เข้าสู่ระบบดวงดาว Part
04:00 น. ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยแม่กับป้าน้อยทำขนมสำหรับเอาไปขายที่ตลาดเช้านี้ ฉันจัดขนมใส่ตะกร้าอย่างเป็นระเบียบจนเสร็จจากนั้นก็ขึ้นบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปรอขึ้นรถทำงานแต่เช้ามืดเเพราะไม่ถ้าออกจากบ้านช้าฉันจะต้องขึ้นไปยืนเบียดกับคนอื่นๆ บนรถแถมช่วงเช้ารถยังติดอีกตั้งหากจะขึ้นแท็กซี่ไปก็เสียดายเงิน 05:30 น. ฉันเดินลงจากบ้านมาหาแม่กับป้าน้อยที่กำลังจะเข็นรถออกไปขายของพอดี ฉันก็รีบวางกระเป๋าบนรถเข็นเพื่อที่จะช่วยเข็นรถไปตลาดให้ "ดาว~ไม่ต้องหรอกลูกแม่กับป้าน้อยไปกันเองได้จ้ะ" แม่จับที่มือฉันไว้เพื่อเป็นการห้าม ฉันยืนครุ่นคิดอยู่พักนึงเพราะรถเข็นมันค่อยข้างหนักจะให้เข็นกันไปเองก็อดห่วงไม่ได้ "ใช่ค่ะคุณดาวให้ป้าทำเองดีกว่า" "จะไหวเหรอคะรถมันหนักมากเลยนะ" "ไหวสิลูกแค่นี้เอง เดี๋ยวแม่กับป้าน้อยช่วย ๆ กันเข็นไปมันก็ไม่หนักแล้ว...ใช่ไหมพี่น้อย" แม่ตอบแล้วส่งยิ้มให้ฉันจากนั้นแม่ก็หยิบกระเป๋าทำงานที่วางอยู่บนรถเข็นออกแล้วส่งมาคืนฉันแทน "ลูกอ่ะรีบไปเถอะเดี๋ยวช้ากว่านี้คนจะแน่นเอานะ ไปทำงานวันแรกไม่ควรสายเข้าใจไหม" ฉันยิ้มให้้แม่แล้วเดินเข้าไปหอมแก้มแม่ทีนึง "งั้นดาวไปทำงานก่อนนะคะ" ฉันหันไปหาป้าน้อยต่อ "ดาวไปทำงานก่อนนะคะป้าน้อย วันนี้ดาวไม่ได้ไปช่วยฝากป้าน้อยดูแลแม่ด้วยนะคะ" "คุณดาวไม่ต้องคุณห่วงคุณวันเพ็ญนะคะป้าอยู่ด้วยทั้งคน คุณดาวไปทำงานให้สบายใจเถอะค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้ป้าน้อยก่อนที่จะโบกมือลาทุกคนแล้วเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ แต่พอถึงป้ายรถเมลล์ฉันถึงกับต้องตกใจเลยเพราะตอนนี้มีคนมารออยู่ก่อนแล้วประมาณเกือบ 30 คนได้ มีทั้งคนทำงาน นักเรียน นักศึกษาเต็มไปหมด "ทำไมคนเยอะขนาดนี้เนี่ย อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าแล้วแท้ ๆ เฮ่อ...ทำงานวันแรกไม่อยากขึ้นไปเบียดให้เสื้อผ้ายับเลย" ฉันบ่นเบา ๆ แล้วหันซ้ายมองขวาเห็นแท็กซี่กำลังจะขับผ่านมา เอาว่ะถึงจะแพงกว่าแต่ก็ถึงเร็วกว่าด้วยยังไงซะก็ไม่ต้องขึ้นไปเบียดกับคนอื่นให้เสื้อผ้ายับยู่ยี่ จากนั้นฉันตัดสินใจเดินออกไปโบกเรียกรถแท็กซี่ทันที "ไปไหนครับ" "ไปบริษัท KTK ค่ะ" "ขึ้นมาเลยครับ" ฉันเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง นั่งมาเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นจนเหงื่อออกมือเต็มไปหมดเมื่อคืนนี้ฉันเองแทบนอนไม่หลับเลยดีที่ตอนเช้าไม่เพลีย "จอดตรงนี่แหละค่ะคุณลุง" ฉันพูดแล้วส่งเงินค่าโดยสารให้คุณลุง "ขอบคุณครับ" ฉันเข้าไปในบริษัทฉันก็เจอกับยามที่ยืนดูแลอยู่ไม่ห่างจากประตู "บริษัทยังไม่เปิดนะครับถ้าจะติดต่อเรื่องบ้านต้องรอเวลา 8:30 น.นะครับ" พี่ยามรีบเดินเข้ามากันฉันไว้ "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อดวงดาวนะคะเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธานเพิ่งมาเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรกค่ะ" ฉันแนะนำตัวพร้อมโชว์จดหมายที่บริษัทส่งมาให้ให้กับพี่ยามดู "อ๋อครับ งั้นเชิญนั่งรอที่ล็อบบี้ได้เลยนะครับ ขอโทษทีนะครับพอดีว่าไม่ได้มีใครแจ้งผมไว้ว่าจะมีพนักงานใหม่เข้ามาวันนี้ผมเลยไม่ทราบ" พี่ยามผายมือบอกให้ฉันเข้าไปนั่งรอข้างในด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย "ไม่เป็นไรค่ะแต่ว่าเรียกฉันว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะ" ฉันตอบแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อขอบคุณพี่ยามที่ต้อนรับฉันอย่างดี บรรยายกาศที่นี่แตกต่างจากวันสัมภาษณ์งานมาก เนื่องจากยังเช้าอยู่ทำให้คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่มีเพียงยาม แม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ "เดี๋ยวคุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ" "ขอบคุณค่ะ" ฉันนั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเห็นพนักงานทยอยเดินเข้ามาตอกบัตรแถว ๆ หน้าลิฟต์ซึ่งมันมีอยู่ประมาณ 3 เครื่องแล้วฉันก็หันไปเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังเดินเข้าประตูมา พี่ยามรีบเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดอะไรบางอย่างพร้อมผายมือมาทางฉันจากนั้นผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าให้พี่ยามแล้วเดินตรงมาหาฉันทันที ฉันทำตัวไม่ถูกเลยรีบลุกขึ้นแทน "คุณดวงดาวใช่ไหมมคะ" เธอแต่งตัวดีมากอายุน่าจะประมาณ 40 กว่า ๆ "ใช่ค่ะ" "ตามพี่มาค่ะ" เธอพูดพร้อมเดินไปตอกบัตรแล้วพาฉันขึ้นลิฟต์ไปที่ไหนไม่รู้ บรรยากาศในลิฟท์เงียบมากจนฉันทำตัวไม่ถูกเลยได้แต่เหล่ตามองเธอเป็นพัก ๆ การแต่งตัวของเธอดูน่าจะมีตำแหน่งสูงพอสมควร ฉันเดินตามเธอไปติด ๆ ผ่านพนักงานที่กำลังนั่งเตรียมตัวรอเข้างานกันอยู่ บางคนก็นั่งแต่งหน้าทาปาก บางคนก็นั่งคุยนั่งเม้าส์กันเป็นกลุ่มๆ จนมาถึงห้องๆ นึงด้านบนเขียนว่า "แผนกฝ่ายบุคคล" เธอเปิดประตูเปิดตูเข้าไปในห้องนั้นมีพนักงานอยู่ 3 คน "พี่นุ่นสวัสดีค่ะ/ครับ" ทุกคนหันหน้ามายกมือไหว้เธอด้วยความเคารพ "สวัสดีจ้ะทุกคน" เธอวางกระเป๋าลงที่โต๊ะทำงานแล้วเอ่ยรับการทักทายจากทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสต่างจากในลิฟท์เมื่อกี้มาก "ทุกคนนี่คือคุณดวงดาวที่จะมาทำงานในตำแหน่งเลขาของท่านประธานจ่ะ" ฉันเลยรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพทันที "สวัสดีค่ะทุกคนดิฉันดวงดาวหรือจะเรียกดาวเฉยๆ ก็ได้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ฉันพูด "พี่ชื่อนุ่นนะเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลมีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้" พี่นุ่นพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นมาก "นั่นคือเจนส่วนนู้นบอสและนี่ก็แหม่มทุกคนอยู่แผนกฝ่ายบุคคลเหมือนกันเป็นทีมของพี่เอง" "เอ่อ!...บอสเตรียมของให้คุณดวงดาวเขาหรือยังที่พี่สั่งไว้เมื่อวานอะ" พี่นุ่นถาม "เตรียมไว้หมดแล้วครับพี่นุ่น" พี่บอสตอบพร้อมกับค้นเอาบัตรพนักงานกับกฏละเบียบและหนังสือว่าจ้างงานมาให้พี่นุ่น "อ่านดูก่อนนะถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจค่อยมาถามพี่" ฉันรับมาแล้วเดินไปนั่งโต๊ะกลมที่วางอยู่ในมุมห้องเพื่อเปิดอ่านสัญญาอย่างละเอียด กฎ 1.ห้ามพนักงานทุกคนทะเลาะวิวาทกันในที่ทำงานเด็ดขาด! 2.ห้ามพนักงานทุกคนนำเรื่องภายในแผนกและแผนงานของบริษัทไปพูดคุยกับบุคคลภายนอกเด็ดขาด ถ้าจับได้ทางบริษัทจะฟ้องร้องจนถึงที่สุด 3.ห้ามมพนักงานเข้างานสายเกินเวลา 15 นาที ถ้าสายเกิน 3 ครั้งจะถูกหักเงินเดือนถ้าเกิน 5 ครั้งจะถูกเรียกตักเตือนพักงานและถ้าครบ 10 ครั้งจะถูกพักงานหรือไล่ออกตามเหตุสมควรแต่ถ้ามีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องสายหรือลาให้รีบแจ้งหัวหน้าแผนกของตน 4.ห้ามขาดโดยไม่มีสาเหตุเด็ดขาดถ้าครบ 3 ครั้งจะถูกเชิญออกแต่ถ้ามีธุระให้แจ้งล่วงหน้าที่หัวหน้าแผนก ถ้าป่วยให้นำใบรับรองแพทย์มายืนยันที่ฝ่ายบุคคลฝ่ายหลัง 5.ถ้าจับได้ว่ามีการขโมยข้อมูลหรือยักยอกทรัพย์สินของบริษัททางเราจะดำเนินคดีและฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 100 เท่า 6.ห้ามเข้าไปในบริเวรต้องห้ามหรือห้องของผู้บริหารโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด 7.ห้ามพูดจาดูถูกเพื่อนร่วมงานไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีตำแหน่งอะไร 8.ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาในบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต 9.ห้ามนำสิ่งผิดกฏหมายเข้ามาในเขตบริษัทเด็ดขาด 10.ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีป้ายห้ามสูบเด็ดขาด 11.ห้ามทำลายทรัพย์สินของบริษัท ถ้าทรัพย์ของบริษัทเกิดความเสียหายนอกเหนือจากการใช้งานจนชำรุดบุคคลนั้นต้องเชดเชยเงินเต็มจำนวน 12.ห้ามกดขี่พนักงานรุ่นน้อง 13.ห้ามโยนงานในรับผิดชอบให้คนอื่นแต่สามารถขอความช่วยเหลือได้ถ้าบุคคลนั้นยินดี ข้อปฏิบัติทุกข้อมีผลเมื่อคุณเซ็นต์สัญญาว่าจ้างงานกับทางบริษัทและเมื่อปฏิบัติผิดแม้แต่ข้อเดียวทางบริษัทมีสิทธิ์เชิญคุณออกทันทีที่มีการพิจารณาว่าสมควรแล้วโดยที่ไม่สนเรื่องอายุสัญญาว่าจ้างของคุณและการตัดสินใจของผู้บริหารถือเป็นเด็ดขาด โปรดอ่านและพิจารณาให้ดีก่อนเซ็นต์สัญญาหลังจากหนีเข้ามาในบ้านฉันก็รีบปิดประตูแล้วยืนยิ้มออกมาด้วยความเขิน "ผู้ชายอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย" ฉันพูดแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินไปเข้าไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะที่ฉันกำลังจะถอดชุดออกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองใส่ชุดและเครื่องประดับที่คุณทศให้ไว้อยู่ "ตายแล้วดาวเอ้ย~ ลืมขอบคุณคุณทศเรื่องชุดได้ไงเนี่ย" ฉันบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกอย่างรู้สึกเสียดาย "ไว้ค่อยขอบคุณเขาพรุ่งนี้แล้วกันจะได้เอาชุดกับสร้อยไปคืนด้วย" ฉันถอยหายใจแล้วพูดออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถอดสร้อยเก็บใส่กล่องและถอดชุดไปซักอย่างทะนุถนอมจากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอนทศราช Part00:30 น.ผมขับรถเข้ามาที่บ้านหลังจากไปส่งดาวซึ่งปกติแล้วผมจะนอนที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่เพราะว่ามันใกล้และผมต้องทำงานตลอดเลยไม่อยากให้แม่ต้องมาเห็นผมนั่งทำงานหามรุ่งห่ามค่ำแล้วเป็นห่วงทีหลัง เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจพ่อเลยว่าเขาจะบ้างานอะไรนักหนาแต่พอมาวันนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แทนพ่อผมถึงได้เข้าใจว่า มันจำเป็นต้องทำจริง ๆ และผมก็เข้าใจความรู้สึกแม่ดีเพราะผมเองก็เคยอยู่ในจุดที่นั่งทุกข์ที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้นดังนั้นผมจึงเลือกที
ผมนั่งฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันมาประมาณ 20 นาทีแล้วมันมีแต่เรื่องอวดกันไปอวยกันมาตลอดจนผมฟังแล้วรู้สึกเบื่อไปเลยแต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ ผมหันไปมองที่กลุ่มของดาวแต่ปรากฏกว่าเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจึงเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าเธอจะกลับไปก่อนและถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเสียดายแย่ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ ผมพยายามมองไปรอบ ๆ จนทั่วงานแต่ก็ยังไม่เจอเธออยู่ดี"ผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้เชิญทุกคนตามสบายเลยนะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับออแกไนซ์ได้เลย" ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่รอให้พวกผู้ใหญ่ตอบกลับอะไรมาเลยเพราะกลัวเขาจะรั้งผมให้อยู่ต่อ ผมก้าวเท้าเดินไปหาชัชเพื่อถามเขา"ชัช คุณดาวไปไหนแล้ว" ผมพูดแบบเป็นกันเองกับชัชเพราะเราค่อนข้างสนิทกันบวกกับตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วด้วย จริงๆ ถ้าเวลาทำงานผมจะเรียกเขาว่าคุณชัชตลอดเพื่อให้เกียรติเขา"คุณดาวเหรอครับ เห็นเธอบ่นว่าเบื่อ ๆ ก็เลยอยากจะออกไปสูดอากาศหน่อยครับ""ไปคนเดียวเหรอ" ผมถามด้วยความเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วแถมทุกคนยังดื่มกันไปไม่น้อยถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง "ครับ ตอนแรกผมจะตามไปเป็นเพื่อนนะแต่เธอไม่ยอม" "ไม่เป็นไร" ผมรีบ
ฉันกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมงครึ่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว "นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน" ฉันเดินขึ้นไปนอนทิ้งตัวบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ17:30ฉันใส่ชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจากนั้นฉันก็เดินไปหน้ากระจกหยิบกล่องที่คุณทศให้ขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีชุดเดรสยาวสีแดงประกายเพชรวิบวับดูสวยมาก"แพงมากแน่เลยเนี่ย" ฉันพูดแล้วหยิบชุดนั้นออกมาดูชัด ๆ ฉันตะลึงกับสิ่งที่คุณทศเตรียมไว้ให้มากไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้และที่นึกไม่ถึงมากที่สุดก็คือเขาจะช่วยเตรียมมันมาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันค่อย ๆ วางมันลงบนเตียงแล้วหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ที่คุณทศเตรียมมาให้พร้อมกับชุดนี้ หลังจากเปิดออกดูฉันก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ฉันได้เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคุณทศก่อนที่เขาจะมาทำงานเหมือนปกติทุกวันแต่ว่าวันนั้นฉันแอบไปเห็นมันมีกระดาษจำนวนนึงถูกแฟ้มวางทับไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เลยคิดว่าจัดให้มันเรียบร้อยแต่มันกลับไม่ใช่เอกสารงานอะไรเลยแต่เป็นแบบตัวอย่างสร้อยเพชร ยอม
"งานทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ" ฉันเดินตรวจเช็คงานกล่าวแล้วเดินไปถามกับหัวหน้าทีมออแกไนซ์ที่รับผิดชอบดูแลงานในวันนี้"เรียบร้อยดีค่ะคุณดาว" คุณนัทตอบ"ดีจ่ะ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะคะ" ฉันพูด "ค่ะคุณดาว" เธอตอบแล้วก็เดินออกไปทำงานต่อ ส่วนฉันก็ยืนดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่ออีกนิดหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้แก้ไขได้ทันเวลา"เป็นไงบ้าง" ฉันหันไปตามเสียงมาดังมาจากด้านหลัง"เรียบร้อยดีค่ะคุณท" ฉันตอบ "ผมฝากคุณด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบให้มีอะไรผิดพลาด" คุณทศพูด "ทราบค่ะ" ฉันตอบ วันงาน ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้าเพื่อตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันสำคัญของบริษัท แขกและสปอนเซอร์ที่เชิญมาก็มีจำนวนมากไหนจะนักข่าวจากช่องต่าง ๆ อีกแถมเมื่อคืนนี้ฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลว่าขอเพิ่มชื่อแขกพิเศษเข้ามาอีกหลายคนเลย วันนี้ฉันก็เลยต้องรีบมาจัดการดูแลตั้งแต่แต่เช้าตรู่เลย ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนกับงานตรงหน้า ฉันก็หันไปเห็นคุณทศที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน(ซวยแล้วไงยัยดาวเอ้ย~ นี่เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมเวลาไปเลยเหรอ) ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาคุณทศแล้วก้มหัวขอโทษเขาจากใจจริง "ดาวขอโทษนะคะคุณทศ คึ...คือดาวมัวแต่ยุ่งอยู่
คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ







