“ไม่ผ่าน”
เสียงของท่านประธานหนุ่มไฟแรงนามว่านนท์ธิวรรธน์ดังกึกก้องอยู่ในหัวของพราวลลิลมาตั้งแต่บ่ายแก่ๆของเมื่อวานจนกระทั่งเช้าวันใหม่
เมื่อเธอนั้นส่งร่างสัญญาแล้วไม่ผ่านทั้งที่พยายามรวบรวมสติให้กลับมาแล้วก็พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี
และไม่ว่าจะพยายามแก้ไขยังไงสติมันก็ไม่เคยอยู่กับตัวเธอเลย เตลิดไปไหนนักก็ไม่รู้จนแก้ยังไงก็แก้ไม่ผ่านสายตาของท่านประธาน จนเมื่อวานนั้นเธอยอมแพ้
“โอ๊ยยยย ใครมันจะไปร่างสัญญาผ่านกันวะ หึ๋ย ไอ้รูปบ้านั้นก็ลบออกจากหัวไม่ได้ซะด้วย”
และนั้นก็ทำให้เธอมานั่งหน้าบูดแต่เช้าด้วยไม่อาจทวงเงินสองพันของตัวเองคืนมาได้ แถมยังมีภาพติดตาแถมมาด้วยอีกตั้งหาก
ภาพที่เธอนั้นหอมแก้มเขายังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของเธอ จนเธอนั้นไม่กล้าเปิดรูปจริงขึ้นมาดูเพื่อลบมันออกจากโทรศัพท์
“เป็นอะไร โอวันตินลวกปากหรือไง”
นนท์ธิวรรธน์เดินเข้ามาภายในห้องอาหารอย่างเงียบๆทำให้เขานั้นได้ยินเสียงบ่นพึมพำของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะแสร้งทักทายอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำชวนหาเรื่องเมื่อเธอนั้นหันมาเห็นว่าเขาเดินเข้ามาพอดี
“นี่คุณ ฉันถามอะไรหน่อยซิ”
พราวลลิลตาเหลือกใส่เขาเล็กน้อยก็กะจะเถียงเขากลับไปนั่นแหละ แต่ก็ตั้งสตินึกขึ้นมาได้ว่าเธอมีเรื่องอยากจะถามเขา ด้วยเขาเป็นคนเดียวที่ให้คำตอบกับเธอได้
“อืม ว่ามา”
ร่างสูงหย่อนก้นนั่งลงข้างๆเธอเพราะแก้วกาแฟของเขาถูกตั้งเอาไว้ตรงนั้นคงเป็นแม่ของเขาที่เจาะจงทำให้เป็นแบบนี้ แล้วหยิบเอากาแฟดำที่ถูกตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาจิบไปพลาง พูดคุยกับเธอไปพลาง
“เมื่อคืนวันก่อน ฉันเมายังไง แล้ว....”
“แล้วอะไร”
“แล้วฉันทำอะไรลงไปบ้าง”
“จะอยากรู้ไปทำไม ยังไงเธอก็ยังร่างสัญญาไม่ผ่าน เงินเดือนก็ต้องถูกหักอยู่ดี”
เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามอะไรของเธอมากมายนัก มันไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดคุยกันได้ด้วยฐานะของเขากับเธอก็แค่คู่สามีภรรยาปลอมๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับแต่งงานซับซ้อนอีกก็แค่นั้น
ขืนเขาพูดออกไปก็มีแต่จะสร้างความอับอายให้กับเธอ และเขาก็ดูเป็นคนฉวยโอกาสเป็นอย่างมากอีกด้วยที่จูบตอบเธอไป
“บอกหน่อยซิ”
เธอมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยของเธอเองเป็นนัยบอกให้เขารู้ว่าเธอมีรูปอยู่ในโทรศัพท์มือถือนั้น และเขาก็คงจะรู้ด้วยเพราะเขามีสติตลอดเวลาไม่เคยเมาแบบเธอ
“ก็มีแค่นั้นนั่นแหละ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก หรืออยากให้มีล่ะ”
“แค่นั้นเหรอ”
“เสียดายหรือไง”
วางแก้วกาแฟในมือลงแล้วขยับใบหน้าหล่อคมเข้าไปใกล้ๆหญิงสาวอย่างจงใจจะแกล้งเธอ
แก้มขาวๆตรงหน้าเขาส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาชวนให้เขาใจเต้นแรงและเริ่มขยับเข้าไปใกล้อย่างคนขาดสติ
“ปะๆ เปล่า”
หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างเอียงอายไม่กล้าสบสายตาของเขาที่ขยับมาใกล้ๆ ตาตี่ๆนั้นทำเอาใจเธอเต้นแรงเป็นบ้าเลย
และยิ่งใกล้กันกลิ่นน้ำหอมของเขาก็ยิ่งชัดเจน ผู้ชายอะไรนอกจากหล่อแล้วยังตัวหอมอีกตั้งหาก รู้ไหมว่าตอนนอนนั้นเธอทำตัวลำบากแค่ไหน ต้องเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้เบาๆตลอดเลยกว่าจะนอนหลับได้
“ให้แม่ตั้งโต๊ะเลยไหม อุ๊ย”
คุณหญิงวรรณวิภาพอทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาหาลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ในห้องอาหารทันที ด้วยวันนี้สายแล้วเธอก็เลยเร่งรีบที่จะจัดโต๊ะอาหารเช้าแข่งกับเวลา
แต่ทว่าเธอกลายเป็นแม่ที่ดูจะทะเล่อทะล่าไปมากเลยในวันนี้ ดันเข้ามาในจังหวะที่เขากำลังจะหอมแก้มกันพอดี
“ตารางงานเช้านี้ของฉันมีอะไรบ้าง”
นนท์ธิวรรธน์รีบดีดตัวกลับมาที่แก้มกาแฟของตัวเองในทันที แล้วถามหาตารางงานของเขาที่เขานั้นรู้ดีอยู่แล้วเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในห้องอาหาร
“วันนี้คุณมีนัดตรวจงานก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ตอนเก้าโมงครึ่ง และตอนบ่ายวันนี้มีประชุมย่อยกับฝ่ายการตลาด”
พราวลลิรีบหยิบเอาไอแพคที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว กดผิดกดถูกไปหมดเพราะความมือสั่น กว่าจะเจอตารางงานของเขาก็ใช้เวลาอยู่สักพัก
“อืม ถ้าอย่างนั้นวันนี้ไปรถตู้แล้วกัน พี่เนตรรบกวนด้วยนะครับ”
เป็นจังหวะดีที่คนขับรถของเขาเดินเข้ามาภายในบ้านพอดิบพอดี เขาก็เลยเอ่ยเรียกคนขับรถแทนการอยู่นิ่งๆให้แม่ของเขาจับผิดอะไรเขาได้ และเรียกเขาไปสอบถึงความสัมพันธ์กับพราวลลิลทั้งที่มันไม่มีความคืบหน้าอะไรทั้งนั้น เขาหาทางเอาเงินร้อยล้านคืนกลับมาได้เมื่อไหร่ พราวลลิลก็กลับบ้านได้เมื่อนั้น
“ได้ครับคุณนนท์”
“เดี๋ยวแวะเข้าบริษัทก่อนแล้วกัน คุณกล้าแจ้งมาว่ามีเอกสารที่ต้องเซ็นด่วน”
แล้วมื้ออาหารก็จบลงอย่างเร่งด่วน ท่านประธานและเลขากินมื้อเช้ากันอย่างรีบร้อนและมองหน้ากันไม่ค่อยติดเท่าไหร่ เพราะมันติดตรงที่ภาพยังไม่ได้หอมแก้มมันติดตากันอยู่
พอขึ้นรถได้ก็พากันเงียบไม่มีใครพูดกับใครก่อนราวกับมีคุณหญิงวรรณวิภามาคอยจับตามอง จนท่านประธานต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไม่อย่างนั้นวันนี้ไม่ได้ทำงานแน่ๆ
“อืม”
มองหน้าเขาอย่างงงๆเมื่อเธอนั้นก็ควรเข้าบริษัทไปทำงานก็ถูกต้องแล้ว และเขาก็ควรแวะไปส่งเธอก็ถูกต้องแล้ว เพราะเธอคงไม่ตามเขาไปหน้างานก่อสร้างนั้นหรอก แต่ทำไมถึงบอกว่าจะแวะไปแค่เซ็นเอกสารกันล่ะ
แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะหลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องงานโทรเข้ามาไม่ขาดสายจนกระทั่งถึงบริษัท
“เอกสารที่เธอต้องถือไปด้วย”
กล้าหาญรีบดึงตัวยัยคนสวยไปเทรนงานในทันทีที่มาถึง เพราะนี่เป็นงานแรกที่ยัยคนสวยจะได้ออกไปเฉิดฉายนอกบริษัท
เขาในฐานะคนที่คอยสอนงานเธอจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเป็นอันขาด
“หนูเนี้ยนะ”
พอได้รู้แล้วว่าต้องเป็นเธอที่จะต้องเดินทางไปยังหน้างานก่อสร้างกับท่านประธานบ้างานคนนั้น พราวลลิลถึงกับขาอ่อนทรุดกายนั่งลงกับเก้าอี้ทำงานในทันที
ช็อกเรื่องเมื่อเช้ายังไม่พอ นี่เธอต้องมาช็อกเรื่องนี้อีกเนี้ยนะ
“ก็ใช่ไง เธอนั่นแหละยัยคนสวยที่จะต้องไปกับบอส”
“ไม่ใช่เจ๊หรอกเหรอที่ต้องออกไปตรากตรำหน้างานก่อสร้างนั้นน่ะ”
“จะบ้าเหรอ แกจะให้คนบอบบางอย่างฉันไปทำอะไรแบบนั้น ไม่มีทางซะหรอก อีกอย่างถ้าฉันไปฉันก็ไปเกะกะเขาเปล่าๆ แบบก่อสร้างอะไรนั้นก็ดูไม่เป็น งานอิฐหินปูนทรายก็ไม่รู้เรื่อง เธอไปนั่นแหละถูกแล้ว”
“หนูก็ทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอกนะ”
มือเล็กๆขยับอย่างช้าๆไปหยิบเอายาดมขวดสีเขียวขึ้นมาสูดดมอย่างออกรสออกชาติ เติมลมหายใจให้กับตัวเองไม่ให้เป็นลมหน้าคว่ำลงไป
“เธอทำไม่เป็นแต่เธอเป็นเลขา ยังไงเธอก็ต้องไป”
“อีเจ๊อ่ะ หนูไม่ได้เตรียมตัวมาเลยนะ ดูสภาพหนูสิจะให้ไปหน้างานก่อสร้างได้ไงอ่ะ”
เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะต้องไปทำงานอะไรแบบนั้นกับเขา วันนี้เธอก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสรองเท้าส้นสูงสามนิ้วตามปกติ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรมาเลย
“บอสออกมาแล้ว รีบเอาเอกสารแล้วก็รีบตามไป”
ยังไม่ทันที่กล้าหาญจะได้พิจารณาการแต่งตัวอะไรให้กับหญิงสาว เจ้านายของเขาก็เดินออกมาพอดี
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่มีความอ่อนหวานราวกับผู้หญิงรีบพยุงแม่เลขาสาวให้ลุกขึ้นยืนพร้อมให้เดินตามเจ้านายของเขาไป
“อีเจ๊กัส”
พราวลลิลยังคงมีอาการแข้งขาอ่อนแรงให้ได้เห็นอย่างชัดเจน เธอยืนไม่อยู่เลยเมื่อนึกถึงสภาพที่ตัวเองจะต้องไปเจอ
แต่ถึงกระนั้นก็ถูกอีเจ๊กัสผลักไสให้ออกเดินตามเขาไปอยู่ดีอย่างเลี่ยงไม่ได้พร้อมกับเอกสารที่เป็นแบบก่อสร้างอีกหอบใหญ่
เธออยากเป็นลมตายก็วันนี้แหละ
สูดยาดมอีกครั้งจนมันแทบหลุดออกจากขวดสีเขียวๆนั้นไปติดที่จมูก ก้าวเดินต่อไปอย่างคนไร้วิญญาณ
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้