ตอนที่ 5
หงส์หรืออีกา
“หมอทำแผลให้เรียบร้อยแล้วครับ โชคดีที่มีแค่รอยถลอก” หงส์มองดูแผลถลอกตรงบริเวณข้อศอกและหัวเข่าด้วยสีหน้าเป็นกังวลเธอกลัวว่าจะมีแผลเป็นตามมา
“สบายใจได้ครับ ทาครีมที่หมอให้เป็นประจำไม่มีรอยแผลเป็นแน่นอน” หมอเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดี รู้ได้ทันทีว่าคนไข้กังวลเรื่องอะไร
หงส์เดินกะเผลกออกมาจากห้องทำแผลในโรงพยาบาลพร้อมหิ้วรองเท้าส้นสูงออกมาด้วยแต่เธอหยุดชะงักเพราะเห็นใครบางคนกำลังยืนรอ ปราบยืนกอดอกหลังพิงเสาเขาจ้องมองเธอด้วยใบหน้านิ่งๆ ไร้ความรู้สึก เธออยากกรี๊ดออกมาแต่กลัวคนแตกตื่น
“เชิญนั่งครับ” บุรุษพยาบาลวิ่งมาพร้อมรถเข็น
“ไม่ต้อง” เธอไม่อยากให้เขาเห็นว่าอ่อนแอแค่นี้ก็รู้สึกอับอายจะแย่
คนเจ็บเดินกะเผลกไปที่รถโดยมีปราบเดินตามหลังไปติดๆ โชคดีที่รถของเธอจอดอยู่ไม่ไกล ปราบจ้องมองผู้หญิงดื้อรั้นที่เดินอยู่ข้างหน้า ในใจของเขาไม่คิดสงสารเธอเลยแม้แต่น้อย ทำตัวเองแท้ๆ ไม่มีใครบังคับให้ลงจากรถกลางสี่แยกไฟแดงสมควรแล้วที่โดนแบบนี้
“เชิญครับ...คุณหนู” พอเดินมาถึงรถปราบเปิดประตูออก พร้อมกับผายมือให้คนเจ็บเข้าไปนั่ง หงส์ยอมง่ายๆ
เธออยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดจะได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าพ่อ คนที่มันกล้าทำแบบนี้กับเธอไม่รอดสักราย แค่จินตนาการว่ามันโดนกระทืบมันตายนอนจมกองเลือดก็ทำให้เธอมีความสุขจนเผลอยิ้ม
“ห๊า!!! ว่าไงนะ” ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์เธอรีบตรงไปยังโต๊ะทำงานของเจ้าพ่อเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ป๊าฟัง หญิงสาวคาดหวังว่าพ่อของเธอจะจัดการคนอวดดี แต่คำตอบที่ได้ทำให้เธอผิดหวัง
“ใช่ ต่อไปนี้ลื้อต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาจะมาเป็นคนสอนงานให้ลื้อ” หงส์ไม่เข้าใจว่าพ่อต้องการอะไร ทำไมต้องสอนงานมันถึงเวลาที่เธอต้องรับช่วงต่อจากเขาแล้วหรอ เธอพึ่งอายุ 20 ปีเอง
“มันอะไรกันคะป๊า ทำไมเร็วจัง” ชายแก่รู้ดีว่ามันไม่มีเวลาเหลือแล้ว ลูกสาวในวัยเพียงเท่านี้ต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ แม้จะหนักหนาสาหัสแต่มันคือหน้าที่ที่เธอต้องทำ
“ไม่มีคำว่าช้าหรือเร็ว เพราะเวลามันไม่เคยคอยใคร” หงส์ถอนหายใจเธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเทรนงานให้คือเขา คนดีๆ เก่งๆ มีอีกตั้งเยอะทำไมต้องเป็นไอ้ปราบ
“เป็นใครก็ได้ ที่ไม่ใช่มัน” หงส์คงยอมไม่ได้เพราะดูจากการกระทำที่เขาทำกับเธอวันนี้แล้ว ต่อไปคงโดนหนักกว่านี้แน่
“เขาเหมาะสมที่สุดแล้ว” คนเป็นพ่อที่ก่อนหน้า ตามใจเธอมาตลอดแต่พักหลังๆ เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป
“ป๊าไม่เห็นสิ่งที่เขาทำกับหงส์วันนี้หรอ” หงส์ชี้ให้ดูแผลถลอกตามร่างกาย
“ลื้อทำตัวเองหนิ เขาไม่ได้ไล่ลงจากรถสักหน่อย อีกอย่างลื้อก็ไม่ได้เจ็บมากด้วย แค่แผลถลอก” ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะแต่หงส์คงไม่ยอมให้ผู้ชายใจโหดคนนี้เข้ามาบงการชีวิตเธอแน่
“อ้อ มาก็ดีแล้วเข้ามาสิ” ในระหว่างการสนทนาของพ่อลูก ปราบเดินเข้ามาพอดีเจ้าพ่อเหลาเรียก ถือโอกาสนี้แนะนำอย่างเป็นทางการ
“หงส์ นี่ปราบ ลื้อคงรู้จักกันดีอยู่แล้วเขาจะเข้ามาสอนงานให้ อ้อ อีกอย่างเขาจะคอยดูแลปกป้องลื้อด้วย จากนี้ต่อไปต้องเชื่อฟังเขาคนเดียว” ด้วยความที่เธอโกรธเกลียดผู้ชายคนนี้มาก แม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง
“ไม่เอา มะ...” เจ้าพ่อขมึงตาเพ่งมองลูกสาวที่กำลังจะพูดแทรก หงส์ต้องยอมสงบปากสงบคำ
“ปราบ อั๊วฝากด้วยนะ”
“ครับ”
“ไม่มีวัน” หงส์พูดแทรกออกมาจนได้โดยไม่สนมารยาท
“ผมจะดูแลเธออย่างดีเลย ไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงเย็นชาท่าทางสุขุม เขานิ่งจนคนยืนข้างๆ รู้สึกหวั่นใจ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” คุณหนูที่เอาแต่ใจยังคงมีนิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“หงส์! ลื้ออย่าดื้อได้ไหม เชื่อฟังที่อั๊วบอก แค๊กๆๆ แค๊กๆๆ” คนเป็นพ่อขึ้นเสียงเพราะทนเห็นพฤติกรรมดื้อรั้นของลูกสาวไม่ได้อีกต่อไป ก่อนที่เจ้าพ่อจะไอออกมา
เขาเอาผ้าขึ้นมาปิดปากและสังเกตเห็นคราบเลือดบนผ้าขาว จากนั้นรีบเก็บมันลงทันที โรคร้ายที่ต้องเผชิญถูกเก็บเป็นความลับระหว่างเขากับปราบ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ลูกสาว
“ป๊าฟังหงส์นะ ใครก็ไม่ได้ที่ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ หงส์เกลียดมัน ป๊าได้ยินไหม หงส์เกลียดมัน!!!” เธอกระทืบเท้าเหมือนเด็กวัย 4-5 ขวบ ปราบชายตาไปมองด้วยความเอือมระอา เขาอยากหยิบหวายขึ้นมาฟาดแรงๆ เพื่อกำราบ
“อะไรกัน นี่แค่เริ่มต้นเอง” ปราบหันไปพูดกับเธอ
“เอาล่ะๆ ฉันต้องการพักผ่อนลื้อทั้งสองคนออกไปได้แล้ว” เวลานี้เจ้าพ่อเหนื่อยเต็มทนทั้งกายและใจ ปราบมองชายชราที่นั่งบนโต๊ะทำงานบัลลังก์ของเขาด้วยความสมเพช
ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงานฝ่ายชายมีท่าทางสุขุมเย็นชาต่างจากฝ่ายหญิงเธอหงุดหงิดมีท่าทางกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยว” เธอเรียกให้เขาหยุดก่อนที่เขาจะเดินลงบันได ปราบหยุดชะงักแต่ไม่หันไปมอง เขาไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ไม่ต้องให้ใครมาสอน” ในที่สุดปลายเท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดเปลี่ยนทิศทาง เขาหันกลับไปพร้อมย่างก้าวเข้าหา หงส์รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
“แน่ใจนะ สันดานเสียแบบนี้ ต้องขัดเกลาเยอะหน่อย” เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ในขณะที่มือของเธอกำหมัดแน่น เหมือนโดนตบจนหน้าชาด้วยคำพูด
“ไอ้เนรคุณ!” ปราบกัดฟันเขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดคำนี้ออกมาซึ่งมันแทงใจดำเขา ถ้าเขาเนรคุณคงไม่มายืนให้เธอด่าอยู่แบบนี้ มือที่ล้วงกระเป๋าคว้าแขนเธอบีบแน่นจนคนตรงหน้าตกใจ
“ฉันเป็นคนมีความอดทนสูง ฉะนั้น ใครก็ตามที่ทำให้หมดความอดทน มันต้องโดนสั่งสอน” หงส์ผวาเล็กน้อย เธอพยายามตั้งสติ คนอย่างเธอเป็นถึงลูกสาวเจ้าพ่อคงไม่ยอมใครง่ายๆ
“ปล่อยมือสกปรกออกจากแขนฉัน” เธอสะบัดออกแต่มันไม่ได้ผล ปราบบีบแขนเธอแน่นกว่าเดิม หงส์รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแต่เธอต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้
“โอ๊ยยยย” ในที่สุดเธอไม่สามารถทนต่อแรงของผู้ชายคนนี้ได้ หงส์เผลอร้องออกมา แต่แทนที่เขาจะปล่อย ปราบยังคงบีบแขนเธอต่อไป ราวกับว่าเธอคือลูกไก่ในกำมือของเขา หงส์ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“ปล่อยนะ!!” เธอพยายามแกะมือเขาออกแต่ไม่เป็นผล หญิงสาวตัวเล็กๆ น้ำตาไหลพราก เธอถูกคนตัวใหญ่กว่ารังแก ปราบกระชากแขนเธอเข้าหา
“ก่อนจะพูดอะไรออกมา ช่วยไตร่ตรองคำพูดสักนิด ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ จำไว้” จากนั้นเขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระและหันหลังเดินจากไป
หงส์เช็ดน้ำตาออกจากแก้ม เธอแหกปากกรี๊ดออกมาจนลั่นบ้าน แต่ปราบไม่สนใจ ไม่แม้จะหันหลังกลับไปมองเธอด้วยซ้ำ...
เวลาเกือบตีสอง ชายหนุ่มยังนอนไม่หลับทั้งที่พรุ่งนี้เช้ามีภารกิจสำคัญพาคุณหนูไปดูตัวคู่หมั้น เขารู้ว่าต้องทำยังไงแต่พอมาเจอเหตุการณ์ในวันนี้ ความดื้อรั้น ความเอาแต่ใจของคุณหนูยอมรับว่าอยากถอนตัวให้เร็วคนสันดานเสียแบบเธอคงดัดหาก
แขนของชายหนุ่มก่ายหน้าผากอย่างคิดหนัก หงส์พยศ ไม่ฟังคำใคร ใจร้อน วู่วามขาดสติ ความเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งแต่พอคิดไปคิดมามีภาพหนึ่งผุดขึ้นในหัว
เหตุการณ์ตรงบันได วินาทีที่กระชากเธอเข้าหาเขาได้สบตาผู้หญิงตรงหน้า จากนั้นตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายทองมันช่างน่าหลงใหลแต่มันจะดีกว่านี้หากนัยน์ตาคู่นั้นมีความอ่อนโยนอยู่บ้าง
ไม่ใช่ด้วยความก้าวร้าวแข็งกระด้างหรือความโกรธเกลียด แววตาดูถูกเหยียดหยามคนอื่นเธอคงใช้เป็นประจำ ความจริงหงส์เป็นผู้หญิงที่งดงามมาก ชายทุกคนตกหลุมรักเธอได้ง่าย เขายอมรับว่าเธอสวยดั่งหงส์ แต่นิสัยดั่งอีกา...!!!