Share

ปฐมบท 2 หลิ่งหลิน2

Author: LiHong
last update Last Updated: 2025-07-24 22:35:36

งานเลี้ยงในหมู่บ้านนิยมดื่มกินตอนพลบค่ำ ลากยาวไปจนดึก หรงเอ๋อร์จึงจำต้องเข้าครัวทำกับข้าวง่ายๆ ที่ทำได้กินคนเดียวเงียบๆ แม้ไม่อร่อยแต่ท้องก็อิ่มพอให้มีแรงสู้ต่อ

คืนนั้น ใครจะคาด ขณะที่ลิ่งซือกับหรูอี้ยังไม่กลับ หรงเอ๋อร์ซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากงานกำลังนอนหลับบนเตียง           เหวินอี้ที่ไปทำการค้าต่างเมืองนานร่วมเดือนจะกลับมาพอดี

เขารู้ระหว่างทางกลับเข้าบ้านว่าสกุลตู้มีงานเลี้ยง ภรรยาและบุตรสาวไปร่วมงานรื่นเริงนั้น ยามนี้ยังไม่กลับ หรงเอ๋อร์อยู่บ้านคนเดียว จับจังหวะดีมาก หาได้ยากยิ่ง

ลูกติดภรรยาผู้นั้นเป็นบุปผาที่เริ่มเบ่งบานเต็มทีแล้ว ยิ่งเติบโตเต็มวัยยิ่งมีใบหน้าที่พิลาสล้ำ งดงามพรั่งพร้อม 

เสียงประตูดังแอ๊ดเมื่อถูกเปิดออกอย่างไม่แรงไม่เบา อาจเพราะรีบกลับและรีบเข้ามาจึงลืมผ่อนกำลังที่ฝ่ามือ เมื่อเข้าห้องของลูกเลี้ยงมาได้ เหวินอี้รีบปิดประตูดังปึก ลั่นดาลลงกลอนอย่างแน่นหนา 

รอยยิ้มชั่วร้ายผุดวาบบนใบหน้าคล้ำแดด

ในห้องที่เข้า เรือนร่างอรชรที่มีส่วนโค้งเว้างามงอนของหรงเอ๋อร์กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงอย่างเดียวดาย

อาจเพราะงานหนักที่ต้องออกแรงทั้งวัน ทั้งเก็บผักหาของป่าและนำไปเร่ขายตลอดทั้งวันใช้พลังมากเกินไป นางจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังมีสิ่งใดเข้ามา

เภทภัยที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตสตรีกำลังกล้ำกลาย

ผ้าห่มถูกเปิดออกจากกายบาง ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูง ฝ่ามือร้อนผ่าวล้วงเข้ามา ลูบไล้จากปลายเท้าเล็กน่ารัก            ไต่ระดับความลึกล้ำขึ้นมาถึงโคนขาอ่อนที่เนียนลื่นนั้น

หรงเอ๋อร์เริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ครั้นได้สติตื่นขึ้นมาพลันพบว่าเหวินอี้กำลังขึ้นคร่อมทาบทับบนกายนาง 

“หรงเอ๋อร์คนงาม เป็นของข้าเถิดนะ”

เสียงกระเส่าแหบพร่าอันน่ารังเกียจนั้นทำหลิ่งหลินตื่นเต็มตาในเสี้ยวเวลา ตรงกับจังหวะเดียวกับที่สายรัดเอวถูกมือใหญ่คลำมาเจอและกำลังจะกระตุกเพื่อกระชากออก

หรงเอ๋อร์เบิกตากว้าง เข้าใจเรื่องราวบัดสีได้ทันใด แน่นอนว่านางไม่มีทางยอม เจ้าชั่ว!

“ปล่อยนะ!” หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก รั้งสายรัดเอวไว้ หนีบขาตัวเองแน่น ปกป้องส่วนสำคัญ มิให้ชายเหนือร่างแทรกกายลงมาได้

“ไม่เอาน่า เด็กดี ไม่ดื้อ บิดาจะรักถนอมเจ้า”

อาจเพราะสัญชาตญาณหรือเลือดนักสู้ในกายนาง มีดใต้หมอนถูกดึงออกมาแล้วปักฉึกตรงลำคอเหวินอี้อย่างไม่ต้องยั้งคิด หรงเอ๋อร์บิดแล้วดึงออก จากนั้นแทงซ้ำ แทงย้ำให้ลึกกว่าเดิมแล้วดึงออกอย่างแรง

“อ๊ากกกกกก”

เสียงของเหวินอี้โหยหวนเหมือนวัวตัวโตถูกเชือด เลือดสีแดงฉานกระฉูดเต็มใบหน้าจิ้มลิ้มของหรงเอ๋อร์ 

แววตานางกร้าวขึ้นด้วยแรงโทสะท่วมฟ้า

ร่างใหญ่ถูกถีบจนล้มกลิ้งลงพื้นข้างเตียงดังโครม หรงเอ๋อร์ลุกตามมา กระชับมีดในมือแทงร่างหนานั้นไม่ยั้ง ยังไม่ลืมตัดเอ็นชั่วกลางลำตัวจนขาดกระเด็น

“อึกๆ อั่ก...”

ยามนี้เหวินอี้สิ้นไร้เส้นเสียง แหกปากแทบฉีกแต่กลับร้องไม่ออกอีกแล้ว ทำได้เพียงเบิกตากว้างมองหรงเอ๋อร์อย่างตกตะลึงพรึงเพริดด้วยคิดไม่ถึง

มิคาดว่าแม่นางน้อยผู้หนึ่งจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้

มีดคมกริบยังคงปักฉึกๆ ลงในเนื้อหนังอย่างต่อเนื่อง หรงเอ๋อร์กระชับมีดกระหน่ำแทงไม่ยั้ง ดวงตานางแดงก่ำ ประกายในแววตาเต็มไปด้วยความขยะแขยงชิงชัง 

มีดเล่มนี้หรงเอ๋อร์พกพาตลอดเวลา มันใช้งานได้ดีและถนัดมือยิ่ง โดยเฉพาะตอนฆ่าสัตว์ 

สาวน้อยใช้มีดเล่มนี้ตัดคอแล่เนื้อเถือหนังสัตว์ป่า เพราะนางต้องขึ้นเขาหาของป่าและล่าสัตว์ลงมาขายทุกวัน จะไม่สันทัดได้อย่างไร

“อั่ก...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 4 (จบบริบูรณ์)

    “ไปตายซะ” เขาลุกขึ้นพุ่งร่างเข้ามาตะปบจูรั่วซีแล้วตบตีฉาดใหญ่ “โอ๊ย! เฉินอี้ ท่านบ้าไปแล้วเรอะ”“ข้าจะฆ่าเจ้า”“กรี๊ด!”ทั้งสองตบตีพัลวันยิ่งกว่าสุนัขกัดกันเสียอีก สภาพยามนี้ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและบุคลิกเฉพาะบุคคลยิ่งกว่าขมุกขมัวมอมแมม เรียกว่าไม่เหลือสง่าราศีใดหวังเหลียนหรงนั่งมองภาพนั้นอย่างเวทนา พลางโบกมือส่งสัญญาณ “ไปจับแยกเสียหน่อย รำคาญยิ่ง”“ขอรับ”เมื่อสมุนสงบศึกด้วยการกดตัวจับมือไพล่หลังทั้งชายหญิงให้คุกเข่านิ่งๆ อยู่คนละมุมห้องขังได้แล้ว หวังเหลียนหรงหรี่ตาลงขณะเอ่ยกับจูรั่วซีต่ออีกว่า “เรื่องความโง่งมเกินบรรยายของเขานั้นช่างเถิด ตอนนั้นข้าถูกเนรเทศก็ปลงตกยอมจำนนคิดเพียงว่าขออยู่อย่างสงบสุขแดนไกล แต่เป็นเจ้าเองที่ไม่รามือ!”นางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะดังปึกน้ำชากระชอก จูรั่วซีพลันสะดุ้งโหยง“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่อาจสืบจนล่วงรู้ ครั้งที่ข้าถูกเนรเทศ เจ้าส่งนักฆ่ามาลอบสังหารข้าระหว่างทางอย่างจงใจให้ใกล้รังโจรพอดิบพอดี ข้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเพียงสองทางเลือก คือยอมตายกับหนีตายเข้าป่า และใช่ ข้าหนีตาย ถูกโจรป่าเถื่อนจับตัวไป ถูกทำให้หายตัวอย่างไร้ร่องรอย สตรีเลวทรามเช่นเจ้า ข้าสมควรป

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 3

    จูรั่วซียิ่งตัวสั่นน้ำตาไหลพราก ปากละล่ำละลักว่า “เป็นเฉินอี้ที่โง่เอง เขาเบาปัญหาถึงเพียงนั้น ข้าใส่ความเจ้าแค่ผิวเผินเขาก็เชื่อ ทุกแผนการที่ข้าทำเพราะเขาไร้ปัญญา ข้าจึงแทบไม่ต้องเปลืองแรง”“อ้อ...เฉินอี้เขลาปานนั้นเชียว?”“ใช่ เขาโง่จะตาย” หวังเหลียนหรงยิ้ม “อา...เพราะเขารักเจ้าปะไรถึงเชื่อเจ้าอย่างหมดใจ”จูรั่วซีรู้สึกได้ถึงมีดเย็นเฉียบที่ข้างแก้มของตน “เขาหน้ามืดตาบอดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ” นางพูดจนลิ้นแทบพันกัน “สาเหตุที่เจ้าต้องตกระกำลำบากล้วนเป็นเพราะเขา ไม่เกี่ยวกับข้า”เสียงของสองสตรีพูดคุยไปมาทำเฉินอี้หน้าคล้ำหวังเหลียนหรงหันมาถามเขา “ท่านได้ยินหรือไม่?”“รั่วซี เจ้า!”“ไม่เอาน่า” หวังเหลียนหรงหันกลับมาทางเขา ไล้มีดเล่มเดิมตรงสันกรามอีกครา “บุรุษหูเบาหน้ามืดตาบอดต้องถูกลงโทษอย่างไรดีเล่า?”“เจ้าจะทำอะไรอีก อย่า!” เฉินอี้เสียงเครียดหวังเหลียนหรงหรี่ตา “หูเบานักก็ต้องตัดหูซะ”ฉับ! “อ๊า....”ทันทีที่มีดสะบัด หูของเฉินอี้พลันขาดกระเด็น“ดวงตามืดบอดไม่มองสิ่งใดให้กระจ่างก็ไม่ต้องมองอีกต่อไป”ขวับ!หวังเหลียนหรงกรีดตาข้างหนึ่งของเฉินอี้“อ๊ากกกก”เสีย

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 2

    “บุตรชายที่ท่านอุ้มชูหมายให้สืบบัลลังก์ทองเป็นเพียงลูกนอกสายเลือดที่นังหญิงชั่วนำมาสวมรอยตอนตั้งครรภ์ปลอม”ม่านตาเฉินอี้พลันหดแคบลงอย่างที่สุด “อ่ะ อะไรนะ?”หวังเหลียนหรงยังคงยิ้ม “ท่านถามนางดูสิ”“จูรั่วซี!” เฉินอี้หันไปตวาดถามสตรีด้านข้าง “เป็นจริงอย่างที่นางพูดหรือไม่?” คนถูกถามได้แต่บื้อใบ้ นางเอาแต่เบิกตามองหวังเหลียนหรงอย่างไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร ไม่ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ นี่คือความลับอย่างที่สุด นางทำอย่างแยบยลที่สุด หลายปีไม่มีใครรู้เลยสักคนจูรั่วซีส่ายหน้าระรัว ทว่าในดวงตาที่สั่นไหวกลับเผยความนัยชัดเจนและนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบเฉินอี้พยายามดึงแขนออกจากแท่นตรึงไปเขย่าร่างของจูรั่วซีมาเค้นถามให้รู้เรื่องมากกว่านี้แต่ทำไม่ได้ เขาจึงหันมาคำรามใส่อดีตชายาเสียงเข้ม “ปล่อยข้า!”หวังเหลียนหรงไม่ทำตามเพียงแย้มยิ้มเฉิดฉาย “ไม่เจอกันนานเลยนะสามีข้า นิสัยของท่านก็เช่นนี้ หลายปีไม่เคยเปลี่ยน หยิ่งยโสทระนงคิดว่าตนยิ่งใหญ่เหนือใครในใต้หล้าเสียเต็มประดา ยามนี้ยังกล้าสั่งข้า? ฮึ! ช่างไม่เจียมตน!” วาจาปลายประโยคของนางเย็นชาพลางยกมีดขึ้นไล้ตามสันกรามคมคายที่เคยหล่อเหลาขาว

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   บทส่งท้าย สัจธรรมกฏแห่งกรรม 1

    ในคุกใต้ดิน บุรุษและสตรีถูกตรึงไว้บนไม้ทั้งสองแม้จะอยู่ภายใต้อาภรณ์สีขมุกขมัว และเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อนเกรอะกรัง แต่ก็ยังพอมองออกว่ารูปงามปานใด ผิวพรรณขาวกระจ่างอย่างคนสุภาพดีแค่ไหนหวังเหลียนหรงพลันนึกตัวเองที่ตรงกันข้าม ผิวพรรณของนางเดิมทีดีมาก หากแต่เพราะอยู่รังโจรหลายปีนั้นผิวนางทั้งหยาบกระด้างและหม่นหมองสุขภาพก็ไม่สมบูรณ์แข็งแรงดุจเก่า ถูกชำเราถูกย่ำยีจนนับครั้งไม่ถ้วน ผลพวงจากการถูกเคี่ยวกรำทำให้ทุกวันนี้มีโรคเรื้อรังติดกาย แม้อยู่สุขสบายดีขึ้นแต่จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ยิ่งคิดถึงเรื่องเหล่านี้ คิดถึงคืนวันที่บัดซบสิ้นดี หวังเหลียนหรงก็ยิ่งมองอดีตสามีกับหญิงชู้ของเขาด้วยสายตาชิงชังเคียดแค้นเป็นหมื่นเท่าพันทวี“เจ้าจงมองให้ดี สองคนนี้คือคนที่ทำให้ชีวิตพวกเราแม่ลูกอัปยศยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นยี่สิบกว่าปี”หลิ่งเฮ่อยืนด้านข้างมารดามองผู้เป็นบิดาอย่างเย็นชา “ได้พบหน้าเสียที ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีใบหน้าเหมือนเขาถึงเพียงนี้”ชายหนุ่มไม่เคยมีความคิดเรียกเฉินอี้ว่าท่านพ่อ สรรพนามจึงห่างเหินปานนั้นสวีหลิงเยี่ยนในร่างหลิ่งหลินก็อยู่ด้วยนางว่า“ยิ่งมองยิ่งเหมือน ไม่บ

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   เล่มพิเศษตอนที่ 10 ประมือผู้เยี่ยมยุทธ 2

    นานร่วมเดือนจึงพากันออกมาประลองยุทธที่ลานฝึกด้านนอก บางครั้งยังพากันออกไปฝึกฝนบนยอดภูผา ใช้ทักษะการเอาชีวิตรอดกลางป่ากินคน ดำดิ่งลงสู้ก้นทะเลสาบมรณะ ระหว่างนั้นยังฝึกทักษะการเผชิญหน้าต่อสถานการณ์เลวร้ายรูปแบบต่างๆ เรียกว่าสอนสั่งอย่างครบถ้วนยิ่งกว่าศิษย์อาจารย์ระหว่างหลิ่งหลินกับสวีหลิงเยี่ยนนั้นเรียกว่ายอดฝีมือปะทะยอดฝีมือโดยแท้ ร่างเก่าของหลิ่งหลินฝึกสรรพวิชาจนสำเร็จขั้นสุดยอดเพียงถ่ายทอดให้วิญญาณได้รู้จักนำพลังที่แท้จริงออกมาใช้ก็เท่านั้น ส่วนร่างของสวีหลิงเยี่ยน เมื่อได้วิญญาณหลิ่งหลินครอบครองพร้อมปราณพิเศษที่ตามติดมาด้วยกัน ทำให้นางที่เป็นคนสอนกลับพัฒนาพลังให้ร่างกายตนได้เช่นกัน สตรีสองคนจึงกลายร่างเป็นนางมารสองตัว ความน่ากลัวในฝีมือยุทธไต่ระดับขึ้นสูงจนทัดเทียมริมลานฝึกนั้น หลิ่งเฮ่อกับจ้าวหมิงอวี่กำลังนั่งจิบชาเดินหมาก สนทนาอย่างไม่มีเบื่อหน่ายในฐานะสามี บุรุษทั้งสองล้วนต้องอยู่ให้กำลังใจภรรยา คอยดูแลส่งข้าวส่งน้ำมิขาดสาย “องค์ชายดูสบายอกสบายใจเหลือเกินนะ” หลิ่งเฮ่อเอ่ยกับอีกฝ่ายที่เดินหมากด้วยกันจ้าวหมิงอวี่คลี่ยิ้มมุมปาก หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่มีทางอารมณ์ดียามอยู่กับหลิ่

  • บุปผาวารีสลับวิญญาณสยบมังกร   เล่มพิเศษตอนที่ 10 ประมือผู้เยี่ยมยุทธ 1

    ท้องนภากว้างมืดมิด ดวงดาวระยิบระยับ สาดส่องทั่วพสุธา ลมหนาวดุจคมมีด กรีดเฉือนเนื้อคนลานฝึกขนาดใหญ่กลางพงไพรไร้ศาสตรา บริเวณนี้เป็นเชิงเขาชายป่าเชื่อมลานฝึกยุทธวิถี หลิ่งหลินในร่างดรุณีตัวเล็กอายุสิบหกปียืนตระหง่านเบื้องหน้าสตรีตัวสูงวัยยี่สิบห้าอย่างท้าทายนางสูงเพียงครึ่งศีรษะของอีกฝ่าย ทั้งยังต้องเงยหน้าจนเมื่อยลำคอไปหมด“ว่าอย่างไร? หากเจ้าไม่สู้ ข้าจะเก็บตัวฝึกวิชาอสูรผลัดกายแล้วนะ รับรองได้ว่าใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้าจะสามารถเรียกร่างของตัวเองคืนมาได้ในพริบตา”สวีหลิงเยี่ยนก้มมองร่างเก่าของตนเงียบงัน ความหมายนั้นมิใช่เรียกสามีคืนด้วยหรือไร?ในที่สุดสวีหลิงเยี่ยนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ได้ ข้าจะสู้”“ดี” หลิ่งหลินเสียงเข้มขึ้น “เจ้าจงสาบาน! ไม่ว่าเจ็บเจียนตาย จะรักษาร่างนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด”“ได้ ข้าสาบาน” สวีหลิงเยี่ยนสูดลมหายใจลึก เริ่มฮึกเหิมโดยไม่รู้ตัว เพื่อได้อยู่กับหลิ่งเฮ่อต่อไป นางจะต้องสู้“ลงมือ!”หลิ่งหลินพาร่างเล็กของตนพุ่งกระโจนใส่อีกคนที่ตัวโตสูงกว่า การต่อสู้เกิดขึ้นกลางลานกว้างนั้นทันที เพียงแต่มิได้รุนแรงดังที่สวีหลิงเยี่ยนนึกหวาดหวั่น“ท่านออมแรงให้ข้าหรือ?” สวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status