เมื่อนักรบเผารูปไปจนหมดสิ้นแล้ว เรื่องราวระหว่างเขากับเทเรซ่ามันคืออดีต และนักรบไม่เคยคิดที่จะให้ทุกอย่างนั้นหวนคืนกลับมา เมื่อเขาหมดสิ้นซึ่งความพิศวาส และได้ตัดขาดจากเทเรซ่าไปนานแล้ว นับตั้งแต่วันที่เธอเดินออกไปกับชายคนนั้น เวลานี้แม้แต่ความทรงจำดีๆ เขาก็จะขอลบเลือนมันออกไป จะไม่ขอเก็บเอาไว้ในใจ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่แสนดีเท่านารีอีกแล้ว
ชายหนุ่มได้เดินขึ้นมาหานารีบนห้อง ภรรยาสาวของเขาได้เปลี่ยนจากชุดนอนมาเป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้าน แต่ดูเหมือนนารีจะยังคงมีอาการอ่อนเพลีย ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวต่างจากทุกวัน
"หนูนา... ทำไมคุณหน้าซีดจัง ผมว่าไปหาหมอดีกว่านะ จะได้ตรวจดูอาการ ผมเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้วไม่สบายใจเลย" นักรบพูดพร้อมกับล้มตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ นารี ก่อนจะเอามือไปอังหน้าผากภรรยาเอาไว้
"นาแค่เวียนหัวแล้วก็รู้สึกเพลียนิดหน่อย สงสัยเมื่อคืนนอนดึก เดี๋ยวก็หายไม่ต้องไปหาหมอหรอก" นารีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังงอนนักรบอยู่ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่ทว่าใบหน้าของสามีหนุ่มได้โน้มเข้ามาใกล้ห่างกันไม่ถึงคืบสายตาคมนัยน์ตาสีฟ้า จ้องมองมาที่ดวงตากลมของภรรยา
"อย่าเบือนหน้าหนีสิหนูนา... จ้องมองเข้ามาที่ดวงตาของผม แล้วคุณจะรู้ว่าสายตามันไม่โกหก" นักรบพูดพร้อมกับเอามือจับลงไปที่ปลายคางมนของภรรยา ให้หันหน้ามาสบตาเขาอีกครั้ง
"ไม่เอา! คุณไปอาบน้ำได้แล้ว นาเหม็นกลิ่นควันอะไรก็ไม่รู้ที่มันติดเสื้อคุณมา ได้กลิ่นแล้วรู้สึกเวียนหัวหนักกว่าเดิม" นารีพูดพร้อมกับดันนักรบออกให้ห่างจากเธอ
"สงสัยจะเป็นกลิ่นควันรูปพวกนั้น ผมเผามันทิ้งหมดแล้วนะนารี พร้อมกับความทรงจำที่มี ต่อไปนี้ตรงนี้จะมีเพียงแค่คุณ" นักรบพูดออกมาพร้อมกับชี้ลงไปที่อกข้างซ้ายของเขา แต่นารีทำเป็นเมินเฉย เพราะรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว
"นาไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นหรอกค่ะ คุณจะเก็บอัลบั้มรูปพวกนั้นเอาไว้หรือว่าทำลายมันทิ้ง สุดท้ายรักแรกมันเคยสำคัญยังไง คุณคงไม่ลืมมันไปง่ายๆ และนาก็ไม่เรียกร้องอะไร เพราะคนอย่างนาไม่เคยมีสิทธิ์แม้แต่การดำเนินชีวิตของตัวเอง" เวลานี้อารมณ์ของหญิงสาวช่างแปรปรวน กลายเป็นคนไร้เหตุผล ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้นออกไปด้วย
"หนูนาคุณสำคัญสำหรับผมนะ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เลือกที่จะแต่งงานกับคุณหรอก ภรรยาที่แสนดีและน่ารักแบบคุณ ชีวิตนี้ผมคงหาไม่ได้อีกแล้ว ผมรักคุณนะ รอก่อนเดี๋ยวมากอดขออาบน้ำแป๊บหนึ่ง ตัวผมเหม็น...จุ๊บ!" ก่อนจะลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มได้จุ๊บลงที่เรียวปากของเธอ จนทำให้ใบหน้าของนารีนั้นร้อนผ่าวเพราะความเขินอาย เวลานี้พวงแก้มคงจะกลายเป็นสีแดงเรื่อ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูดังขึ้น จากนั้นงามตาได้เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร ที่นักรบได้สั่งเอาไว้ให้เธอเอาขึ้นมาให้นารีกับเขาบนห้อง เพราะไม่อยากให้ภรรยาเดินลงไปด้านล่าง ในขณะที่เธอนั้นไม่ค่อยสบายแบบนี้
"เป็นยังไงบ้างคะคุณนารี งามตาทำข้าวต้มมาให้ ไม่รู้ว่าจะอร่อยเหมือนกับที่คุณทำหรือเปล่า คุณนักรบบอกว่าคุณไม่ค่อยสบายลุกไหวไหมคะ มางามตาช่วย"งามตาวางถาดอาหารเอาไว้ที่โต๊ะ จากนั้นได้เดินตรงมาที่นารีแล้วค่อยๆ พยุงนายหญิงของบ้านลุกขึ้น มานั่งที่โซฟา
"ขอบใจมากนะงามตา ความจริงฝีมือการทำอาหารของงามตาก็ไม่เป็นรองใคร นาก็เคยทานอร่อยอยู่แล้วจ้ะ" นารีพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า งามตายิ้มรับแล้วเดินออกจากห้องไป นารีรีบตักข้าวต้มเข้าปากทันที ตอนนี้ก็สายมากแล้วเธอยังไม่ได้ทานอะไร
“อ้วก!!” แต่พอจะตักเข้าปากนารีกลับรู้สึกพะอืดพะอมจะอ้วกออกมาให้ได้ เมื่อเธอรู้สึกเหม็นจนทนไม่ไหว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เธอรีบเดินตรงไปที่ห้องน้ำแล้วเคาะประตูรัวๆ
"คุณช่วยเปิดประตูให้นาหน่อย อ้วก!" นารีพูดพร้อมกับอาการคลื่นไส้ออกมา พอได้ยินเสียงภรรยานักรบรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวเอาไว้ แล้วเปิดประตูให้เธออย่างไว จากนั้นนารีรีบเดินตรงไปที่อ่างแปรงฟันทันที
"อ้วก อ๊วก!" นารีเอามือจับลงไปที่ขอบอ่าง พร้อมกับโก่งคออ้วกออกมาจนหมดไส้หมดพุง โดยมีนักรบคอยลูบหลังให้ ด้วยสีหน้าและอากาศที่ห่วงใยมากกว่าสิ่งใดในเวลานี้
"หนูนา... คุณไหวหรือเปล่า ทำไมถึงอ้วกออกมาแบบนี้" นักรบพูดพร้อมกับเข้าไปโอบพยุงนารีเอาไว้ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากเขา อย่างน้อยเวลาที่เธออ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจเช่นนี้ ก็ยังมีเขาคอยยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่างหายไปไหนไกล
"นาไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ตอนนี้อยากกินโยเกิร์ต คุณรีบไปใส่เสื้อผ้าเลย แล้วพานาไปที่ร้านไอศกรีมด้วย แล้วก็ไปซื้อทูน่าด้วย แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว เร็วสิคุณนักรบ รีบไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลยนะ" นารีพูดออกมาพร้อมกับมีท่าทีที่งอแงใส่เขาเหมือนเด็กๆ แต่สำหรับนักรบแล้วเธอดูน่ารักและเขาก็ชอบที่เห็นเธอออดอ้อนแบบนี้
"ครับคุณหนูนา... นั่งก่อนนะครับคุณภรรยา ผมใส่เสื้อผ้าแป๊บเดียว" นักรบพยุงนารีลงนั่งรอที่เตียง จากนั้นก็รีบจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้ไว "วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานนะ ต้องอยู่กับนาทั้งวัน ถ้านาอยากได้อะไรคุณจะต้องรีบทำให้ พร้อมกับหามาให้นาห้ามขัดใจ และก็ห้ามปฏิเสธเข้าใจไหมคะ" นารีพูดออกมาพร้อมกับทำหน้างอใส่ผู้เป็นสามี จนนักรบเข้าหมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เธอโกรธเค้าเพียงแค่คืนเดียว อะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปเช่นนี้ จากผู้หญิงเรียบร้อยไม่พูดไม่จาขี้เกรงใจตอนนี้เริ่มกลายเป็นคนพูดมากและงอแงใส่เขาแถมยังเอาแต่ใจอีกต่างหาก
"ผีตนใดเข้าสิงคุณเนี่ย" นักรบพูดออกมาขณะที่กำลังจะหยิบน้ำหอมมาฉีด
"หยุด!" เสียงของนารีร้องดังขึ้น จนเขานั้นตกใจเกือบทำขวดน้ำหอมหล่นลงพื้น
"ว่าไงครับหนูนา... ดูท่าทางอาการของคุณแล้วผิดแปลกไปจากเดิมมาก ตอนแรกผมคิดว่าจะพาคุณไปที่โรงพยาบาล คงต้องเปลี่ยนแผนพาไปหาหมอผีแทนแล้วมั้ง" นักรบพูดออกมาทีเล่นทีจริง เมื่อเขาไม่เคยเห็นนารีมีกิริยาอาการแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะคำพูดท่าทางเสียงดังโวยวายแบบนี้
"คุณห้ามใช้น้ำหอม นาไม่ชอบกลิ่นของมัน แล้วเมื่อตะกี้คุณว่านาเป็นบ้าเหรอ... ฮึก ฮื้อ!" พอพูดจบนารีก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยซะงั้น
"โอ๋... ไม่ร้องนะครับคนดี ผมแค่ล้อเล่นเฉยๆ อย่าร้องไม่ร้องนะครับ" นักรับเข้าไปโอบกอดปลอบภรรยา ในขณะที่น้ำตาของเธอยังคงไหลออกมาไม่หยุด
"นาเป็นอะไรไม่รู้... คุณนักรบคุณห้ามทิ้งนาไปไหนนะ... ฮือ ฮือ" นารียังคงพูดจาพร้อมกลับร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง
"โอ๋... ใครจะไปทิ้งเมียได้ลง ผมจะยอมตามใจคุณทุกอย่าง ไม่ร้องนะครับคนดี ไหนดูซิหน้าเลอะหมดแล้ว" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้กับภรรยา ที่เวลานี้พวงแก้มนวลเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
"นาไม่ร้องแล้วเราไปกันเถอะค่ะ" เวลานี้นารีได้ฉีกยิ้มกว้างออกมา จนนักรบตามอารมณ์เธอไม่ทัน แต่เขานั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ ต่อให้นารีเปลี่ยนนิสัยไปจากเดิม จะอ้วนจะผอมคุ้มมดคุ้มร้ายเขาก็จะรักในแบบที่เธอเป็น เมื่อวินาทีนี้เขาได้วางหัวใจไว้ที่เธอจนหมดสิ้นทั้งดวงแล้ว
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร