“กล่าวเช่นนี้อยากให้ข้ากล่อมนอน...” เขายังกล่าวไม่ทันจบนางก็รีบเอ่ยสวนขึ้นมาก่อน
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ รู้จักกันมาตั้งนานหลายปี ข้าเพิ่งทราบว่าท่านหลงตนเอง”
“หากเทียบกับเจ้า ข้าว่าข้าหลงเจ้ามากกว่าหลงตนเอง” หยวนลี่หมิงกล่าวแล้วจ้องนางแววตาพราวระยับ สองเท้าเข้ามาใกล้ทำให้นางรีบก้าวเท้าถอยหนี
“พอเลยเจ้าค่ะ ท่านเลิกล่อลวงข้าได้แล้ว”
“ข้ายังต้องล่อลวงเจ้าอีกหรือ มิใช่ยามนี้เจ้าหลงใหลข้าทุกลมหายใจแล้วหรือ”
“ข้าไม่สนทนากับท่านแล้วรีบกลับเรือนตนไปได้แล้วเจ้าค่ะ” เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นนี้ ประเดี๋ยวนางหลวมตัวให้เขาจะทำเช่นไร
&nbs
“กระหม่อมตัดลิ้นของเขาไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องเอ่ยวาจาน่ารังเกียจออกมา” “เจ้าลงโทษอันใดเขาไปแล้วบ้าง” เซี่ยอี้หานกล่าวพลางมองคนที่ถูกตรึงกับไม้ “ยังไม่ได้ลงโทษอันใดมากพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ตัดลิ้น ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเพียงเท่านั้นขอรับ” “อืม ลองเอามีดเฉือนเนื้อเขาวันละชิ้นสองชิ้นสิ แล้วเอาเกลือทาที่แผล หากใกล้จะตายก็รีบเอาหมอมารักษา อย่าให้ตายง่าย ๆ จนกว่าจะเห็นกระดูกทั่วร่าง” ยามเอ่ยมุมปากของคังอ๋องประดับด้วยรอยยิ้มคล้ายกับกำลังสนทนาเรื่องโคลงกลอนทั่วไป “อื้อ ๆ” ฝูซื่อพยายามส่ายหน้า น้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว “กระหม่อมก็คิดเช่นนั้น แต่กระหม่อมกลัวคนของกระหม่อมจ
18 สะสางและสมหวัง หยวนลี่หมิงพาคนที่เขาเลี้ยงไว้บุกจวนตระกูลฝูกลางยามจื่อ (23.00-00.59) ทุกคนที่อาศัยอยู่ในตระกูลฝูถูกเขาสั่งสังหารทั้งหมด เสียงร้องขอชีวิตและเลือดที่สาดกระเซ็นปลอบประโลมความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในอกเขานับสิบปี ยามที่ลงดาบเพื่อปลิดชีวิต เขาเอ่ยวาจาซ้ำ ๆ ว่า ‘หากจะโทษก็โทษความชั่วช้าของฝูซื่อ
“ก็ไม่แน่นะเจ้าคะ ว่าใครจะหลงใหลมากกว่ากัน” “ยามนี้คงเป็นข้ามากกว่าที่หลงใหลเจ้า” กล่าวจบก็รั้งตัวนางเข้ามากอดก่อนจะดันออกเล็กน้อยเพื่อกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน “ท่านรีบกลับจวนของตนไปได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวผู้คุ้มกันมาเห็นเข้าแล้วไปรายงานท่านพ่อ ท่านจะเดือดร้อนเอาได้นะลี่หมิง” หลังจากทราบฤกษ์กราบไหว้ฟ้าดิน บิดาของนางประกาศกร้าวห้ามนางออกจากจวนไปพบหยวนลี่หมิง จนกว่าจะถึงวันแต่งพร้อมทั้งให้อดีตคุณชายใหญ่หมิงเลี่ยงรุ่ยย้ายออกจากจวนตระกูลหมิงไปและห้ามพบเจอกันจนกว่าจะถึงวันกราบไหว้ฟ้าดิน ที่บิดาของนางทำไปเช่นนั้นก็เพื่ออยากเอาคืนบุรุษเจ้าเล่ห์ที่ตนเลี้ยงดูมากับมือที่เร่งรีบจนทำผู้อาวุโสทั้งหลายวิ่งวุ่นกันไปหมด “ข้าดีใจยิ่งนักที่เจ้าเป็นห่วงข
นานนับครึ่งชั่วยามที่เขาอยู่สนทนากับท่านน้าทั้งสอง ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อลูกน้องของเขามาตาม ซึ่งพอเขาได้ยินเรื่องที่ฝูหว่านอิ๋งลอบติดตามนาง เขาจึงรีบตรงไปหานางเพื่อคุ้มครองทันที นัยน์ตาคมที่ฉายแววอ่อนโยนทอดมองสตรีที่นอนหลับอยู่บนเตียงของเขา มือใหญ่ลูบไล้มือเรียวที่จับอยู่อย่างเบามือ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏบนใบหน้าเมื่อคิดถึงเรื่องบางอย่าง เพราะเขาสั่งคนเปิดทางให้ ท่านน้าหลิวซีจึงสามารถเดินมาเปิดประตูห้องของเขาได้โดยไม่มีใครขัดขวาง ตั้งใจให้บิดาของนางมาเห็นว่าแท้จริงข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาที่รู้ว่านางยังขุ่นเคืองเรื่องที่เขาแสร้งเมินเฉยนาง ทำให้นางร้องไห้เสียใจ จึงคิดจะใช้คหบดีหมิงมาช่วยทำให้เขาได้กราบไหว้ฟ้าดินกับนางเพราะกลัวนางจะเปลี่ยนใจไปจากเขาก่อน&
“ท่านนี่ก็เหลือเกินไม่ยอมบอกความจริงกับข้า ปล่อยให้ข้าโกรธเคืองด่าทอได้ตั้งนาน” “ข้าขอโทษ ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าหวาดกลัว จึงไม่บอกกล่าว” “ท่านกลัวข้าหวาดกลัวแต่ไม่คิดกลัวว่าข้าจะหอบลูกกลับบ้านเดิมหรือ” กล่าวจบหมิงฮูหยินก็ทำท่าแง่งอนสามีตน “ข้าย่อมไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นแน่นอน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปล่อยให้เจ้าด่าทอและยอมรับผิดทุกอย่าง” “ข้าต้องขออภัยหมิงฮูหยินด้วยนะขอรับที่ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจมาตลอดเก้าปี” “ข้าก็ต้องขอโทษเจ้าเช่นกันที่ลงโทษเจ้าไปมากมาย” แม้ทุกครั้งจะทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นการใส่ร้ายของบุตรสาว แต่นางก็ยินดีที่จะลงมือเพื่อระบายโทสะตน แต่เพราะในช่วงหนึ่
แววตาของหยวนลี่หมิงฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นในทันที เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะลงมือทำ หลังจากมอบจดหมายให้เพ่ยตงนำไปมอบให้เปี่ยวเกอกับท่านตาของตนแล้ว เขาก็กลับไปหาว่าที่ฮูหยินของตน “เหตุใดท่านไปนานนัก แล้วท่านพ่อข้าเล่า เขากลับไปแล้วหรือ” “อืม ท่านพ่อตากลับไปแล้ว เห็นบอกว่าจะรีบไปสนทนากับท่านแม่ยายถึงเรื่องการต้อนรับท่านตาและท่านลุงของข้าในวันพรุ่งนี้” “ท่านหมายความว่า...” “บิดาเจ้า ยินดียกเจ้าให้แต่งกับข้า” “เป็