เข้าสู่ระบบ“สวัสดีหนูแฟน ไปกับพวกเขาด้วยเหรอ” ถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกมแปลกใจ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาทันที ที่ได้เจอหน้าเธอก่อนเข้าบริษัท หน้าที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ได้ร่วมงานกัน
“ค่ะคุณเป้” ธิมาดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง แม้จะทำงานกับเขามานานหลายปี แต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ เพราะเดือน ๆ หนึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ
“ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ฐวรรษบอกเพื่อนแล้วหันมารับไหว้จากสองสาว
“พี่ต้นคะ” ธิมาดาเดินตามเขาไปใกล้ ๆ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถ “น้องปลายฝากบอกสวีตดรีมค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอกระซิบบอกเบา ๆ แล้วโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้
ฐวรรษพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู แต่ไม่กล้าส่งสายตาไปทางหญิงสาว เพราะกริ่งเกรงต่อสายตาของพี่ชายเธอ รีบเปิดประตูขึ้นรถแล้วแอบมองเธอผ่านกระจกรถ
ยุทิตย์เห็นท่าทางสนิทสนมของเพื่อนรักกับรุ่นพี่ของน้องสาว แล้วรู้สึกหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เธอสนิทสนมกับเพื่อนของเขาได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาบ้าง
ทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนที่เธอยังเป็นแค่รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของน้องสาวเขา แม้จะไม่ได้สนิทกัน แต่เธอก็เรียกเขาว่าพี่เป้ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน แล้วเดี๋ยวนี้เธอเป็นอะไร ทำไมเขาถึงกลายเป็นคุณเป้ไปได้ ทำไมถึงทำตัวห่างเหินกับเขานัก
ยุทิตย์มองหน้าน้องสาวเหมือนจะขอความเห็น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากส่งยิ้มให้
“เข้าบ้านเถอะน้องปลาย หนูแฟน ดึกแล้ว พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก” เขาดันหลังน้องสาวให้เดินนำเข้าไปพร้อมกับหญิงสาวอีกคน แล้วตัวเองเดินปิดท้าย มองด้านหลังได้สัดส่วนของเธอ แล้วอยากจะดึงเข้ามากอดให้หายคิดถึง แล้วถามว่าเมื่อกี้พูดอะไรกับเพื่อนเขา ทำไมต้องส่งยิ้มหวานให้กันขนาดนั้น รู้มั้ยว่ามันทำให้เขาหึง แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
………………
“ปลาย พี่ขอนอนกับปลายนะ” ธิมาดารีบบอกเจ้าของบ้าน เมื่อเดินขึ้นบันไดด้วยกันสองคน
ทิตยาหัวเราะอย่างรู้ทัน เธอรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้กลัวผีจนขึ้นสมอง “บ้านปลายไม่มีผีหรอกค่ะพี่แฟน”
“ไม่รู้แหละ ไม่งั้นก็หาหนังสือสวดมนต์มาให้พี่ก่อน พี่ถึงยอมนอนคนเดียว” บ้านหลังอย่างกับวังแต่อยู่กันแค่สองคนพี่น้อง ห้องนอนก็กว้างจนวังเวง แค่มองซ้ายมองขวาก็ขนลุกซู่แล้ว เธอจะไม่นอนคนเดียวเด็ดขาด
“ค่ะ ๆ ๆ นอนด้วยกันก็ได้ แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำไมต้องทำหน้าตื่นด้วยล่ะ” ทิตยาหัวเราะกับท่าทางขี้ขลาดของอีกฝ่าย เปิดประตูห้องนอนแล้วผายมือให้เธอเข้าไปก่อน
..................
ทิตยาเดินออกจากห้องน้ำและเห็นรุ่นพี่ยังไม่หลับ จึงขึ้นไปนั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ กับเธอ
“พี่แฟน”
“หือ”
เธอมองหน้าธิมาดาอย่างชั่งใจ.. “พี่คุยอะไรกับพี่ต้นเหรอคะ ปลายเห็นเขายิ้มหน้าบานเชียว” สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะใจเธอ
“อ๋อ พี่ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ของพี่แบตหมดเกลี้ยงเลย ลืมเอาที่ชาร์ตมาด้วย” ธิมาดาไม่ยอมตอบคำถามอยากรู้ของรุ่นน้องคนสวย แต่กลับวางแผนบางอย่างไว้ในใจ
“เอาสายชาร์ตของปลายไปใช้ก่อนมั้ย”
“ใช้ไม่ได้หรอก มันคนละรุ่นกัน เครื่องพี่เป็นรุ่นเก่า หัวชาร์ตมันจะเล็กกว่า”
“พี่แฟนก็ใช้เครื่องของบริษัทสิ ทำไมต้องใช้ของตัวเองด้วย”
“พี่ดันลืมไว้ที่บริษัทน่ะสิ เพราะปลายนั่นแหละที่เร่งพี่ พี่เลยลืมหมดเลย”เธอพยายามหาข้ออ้าง ทั้งที่จริงแล้วโทรศัพท์ทุกเครื่องนอนอยู่ในกระเป๋า และแบตยังไม่หมด
“นี่ค่ะ ๆ” ทิตยายื่นโทรศัพท์ให้เมื่อถูกโยง
ธิมาดาหัวเราะชอบใจ รับโทรศัพท์ที่รุ่นน้องส่งให้แล้วทำทีเป็นกดเบอร์“ทำไมไม่รับสายนะ ส่งข้อความดีกว่า”
“สมัยนี้ยังมีคนส่งข้อความหากันอีกเหรอคะ”
“ก็มันสุดวิสัยนี่” เธอไม่ได้ส่งข้อความ แต่กำลังพิมพ์ไลน์ต่างหาก ส่งไปยิ้มไปก่อนจะลบข้อความทิ้งเพื่อลบร่องรอย “เรียบร้อย ขอบใจมากจ้ะปลาย” แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้เธอ
…………….
คอนโดของฐวรรษ
ฐวรรษกำลังนั่งจิบบรั่นดีอยู่ที่หน้าบาร์เล็กๆ ภายในห้องชุดสุดหรู ที่เพื่อนรักมอบให้เป็นห้องประจำตำแหน่งพร้อมกับรถยนต์อีกหนึ่งคัน เขาหยิบโทรศัพท์มาดูเมื่อมีเสียงไลน์ดังเตือน
‘ฝันดีนะคะ พี่ต้นของน้องปลาย’
ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับข้อความไลน์ แล้วตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติว่าไม่ได้ฝันหรือเริ่มเมาจนเลอะเลือนไป
“พี่มีสิทธิ์ที่จะรักน้องปลายใช่ไหมครับ” เขาพูดฝากไปกับอากาศในยามค่ำคืนอย่างสุขใจ น้ำสีอำพันที่ดื่มเมื่อครู่หมดความหมายในทันที.. เขาพิมพ์ข้อความกลับไปให้เธอ แล้วลุกจากหน้ามินิบาร์ไปที่ห้องนอน อาบน้ำนอน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ วันที่จะได้เห็นหน้าเธอ
……………….
ห้องนอนของทิตยา
เสียงเตือนข้อความเข้าทำให้ทิตยาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ส่งให้ธิมาดา เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเธอ
“ของปลายนั่นแหละ พี่ต้นน่ะ” ธิมาดาพูดยิ้ม ๆ หลังจากอ่านข้อความไปแล้ว
ทิตยารับโทรศัพท์มาเปิดอ่านแบบงง ๆ ก็ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยที่จะส่งข้อความมาหาเธอเลย แม้แต่โทรหาก็แทบจะนับครั้งได้
‘นอนหลับฝันดีนะครับน้องปลายของพี่ต้น’
“ทำไมจะไม่ดี พี่ว่าดีมากเลยแหละ หนูเองก็เป็นเพื่อนกับน้องปลายมาก่อน ใคร ๆ เขาก็รู้ความสัมพันธ์ของเรากันทั้งบริษัท เมื่อก่อนแฟนก็เรียกพี่ว่าพี่เป้ตลอดจำได้ไหม”“จำได้ค่ะ”“ถ้าจำได้ก็ลองเรียกหน่อยสิ”“..พี่เป้”“ก็แค่นี้แหละ ฟังสบายหูกว่าคุณกว่าท่านตั้งเยอะ”“แฟนก็แค่อยากให้ฟังดูเป็นทางการน่ะค่ะ..กลัวเพื่อนร่วมงานจะหาว่าแฟนโอ้อวด แสดงความสนิทชิดเชื้อกับพี่เป้มากเกินไป”“เขาคิดก็ช่างเขาเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเขาพูดให้ได้ยินก็พูดไปเลยว่าหนูกับพี่รู้จักกันมาก่อน แต่ถ้าเขาไม่จบก็ข่มไปเลยว่าจะไปฟ้องพี่”“พี่เป้ก็” เธอทำหน้าเหวอกับคำพูดของเขา แต่พอเห็นเขายิ้มก็ค่อยหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ“พี่ไม่ชอบให้คนที่พี่รู้จักมาวางตัวเป็นทางการกับพี่หรอกนะ สำหรับพี่แล้วหนูแฟนก็คือคนในครอบครัวคนหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย” เขาจะคิดว่าเธอเป็นคนอื่นได้ยังไง เพราะเขาคิดแต่อยากจะให้เธอมาเป็นคนใกล้ตัวของเขา อยากเป็นเจ้าของหัวใจเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูแฟน” เธอยิ้มให้เขา พลอยรู้สึกดีกับความทรงจำเก่า ๆ ที่กลับคืนมาชายหนุ่มยิ้มตอบ ตั้งใจจะถามทุกข์สุขของเธอ แต่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา
แม้จะแปลกใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มก็ปรากฏเต็มใบหน้าด้วยความตื่นเต้นยินดี“ขอบคุณนะคะพี่ต้น” เธอพูดเบา ๆ กับหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเอามันมาแนบที่อกโดยลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียวธิมาดายิ้มพอใจกับท่าทีปลื้มปริ่มของรุ่นน้อง โธ่เอ๊ย! ถ้าไม่ได้เธอเป็นสะพานจะคืบหน้าไหมล่ะ“พี่ต้นส่งอะไรมาเหรอ” แกล้งโง่ถามออกไปทั้งที่อ่านแล้ว“อุ้ย! พี่แฟน”“อะไร ตกใจอะไรจ้ะปลาย”“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ปลายง่วงแล้ว” แล้วรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ ล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังหนีอีกฝ่ายอย่างเขินอาย “ฝันดีค่ะพี่แฟน”“งั้นก็นอนหลับฝันดีนะคะน้องปลายของพี่แฟน” ธิมาดาล้อเลียนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทิตยาเขินอายจนพูดไม่ออกเมื่อถูกล้อ ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ อยู่กับหมอนธิมาดามองด้านหลังรุ่นน้องอย่างเอ็นดู เฮ้อ! อายุก็ตั้งยี่สิบเจ็ดแล้ว เด็กกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่ก็ยังไร้เดียงสาอยู่เลย ผิดกับคนที่ต้องสู้ชีวิตอย่างเธอเหลือเกิน เช้าวันใหม่ยุทิตย์เดินเข้าไปในห้องอาหาร แต่ไม่เห็นสองสาวนั่งอยู่จึงมองหาคนรับใช้ แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของครอบครัว“คนอื่นไปไหนกันหมดป้าแจ่ม”“กำลังยกอาหารมาค่ะ บางคนก็ทำงานของตัวเองอยู่ คุณหนูอยากได้
“สวัสดีหนูแฟน ไปกับพวกเขาด้วยเหรอ” ถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแกมแปลกใจ รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาทันที ที่ได้เจอหน้าเธอก่อนเข้าบริษัท หน้าที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลาหลายปีที่ได้ร่วมงานกัน“ค่ะคุณเป้” ธิมาดาส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขาด้วยความรู้สึกกริ่งเกรง แม้จะทำงานกับเขามานานหลายปี แต่ก็ไม่สนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ เพราะเดือน ๆ หนึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ“ฉันกลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ฐวรรษบอกเพื่อนแล้วหันมารับไหว้จากสองสาว“พี่ต้นคะ” ธิมาดาเดินตามเขาไปใกล้ ๆ ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูรถ “น้องปลายฝากบอกสวีตดรีมค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ” เธอกระซิบบอกเบา ๆ แล้วโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้ฐวรรษพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเกือบถึงใบหู แต่ไม่กล้าส่งสายตาไปทางหญิงสาว เพราะกริ่งเกรงต่อสายตาของพี่ชายเธอ รีบเปิดประตูขึ้นรถแล้วแอบมองเธอผ่านกระจกรถยุทิตย์เห็นท่าทางสนิทสนมของเพื่อนรักกับรุ่นพี่ของน้องสาว แล้วรู้สึกหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เธอสนิทสนมกับเพื่อนของเขาได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาบ้างทั้งที่เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงานร่วมกัน ตอนที่เธอยังเป็นแค่รุ่นพี่ในมหา
หลายวันที่ผ่านมามันก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย หรือมันอาจจะกลับแต่เธอไม่รู้ เพราะพอแม่ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอก็ให้คนรู้จักมาช่วยใส่กลอนประตูหน้าต่างเพิ่มความแข็งแรง เธอล็อกประตูบ้านยันประตูรั้วเพื่อไม่ให้มันเข้าออกบ้านได้อย่างเสรี แต่วันนี้มันก็โผล่มาจนได้ทิตยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และพอจะรู้เรื่องราวของรุ่นพี่กับพ่อเลี้ยงดีพอสมควร จึงรีบเดินไปหาหญิงสาว“พี่แฟน วันนี้ไปนอนบ้านปลายนะ ปลายมีเรื่องอยากจะปรึกษา”“ไม่ได้นะหนูแฟน เป็นสาวเป็นนางจะไปนอนที่อื่นได้ยังไงกัน นอกบ้านอันตรายจะตาย” พ่อเลี้ยงที่หวังจะเคลมลูกเลี้ยงรีบออกตัว เขารอโอกาสมาหลายวันแล้ว ตั้งใจจะรวบรัดเธอเป็นเมียของเขาให้ได้ให้เร็วที่สุด ในช่วงที่อีแก่แม่ของเธอไม่อยู่“บ้านของฉันจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อไม่มีแกอยู่ด้วยเท่านั้นแหละ” แล้วจูงมือทิตยาเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน “ไปเก็บของเป็นเพื่อนพี่หน่อย”“คุณน้าจะไปไหนครับ อยู่คุยกับผมก่อน” ฐวรรษดึงแขนของสุชาติที่ทำท่าจะเดินตามสาว ๆ เข้าไปในบ้าน“ฉันจะเข้าบ้านฉัน แกอย่ามายุ่ง” สุชาติสะบัดแขนอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามหลังหญิงสาวทั้งสองเข้าไป ฐวรรษเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามเข้าไปอีกคน เพรา
“น้องปลายเขาคงไม่อยากจะนั่งกับพี่หรอกน้องแฟน เค้าน่ะลูกคุณหนู ส่วนพี่มันแค่ลูกจ้าง” ชายหนุ่มพูดนุ่ม ๆ ตามสไตล์ แต่ก็มีติดความรู้สึกน้อยใจออกไปนิด ๆทิตยารีบเขยิบตัวขึ้นมา แล้วแทรกหน้าเครียด ๆ เข้ามาตรงกลางระหว่างเบาะ“ปลายไม่เคยคิดว่าพี่ต้นเป็นลูกจ้างเลยนะคะ”“แล้วน้องปลายทำแบบนี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะรังเกียจพี่” เขาถาม“ก็ปลายอยากให้..เอ่อ..” เธออึกอัก“เพราะอะไรเหรอปลาย บอกมาเถอะ” ธิมาดาอยากให้ทิตยาได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จึงถามกระตุ้น“ปลายแค่อยากให้พี่ต้นกับพี่แฟนได้คุยกันสะดวก ๆ ไงคะ”“เพราะอะไร”“ทำไมถึงคิดแบบนั้นครับ”สองคำถามดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน“ก็ปลายเห็นพี่ต้นกับพี่แฟนคุยกันถูกคอ ก็เลยอยากเปิดโอกาสให้คุยกันได้สะดวกเท่านั้น” เธอมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา “โกรธปลายหรือคะพี่แฟน พี่ต้น” เห็นทั้งสองเงียบไปไม่ยอมตอบก็รู้สึกร้อนใจ“พี่ต้นไม่เคยโกรธน้องปลายเลยสักครั้ง” จะโกรธเธอลงได้อย่างไร ในเมื่อเขารักเธอจนจะล้นอกแล้ว“ขอบคุณค่ะพี่ต้น ปลายรักพี่ชายคนนี้มากที่สุดในโลกเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาพี่ชายที่ปลายไม่อยากให้เป็นเลยค่ะพี่ต้น ปลายอยากให้พี่ต้นเป็นม
“ก็ไม่อยากไปกับพี่ต้น แต่อยากไปกับพี่แฟนนี่นา” “งั้นก็ชวนพี่ต้นไปด้วยกันนะ” เธอเสนอเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบรักเพื่อนสนิทของพี่ชายมานานแล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เคยบอกตรง ๆ ก็ตามส่วนตัวเธอเองก็สนิทกับเขามาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา เพราะเคยได้พบปะพูดคุยกัน กระทั่งได้มาทำงานร่วมกันอีก และเธอก็คิดว่าเขาคนนั้นน่าจะมีใจให้กับทิตยาด้วยเช่นกัน.. ไม่เช่นนั้นแล้วตอนที่ทิตยายังเป็นนักศึกษาอยู่ เขาคงไม่เทียวรับเทียวส่งบ่อย ๆ หรอก ถึงแม้เขาจะอ้างว่าพี่ชายของหญิงสาวไหว้วานให้ทำก็ตาม ทิตยามองหน้ารุ่นพี่แล้วอยากจะถามอะไรบางอย่าง.. แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเพราะกลัวจะเป็นความจริง“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่แฟนอยากให้พี่ต้นไปด้วย” เธอฝืนยิ้ม สิ่งที่เธอคิดไว้คงเป็นจริงสินะ..ทั้งสองคนนี้ชอบกัน คนหนึ่งเธอรักเหมือนพี่สาว กับอีกคนที่รักไม่เหมือนพี่ชาย เพราะเธอคิดกับเขามากกว่านั้น แต่พวกเขาก็คือคนที่เธอรัก ดังนั้นเธอต้องแสดงความยินดีกับพวกเขาจากใจ “ใช่ พี่อยากให้พี่ต้นเขาไปด้วย เขาจะได้คอยดูแลพวกเราไง” เธอส่งยิ้มให้ทิตยานัยน์ตาระยับอย่างคนมีนัยยะแอบแฝงแต่ทิตยากลับตีความหมายของสายตานั้นว่าดีใจที่จะไ







