“ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าวันนี้ฉันจะต้องไปหน้างานก่อสร้าง”
ก้าวเข้ามายืนภายในลิฟต์ด้วยกัน พราวลลิลก็หันหน้าไปจ้องตาเขาแบบจริงจัง ไม่กลัวแล้วสายตาคนหล่อ กลัวจะต้องไปเดินร้อนตายเสียมากกว่า
เธอต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ถึงเธอจะเป็นเลขาของเขา แต่เขาจะมาลากตัวเธอไปไหนมาไหนแบบนี้ตามใจชอบไม่ได้ เธอสวยก็จริงแต่ขอนั่งทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศก็พอ ไม่ขอออกไปเผชิญโลกกว้าง
“เธอเป็นเลขาก็ต้องตามเจ้านายไปทุกทีไม่ถูกหรอกเหรอ”
เขาจ้องใบหน้าสวยกลับอย่างไม่เข้าใจในคำถามของเธอมากนัก เธอเป็นคนจดตารางงานของเขา เธอก็ควรจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะต้องไปกับเขาด้วย
หรือว่าเลขานั้นมีหน้าที่อย่างอื่นอีก นอกเหนือจากติดตามเจ้านายไปทำงาน
“หึ๋ย พูดแบบเดียวกับอีเจ๊นั้นเลยนะ นัดกันมาหรือไง”
“บ่นอะไร”
เขาได้ยินที่เธอนั้นพูดเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ แต่พยายามไม่ใส่ความสนใจหรือได้ยินลงไป เพราะเธอก็คงต้องการแค่ที่ระบายก็แค่นั้น
“ฉันไม่พร้อมที่จะไป คุณดูสภาพฉันสิ”
ให้พูดกับเขาอ้อมไปอ้อมมาเธอก็คงต้องไปทำงานกับเขาอยู่ดี ดูท่าแล้วท่านประธานไม่น่าจะเข้าใจเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้ ไม่อย่างนั้นก็คงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปนานแล้ว ไม่มาถูกจับคู่แบบนี้หรอก
เธอก็เลยต้องอธิบายโดยละเอียด ว่าตัวเธอนั้นไม่พร้อมไปกับเขาจริงๆ อยากจะให้เขาส่งเธอกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยไม่ไปยุ่งกับเงินเดือนอันน้อยนิดของเธอ
“ก็สวยดี”
นนท์ธิวรรธน์มองเลขาสาวของเขาอย่างเต็มตาแบบไม่ต้องแอบมองเมื่อเธอนั้นเปิดโอกาสให้เขาได้มองเอง ก็เห็นได้ชัดเต็มสองตาเลยว่า เธอนั้นสวยแบบที่หาข้อติเกือบไม่ได้เลย
สวยสมกับเป็นเลขาที่เขาจะพาไปไหนมาไหนด้วยอย่างไม่ต้องอายคนในแวดวงธุรกิจเดียวกับเลยล่ะ หรือจะพูดถึงตำแหน่งภรรยาก็คงต้องเป็นที่โจษจันถึงความสวยของเธอกันอย่างมากแน่ๆถ้าเขากับเธอได้คู่กันจริงๆไม่ใช่จอมปลอมเพื่อหนีการถูกจับคู่ไปเรื่อยๆแบบนี้
“ไอ้สวยน่ะมันก็สวยอยู่ฉันรู้ตัวเองดี แต่ว่าฉันจะไปเดินในไซต์งานก่อสร้างได้ยังไงกันล่ะ”
“เดี๋ยวไปถึงเธอก็จะได้หมวกเซฟตี้ แค่นี้ก็ปลอดภัยระดับหนึ่งแล้ว ถ้าไม่พอใจเดี๋ยวฉันหาเสื้อกั๊กสะท้อนแสงให้ใส่ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้มองหาเธอได้ง่ายขึ้น พอใจหรือยัง”
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ร่างสูงก็รีบเดินนำออกไปก่อนเมื่อเขานั้นยืนอยู่ใกล้ประตูลิฟต์มากกว่าเธอ แล้วก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าบริษัทพอดิบพอดี
แอบมองหญิงสาวด้วยหางตาก็เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นเดินตามหลังเขามา เขาก็เลยไม่ได้หยุดรอเธอ
“มันไม่ใช่แบบนั้นโว๊ยยยย ไม่ใช่เลยล่ะ ไอ้พวกผู้ชายซื่อบื้อ”
แต่เธอไม่ได้เดินมาตัวเปล่า เธอมาพร้อมกับคำโวยวายที่เสียงดังพอสมควร ทำเอาเขานั้นถึงกับต้องทะลึ่งตาใส่เธอ ให้เธอรู้จักเก็บอาการเอาไว้บ้าง ยังไงตรงนี้ก็เป็นหน้าบริษัท ใครผ่านไปผ่านมาได้ยินเขามันจะไม่เหมาะสม
“นี่เนตรช่วยเปิดแอร์ให้เย็นๆหน่อยค่ะ หนูจะกักตุนความเย็นเอาไว้เพราะอีกเดี๋ยวต้องไปตกระกำลำบากที่หน้างานก่อสร้าง”
ก้าวเท้าขึ้นรถมาพราวลลิลก็รัวคำพูดที่เต็มไปด้วยความประชดประชันใส่เต็มคันรถนั้นเลย
ทำตาแข็งใส่เธอเหรอได้เลย เธอจะต้องเอาคืนให้ได้อย่างสาสมแน่นอน ไม่ปล่อยให้เขาทำหน้าระรื่นได้อยู่คนเดียวหรอก
“ครับ”
“หมวกและก็เสื้อตามที่บอกเอาไว้”
เมื่อรถจอดเทียบท่าหน้าไซต์งานก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของนนท์ธิวรรธน์ เขาก็รีบให้คนเอาอุปกรณ์เซฟตี้สำหรับคนนอกที่จะเข้าดูงานก่อสร้างมาในทันที และหยิบยื่นให้หญิงสาวที่ยืนหน้าบูดอยู่ได้รับไป
ส่วนเขานั้นก็หยิบเอาเอกสารที่เธอต้องถือเอาไปถือเอาไว้แทน เพราะอีกประเดี๋ยวเขาก็ต้องใช้เอกสารพวกนี้ประกอบการตรวจความคืบหน้าของงานก่อสร้าง
“คุณเห็นผมฉันไหม กว่าฉันจะม้วนลอนได้ขนาดนี้ คุณจะให้ฉันใส่หมวกเนี้ยนะ”
พราวลลิลสะบัดผมของเธอที่ม้วนเป็นลอนเอาไว้อย่างสวยงามให้อีกฝ่ายได้เห็น ผมเธอสวยประหนึ่งดาราสาวท่านหนึ่งแบบนี้ เขาจะใจร้ายให้เธอใส่ไอ้หมวกเหลืองๆนี้ได้ยังไงกันล่ะ
“ต้องใส่หมวกถึงจะได้เข้าไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ยืนตากแดดรอฉันอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”
“ฉันจะไปรอบนรถ”
เป็นการดีเลย ถ้าไม่ใส่หมวกแล้วจะไม่ได้ต้องเข้าไปข้างใน เพราะเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปสักเท่าไหร่หรอก ไปนั่งรอบนรถสบายๆจะดีกว่า
“อืม พอดีว่าพี่เนตรต้องเอารถไปจอดฝั่งตรงข้ามเพราะตรงหน้างานนี้มีรถปูนวิ่งเข้าออกไม่มีที่จอด จะไปตามหาพี่เนตรก็ตามใจเลยนะ”
เขาชี้นิ้วตามหลังของเขาที่พี่เนตรกำลังออกไปไกลๆนู้น เพราะถนนทางฝั่งนี้ไม่มีที่จะให้จอดได้เลย ก็คงต้องไปจอดอีกฝั่งเพื่อรอเขาตรวจงานจนเสร็จ พี่เนตรถึงจะวนรถกลับมารับ
ถ้าเธอจะวิ่งข้ามเกาะกลางถนนที่สูงเท่ากับเอวเธอไปได้ก็เชิญเลย เขาก็ไม่รั้งเธอเอาไว้ถ้าเธอจะเก่งกล้าขนาดนั้น
“เดี๋ยว รอฉันด้วย”
สุดท้ายเธอก็ต้องยอมใส่ไอ้หมวกเหลืองๆแข็งๆนั้น แล้วก็ใส่เสื้อสีสะท้อนแสงสุดเชยนั้นด้วยอีก
แล้วก็รีบเดินตามเขาเข้าไปในไซต์งานก่อสร้าง ด้วยไม่กล้ายืนอยู่ข้างหน้าคนเดียวท่ามกลางบรรดาคนงานของไซต์งานก่อสร้างนั้น
“บอกให้รอด้วยไม่ได้ยินหรือไง เดินให้มันช้าๆหน่อยสิ”
แต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะรอเธอเลยแม้แต่นิด เธอกำลังลากส้นสูงให้สูงกับพวกหินกับทรายที่ทางไซต์งานเทเอาไว้เต็มทางเดินไปหมด แต่เขากลับเหาะข้ามทางเดินไปได้อย่างสบายจนจะถึงตัวตึกอยู่แล้ว
“ทำตัวเป็นเสาไฟฟ้าเดินได้แล้วยังเดินเร็วอีก ไม่มีน้ำใจสำหรับสุภาพสตรีเลย”
พราวลลิลยังคงส่งเสียงต่อว่าเขาไม่เลิก ไม่สนแล้วว่าเธอจะเป็นแค่เลขาและเขาจะเป็นถึงท่านประธานบริษัท
ก็คนอย่างเขาไม่คิดจะเดินรอเธอสักนิด สาวเท้ายาวๆนั้นอย่างรวดเร็วแล้วก็เข้าไปยืนหลบแดดอยู่ภายในตัวตึกอย่างสบายใจ
“เธอก็ก้าวขาให้มันเร็วๆหน่อย ขาก็สั้นแล้วยังก้าวช้าอีก เมื่อไหร่จะเดินทันคนอื่นเขาล่ะ”
เขาก็พยายามจะเดินช้าแล้วแต่ด้วยช่วงขาที่ยาวเพราะเขาสูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร มันก็ทำให้การย่างก้าวแต่ละทีไปได้ไกลมาก
มันก็เลยเป็นความผิดที่ตัวเธอ ที่เดินตามเขาไม่ทันแล้วยังส่งเสียงโวยวายจนคนงานก่อสร้างหันมามองเป็นตาเดียวกันหมดแล้ว
“นายว่าฉันเตี้ยเหรอ”
“ก็แล้วแต่จะคิด”
“ฉันสูงของฉันปกติ นายนั่นแหละเสาไฟฟ้า หึ๋ย”
“เลิกเถียงได้แล้ว เพราะว่ายังไงเธอก็เตี้ยกว่าฉันอยู่ดี”
เขาหยุดยืนจนเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ ก็ได้โอกาสที่จะเทียบความสูงกับเธอพอดิบพอดี
เห็นได้ชัดเจนเลยว่า แม้เธอจะยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงก็สูงได้แค่ไหล่ของเขาเท่านั้นเอง แล้วแบบนี้จะเดินตามเขาทันได้ยังไง แถมยังมาโวยวายใส่เขาอีก
“ยิ้มอะไรมิทราบ ฉันไม่ตลกกับคุณด้วยหรอกนะ”
พราวลลิลรีบสาวเท้าสั้นๆของเธอเดินไปข้างหน้าเพื่อไปยังจุดที่มีพวกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นพวกที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานนี้ หรือหนีรอยยิ้มเยาะเย้ยของเขาไปให้มันได้ไกลมากขึ้นสักหน่อย
“เตี้ยแต่ก็น่ารักดีนะ กวนประสาทได้ดีอีกด้วย”
เขาหยุดเดินสักพักเพื่อให้เธอนั้นเดินนำเขาไปก่อนจนถึงจุดหมาย แล้วเขาถึงออกเดินตามเธอไปทีหลัง
ปล่อยให้คนขาสั้นรู้สึกชนะได้บ้างจะได้เห็นเธอยิ้มได้บ้างในวันนี้ หลังจากที่ตั้งแต่เช้าแกล้งเธอให้หน้าบูดหน้าบึ้งมาตลอดแล้ว
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้