Masukห้องพักภายในบ้านไม้กลางป่าถูกยึดครองโดยไคเอลนักประดิษฐ์ทำให้ตอนนี้เซรัสเหลือพื้นที่แค่โซฟาตัวเล็กข้างตะเกียงไฟที่ไส้โดนเผาจนสั้น เขาเอื้อมไปหมุนไส้ตะเกียงขึ้นเล็กน้อยพลันให้ไคเอลที่ลูบ ๆ อยู่ตามพื้นหาอะไรบางอย่างเจอ เขายกมันขึ้นมาส่องกับแสงไฟที่เซรัสเอี้ยวหลบให้แล้วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะวางมันลงบนถาดที่มีนอตหลายขนาดวางอยู่ จัดเรียงมันอย่างเป็นระเบียบบอกตัวเองให้รู้ลำดับก่อนหลังแล้วจึงหยิบกระดาษแผ่นกว้างมาจากเตียงนอน เจ้าของห้องส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วบอกตัวเองว่าคืนนี้คงจะไม่ได้นอนอีกเป็นแน่
“อ้อ ข้าขออนุญาตท่านหรือยังนะ ท่านรัชทายาท” เซรัสถอนหายใจ ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้ววางเท้าลงพื้นอย่างระมัดระวังไม่ให้ไปเหยียบชิ้นส่วนใดที่ไคเอลนำเข้ามาอีก หนึ่งคือเขาจะเจ็บและบางอย่างมันแสนจะเปราะบาง หากยากจนเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปหาจากไหนมาคืนอีกฝ่าย การเดินกะหย่องไปจนถึงประตูจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ทว่าไคเอลกลับไม่ได้ขอบคุณหรือคิดจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาแม้แต่น้อย “เจ้าจะไปปิดประตูกับหน้าต่างด้วยนะ ลมมันจะเข้าน่ะ” แม้ไม่เงยหน้ามาแต่ไคเอลก็พูดขึ้นมาได้ถูกจังหวะ เซรัสจึงเอื้อมไปปิดหน้าต่างที่มีเพียงบานเดียวให้ก่อนจะกลับมาหยุดที่หน้าประตู “เจ้าจะทำอะไร นานไหม ถ้านานข้าจะได้กลับเข้าวังไปสักพัก” “มันจะนาน” ว่าพลางหยิบชิ้นส่วนรูปตัวแอลที่ประกอบกับแผ่นเหล็กเอาไว้จนครบสี่ทิศขึ้นมาดู “แต่คงไม่นานพอให้ท่านเดินทางถึงประตูวังหรอก ถ้าไม่อยากเข้าไปฟังเรื่องไร้สาระก็พักเสียที่นี่” เซรัสส่ายหน้า เสียงลมหายใจดังกว่าเสียงลมที่พยายามจะลอดหน้าต่างเข้ามา จนแล้วจนรอด ไคเอลก็คือคนที่เขาอยากจะทุบหลังสักที “งั้นข้าไปล่ะ เชิญใช้บริการห้องข้าได้ตามสบาย” “ถ้าเจ้าไปเหลาไม้ขนาดเท่านิ้วนางให้ข้าสักสิบหรือยี่สิบชิ้นจะดีมาก” “เจ้าจะเอามาทำอะไร” “ขาตั้ง” “ขาตั้ง?” เซรัสทวนคำน้ำเสียงติดฉงน “ถ้ายัยแม่มดไม่คิดจะช่วยเราสำรวจแผนที่ ข้าก็จะทำแผ่นสะท้อนแล้วก็วัดระยะด้วยตัวเอง และข้าว่ามันคงจะมีประโยชน์ในวันงานประเพณี เพียงแต่ว่าข้าจะต้องทำมันเยอะ ๆ” เขาอธิบายขณะกรีดเลนส์นูนอย่างขะมักเขม้น “ข้าไม่เคยมองออกเลยว่าเศษของพวกนี้จะมาเป็นอะไรที่เจ้าพูดถึงได้อย่างไร” “แบบนี้ไงล่ะ นักประดิษฐ์ถึงไม่ได้มีเยอะแยะ” เซรัสพยักหน้าแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เขาเดินออกไปด้านนอกหยิบพร้าด้ามยาวที่ถนัดมือแล้วเดินออกไปห่างจากบ้านพักพอสมควร คืนนี้ดวงจันทร์ไม่ได้ทอแสงเต็มดวงเขาจึงต้องอาศัยความเคยชินและความระมัดระวังมากกว่าปกติในการเดินหาต้นไม้ที่ไม่แก่ไป ไม่อ่อนไป เนื้อเหนียวกำลังดีพอที่จะรับน้ำหนักเลนส์แก้วและแผ่นเหล็กของไคเอล ต่อให้เขาจะไม่รู้ว่ามันจะออกมาหน้าตาแบบไหนก็เถอะ ปั่ก! เขาเฉาะพร้าลงเนื้อไม้พอเห็นว่าน้ำยางทยอยไหลเล็กน้อยก็เดินผ่านไปเพราะมันยังไม่ใช่ที่เขาตามหา เดินผ่านไปอีกสักพักก็รู้สึกตัวว่าตนเข้ามาลึกพอสมควร หันมองรอบ ๆ เขาถูกต้นไม้สูงเลยศีรษะโอบล้อมเอาไว้ ต้นไม้เตี้ยสุดสูงแค่เข่าโชคยังดีที่ช้างป่ามาถางนำร่องเอาไว้ แต่คงจะไม่ดีนักหากอยู่นานเพราะช้างป่าพวกนี้จมูกดีกว่าช้างทั่วไปหลายเท่า แม้ภายนอกไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่สัญชาตญาณของมันเป็นที่น่าพิศวงกับคนในวังไม่น้อย “ถ้าข้าเป็นคิงส์ ข้าจะสั่งให้นักประดิษฐ์ต้องผ่านหลักสูตรการใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปเสียก่อน” แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่ตาก็ยังมองหาต้นไม้ที่พอเหมาะจนไม่เจอต้นเท่าเข่าน้ำยางไม่ไหลเยิ้ม แต่ก็เหนียวทนติดที่ว่าต้องตากแดดอีกเล็กน้อยจึงจะแข็งแรงพอเป็นขาค้ำยันให้สิ่งประดิษฐ์ของไคเอล “ต้นนี้แล้วกัน” แล้วเขาก็ใช้คมพร้าฝานลำต้นขนาดครึ่งต้นแขนออกมา กองมันเอาไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่แล้วเดินวนรอบเพื่อหาต้นที่คล้าย ๆ กันแต่เว้นระยะพอควรเอาออกเพื่อไม่ให้มันแย่งอาหารกันมากเกินไป หากมากับเทร่า หล่อนคงจะบ่นในความคิดซับซ้อนของเขาและระอาในความคิดง่ายและไร้เหตุผลของไคเอล พวกเขาสามคนน่ะไม่มีอะไรที่พอดีกันสักอย่างแต่ก็ดึงกันมาอยู่ตรงกลางได้อย่างพอเหมาะเช่นเดียวกับต้นที่สองที่เขากะน้ำหนักแล้วฟันมันขาดได้ในครั้งเดียว “เจ้านั่นจะเอาหนาแค่ไหนนะ” เซรัสมองต้นไม้ทั้งสองต้นแล้วนึกฉงน เขาเองก็ลืมถามว่าคำว่าสูงเท่านิ้วนางแล้วหนาเท่าใด คิดได้ดังนั้นก็แบกต้นไม้สองต้นขึ้นบ่า คิดเสียว่าหากไม่พอก็ให้คนอยากได้มาตัดใหม่ แต่ถ้าจะเอาไปหมดคงตัดวงจรชีวิตพวกมันเปล่า ๆ กึก! เมื่อหันหลังกลับหางตาก็เห็นแสงหนึ่งวาบผ่านหลัง เท้าขวาเหยียบกิ่งไม้หักกลางจนเขาเซไปด้านหลัง ทุกจังหวะเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างพอเหมาะ เจ้าชายขี้กลัวได้แต่หยุดอยู่กับที่หวังว่าแม่มดเทร่าจะได้ยินเสียงแล้วตามมาช่วย หรือไม่ไคเอลคงอยากได้ของจนต้องรีบออกมาตาม แต่มันก็ช้าเกินไป เขารออยู่นานสองนานจนความกลัวนั้นค่อย ๆ หาย เห็นเพียงหิ่งห้อยบินหลบไปคนละทางเหมือนกับมีอะไรทิ้งดิ่งลงกลางวงพวกมัน เขากำพร้าในมือแน่น ปิดปากแน่นสนิทกลัวว่าจะมีเสียงอะไรลอดออกไปทำให้สิ่งที่อยู่ตรงนั้นตื่นมาอาละวาด ขณะเดียวกันเขาก็ภาวนาว่าอย่าให้มีอะไรอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มก้าวช้า ๆ มองซ้ายแลขวาเดินสวนทางกับเจ้าหิ่งห้อยและผีเสื้อเรืองแสงที่เริ่มฟักตัวและทิ้งรังดักแด้ไว้ให้กลายเป็นใยแก้วสีประหลาด ทุกสิ่งในนี้ล้วนน่าพิศวงแต่หากมีอะไรที่แปลกใหม่เข้ามาเขาเองก็คงจะตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน “อือ…” ชายหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงหายใจเบาจากสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า หญ้าแหวกเป็นเวิ้งกว้างไม่เห็นเงาสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่รายรอบนั้น พวกมันต่างพากันหนีแต่ไม่ใช่อาการแตกตื่น เขาจึงค่อย ๆ ก้าวเข้าไป แหวกหญ้าที่สูงเกือบเท่าอกออกพ้นทางก่อนจะยืนนิ่งงันมองสิ่งที่เห็นโดยไร้ความเคลื่อนไหวใดในหัวสมอง ประกายแสงสีฟ้าสะท้อนออกมาจากร่างบางที่นอนนิ่งทว่ายังได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจน เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้เส้นผมนั้นก็เปล่งแสงจ้าจนเขาต้องยกมือขึ้นบังมันเอาไว้ ให้ตนได้ปรับสายตาสักพักก็มองเห็นว่าร่างนั้นสวมชุดสีขาวที่ดูเหมือนจะเอาผ้ามาประกอบกันแต่ละส่วนมากกว่าตัดเย็บ ทว่ากลับไม่มีส่วนไหนหลุดออกจากกันให้คนมองนั้นกังวลใจ เมื่อเข้าไปใกล้ ก็พบว่าเกล็ดแสงสีเงินเล็ก ๆ ที่อยู่บนผมของหล่อนเปล่งแสงออกมาปนกับสีฟ้าสาดกระจายไปทั่วบริเวณ กวางแก้ว…ไก่ฟ้า…นกร้องเพลง…หรือ…เซรัสทบทวนสัตว์ทุกชนิดที่เคยเจอแต่สิ่งตรงหน้าก็ไม่เข้าเค้าสักนิด ไม่มีสัตว์ชนิดไหนแปลงร่างเป็นมนุษย์หรือเลียนแบบสิ่งที่เห็นได้ ขณะกำลังคิดต่าง ๆ นานาร่างนั้นก็ขยับทำให้เขาเห็นรอยขีดเล็ก ๆ ตามตัว เซรัสรีบทิ้งพร้าและต้นไม้ที่แบกมาลงอย่างไม่สนทิศทางแล้วพลิกร่างนั้นอย่างระมัดระวังสำรวจดูจนทั่วก็เห็นว่ายังมีรอยแบบเดียวกันอยู่ทั่วร่าง อาจเป็นเพราะใบหญ้าที่บาดตามตัว แต่จะมาจากทิศทางใดเขาคงไม่เสียเวลาคาดเดา เซรัสประคองเธอขึ้นมาแล้วพลิกหันหลังช้อนเธอขึ้นมาแบกเอาไว้ มุ่งตรงไปยังบ้านไม้ที่จุดตะเกียงให้เห็นอยู่รำไร ในใจก็นึกอยากให้เทร่ามาเสียตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร มาดีหรือมาร้าย แต่สิ่งที่ควรจะทำก่อนอื่นใดคือทำให้เธอได้สติและแน่ใจว่าจะรอดชีวิต หากมีอะไรเกินคาดหมายก็คงฝากความหวังไว้ที่เทร่า “ไม่กลับนะ…” เซรัสลดฝีเท้าและเงี่ยหูฟังที่อีกฝ่ายพูด เธอพูดได้ เธอเข้าใจภาษามนุษย์ และเธอน่าจะหนีอะไรมา วันนี้กระท่อมของเทร่าปิดเงียบไม่มีแม้เงาของแม่มดที่จะโผล่ออกมา เขาทำได้เพียงทอดสายตามองแล้วเดินตรงไปยังบ้านพัก สาวเท้าขึ้นบันไดเลี่ยงจากห้องนอนไปยังห้องหนังสือ คืนนี้คงจะยกห้องนี้ให้เธออีกห้อง จนกว่าจะมีพยานรู้เห็นในวันพรุ่งนี้ คืนนี้ได้แต่ภาวนาไม่ให้อาการบาดเจ็บของหญิงสาวนิรนามมีอะไรมากกว่าที่ตาเขาเห็น“ถ้าข้าปฏิเสธ พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือไง?” เซรัสและไคเอลมองหน้าก่อนจะตอบออกมาพร้อมกัน“ไม่” แม่มดสาวถอนหายใจแล้วล้วงของที่อยู่ในแขนเสื้อตัวเองออกมา”“งั้นก็มาพูดเรื่องแผนกันเถอะ”“แผนที่บอกว่าจะสำรวจแผนที่ป่าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ว่าตรงนั้นมีสัตว์อะไรบ้างแล้วค่อยนำไปประกบกับแผนที่งานประเพณีน่ะเหรอ?” ครั้งนี้สองเพื่อนรักมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครรับว่าเป็นคนหลุดปาก“ไม่ต้องหาหรอก ต่อให้พวกเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ได้อยู่ดี แต่แผนของพวกเจ้ามันสิ้นเปลืองเวลาไปหน่อยนะ”“สิ้นเปลืองอะไรก็ในเมื่อต้องทำแผนที่ใหม่อยู่แล้ว” ไคเอลเถียง จะมีหัวใครปราดเปรื่องเท่าหัวนักประดิษฐ์อย่างเขา ในเมืองนี้ไม่มีเทียบอีกแล้ว“เรายังคงต้องทำแผนที่เหมือนเดิม แต่จะทำตามแผนที่งานประเพณี” ไคเอลกำลังจะเถียงแต่ถูกเซรัสยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน“พูดต่อสิ”“ไม่เจ้า ก็เจ้า ต้องเข้าไปหาแผนที่งานประเพณีแล้วนำมันออกมาก่อนที่จะถึงวันงาน จากนั้นเราจะสำรวจป่ารอบ ๆ แต่เรามีเวลาแค่สามคืนในการสำรวจ”“ทำไมแค่สามคืน ไม่ใช่สามวันหรือ?” ครั้งนี้เป็นเซรัสที่ถาม“ถ้าทำตอนกลางวันมันจะเป็นที่น่าสนใจเกินไป อีกอย่างสัตว์บางตัวหาง่ายแค่ตอนกลางคืน ถ้าอยากจะรู
มันคงจะไม่น่ารักเท่าไรหากให้แขกนอนตรงโซฟาแล้วเจ้าของบ้านนอนในห้องตัวเอง ยิ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้ชายกับแขกผู้หญิงที่ยังบาดเจ็บยิ่งไม่ควร แต่มันคงจะลดโทษลงมาได้นิดหน่อยหากเจ้าของบ้านนั้นต้องออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นดมกลิ่นอาหารและยาสมุนไพรโดยมีแขกผู้บาดเจ็บนอนในห้องหนังสือที่มีเพียงโซฟาหวายตัวยาวเป็นที่นอน ที่เป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเพื่อนชายนักประดิษฐ์ของเขาปิดการพบเจอผู้คนเป็นวันที่สอง การดูแลผู้บาดเจ็บจึงต้องเป็นตามมีตามเกิด เซรัสอุ่นกับข้าวเมื่อวานในหม้อ พยายามเลี้ยงไฟให้มันเดือดน้อย ๆ อยู่ตลอดเพื่อที่มันจะมีอายุจนถึงพรุ่งนี้ จะให้เข้าไปในวังบ่อย ๆ แล้วแอบขนอาหารออกมามันก็กินพลังงานไม่น้อย และหากการเตรียมตัวของเทร่าและไคเอลพร้อมเขาคงจะต้องเข้าไปเล่นละครในวังอีกหลายวัน ฉะนั้นขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สักหน่อยแล้วค่อยออกไปสู้ศึก“ท่าน...จะนอนตรงนี้จริง ๆ เหรอ” แต่มันก็คงจะไม่ง่ายนักเมื่อเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เฟย์ลินสบายใจ หญิงสาวกอดผ้าห่มมองเขาแววตาเจือความรู้สึกผิดอยู่นานสองนานซึ่งจะพูดเท่าไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจ“ฉันนอนได้จริง ๆ เธอไปนอนให้สบายเถอะ”“กลางคืนมันจะหนาว ฉันไม่ควรรบกว
ลูกแก้วสองลูกหมุนวนไปมาอยู่ในมือขณะที่สายตาทอดมองนาฬิกาทรายอย่างใจเย็น ชายหนุ่มปรายตามองสาวรับใช้แล้วสะบัดหน้าไปทางประตูเป็นสัญญาณว่าให้พวกหล่อนออกไป แต่ก่อนที่จะออกพวกเธอเดินเข้ามาเตรียมจะเก็บถาดอาหารของที่เซรัสทานไปได้เพียงครึ่งทว่าเขากลับยกมือห้ามแล้วสะบัดมือบอกให้พวกเธอออกไปอีกครั้ง เมื่อประตูห้องปิดลงแล้วก็วางลูกแก้วคู่นั้นลงบนโต๊ะแล้วหันกลับไปลงกลอนปิดประตูให้สนิท แล้วรีบวิ่งไปหยิบห่อผ้ามาคลุมอาหารแห้ง ๆ เอาไว้ เขาตักแต่ละสิ่งเพียงเล็กน้อยไม่ให้เสียหน้าตาเดิมแล้วซ้อนมันอีกชั้นด้วยผ้าตาถี่ที่มักใช้ห่ออาหารหนีออกหลังวังตอนที่เล่นกับไคเอลเขาปีนออกทางด้านหลังซึ่งเชื่อมกับทางเดินมืดอย่างที่เคย ไม่นานนักเท้าก็สัมผัสพื้นดินจึงรีบวิ่งไปทางเดิมไม่ลืมระวังอาหารให้อยู่ในสภาพดีเช่นเดิม ชุดที่ใส่ออกมาถูกกิ่งไม้ฟาดจนเป็นรอยดินรอยยางอีกครั้ง ระหว่างที่เปลี่ยนความเร็วเป็นและปรับจังหวะจากวิ่งเป็นเดินเขาก็มองรอยพวกนั้นพลางคิดในใจว่าคงจะต้องทิ้งเสื้อตัวนี้อีกแล้ว แต่อย่างไรเสียใครจะมาสนใจว่าเสื้อผ้าของเขามีครบหรือไม่ หากเขาไม่โวยวายขึ้นมาใครจะกล้าสงสัยเป็นเรื่องปกติที่เซรัสจะมาหยุดที่หน้าบ้านไม้
เทร่าหันหลังไม่ถึงสามนาทีไคเอลก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทีร่าเริงเกินขอบเขตจนเขาต้องส่ายหัว“งั้น ข้าคงต้องยึดห้องนอนเจ้าสักสามวัน ถ้านอนห้องสมุดไม่สบายเจ้าก็ไปนอนที่วังเจ้านะ” พูดจบก็วิ่งเข้าห้องนอนของเซรัสโดยไม่รอให้เจ้าของอนุญาต ปิดประตูปังแล้วลงล็อกเหมือนกับประกาศว่าสามวันต่อจากนี้ไคเอลจะอยู่ในที่ของตน เซรัสส่ายหัวเล็กน้อยแต่ไม่มีก้อนความขุ่นเคืองติดมา เขาเดินไปหยิบแก้วน้ำผึ้งที่เทร่าผสมทิ้งไว้ให้หมุนแก้วเบา ๆ ให้สิ่งที่อยู่ข้างในเข้ากันก่อนจะเดินไปดูหม้อยาก็พบว่ามันยังไม่ยุบตามที่แม่มดสาวบอก แล้วจึงลงไปยังห้องสมุดชั้นล่างมองร่างบางที่นอนอยู่ผ่านประตูที่แง้มเอาไว้ เธอยังคงนอนนิ่งแต่เสียงลมหายใจยังดังเป็นระยะ เซรัสวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างโซฟาปิดมันไว้ด้วยหนังสือหนึ่งเล่มแล้วนั่งลงข้าง ๆ ถือวิสาสะประคองมือนางขึ้นมาสัมผัสเบา ๆ บริเวณชีพจรนับครั้งและจังหวะมันว่าปกติจึงวางลงเขาพินิจใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บแต่ไม่อาจกลบประกายสีน้ำนมที่สะท้อนจากผิวของหล่อนได้ เปลือกตาของนางวิบวับเหมือนมีผงไข่มุกเจือตัดกับแพขนตาสีดำสนิทที่เรียงเส้นแต่พองาม มันไม่ใช่เชื้อพันธุ์ของหญิงสาวในอาณาจั
เทร่าปล่อยให้ไคเอลวุ่นวายกับเสียงความคิดแล้วหันมาหาเซรัสที่เอาแต่ปิดปากเงียบทั้งที่เธอพูดไปแทบจะหมดแล้ว“ว่าอย่างไร เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ข้าว่าเจ้าต้องเป็นคนอธิบายมากที่สุดเลยนะ” เธอกอดอกทิ้งสะโพกพิงโต๊ะอาหาร นาทีนี้เทร่าคือผู้เหนือกว่าเพราะเรื่องของเธอไม่ใช่ความลับและไม่มีอะไรเสียหายหรือจะทำให้ใครเสี่ยงอันตราย แต่กับเซรัสเขาเหยียบอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ดวงตาเฉี่ยวปรายมองคนที่เบนหน้าไปทางอื่น แม้เสี้ยวหนึ่งหางตาของเขาจะหันมาแต่ก็หาได้หันกลับมาสบตากันตรง ๆ“จะอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันจริง ๆ เหรอ? มีอะไรที่อยากขอข้าหรือเปล่า” เทร่าเปิดปากอีกครั้ง“ข้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรต่างหาก ใช่ว่าอยากจะปิดเงียบเสียที่ไหน” เซรัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันไปมองไคเอลที่ บิ ขนมปัง ใส่ปากด้วยดวงตาเหม่อลอย“เพราะเจ้านั่นแหละที่ยึดห้องนอนข้าเอาไปเป็นห้องนักประดิษฐ์น่ะ”“อะไร? ทำไมวนมาที่ข้า เจ้าเป็นคนไปพานางมาเองไม่ใช่เหรอ หรือนางลอยมาจากไหนเจ้าก็พูดไปสิจะมาโยนให้ข้าทำไมล่ะ” ไคเอลฉุนนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก“เข้าเรื่องสักทีเถอะเซรัส เพราะอะไรนางถึงมาอยู่ตรงนี้” เทร่าพูด“เมื่อคืน ข้าออกไปหลังบ้าน แล้วก
แสงประกายสีม่วงสว่างวาบท่ามกลางความมืด ปลายนิ้วเรียวกรีดวนรอบลูกแก้วสีดำสนิท กระทั่งมีเงาน้ำหมุนวนกลืนกินสีของมันจนเหลือเพียงลูกแก้วว่าง ๆ ที่คอยฉายภาพบ้านไม้กลางป่า มันยังเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านได้ ไม่เห็นแม้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในนั้นแปะ!เทร่าแปะมือบนลูกแก้ว พลันเปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมกับภาพนั้นที่หายไป เธอคว้าเสื้อคลุมและไม้คู่กายก่อนจะหายไปด้วยคาถาที่ทิ้งกลิ่นไฟเอาไว้กองไฟโหมขึ้นหน้าบ้านเพียงครู่ก็ปรากฏร่างหญิงสาวในผ้าคลุมสีดำ พร้อมกับไคเอลที่เดินงัวเงียออกมาจากบ้าน เขาประคองสิ่งประดิษฐ์มั่นแม้จะตกใจเล็กน้อยที่เจอหน้าเธอในตอนเช้า“ไฟอะไรหอบเจ้ามาที่นี่แต่เช้าเลยแม่มด”“ข้างในมีอะไร”“ข้างใน? ไม่มีนี่ ข้าไม่ได้ขโมยอะไรเจ้ามานะ” เขาวางสิ่งประดิษฐ์ลงบนพนักนั่งหน้าบ้านแล้วรีบยกมือเหมือนจะให้อีกฝ่ายค้นตัว ทว่าเทร่าเมินแล้วเดินผ่านเขาไป ไคเอลยกมือเกาหัวแกรก ๆ มองตามคนกันเองที่ทำตัวห่างไกล ทว่ากลับกล้าเข้าไปค้นทุกซอกทุกมุมในบ้าน“นี่ ข้าเป็นเจ้าของร่วมกับเซรัสนะ จะมีอะไรเจ้าก็ต้องบอกข้าหน่อยไหม” ไคเอลเดินเข้ามาเคียง พยายามดึงความสนใจ แต่ก็ถูกเทร่าหันมาจิ๊ปากใส่แล้


![[Unlimited Money] ระบบเงินทุนไร้ขีดจำกัด](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




