"ฉันจำได้แล้ว! คุณใช่ไหม..ที่เข้าไปในครัวที่บ้านของฉันวันนั้น ฉันว่าแล้วเชียวทำไมถึงคุ้นหน้าคุณจัง" นารีพูดออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
"โอ๊ย! สรุปคืนนี้ผมจะได้นอนไหมเนี่ย ความจำสั้นฉิบหายเลย แล้วจะมานึกได้อะไรตอนนี้ ถ้าผมเป็นศัตรูของคุณ ป่านนี้คุณคงจะโดนฆ่าตายไปแล้วมั้ง นอนได้แล้ว!" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับคว้าตัวนารีกดลงนอนราบกับเตียง วันนี้เข้าทำงานเหนื่อยมาทั้งวันต้องการจะพักผ่อน แต่นารีกลับกวนใจเขาขึ้นมาทุกครั้งขณะที่กำลังจะหลับลง
"แค่ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ ชิ! .." นารีพูดพร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หันหลังให้กับอาร์มาโด้ เขายิ่งชอบใจรีบคว้าไว้ไปที่เอวคอดของเธอ แล้วรั้งตัวหญิงสาวร่างเล็กเข้าหา โดยไม่สนใจว่าเธอจะดิ้นหรือมีท่าทางก็ฟัดกะเฟียดแค่ไหน
"นอนนิ่ง ๆ อย่าให้ผมได้พูดเป็นครั้งที่สองที่สาม เพราะถ้าน้องชายผมตื่นขึ้นมาแล้วล่ะก็ รับรองคุณไม่ได้นอนทั้งคืนแน่" คำขู่ของอาร์มันโด้ดูเหมือนจะได้ผล นารีนั้นเริ่มสงบลง นอนนิ่ง ๆ ยอมให้ชายแปลกหน้าโอบกอดดั่งที่ใจปรารถนา ทั้งที่เธอนั้นควรขัดขืน แต่หญิงสาวกลับปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่นารีกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ เมื่ออยู่ภายใต้อ้อมกอดของชายผู้นี้
ก่อนที่จะหลับนารีคิดไปต่าง ๆ นานา เมื่อการหนีมาของเธอนั้น ยังไงก็คงไม่พ้น ผู้เป็นบิดาต้องจับเธอกลับไปแต่งงานกับชายที่ไม่รู้จักมักคุ้นอยู่ดี เธอไม่อาจรู้ได้ว่าความรู้สึกที่มี ให้กับชายคนนั้นจะเหมือนกับชายแปลกหน้าที่นอนเคียงข้างในค่ำคืนนี้หรือไม่ นั่นคือคำถามในใจ ที่นารีให้คำตอบตัวเองไม่ได้นอกจากวันนั้นจะมาถึง
เช้าของวันใหม่ นารีตื่นแต่เช้ามืดเข้าครัว ในตู้เย็นมีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไม่กี่อย่าง เธอจึงตัดสินใจทำข้าวต้มกุ้ง เพราะนารีคิดว่ากุ้งใช้ทำข้าวต้มง่ายสุด
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยไปเตะจมูกอาร์มันโด้ เขาไม่รู้ใครตื่นไปทำอาหารตั้งแต่เช้าแบบนี้ เพราะปกติแม่นวลจะตื่นสายกว่านี้ เนื่องจากนางมีอายุมากแล้ว อาร์มันโด้มองซ้ายขวา เขามีคำตอบให้กับตัวเองแล้วว่าใคร จึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินลงไปข้างล่างในทันที ภาพของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มกว้าง ในขณะที่สมองของเขาบอกว่าเธอนั้นคือลูกของศัตรู แต่หัวใจกลับยอมรับให้เธอนั้นเข้ามาอยู่ภายในใจ โดยไร้เงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
"ทำอะไรแต่เช้า" อาร์มันโด้เดินเข้ามาใกล้นารีแล้วเอ่ยถามออกไป "ว้าย! ถ้าฉันหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้" นารีเอามือขึ้นมากุมไว้ที่อก พร้อมกับพูดโวยวายออกไปเสียงดัง
"อ้าว! ก็ถามออกไปอยู่นี่ไง แปลกคน" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ในครัว
"แล้วคุณจะมานั่งทำอะไรตรงนี้ ไหนบอกว่ามีธุระตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ใช่เหรอ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานข้าวต้มสิ" นารีพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่อาร์มันโด้นั้นกลับจ้องมองมาที่ใบหน้างาม ด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่นารีทำให้เขาในเช้าวันนี้
"คุณรู้ตัวหรือเปล่านารี ว่าคุณกำลังทำตัวเหมือนกับเป็นภรรยาของผมเลย แต่ผมก็ชอบนะกับสิ่งที่คุณกำลังทำให้ในตอนนี้" พูดจบอาร์มันโด้ก็เดินผิวปากออกจากครัวไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้น้ารียืนทำหน้าแดง เพราะความเขินอายอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอกำลังนึกขึ้นได้ ถึงการกระทำของตัวเอง ทั้งที่เพิ่งเจอเขาเมื่อวาน แต่ทำไมเธอเชื่อใจและไว้ใจเขาได้มากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอนั้นได้เข้าใกล้ เมื่อเธอนั้นเพิ่งเคยได้สัมผัสความอบอุ่นจากอ้อมกอด ที่ปรารถนามาทั้งชีวิต หวังให้ใครสักคนมาเติมเต็ม แต่ไม่นานเธอก็ต้องจากเขาไปอยู่ดี อย่างน้อยความรู้สึกที่มีก็ทำให้เธอได้รู้สึกว่าครั้งหนึ่งมีใครบางคนมอบมันมาให้ ภายใต้สายใยที่ไม่สามารถสานสัมพันธ์ต่อไปได้
บ้านกสิเทพพาณิชย์
ครั้นเมื่อทุกคนตื่นมาในยามเช้า กลับพบว่านารีได้หายไป ปกติเธอนั้นจะเข้าครัวตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อมาช่วยแม่ครัวปรุงอาหารให้กับคนในบ้านได้รับประทาน นั่นคือหน้าที่และงานประจำที่เธอนั้นปฏิบัติมาเนิ่นนาน
"นารีหายไป เป็นไปได้ยังไงหาทั่วเรือนแล้วหรือยัง" ประมุขของบ้านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ อย่างไม่ค่อยพอใจ ในสิ่งที่สาวใช้ในบ้านรายงาน
"หาจนทั่วแล้วค่ะคุณท่าน เพราะว่าช่วงเช้าของวันนี้คุณนารีไม่ได้เข้าครัวเลยค่ะ" สาลี่คือสาวใช้อีกคน ที่ค่อนข้างจะเห็นใจนารี เมื่อเธอนั้นเห็นทุกคนในบ้านปฏิบัติต่อลูกสาวคนเล็กราวกับว่าเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง
"ไอ้เชิด บอกให้ทุกคนออกจากตามหานารี มันน่าจะอยู่ละแวกนี้ไปไหนได้ไม่ไกล" น้ำเสียงที่แข็งกร้าว เหมือนกำลังโกรธลูกสาวคนเล็กมาก ทำให้นายเชิดรีบไปจัดการ เพราะเขาเองก็สงสารและเห็นใจนารี กลัวว่าเธอนั้นจะเป็นอันตรายมากกว่า นั่นคือสาเหตุที่เขารีบออกไปแบบนี้
"เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณพี่ ทำไมทุกคนถึงดูวุ่นวายกันจัง" คุณนายพิกุลเอ่ยถามสามีออกไป เมื่อเธอนะรู้สึกแปลกใจที่เห็นทุกคนวุ่นวายกันทั้งบ้าน
"ก็นังนารีนะสิ ไม่รู้ว่าหายไปไหน" ชายสูงวัยพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
"ฮ๋า! แล้วอย่างนี้เงินสินสอดทั้งหมด คุณอาร์มันโด้จะไม่เรียกคืนเหรอคะ คุณพี่ต้องจัดการรีบหามันให้เจอ คงคิดหนีงานแต่ง ไม่รู้สึกสำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เราเลี้ยงมันมาเลยหรือยังไง" คุณนายพิกุลพูดออกมาด้วยใบหน้าและท่าทางที่โกรธเคืองไม่แพ้ผู้เป็นสามี เมื่อคิดว่านารีควรทำตามที่คำสั่งของบิดามารดาทุกประการ
"คุณแม่ทำไมทุกคนถึงได้วุ่นวายเสียงดังจังเลย เมื่อคืนรวีกลับดึกว่าจะนอนพัก แล้วนี่อะไรแหกปากอยู่ได้คนกำลังจะนอน" รวีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอกลับจวบจนฟ้าสางต่างหาก แต่ไม่มีใครว่า แม้รวีจะเที่ยวทุกราตรีกาล
"ก็นังนารีนะสิ ไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหน สงสัยจะหนีการแต่งงาน นังลูกนอกคอกคนนี้ มันกำลังจะทำให้ตระกูลกสิเทพเดือดร้อน" คุณนายพิกุลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เจ็บใจ แต่รวีกับยิ้มร่า เมื่อเธอกำลังคิดว่า หากไม่มีนารีแล้วเจ้าสาวของอาร์มันโด้ก็ควรจะเป็นเธอ
"ช่างมันเถอะค่ะแม่ รวีจะแต่งงานขอบคุณอาร์มันโด้ แทนนารีเอง" รวีพูดออกมาด้วยดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นกับสิ่งที่เธอนั้นกำลังคิดจะทำ เพราะยังไงอาร์มันโด้ก็ควรที่จะเป็นของหล่อน ไม่ใช่นางก้นครัวอย่างนารี
"ไม่ได้! ในเงื่อนไขสัญญานั้นระบุเอาไว้ชัดเจน เจ้าสาวของอาร์มันโด้จะต้องเป็นนารีเท่านั้น หากทางเราเปลี่ยนคน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นโมฆะ เงินตั้งสองร้อยล้านมันไม่คุ้มกันหรอกนะรวี"
คำพูดของบิดาทำให้ลูกสาวทำหน้างอ เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอโดนขัดใจ ที่สำคัญเรื่องนี้หล่อนนั้นมิอาจที่จะทำใจให้ยอมรับความพ่ายแพ้แก่นารีได้
"คอยดูเหอะ! รวีจะแย่งคุณอาร์มันโด้กลับคืนมาให้ได้"
พูดจบรวีก็กระทืบเท้าเดินเข้าห้องไป โดยไม่ได้สนใจบิดามารดาที่นั่งมองตามหลัง ด้วยความรู้สึก อยากให้ลูกสาวคนรองสมใจ แต่เมื่อมันเป็นความปรารถนาของชายหนุ่มแล้วไซร้ พวกเขาคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมตามทำตามน้ำไปก็เท่านั้นเอง
"เย้! คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลยครับ" เด็กชายร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกำมือชูขึ้นสองข้าง จนนารีแอบฉีกยิ้มที่มุมปาก ที่พ่อกับลูกนั้นเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย "คุณหนูพบรักไปบ้านคุณยาย ย่านวลคงจะเหงาน่าดูเลย รีบไปรีบกลับนะครับคนเก่ง" น้ำเสียงของป้านวลช่างออดอ้อนให้เด็กน้อยนั้นอยากเอาใจ จนนักรบและนารียิ้มไม่หุบให้กับในความน่ารักของย่ากับหลาน "ผมไปบ้านคุณยายไม่กี่วันก็กลับแล้วครับคุณย่านวล เดี๋ยวพบรักจะเอาผลไม้มาฝาก ที่บ้านของคุณตาคุณยายมีผลไม้เยอะแยะเลย "ช่างพูดช่างเจรจาจังเลยนะเราเนี่ย อย่างนี้จะไม่ให้ย่ารักอย่าหลงได้ยังไง" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของพบรักไปมาเบาๆ ก่อนที่เด็กชายจะส่งยิ้มร่าให้ย่านวล พลอยทำให้ทุกคนยิ้มตามออกมา เมื่อพบรักมีความน่ารักสมวัยรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านกะสิเทพ ก่อนจะมีเด็กชายเปิดประตูวิ่งแจ้นออกมาจากรถ จนทำให้นักรบนั้นรีบเปิดประตูลงมาคว้าตัวลูกชายมาอุ้มเอาไว้
สักพักปลายลิ้นร้อนลากผ่านลงมาที่หน้าท้องของภรรยา เขาได้จุมพิตอย่างทะนุถนอมลงไปเบาๆ เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ภายในนี้ ซึ่งมันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ที่นักรบตั้งใจไม่คิดป้องกันตั้งแต่แรก เพราะชายหนุ่มนั้นหวังจะได้ทายาท ตามที่ใจเคยปรารถนาเอาไว้ และภรรยาของเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้เพียงนิด "พ่อรักหนูนะ รักแม่ของหนูด้วย" สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่ม เขาได้สัมผัสไปที่มังกรยักษ์ก่อนจะค่อยๆ สอดมันเข้าไปในช่องแคบของภรรยาอย่างเบามือ "อืม แน่ใจนะคะว่าจะไม่มีผลต่อลูกของเรา" แม้ความต้องการของเธอจะมีมาก แต่นารีก็ยังเป็นห่วงลูกมากมายเช่นกัน "ไม่เป็นไรหรอกหนูนา ท่าเบสิกอย่ากลัวไปเลย ผมจะทำเบาๆ นะครับคนดี" นักรบพูดในขณะที่สะโพกของเขาเริ่มทำการขยับโยกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ แม้ว่ามันจะไม่หนักหน่วงหรือรุนแรง แต่ทว่าความคับแน่นของช่องแคบ เมื่อมังกรยักษ์ผลุบเข้าผลุบออกก็ได้สร้างความเสียวซ่านให้กับสองสามีภรรยาไม่น้อยเลย "อ้า อ๊าคุณนักร
"ลูกของพ่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมแม่ถึงได้ดุจังเลย" การกระทำของสามีหนุ่ม ทำให้นารีนั้นรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อตัวเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่คืนกี่วัน ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีเสมอ โดยที่เขานั้นไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซ้ำ "เงยหน้าขึ้นมาสิ เดี๋ยวไม่ทำแผลให้เปลี่ยนใจไปนอนไม่รู้ด้วยนะ" นารียังคงใช้คำพูดแข็งกระด้าง มีใบหน้าที่เรียบเฉยอีกตามเคย แต่นักรบก็รู้ว่าเธอใจอ่อนลงไปบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินมาหาเขา เพื่อขอดูแผลแบบนี้หรอก สามีหนุ่มยอมทำตามภรรยาอย่างว่าง่าย ยอมแหงนหน้าขึ้นไปให้เธอทำแผลให้ พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตากลมโต ที่เวลานี้ความหมองหม่นได้หายไปสิ้น "แผลบวมนูนขึ้นมาแบบนี้ ฉันว่าคุณไปเย็บแผลดีกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ" คราวนี้นารีพูดออกมาจากใจด้วยความรู้สึกผิด เมื่อแผลมันลึกและกว้างอยู่มาก และที่สำคัญเลือ
วันนี้ทั้งวัน ตั้งแต่เธอเดินไปหาอะไรกิน ในตอนเช้านารีไม่ยอมเดินออกจากห้องอีกเลย เพราะไม่อยากเจอนักรบ หญิงสาวขังตัวเองไว้ในห้องที่ชั้นบนของบ้าน ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นมีรินสาวใช้คนสนิทของพี่สาวคอยบริการเธอทุกอย่าง ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว นารีไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น เธออาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "นารีขอแม่เข้าไปหน่อยได้ไหมลูก" เสียงของผู้เป็นมารดาดังแว่วมา หลังจากที่เสียงเคาะประตูเงียบไป ทำให้นาทีนั้นค่อยๆ ลุกจากเตียง เพื่อเดินไปเปิดประตูให้กับมารดา และเธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่รีบเบี่ยงตัวเข้ามาในห้องของเธอทันที พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กๆ "แม่... แม่ แม่ค่ะ" นารีร้องเรียกหามารดา แต่จะดูเหมือนว่าเธอนั้นโดนหลอกเข้าให้ซะแล้ว "คุณไม่ต้องเรียกหรอก คุณแม่เดินเข้าห้องไปแล้ว" นักรบพูดพร้อมกับค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนทำให้นารีนั้นมองเขาตาเขียว "ออกไปให้พ้นจากห้องฉันเลยนะ คุณแม่นะ
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน สายแล้วนะคุณ ลุกไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวพร้อมกัน" เจสันกระซิบลงไปที่ข้างหูของรวี ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นกับเสียงทุ้มนี้เป็นอย่างมาก เธอค่อยๆ ปรือตาขึ้น ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง เมื่อแสงมันแยงมา และคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป จากนั้นรวีค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอีกครั้ง "ว้าย! เจสัน! คุณเข้ามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไงออกไปเลยนะ" รวีพูดพร้อมกับหยิบหมอนตีลงไปที่ลำตัวของเจสัน ชายหนุ่มรีบเอามือขึ้นมาป้องตัวเอาไว้ พร้อมกับจับหมอนไว้แน่น ก่อนที่ทั้งสองจะยื้อกันไปมา "นี่คุณ! ไปเอาแรงมาจากไหนเนี่ย แรงอย่างกับช้างหยุดก่อนได้ไหม" เจสันพยายามพูดปรามรวีให้หยุดดึงหมอน แต่ดูท่าทีของเธอแล้วไม่น่าจะยอมเขาง่ายๆ "ใครอยู่ข้างนอก ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาในห้องของฉันแบบนี้ รินอยู่ไหมเข้ามาช่วยหน่อยซิ" รวีตะโกนออกมาเสียงดัง แต่ดูเหมือนว่าคนข้างนอกจะไม่ใส่ใจ เพราะไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลยสักคน"ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณไม่ได้ลงกลอน ผมแค่เปิดประตูเดินเข้ามา ตอนแรกพ่อของคุณกำลังจะไปหากุญแจสำรองมาเปิดใ
"ดูสิของเด็กเล่นพวกนั้น เขาสั่งมาเป็นคันรถเชียวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่านาเพิ่งท้องได้เดือนกว่า" คำถามของมารดาทำให้นารีเริ่มสงสัย นักรบรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่เคยบอกให้ใครที่บ้านนั้นทราบ"บอกให้เขาขนกลับไปค่ะพ่อ นาไม่ขอรับอะไรจากเขาทั้งนั้น คนแบบนี้ตบหัวแล้วลูบหลัง อย่าฝันว่าเอาของพวกนี้มาล่อแล้วนาจะใจอ่อน ลูกของนาไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้นหรอกค่ะ เสื้อผ้านาตัดเย็บให้ลูกเองก็ได้ ส่วนของเล่นก็ประดิษฐ์ขึ้นเอง ไม่เห็นยากอะไร ไม่ต้องใช้เงินซื้อมาให้ฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ" นารีพูดระบายออกมาซะยาวเหยียด เมื่อเธอนั้นยังรู้สึกโกรธและน้อยใจในตัวของสามี ซึ่งนารียังไม่คิดว่าจะคืนดีกับเขาง่ายๆ เมื่อชายหนุ่มพาภรรยาเก่ามาหยามน้ำใจ จนทำให้เธอต้องนอนร้องไห้สามเวลา "พ่อว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สามีของลูกเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรมาก นาควรจะหันไปปรับความเข้าใจกันนะ ยังไงลูกก็ต้องมีพ่อ พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นหลานเป็นกำพร้า เพราะสาเหตุที่หนูกับสามี ผิดใจกันเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย" นักรบได้เล่าทุกอย่างให้กับบิดาและมารดาของนารีได้รับฟัง ยกเว้นเร