@ คฤหาสน์เตชะวรากูล...
บนโต๊ะอาหารยามเย็น...
“เดี๋ยวรอตาวินท์สักสิบนาทีนะ พอดีตาวินท์กำลังกลับ”คุณหญิงเจนเนตรบอกทุกคนภายในบ้าน วันนี้ มื้อเย็นที่ทุกคน ต้องรับประทานอาหารร่วมกัน ตามกฎของบ้าน ในหนึ่งสัปดาห์ จะต้องรับประทานเย็นด้วยกันทั้งหมดสามวัน...
“อืม...เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”
‘ทักษ์ดนัย’ประมุขของบ้านเอ่ยถามบุตรสาวบุญธรรมของเขา
“ดีค่ะ…เอ่อ…คุณพ่อ”
อลินดาเอ่ยเรียกคุณลุงทักษ์ดนัยว่าพ่อ เป็นครั้งแรก เธอรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก
“อุ้ย! ในที่สุด น้ำตาลก็เรียกป๊า ว่าพ่อแล้วนะคะ ดีใจจังเลย ดูหน้าป๊าสิคะ ยิ้มหน้าบานเลยนะคะ”
‘กรภัทร์’ หรือ ‘เวนิส’ เอ่ยแซวผู้เป็นพ่อของเธอ อะไรทำให้น้องสาวของเธอคนนี้ เปลี่ยนไปนะ
“นั่นสิครับ ปกติ ผมก็เห็นน้ำตาลจะเรียกป๊าว่า คุณลุงตลอด วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ”
‘กรวิชญ์’ แซวน้องสาวบุญธรรมของเขาเช่นกัน
“เอ่อ...” อลินดาหันไปมอง คนที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนสรรพนามการเรียกแบบนี้
“อย่าแซวน้องกันสิ ม๊าเองแหละ ที่ให้น้ำตาล เรียกม๊าว่าแม่ อยู่กันมาเกือบสิบปี เป็นลูกสาวคนเล็ก เป็นน้องสุดของบ้านด้วย ก็ต้องเรียกว่าพ่อกับแม่สิ จะเรียกคุณลุงคุณป้าได้ยังไง”
“อืม...ป๊าดีใจมากเลยนะ ที่ลูกสาวคนเล็กของป๊า เริ่มที่จะเชื่อใจพวกเราแล้ว ป๊าก็คือพ่อของหนูนะ...น้ำตาล อย่าไปคิดเหมือนเป็นคนอื่นเลย หนูคือครอบครัวของพวกเรา เป็นน้องเล็กของทุกคนในบ้าน”
“ค่ะ” อลินดารู้สึกดีใจมาก ที่เธอได้เจอกับครอบครัวนี้ ทุกคนดีกับเธอ ราวกับ อลินดาเป็นลูกสาว และน้องสาวของทุกคนจริงๆ อลินดาอบอุ่น หัวใจของเธอพองโตด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นอย่างที่สุด...
“วันนี้ เวนิสได้ข่าวมาว่า น้ำตาลจับฉลากได้พี่วินท์เป็นพี่รหัสด้วยนะคะป๊า อะไรจะดวงสมพงษ์กันขนาดนั้นคะเนี่ย”
“เอ้า...จริงเหรอลูก ดีเลย ได้พี่วินท์เป็นพี่รหัส ก็จะช่วยดูแลน้ำตาลเลยสิ”
“ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับป๊า”
เสียงของพี่รหัสที่ถูกเอ่ยถึง ก็แทรกขึ้นมาทันที กวินท์เดินเข้ามาร่วมโต๊ะอาหาร สายตาของเขาเหลือบมองคนที่ทำตัววุ่นวายที่สุดในชีวิตของเขา ทำให้หงุดหงิดและอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ
“อะไรกันนายวินท์ ก็นายเรียนคณะเดียวกันกับน้ำตาล จะไม่ดูแลน้องเขาหน่อยเหรอ”
กรวิชญ์ตำหนิน้องชายทันควัน เมื่อก่อนเขาเห็นน้องชายกับน้องสาวบุญธรรมของเขา สนิทสนมกันมาก มักจะเล่นด้วยกันตลอด แต่ทำไมตอนนี้ เขารู้สึกว่าน้องชายของเขาทำตัวห่างเหิน และชอบแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
“ก็อยากจะเรียนเองนี่”
น้ำเสียงของเขาแฝงความเย้ยหยัน และความรู้สึกไม่พอใจ ในประโยคที่เอ่ยออกมา...
“พี่วินท์...ทำไมพี่พูดกับน้ำตาลแบบนั้นล่ะคะ ความจริงกว่าจะสอบเข้าคณะพี่วินท์ได้ ก็ยากนะคะ น้ำตาลไม่ได้เดินเข้าไปเรียนเฉยๆ ซะหน่อย อีกอย่าง ถ้าน้ำตาลจบมา ก็จะช่วยงานบริษัทของเราได้เลยนะคะ...ป๊าดูพี่วินท์สิคะ พูดกับน้ำตาลแรงไปมั้ยคะเนี่ย”
“ลูกเป็นอะไรวินท์ ทำไมต้องพูดกับน้องเขาแบบนี้ด้วย”
คุณหญิงเจนเนตรก็สมทบอีกคน กิริยาและคำพูดของลูกชายคนกลางเธอนั้น มันทำให้เจนเนตรรู้สึกขัดใจชอบกล
“พูดกับน้องเขาดีๆ สิวินท์ เราเป็นพี่นะ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ น้ำตาลเรียนได้ค่ะ”
อลินดาไม่อยากให้เรื่องของเธอไปเป็นประเด็นกับเขาอีก แค่นี้ อลินดาก็แทบจะไม่มีที่ยืน ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาแล้ว เขาจะยิ่งไม่พอใจอลินดาเข้าไปอีก...
“โอเค! ทุกคนเข้าข้างเธอหมดเลยนะ!”
กวินท์ฟาดกลับด้วยสายตาแบบคาดโทษกับคนตรงหน้าเขา นับวัน เธอก็ยิ่งสำคัญกับทุกคนไปหมด
ถ้าทุกคน รู้ว่าอลินดา ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นจะเป็นอย่างไรนะ เธอกล้ารักเขาได้อย่างไร ทั้งที่เขาคือพี่ชาย และทุกคนก็เห็นเธอเป็นครอบครัว สิ่งนี้ มันทำให้กวินท์ไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก พยายามปลีกตัวออกจากเธอ แต่ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธเธออย่างไร มันก็ไม่สำเร็จ เพราะเธอเอง ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
“เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะนะ เรื่องนี้ป๊าว่า อย่ามาพูดให้เสียบรรยากาศการกินข้าวเลย”
ทักษ์ดนัยตัดบท ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายออกไป แต่ละคน ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อาจจะมีบ้าง ที่ไม่เข้าใจกัน...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
“น้ำตาล”
“คะ?”
“พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
กวินท์จำเป็นจะต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่อง ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเกินเลยไปมากกว่านี้
“ค่ะพี่วินท์” อลินดาตอบกลับ เธอคิดไว้แล้ว ว่าเขาจะต้องไม่พอใจ และอาจจะต่อว่าเธออีกเป็นแน่
“นั่งก่อนสิ”
กวินท์ใช้ห้องนั่งเล่น เป็นที่สำหรับเคลียร์กับเธอ อย่างน้อยทุกคนในบ้านจะได้เห็น และไม่มาต่อว่าเขา และคิดว่าเขาคอยแต่จะรังแกเธออีก
“ค่ะ” อลินดานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับเขา ดวงตากลมโตจ้องไปที่ใบหน้าคมตลอดเวลา เธอหายใจลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นในใจ
“เมื่อเดือนที่แล้ว พี่เคยคุยกับเราไปแล้ว เรื่องระหว่างเธอกับพี่ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจอะไรหรือเปล่า...น้ำตาล”
“ไม่เข้าใจอะไรคะ?”
อลินดาถามกลับ เธอเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูด อลินดาเคยรักเขา และสารภาพรักเขาไปแบบตรงๆ แต่เขาปฏิเสธ เธอก็เข้าใจ และพยายามที่จะ move on แต่มันพึ่งจะผ่านไป ไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ แผลของอลินดายังสดใหม่อยู่ จะให้เธอทำอย่างไร
“เมื่อก่อน พี่ไม่เคยเห็น ว่าเราเป็นคนเสแสร้งแบบนี้นะ...”
“...” คำพูดของเขาทำให้หัวใจของเธอกระตุก เหมือนถูกบดขยี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส...
“พี่วินท์ช่วยขยายความหน่อยค่ะ น้ำตาลไม่เข้าใจที่พี่พูดจริงๆ และน้ำตาลไม่ได้เสแสร้ง”
ทำไมพี่วินท์ ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่ก่อนนั้นพี่วินท์จะพูดดีๆ กับอลินดาตลอด ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง
“พี่จะบอกเธออีกครั้ง ว่าพี่ไม่ได้ชอบเธอ และไม่ได้รักเธอ และมันจะไม่มีวันเป็นไปได้ ที่พี่จะรักเธอ...น้ำตาล”
กวินท์ย้ำประโยคท้ายสุดอย่างหนักแน่น
“ทำไมพี่ถึง ไม่รักน้ำตาลคะ เพราะอะไร”
อลินดาถามกลับ ความผิดหวังและความน้อยเนื้อต่ำใจพุ่งเข้ามาฉีกกระชากความรู้สึกของเธออย่างแรง ก่อนหน้านั้น เขาเองก็แสดงท่าที เหมือนกับว่า เขาเองก็ชอบเธอเช่นกัน แต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปนะ
“เพราะว่าพี่ ไม่ได้รักเธอไง ไม่ชอบ และก็ไม่คิดจะรัก เข้าใจหรือยัง”
“หรือเพราะ...น้ำตาลเป็นน้องสาวพี่เหรอคะ”
ความเป็นพี่น้อง เธอกับเขาไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ ไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด
“เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ ทำไมต้องให้พี่พูดอีก”
“แต่เรา...”
“ใช่ หรือไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน พี่ก็คิดว่าเราเป็นน้องสาว เธออย่าเอาความรู้สึกของตัวเอง มายัดเยียดให้พี่!”
ความหงุดหงิดเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่างกำยำเหมือนเข็มที่กำลังทิ่มแทงเขาอยู่ กวินท์กับเธอ เติบโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ ทุกคนย่อมมองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากความเป็นพี่น้อง กวินท์พยายามที่จะไม่ใช้อารมณ์กับเธอ แต่ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ยอมที่จะเข้าใจอะไรเลย...
@ คฤหาสน์เตชะวรากูล...@ ห้องรับแขก... “วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรคะพี่วินท์ ทำไมต้องมานั่งรวมตัวกันพร้อมหน้าแบบนี้ล่ะคะ...แต่ว่า...เอ๊ะ ยังขาดน้ำตาลนะคะ เดี๋ยวเวนิสตามเองค่ะ” “ไม่ต้องตามหรอกลูก พี่เรานัดกันมาแค่นี้น่ะถูกแล้ว”คุณหญิงเจนเนตรพอรู้เรื่องมาบ้างแล้ว วันนี้ ลูกชายคนกลางของเธอ นัดครอบครัวเพื่อจะบอกเรื่องราวบางอย่าง ลูกชายของเธอไม่เคยมีสีหน้าจริงจังขนาดนี้มาก่อน และผู้ที่ถูกนัด ก็ไม่มีบุตรสาวบุญธรรมของเธอด้วย คงไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องของเขาทั้งสองคน แน่นอน “มีอะไรก็พูดมาเถอะลูก ป๊าก็อยากจะรู้แล้วเหมือนกัน ลูกชายป๊ามีปัญหาอะไร ไหนลองบอกป๊ามาซิ”ทักษ์ดนัยไม่เคยเห็นบุตรชายเขาคนนี้จะมีท่าทีจริงจังขนาดนี้มาก่อน เรื่องราวคงต้องใหญ่พอสมควร ไม่อย่างนั้น คงไม่นัดทุกคนมาเพื่อจะพูดกันภายในครอบครัวแน่นอน “ครับป๊า...”กวินท์มองทุกคนอย่างชั่งใจ เอาเข้าจริงๆ เขาก็รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน ปกติเวลาครอบครัวรวมตัวกัน ก็จะเป็นการทานมื้อเย็นด้วยกันเท่านั้น วันนี้ เขานัดทุกคนมา เพื่อจะบอกความจริง เรื่องของเขากับอลินดา “นายคงไม่ไปทำผู้หญิงท้องห
@ บนเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์... หลังจากพายุรักผ่านพ้นไป อ้อมแขนอันแข็งแกร่งล้อมรอบเรือนร่างอวบอิ่มเอาไว้ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มของเธอ สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายซ่อนอยู่... “พี่รักเธอนะ...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู “พี่วินท์รักน้ำตาล...ตอนไหนคะ?”อลินดาถามกลับ พร้อมรีบซุกหน้าของเธอเข้าไปในอกกว้าง ใบหน้าเนียนร้อนผ่าว ‘ปากของเธอปฏิเสธ...แต่ร่างกายของเธอกลับตอบสนองอย่างเต็มใจ ยัยบ้าน้ำตาลเอ้ย...สุดท้ายเธอก็หนีพี่วินท์ไม่พ้นอยู่ดี’ “ตอนพี่เจอเราครั้งแรก...” “หืม...อย่าบอกนะ ว่าตอนน้ำตาลแปดขวบ!” “อืม...แต่ตอนนั้น พี่ก็อายุ 11 แล้วนะ” “เป็นไปไม่ได้ค่ะ...” “มันเป็นไปแล้ว...พี่รักเธอตอนนั้นจริงๆ” “แล้วทำไม...พอน้ำตาลเข้ามหาลัย...พี่วินท์ถึงไม่ชอบน้ำตาลคะ...พี่วินท์ด่าน้ำตาล เกลียดน้ำตาล และไม่อยากให้น้ำตาลเข้าใกล้พี่วินท์อีก” “ตอนนั้น...พี่ยอมรับ ว่าพี่สับสน เราอายุ 18 พี่ก็ 21 เราทั้งคู่ยังเป็นเด็ก พี่คิดว่า เราสองคนไม่ควรรักกัน เพราะเราเป็นพี่น้องกัน” “แต่เ
“อุ๊บ!!” ปากบางถูกปิดอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของหญิงสาวขาดหายไปด้วยริมฝีปากหนาบดจูบอย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นสากกำลังชอนไชดูดดุน เกี่ยวพันลิ้นเล็ก จูบของเขาหนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญทุกความรู้สึกให้ลุกโชน มือใหญ่จับล็อคศีรษะเล็กของเธอเอาไว้ เพื่อบังคับให้รับจุมพิตจากเขาได้อย่างถนัด “พี่...ต้องการเธอ...”เสียงแหบพร่าพึมพำกับเรียวปากเล็ก มือของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเธอ ภายใต้ชุดนอนเนื้อดีบางเบา จูบของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น “มะ-ไม่นะ!” เสียงของหญิงสาวดังอู้อี้ออกมาเพื่อประท้วงคนตัวใหญ่ เรือนร่างของเธอกำลังโดนฟ่อนเฟ้นอย่างหนัก ปากบางถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง สมองของอลินดาขาวโพลน เรี่ยวแรงต่อต้านลดลง มือบางที่พยายามดันอกกว้างเอาไว้นั้น กลับหมดแรงผลักไปโดยปริยาย... “พี่...ขอนะ...” กวินท์อ้อนวอนกับปากนุ่ม ความกระสันแล่นผ่านไปทั่วเรือนกายของเขา อารมณ์ความต้องการของบุรุษเพศสูงขึ้น มือใหญ่ลูบไล้ลงเบื้องล่าง“อื้อ” เสียงครางของหญิงสาวหลุดออกมา ความรู้สึกแปลกใหม่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอ มือบางที่ตอนแรกต่อต้าน กลับคว้
เวลา 23.00 น. @ คฤหาสน์เตชะวรากูล บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงบ อลินดากำลังเดินขึ้นบันได เพื่อที่จะเข้าห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่อลินดาได้เล่าเรื่องเธอกับพี่วินท์ให้เกวลินฟังเสร็จแล้ว อลินดาก็ลงมาข้างล่าง เพื่อหาน้ำดื่ม สายตาของเธอ เหลือบมองไปที่ห้องของเขา ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากห้องของเธอ ‘พี่วินท์...ออกไปไหนนะ?’ อลินดาเดินมาจนถึงหน้าประตูของเธอ และด้วยความอยากรู้ เธอเลยเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ห้องของเขา พร้อมกับแนบหูไปกับบานประตูใหญ่ เพื่อฟังเสียงจากด้านใน “หรือพี่วินท์ จะออกไปเมานะ”อลินดาพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ วันนี้ สิ่งที่เขากับเธอทะเลาะกัน พออลินดากลับไปคิด บวกกับ สิ่งที่เกวลินพูด มันทำให้อลินดาเข้าใจพี่วินท์มากขึ้น แต่ ไม่ว่าจะยังไง อลินดาก็ปฏิเสธเรื่องนี้อยู่ดี เธอจะทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเธอไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งทุกคนดีกับเธอมากแค่ไหน อลินดาก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีกเท่าตัว มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว... แกร๊ก! ประตูห้องนอนถูกเปิด ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปด้านใน เธอกำลังคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา ‘ตอนที่พี่วินท์โกรธ เขาขู
@ แผนกฝ่ายขาย... เวลา 11.30 น. “ร่างแบบโครงสร้างเป็นรูปสามมิติ พร้อมกับใส่คำอธิบายลงไป เพื่อลูกค้าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจน เดี๋ยวพอเสร็จแล้ว เอามาให้พี่ดูหน่อยนะ...น้ำตาล” “ได้ค่ะพี่โมทย์ น้ำตาลขอเวลาสักครึ่งชั่วโมงค่ะ”อลินดากำลังจ้องหน้าจอ มือของเธอกดแป้นคีย์บอร์ด เมื่อรุ่นพี่กำลังบรีฟ (brief) งานเธออยู่ วันนี้ เป็นครั้งแรกที่อลินดาได้ทำงานอย่างเต็มตัว ในฐานะเด็กฝึกงานของบริษัท... แต่ทว่า...ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา... “น้ำตาล! คุณกวินท์ให้เราไปพบที่ห้องนะ”ภาคินตะโกนบอกเด็กฝึกงานในสังกัดของเขา ดูแล้ว น้องฝึกงานคนนี้ น่าจะหนีไม่พ้นท่านรองประธานบริษัทคนนี้เสียแล้ว “ไปทำไมคะพี่คิน?”อลินดาถามกลับด้วยความงุนงง เธอก็ปฏิเสธและพูดกับเขาไปชัดเจนแล้วนะ ว่าอลินดาจะขอฝึกงานแผนกฝ่ายขาย ทำไมเขาจะต้องทำตัววุ่นวายขนาดนี้ “เห็นเลขาคุณกวินท์บอกพี่ว่า คุณกวินท์จะออกไปสำรวจการวางระบบเครื่องจักรอุตสาหกรรมในโรงงานแถวสมุทรปราการ พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมาก...แต่เอ๊ะ! ทำไม ไม่เอาทีมช่างไปล่ะ” “นั่นน่ะสิคะ...งั้น...น้ำตาลรบกวนพี่ค
“อุบัติเหตุงั้นเหรอ? สรุป! เรื่องที่ผ่านมา เธอคิดว่ามันคืออุบัติเหตุไม่ตั้งใจงั้นสิ!”กวินท์ลุกพรวดขึ้นทันที เพราะความโกรธ ที่เขาโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดีจากคนตรงหน้า “แล้วพี่วินท์ คิดว่ามันเป็นอะไรล่ะคะ!”อลินดากระชากเสียงออกมาเช่นกัน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ลดละ ‘เขาโมโหได้คนเดียวหรือไง’ “เป็น...ผัวเมียไง! พี่น้องจริงๆ เขาเอากันได้เหรอ!”กวินท์ตะคอกกลับด้วยอารมณ์เดือดอีกครั้ง เมื่อสองปีก่อน เขาอาจจะทำผิดต่อเธอ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอเลยสักครั้ง เพียงแต่ ในตอนนั้น เธอกับเขายังเป็นเด็กกันทั้งคู่ กวินท์ในวัยนั้น ก็คิดว่า การเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรที่จะรักกัน แต่นั่นมันก็เป็นเพราะ ความรู้สึกของเขาที่ไม่ได้คิดรอบด้านก็เท่านั้นเอง... “พี่วินท์!!!”อลินดาพรวดลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน เธอตกตะลึงกับคำพูดของเขา มือบางกำหมัดแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่เขา อลินดาไม่คิดเลยว่า เขาจะกล้าเอาเรื่องน่าอายเช่นนี้มาพูดกับเธอได้ หมับ! มือใหญ่คว้าที่แขนของเธอ พร้อมกับดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาประชิด โดยที่ยังมีโต๊ะทำงานกั้นอยู่ ทั้งสองจ