหลักฐานเพียงใดสามีของนางไม่เคยลงโทษหรือเอาผิดเลยซักครั้ง เยว่ซินหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าของตนที่อยู่ในช่องลับบนหัวเตียงขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านอีกครั้งพลันย้อนคิดไปถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนที่นางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกของตระกูล

ชื่อเสียงของจางหนิงอ้ายบุตรชายของนาง ผู้คนทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ในพิธีปลุกพลังวิญญาณเมื่อเจ็ดปีก่อนต่างมีการร่ำลือไปอย่างเสียหาย บ้างว่าคุณชายใหญ่หนิงอ้ายเป็นสวะของตระกูลจาง หากไม่ได้เกิดเป็นคุณชายคนเเรกจากฮูหยินเอกป่านนี่ตำแหน่งว่าที่ผู้สืบทอดของตระกูลจางย่อมเป็นของคุณชายรองจางเหยากวงไปเสียเเล้ว ด้วยเพราะความที่คุณชายรองห่างจากคุณชายใหญ่ไม่ถึงปี และมีหน้าตาถอดมาจากเลี่ยงหวงผู้เป็นบิดาเสียส่วนใหญ่อีกทั้งเป็นผู้ฝึกตนที่มีสองพลังธาตุเป็นถึงศิษย์สายในของผู้อาวุโสในสำนักศึกษาผิงอานเพียงเท่านี้ย่อมทำให้เป็นที่เชิดหน้าชูตากว่าคุณชายใหญ่จางหนิงอ้ายยิ่งแล้ว

ที่ผ่านมาเยว่ซินได้สอนตำราความรู้ศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีรวมไปถึงการใช้อาวุธเพื่อสำหรับในการต่อสู้ป้องกันตัวเองได้ให้แก่หนิงอ้าย ไม่ว่าจะเป็นการยิงธนูการใช้มีดสั้นรวมไปถึงการฝึกกระบี่ เยว่ซินตั้งใจไว้ว่าถึงแม้บุตรของตนจะไม่สามารถปลุกพลังวิญญาณผู้ฝึกตน แต่ก็สามารถฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกายได้เช่นกัน

จนเมื่อวันเวลาผันผ่านจนในตอนนี้บุตรของนางอายุสิบห้าปีซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นอย่างสง่างามเป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง ตลอดหนึ่งปีมานี้นางแทบจะไม่ได้พูดคุยกับเลี่ยงหวงเลยด้วยซ้ำหากไม่มีเรื่องจำเป็น เเต่ถึงอย่างไรการดูแลความเรียบร้อยของจวนรวมไปถึงการดูเเลตรวจสอบร้านค้ากิจการในตระกูลจางนางมักจะนำสมุดบัญชีกิจการต่าง ๆ มาตรวจสอบในทุกเจ็ดวันอย่างสม่ำเสมอ

การตัดสินใจในตอนนี้นั้นง่ายยิ่งขึ้นหลายเท่าในความรู้สึก เมื่อหนิงอ้ายกับลู่ซีออกไปจากเรือนแล้ว เยว่ซินจึงได้ปรึกษากับหรันหรูผู้เป็นสหายสนิทของตนรวมไปถึงท่านจางปินสามีของสหายของนางถึงความเป็นไปหลังจากนี้ เมื่อทั้งสองได้รับรู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบจึงได้เอ่ยออกมาเพียงเเต่ว่าการตัดสินใจทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเยว่ซินเท่านั้น บางทีหนทางที่ตัดสินใจเลือกอาจจะดีกว่าตอนนี้และอาจส่งผลดีกับหนิงอ้ายเสียด้วยซ้ำ นางจึงฝากฝังให้ทั้งสองจัดเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ในการเดินทางกลับแคว้นเต่าดำในวันพรุ่งนี้ ส่วนนางตั้งใจไปหาจางเลี่ยงหวงสามีของนางเพื่อพูดคุย แน่นอนว่านางไม่ลืมที่จะนำสัญญาจ้างวานฆ่าของมือสังหารเมื่อคืนติดมือไปด้วย

จวนของตระกูลจางกว้างขวางพอ ๆ กับจวนของตระกูลหวังของนางที่แคว้นเต่าดำ ดังนั้นระยะทางไปกลับจากเรือนเล็กท้ายจวนที่นางพักอาศัยกับเรือนหลักที่อดีตสามีของนางนั้นอยู่ย่อมใช้เวลาเดินทางไม่น้อย เยว่ซินค่อยย่ำเท้าเดินเพื่อซึมซับความทรงจำที่นางเคยอยู่ในจวนนี้ให้มากที่สุดเเต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอใครบางคนด้วยซ้ำ

''ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจอกับฮูหยินเอกในวันนี้ สบายดีหรือไม่เจ้าคะ?'' ฮูหยินรองหรือหวงลู่เอินคนรักของสามีเอ่ยทักขึ้นคล้ายกับว่าเป็นเหตุการณ์ที่บังเอิญยิ่ง

''มีอะไรก็พูดมา ตรงนี้ไม่มีคนรักของเจ้าอยู่ด้วยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากจอมปลอมคุยกับข้า!!'' เยว่ซินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใด

''อย่ามาทำเป็นรู้จักข้าขนาดนั้นนางแพศยาหวัง ข้าละเกลียดเจ้ายิ่งนัก!!'' หวงลู่เอินสบถออกมาคล้ายกับว่าสะกดอารมณ์ไม่อยู่

''ข้าจำได้ว่าไม่เคยเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเจ้าเปรียบดังน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองฉันนั้น ข้าว่าที่แท้จริงปัญหานี้คงอยู่ที่ตัวเจ้าเสียเเล้วละฮูหยินรองหวง เเต่ข้าขอเตือนสติเจ้าอย่าล้ำเส้นข้าไปมากกว่านี้!!!''

''ที่ผ่านมาข้าไม่ตอบโต้เเต่เจ้าคงรู้ถึงเหตุผลข้อนั้นเป็นอย่างดี เจ้าคงไม่ลืมเลือนไปแล้วใช่หรือไม่? ว่าข้าผู้นี้สามารถทำอะไรได้บ้าง...'' เยว่ซินกล่าวทิ้งท้ายอีกครั้ง พร้อมกับเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

หวงลู่เอินตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมานางได้ใช้สิ่งติดค้างที่จางเลี่ยงหวงมีให้แก่นาง ทำให้นางหลงระเริงไปโดยลืมคิดไปว่าหวังเยว่ซินขึ้นชื่อในเรื่องของฝีมือเป็นที่ยอมรับแม้กระทั่งผู้ฝึกตนด้วยกัน ในการประลองแคว้นครั้งนั้นนางสามารถติดห้าอันดับเเรกและสามารถก้าวเข้าสู่ทำเนียบเสาหลักของยุทธภพ ไหนจะเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่อันได้แก่ตระกูลหวังหนึ่งในสี่ของแคว้นเต่าดำ หากเยว่ซินไม่ได้แต่งงานกับเลี่ยงหวงคงไม่ถอนตัวจากทำเนียบสุดยอดรุ่นเยาว์ดังกล่าวง่าย ๆ เสียด้วยซ้ำ

นี่นาง..นี่นางพึ่งทำอะไรลงไปกัน? หวงลู่เอินได้เเต่คิดย้ำอยู่ในจิตใจอย่างเหม่อลอย...

เยว่ซินเดินแยกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะหากว่านางยังยืนฟังที่หวงลู่เอินคนรักของสามีกล่าวถ้อยคำน่ารังเกียจออกมาอีกเพียงนิดคงอดกลั้นไม่ไหวที่จะฝากรอยมือบนใบหน้านางให้สาสมใจเป็นแน่ นางไม่ใช่เป็นสตรีที่เรียบร้อย นางเพียงรู้จักการวางตัวให้สมกับคุณหนูตระกูลหวังของแคว้นเต่าดำเท่านั้นและเลือกปฏิบัติกับคนที่นางรู้สึกเป็นมิตรด้วยความจริงใจ

เเต่สำหรับคนที่น่ารังเกียจและเสแสร้งบางครั้งการใช้ปากพูดด้วยย่อมไม่ได้ผลตรงใจเท่าไหร่ หากเยว่ซินนางไม่กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาเกี่ยวพันภายหลังนางคงจะจะเอาคืนไม่น้อย ได้แต่หวังว่าคำเตือนที่นางเอ่ยไปจะทำให้สมองอันน้อยนิดของอีกฝ่ายคิดได้ หาไม่เป็นเช่นนั้นต่อให้ต้องมีปัญหากับตระกูลหวงของนางก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลใจ

เย่วซินเดินไปตามทางเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ออกจากเรือนเล็กท้ายจวนมานานก็จริง ทุกเส้นทางนางย่อมจดจำได้แม้กระทั่งความรู้สึก ความทรงจำแม้ว่าจะทุกข์มากกว่าสุขเเต่อย่างไรก็เป็นสิ่งที่นางเลือกตัดสินใจด้วยตนเองตั้งเเต่เเรกกว่าจะรู้ตัวอีกทีนางก็เดินไปถึงเรือนหลักในจวนเสียเเล้ว

''ท่านฝู่หรงฝากแจ้งกับท่านประมุขได้หรือไม่ว่าข้ามีเรื่องจะพูดคุยด้วยเจ้าค่ะ...'' เยว่ซินเมื่อเห็นบ่าวรับใช้คนสนิทของสามีจึงเอ่ยไหว้วานให้เป็นธุระให้

''ขอรับฮูหยินเอก วันนี้ท่านประมุขไม่มีภารกิจต้องไปสำนักศึกษาพอดีข้าจะเข้าไปแจ้งให้นะขอรับ!!'' ฝู่หรงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยรับปากออกไป พร้อมกับสังเกตฮูหยินเอกของเจ้านายตนไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้มองก็มักจะเต็มไปด้วยความงดงามอันเป็นที่หนึ่งไม่อาจเป็นสองได้ กริยามารยาทเรียบร้อยสมกับเป็นบุตรตรีของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้น

แม้จะไม่ได้พบเจอมาเกือบสองปีเเต่ใบหน้างามของฮูหยินเอกกลับดูสดชื่นเบิกบานใจอีกครั้งเหมือนกับในวันเเรกที่ได้ก้าวเข้ามาในจวนตระกูล เขาเองก็อดที่จะสงสัยไม่น้อยว่าใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขได้แปรเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่เฉยชามานานเเค่ไหนกัน เเต่เมื่อคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนจึงรีบโค้งคำนับและเข้าไปแจ้งนายของตนโดยทันที ฝู่หรงหายไปสักพักหนึ่งแล้วออกมากล่าวเชิญตัวเยว่ซินให้เข้าไป

''เชิญฮูหยินเอกที่ด้านในเลยขอรับ ท่านประมุขรอท่านอยู่'' แม้จะเเปลกจอยู่บ้าง เเต่ใบหน้างามกลับนิ่งสงบสองเท้าก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงไปยังห้องทำงานเมื่อเข้าไป เห็นเป็นสามีของตนกำลังก้มหน้าทำงานจึงเอ่ยทักขึ้น

''จางเย่วซินคำนับท่านประมุขข้ามีเรื่องจะแจ้งขอรบกวนเวลาสักครู่นะเจ้าค่ะ'' เลี่ยงหวงเมื่อได้ยินดังนั้นแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจคำเรียกที่ดูเหินห่างที่ภรรยาใช้กับตนเเต่เมื่อได้ยินเสียงหวานนุ่มหูที่ตนไม่ได้ยินมานานแล้วจึงเงยหน้ามองใบหน้างดงามของฮูหยินเอกของตน

''งานข้าไม่ได้สำคัญอะไรมากเจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะซินเอ๋อร์...'' เมื่อได้ยินดังนั้นเยว่ซินจึงรวบรวมความกล้าที่ตนมีอยู่ทั้งหมดและเอ่ยออกไปว่า

''ท่านจำเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาได้หรือไม่?? ที่หนิงอ้ายบุตรของข้าจมน้ำเเต่ท่านไม่มีการสั่งลงโทษใดใดทั้งสิ้นเเต่เอ่ยว่าจะมอบสิ่งที่ข้าปรารถนาให้หนึ่งประการเป็นการทดเเทน...''

''ข้าย่อมจำได้ผู้นำที่ดีย่อมกล่าวเเล้วไม่คืนคำ'' เลี่ยงหวงเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแม้ในใจตอนนี้นั้นเขาหวาดกลัวสิ่งที่จะได้ยินในประโยคถัดไปจากภรรยาของตนยิ่งนัก

''คำขอหนึ่งประการที่ท่านติดค้างข้าในวันนั้น ข้าต้องการเพียงอิสระของข้าและบุตรชายพวกข้าทั้งสองจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจางและจะไม่รับตำแหน่งและทรัพย์สินของตระกูลจางทั้งสิ้นสิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงใบหย่าของข้าและท่าน รบกวนประกาศให้เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วกันถึงแม้ว่าท่านจะไม่รักข้าและบุตรชายของข้าแต่ขอท่านให้เกียรติพวกเราสองคนแม่ลูกด้วยลูกของข้านั้นจมอยู่กับคำด่าทอและคำดูถูกมานานเกินไปแล้ว...''

''สุดท้ายสิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับท่านนั่นคือหากว่าข้าเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะย้อนกลับไปในการประลองของแคว้นในครั้งนั้นที่ทำให้ข้าได้พบกับท่าน ข้าจะเลือกที่จะไม่เข้าร่วมการประลองและเลือกที่จะไม่รู้จักท่าน ข้าจะเลือกเชื่อฟังคำเตือนของบิดามารดาของข้ามากกว่านี้และขอให้ท่านรับรู้ไว้ว่าข้าไม่เคยหมดรักท่าน เพียงเเต่ว่าทุกวันนี้ข้ามีคนที่ข้ารักมากกว่าท่านนั้นคือหนิงอ้ายบุตรของข้าเท่านั้น...''

''ข้าจะออกเดินทางกลับตระกูลหวังแคว้นเต่าดำในวันรุ่งขึ้น ฝากท่านจัดการใบหย่าและประกาศให้ผู้คนได้รับรู้กันโดยทั่วด้วยเถิด จะได้ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกเเล้วนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าหวังว่าท่านจะทำให้หนิงอ้ายทำหน้าที่ให้สมกับเป็นบิดาของเขาสักครั้ง...'' กล่าวจบเยว่ซินจึงส่งใบสัญญาจ้างในมือของตนวางตรงหน้าของจางเลี่ยงหวงอีกทั้งถอดปิ่นปักผมบนศรีษะของนางวางไว้ตรงหน้าคู่กัน

เยว่ซินตั้งใจว่าในวันรุ่งขึ้นนางจะออกเดินทางกลับตระกูลหวังให้เร็วที่สุด แม้ว่าแคว้นหงส์แดงและแคว้นเต่าดำบ้านเกิดของนางจะมีอาณาเขตติดกันเสมือนบ้านพี่เมืองน้อง เเต่เนื่องจากตระกูลจางและตระกูลหวังทั้งสองตระกูลต่างเป็นหนึ่งในสี่ของตระกูลใหญ่ของแคว้นทั้งคู่จึงทำให้จวนของตระกูลจะอยู่ตรงบริเวณใจกลางของแคว้นที่เป็นศูนย์กลางการปกครอง

อีกเหตุผลที่นางอยากเดินทางให้เร็วที่สุดก็ด้วยเพราะกลัวว่าหากนางประวิงเวลาไปมากกว่านี้จะยิ่งเปิดโอกาสให้นักฆ่ารับจ้างลอบเข้ามาในเรือนอีกครั้ง แม้จะไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้นด้วยเพราะว่าผู้ที่อาศัยในเรือนหลังเล็กนี้ทั้งนางและบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ต่างเป็นวรยุทธเป็นผู้ฝึกตนกันทั้งสิ้นและด้วยความประมาทย่ามใจของพวกมันที่คิดว่าบุตรชายของนางไม่ใช่ผู้ฝึกตน อีกทั้งยังร่างกายอ่อนแอจึงส่งนักฆ่าฝีมือดีเพียงไม่กี่คน หากว่าพวกมันไม่ได้กลับไปรายงานผลภารกิจย่อมทำให้พวกมันแปลกใจและต้องส่งนักฆ่ามาเพิ่มเป็นแน่

คืนที่ผ่านมานางรับรู้ได้ว่าบุตรของนางมีฝีมือไม่ด้อยกว่าผู้ใด เเต่ถึงอย่างไรนางย่อมป้องกันไว้ก่อนดีกว่า นางมีเพียงบุตรคนเดียวซึ่งก็คือหนิงอ้าย แน่นอนว่าเยว่ซินไม่พร้อมที่จะเสียเด็กหนุ่มไปเป็นแน่ ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่านางจะถูกไล่ให้มาอยู่เรือนเล็กท้ายจวนและถูกยึดอำนาจของฮูหยินใหญ่ของตระกูลจางเกือบทั้งหมดก็จริง เเต่การจัดการสมุดบัญชีของตระกูลจางและกิจการของตระกูล รายรับ รายจ่ายต่าง ๆ เลี่ยงหวงอดีตสามีของนางยังคงไว้ใจให้นางทำหน้าที่ดูเเลตรงนี้อยู่เสมอ

นางไม่มีความจำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายเเล้ว เยว่ซินตั้งใจคืนทุกสิ่งที่นางได้ดูเเลตั้งเเต่ก้าวเข้ามาในตระกูลจางแห่งนี้ นั่นคือสมุดบัญชีค่าใช้จ่ายของตระกูลจาง รวมไปถึงสมุดบัญชีของกิจการต่าง ๆ ที่ปกตินางมักจะให้พ่อบ้านของตระกูลนำมาให้ตนตรวจสอบในทุกเจ็ดวัน อีกทั้งยังมีตราประจำตัวของฮูหยินใหญ่ตระกูลจางที่นางเคยครอบครองมาหลายสิบปี ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องคืนให้แก่อดีตสามีเพื่อที่เขาจะได้ส่งมอบให้สตรีที่ตนรักจริง ๆ ไม่ใช่มอบให้สตรีเช่นนางที่ถูกตบแต่งเข้ามาด้วยความเหมาะสมดั่งเช่นนาง…

เลี่ยงหวงเห็นปิ่นปักผมก็จดจำได้ว่าเป็นปิ่นที่เขาแกะสลักด้วยตนเองเพื่อมอบให้อีกฝ่ายพร้อมกับคำสัญญาในวันวานเเต่มาในวันนี้นอกจากที่ตนจะไม่สามารถทำตามคำสัญญาได้แล้วกลับทำร้ายความรักความเชื่อใจของนาง เลี่ยงหวงแม้จะเห็นว่าเยว่ซินเดินออกไปแล้วแต่กลับไม่กล้าเรียกนางเสียด้วยซ้ำ...

เขารู้

เขารู้ดีเสมอ...

เยว่ซินเป็นสตรีที่ไม่เหมือนผู้ใดที่ตนรู้จักแม้นางจะเป็นสตรีที่มีความเพียบพร้อมไปทั้งหน้าตาชาติตระกูล สิ่งที่ทำให้เลี่ยงหวงสนใจในตัวนางคือความเด็ดขาด เมื่อนางเลือกทำสิ่งใดเเล้วย่อมหมายความว่านางได้คิดอย่างถี่ถ้วนและไม่มีทางเปลี่ยนใจ

'' ท่านทะเลาะกันอีกแล้วเช่นนั้นหรือขอรับ?'' ฝู่หรงที่รออยู่ทางด้านนอกตนจึงไม่ได้ยินเสียงที่นายท่านสองของคนพูดคุยกัน เเต่เมื่อเห็นฮูหยินเอกออกไปด้วยอาการดังกล่าวก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ถึงแม้สถานะของตนคือบ่าวรับใช้คนสนิท แต่เลี่ยงหวงจะคอยบอกเสมอว่าเราทั้งสองเป็นดั่งสหายกันเมื่ออยู่กันสองคนไม่จำเป็นต้องมากพิธี

''ผิดที่ข้าเองฝู่หรงข้าทำพลาด ทำพลาดไปอีกแล้ว....'' เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เจ็บปวดเช่นนั้นฝู่หรงจึงเงยหน้าขึ้นมองเลี่ยงหวงและเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นคล้ายกับมีอายุขึ้นมาหลายสิบปี

''เยว่ซินนางมาทวงสัญญา นางขอหย่าและให้ประกาศออกไปให้คนรับรู้กันโดยทั่ว นางไม่เอาข้าเเล้ว เจ้าได้ยินรึไม่!!'' เลี่ยงหวงเอ่ยออกมาด้วยจิตใจที่เจ็บปวด

นี่เขาไม่ได้ร้องไห้มานานเท่าใดกัน? เลี่ยงหวงไม่เข้าใจว่าตนทำพลาดตอนไหนจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเยว่ซินถึงจุดสิ้นสุดเช่นนี้ได้

''ม้วนกระดาษในมือของนายท่านเป็นสิ่งใด? ข้าเห็นสิ่งนี้ฮูหยินเอกนำติดตัวเข้ามาด้วยตอนขอพบกับท่าน…'' เลี่ยงหวงได้ยินฝู่หรง จึงทำการดึงม้วนกระดาษออกมาและตกใจไม่น้อยกับเนื้อหาในม้วนกระดาษนั้น

''สัญญาจ้างวานฆ่าเป้าหมายคือจางหนิงอ้าย? นี่มันอะไรกันทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้!!'' เมื่อกล่าวจบสายตาของเลี่ยงหวงได้เเต่จ้องมองม้วนกระดาษในมือของตนอย่างเงียบ ๆ โดยที่ฝู่หรงไม่สามารถคาดเดาผู้เป็นนายของตนได้...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​18 สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้

    ด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นวงแหวนเวทย์สีน้ำเงินเข้มแสดงถึงผู้ฝึกตนปราณธาตุน้ำระดับสาม ในตอนนี้เขากำลังเร่งทำการยกระดับพลังวิญญาณให้ข้ามผ่านขั้นย่อยให้ได้ในเร็ววัน เพราะหากยิ่งมีระดับพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมากเท่าใด เขาก็จะสามารถปกป้องตัวเองและท่านแม่เพิ่มขึ้นได้เท่านั้นสำหรับราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญกับระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเช่นนี้ นับได้ว่าหนิงอ้ายไม่ต่างไปจากอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปนัก ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มโชคดีอย่างมากที่ได้ศึกษาเคล็ดวิชาลับตระกูลหวัง จึงทำให้สามารถขยายจุดตันเถียรได้รองรับและขยายเส้นปราณทั่วร่างกายเพิ่มการดูดซับพลังปราณมากกว่าคนอื่นหลายเท่าจึงทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้โดยตรง ยิ่งได้รับแรงหนุนจากจี้หยกโลหิตแล้วความสามารถในการดูดซับปราณฟ้าดินของหนิงอ้ายจึงไม่ต่างไปจากพยัคฆ์ติดปีกเสียแล้วในตอนนี้บทเวทย์โจมตีมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม!สภาพอากาศโดยรอบของเขตของบทเวทย์อากาศลดลงโดยฉับพลัน ปรากฎเป็นดอกบัวเหมันต์สีขาวบริสุทธิ์ดอกใหญ่แผ่อายความเย็นจาง ๆ ไปทั่วบริเวณ ตรงด้านบนเห็นเป็นเกล็ดบัวเหมันต์หิมะที่มีไอเย็นลอยตกลงไปทั่วเขตของบทเวทย์ เมื่อตกลงถึงพื

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่​19 ลอบสังหาร

    ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกแคว้นใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใจกลางของมหาทวีปบูรพา จึงทำให้รอบด้านทั้งสี่ทิศของแคว้นมีอาณาเขตติดกับอีกสามแคว้นใหญ่ที่เหลือ แคว้นเต่าดำมีรูปแบบการปกครองที่ชัดเจนโดยเเบ่งออกเป็นสิบมณฑลใหญ่มีเมืองสาขาหรือเมืองในการปกครองในเเต่ละมณฑลมากกว่าสิบเมืองในการดูเเล ทั้งสิบมณฑลใหญ่อยู่ในการปกครองส่วนกลางของแคว้นเรียกว่ามหานครแคว้นเต่าดำหากกล่าวให้เข้าใจด้วยง่ายคือแคว้นเต่าดำประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่นับร้อยเมือง มีหมู่บ้านอย่างมากมายกระจายกันไปทั่วทั้งแคว้น ต้องบอกว่าเเต่ละเมืองหาได้มีความเจริญเทียบเท่ากันไม่ เพราะบางเมืองมีอาณาเขตติดกับแคว้นอื่นมักจะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเป็นจุดเเลกเปลี่ยนสินค้า หรือบางเมืองยังคงรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันมาอย่างช้านานนับว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เเต่กับสิบมณฑลใหญ่ที่มีการปกครองดูเเลเมืองในรับผิดชอบของตนมักจะมีความเจริญและมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะผู้ปกครองมณฑลดังกล่าวมักจะเป็นเหล่าบรรดาผู้มีศักดิ์เป็นอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์นั่นเองคณะเดินทางของหนิงอ้

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่20 ตระกูลหวัง

    ขบวนรถม้าเดินทางยังคงดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน จุดหมายปลายทางคือจวนตระกูลหวังที่ตั้งอยู่ในมหานครแคว้นเต่าดำแห่งนี้ ตลอดเส้นทางเดินรถม้าได้ตัดผ่านหมู่บ้านน้อยใหญ่มากมาย สิ่งหนึ่งที่หนิงอ้ายสังเกตคือยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมหานครแคว้นเต่าดำมากเท่าใดความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองรวมไปถึงความคึกคักของตลาดเเลกเปลี่ยนสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น''ตรงด้านหน้าจะเป็นตลาดเมืองหลวงก่อนถึงจวนตระกูลหวัง หนิงอ้าย ลู่ซี เจ้าทั้งสองจะแวะก่อนหรือไม่?'' เยว่ซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มทั้งสอง เพราะหากพ้นเขตตลาดเมืองหลวงนี้ไปอีกเพียงไม่ถึงเค่อก็จะถึงจวนตระกูลหวังเเล้ว''แวะขอรับท่านเเม่ ข้าจะหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือให้ท่านตาและท่านยายด้วยขอรับ!'' หนิงอ้ายตอบมารดาไปในทันที ในโลกเดิมของเขาสำหรับการเข้าพบปะผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่า ตามมารยาทที่พึงกระทำแล้วผู้น้อยควรมีของฝากติดมือไปฝากเสมอ เป็นการเเสดงถึงความเคารพให้เกียรตินั่นเองนับว่าผิดจากหนิงอ้ายเคยคิดไว้ไปเสียมาก มหานครแคว้นเต่าดำนี้มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก อาคารบ้านเรือนสองข้างทางดูโอ่อ่าอลังการดูเเล้วเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก ถนนหนทางจากทุกมุมเมืองที่

    Last Updated : 2025-02-07
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่21 รูปลักษณ์ที่แท้จริง

    หนิงอ้ายปลดผ้าคลุมที่ปกปิดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามประหนึ่งนางเซียนในเรื่องเล่า สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าของทุกคนราวกับว่ามีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ทุกสิ่งในรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ความงดงามเช่นนี้เพียงแค่ได้มองก็ทำให้ผู้คนต่างลุ่มหลงไม่อาจละสายตา ความงามของหนิงอ้ายได้ฉายชัดเหมาะสมไปตามช่วงวัยอายุสิบห้าปีที่ว่ากันว่าเป็นช่วงผันผ่านเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ หากคิดว่าใบหน้ายามเด็กนั้นฉายแววความงดงามน่าเอ็นดููแล้ว เเต่ในตอนนี้ยิ่งปรากฏเค้าโครงความงดงามกว่าเดิมหลายเท่ายิ่ง ใบหน้ายาวเรียวรูปไข่รับกับคิ้วที่เรียงเส้นโก่งดั่งคันศรสีปีกกาส่งเสริมให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสผิวกายของหนิงอ้ายกระจ่างใสไร้ซึ่งมลทินใดทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วกลิ่นอายของร่างบางที่แผ่ออกมาให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ไม่ธรรมดาสามัญ ดวงตาเรียวงามสีฟ้าราวกับอัญมณีล้ำค่าที่ดึงดูดสายตาแก่ผู้พบเห็นได้โดยง่าย เมื่อพินิจเลื่อนลงมาก็จะพบริมฝีปากที่บางเรียวเป็นรูปกระจับสีชมพูระเรื่อน่าหลงไหล เส้นผมสีขาวเงินที่ถูกปล่อยยาวสยายไปกลางหลังนั่นยิ่งทำให้สัมผัสได้ว่าเป็นความงามที่ไม่มีจริงในโลกใบนี้ทางฝั่งของหวังจิ่งหลงกับเหมยฮวาเมื่อหายตก

    Last Updated : 2025-02-26
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่22 อักขระเวทย์โบราณ

    หลังจากในคืนที่ผ่านมาหนิงอ้ายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วจึงตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นตัวไม่มีร่องรอยความเมื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อวานปรากฏให้เห็น หลังจากจัดการล้างหน้าเเปรงฟันเสร็จแล้วตัวเขาจึงออกกำลังฝึกฝนวรยุทธตามความคุ้นชินตั้งเเต่ยามอยู่เรือนเล็กท้ายจวนตระกูลจาง แม้ว่าในยามปกตินั้นเขาจะวิ่งรอบจวนสักสิบรอบเสียก่อนจึงจะฝึกฝนวรยุทธการต่อสู้ต่าง ๆสำหรับเช้าของวันนี้ท่านตาหวังจิ่งหลงจะทำการสั่งสอนอีกทั้งถ่ายทอดบทเวทย์ที่เป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลหวังให้แก่เขากับลู่ซี พวกเขาทั้งสองขึ้นชื่อว่าเป็นลูกหลานของตระกูลหวังสายหลักของแคว้นเต่าดำเเล้ว เหลือเพียงกระทำให้ถูกต้องตามประเพณีที่ศาลบรรพชนของตระกูล อันเป็นสถานที่ต้องข้ามที่จะต้องมีวาระสำคัญเท่านั้นจึงจะมีการจัดทำพิธีที่ศาลบรรพชนดังกล่าวได้''หนิงอ้าย ก่อนหน้านี้หลานได้ศึกษาบทเวทย์โดยที่ยังไม่ได้เรียนรู้อักษรเวทย์พื้นฐานใช่หรือไม่?'' หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้น โดยที่พวกเขาทั้งสามคนได้ปลีกตัวกันมายังศาลากลางจวน โดยที่ที่นั่งด้านข้างหนิงอ้ายมีลู่ซีนั่งอยู่ติดกันไม่ห่างไปนัก''ขอรับท่านตา ก่อนหน้านี้ข้าได้ศึกษาเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาเป็นบทเวทย์เเรก ก

    Last Updated : 2025-02-26
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่23 ตลาดเมืองหลวง

    หนิงอ้ายได้ชวนลู่ซีเดินเที่ยวตลาดเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลหวังมากนัก ด้วยระยะทางที่สั้นเพียงนี้ในตอนแรกหนิงอ้ายตั้งใจว่าจะเดินเท้าไปเพื่อที่จะได้ซึมซับเอาบรรยากาศต่าง ๆ ของมหานครแคว้นเต่าดำ เเต่ลูซีเห็นต่างไปว่าหากนั่งรถม้าไปย่อมสามารถที่จะเลือกจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเอากลับจวนตระกูลหวังอย่างไรอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานประลองของแคว้นแล้ว คาดการณ์ว่าคงมีผู้ฝึกตนจากทั่วสารทิศเข้ามาร่วมงานประลองมากเป็นแน่เนื่องจากว่าของรางวัลสำหรับผู้ชนะในครั้งนี้ ทางแคว้นเต่าดำที่รับเป็นเจ้าภาพจัดงานค่อนข้างที่จะทุ่มงบประมาณอย่างมหาศาลเลยทีเดียว ของรางวัลสำหรับผู้ชนะทั้งสิบอันดับเป็นไปดังนี้ผู้ชนะอันดับหนึ่งการประลองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ และบทเวทย์ระดับสูงอีกสามบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลจำนวนสองหมื่นเหรียญทองผู้ชนะอันดับที่สองจะได้รับบทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับเทวะอย่างละหนึ่งบทเวทย์ บทเวทย์ป้องกันและบทเวทย์โจมตีระดับสูงอย่างละหนึ่งบทเวทย์ อีกทั้งยังได้เงินรางวัลทั้งสิ้นจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทองผู้ชนะอันดับที่สามจะได้รับบท

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่24 กระบี่หมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์

    ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้หนิงอ้ายได้ฝึกฝนเข้มงวดอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทักษะการต่อสู้และวรยุทธต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้บทเวทย์ให้คุ้นชินมากที่สุด ทุกสิ่งที่เขาได้ลงแรงทำไปไม่ใช่เพียงเพื่อให้มารดาของเขาได้ภูมิใจเท่านั้น เเต่สิ่งที่ตัวของหนิงอ้ายกำลังทำอยู่ในตอนนี้ย่อมเป็นตัวเขาเองเช่นกันที่ได้รับประโยชน์นี้ไปในที่สุดสำหรับโลกใบนี้หลังจากที่เขาได้ลืมตาฟื้นขึ้นมาจากความตายครั้งนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีเพียงผู้ที่เเข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะไม่ถูกรังแก และเป็นผู้ที่สามารถควบคุมทุกสิ่งอย่าง พลังอำนาจเองก็ยังคงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผลักดันให้สามารถอยู่จุดสูงสุดได้เสมอ เพราะโลกของชาวยุทธภพนี้ทุกคนย่อมให้ความเคารพมีความอ่อนน้อมแก่ผู้ที่เเข็งแกร่งอีกทั้งยังยำเกรงต่อผู้มีอำนาจนั่นเองหนิงอ้ายมองดูกระบี่สีขาวในมือที่ถูกแกะสลักกลวดลายงดงามแปลกตา นี่เป็นกระบี่ที่เขาตัดสินใจซื้อมาจากร้านค้าอาวุธวิเศษเมื่อตอนที่ได้ไปตลาดในช่วงเย็นวันนี้ที่ผ่านมากระบี่หมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เล่มนี้ที่คนแนะนำประจำตรงบริเวณอาวุธวิเศษ ได้บอกแก่หนิงอ้ายว่ากระบี่เล่มนี้อยู่ในร้านค้านี้มานานแล้ว ทว่า

    Last Updated : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่25 เคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือพิฆาต

    หลังจากทำการผูกพันธะสำเร็จเเล้ว หนิงอ้ายสามารถทำการสื่อสารกับกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เล่มนี้ได้เช่นเดียวกับที่พูดคุยกับเจียวซิ่น ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงมิติที่มีความพิศดารลึกล้ำ อันเป็นพื้นที่สีขาวบริสุทธิ์ที่ไม่อาจรับรู้ได้ถึงจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดใดใดทั้งสิ้น ทว่าในความเข้าใจและไม่เข้าใจในความลึกลับของพื้นที่ในมิติลึกลับว่างเปล่า ได้เกิดเป็นความปั่นป่วนสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ก่อนที่จะสงบหยุดนิ่ง เมื่อจิตสำนึกของหนิงอ้ายค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น แสงสีขาวได้ปรากฎขึ้นสว่างจ้าก่อเกิดเป็นเงาร่างขนาดใหญ่ที่แผ่กลิ่นอายความไม่ธรรดาอย่างปิดไม่มิด"ข้าหวังหนิงอ้าย คำนับผู้อาวุโสขอรับ!!"ทันทีที่เขาพูดจบตัวกระบี่ได้เกิดประกายเเสงและสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะสงบเงียบไปราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดสิ่งใด แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีเสียงตอบกลับเเต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ตัวกระบี่มีการตอบสนองนั้นราวกับว่ารับรู้ได้ว่าหนิงอ้ายเอ่ยคุยสิ่งใดเเต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น'เจ้าชื่อหวังหนิงอ้ายอย่างนั้นรึ?? ลูกหลานตระกูลหวังที่มีความบริสุทธิ์เข้มข้นทางสายเลือดยิ่ง...''เอาละ!! ข้าจะทำการถ่ายทอดเคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเห

    Last Updated : 2025-03-06

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status