หลินเยี่ยนจือกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่ยอมพูดยอมจากันกับชายหนุ่มเธอกำลังโกรธเขาตามปีที่ผ่านมาเขาทรมานเธอไม่พออีกหรือหญิงสาวอยากหลุดพ้นไปจากตรงนี้
“ฮึก ฮือ คุณพ่อขา” เมื่อความอ่อนแอเล่นงานคนที่พยายามจะเข้มแข็งจึงร้องไห้ออกมาพ่อทิ้งเธอไว้ให้เผชิญโลกกว้างและเขาคนนั้นที่ทิ้งเธอไว้ จางหย่งคือผู้ชายที่เธอรักเขาจากโลกนี่ไปได้สามปีแล้ว
ปัง!
“คุณเข้ามาทำอะไรออกไป”
“อยากออกไปอยู่หรอกมากินข้าวก่อน” เฉินเหยียนเฟยให้สาวใช้ถืออาหารเข้ามาให้หญิงสาวตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมานานมากแล้ว หญิงสาวทำนิ่ง
“ออกไป”
“กินก่อนเดี๋ยวฉันจะออกไป หรือกลัวว่าฉันจะวางยา” ชายหนุ่มหยิบขนมขึ้นมาและกดเข้าไปหนึ่งและเคี้ยวให้คนตัวเล็กดูแต่กินได้ไม่กี่คำรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก
“นี่มันอะไร”
“เซาปิ่ง[2] ทำจากแป้งผสมมันเทศ” หญิงสาวจำมันได้ดีเพราะจางหย่งแพ้มันเทศแต่หญิงสาวกับชอบกินเซาปิ่งแต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะหน้าดำหน้าแดงไอออกมา
“แค่กๆๆ”
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ”
“ชะ ช่วยฉันด้วย...” เขาไม่รู้ว่าข้างในคือมันเทศเขาแพ้มันเทศซึ่งมันเคยทำให้เขาเกือบตายมาแล้วหนึ่ง ครั้งนี่ดูเหมือนว่าจะไม่รอดอีกชายหนุ่มล้มลงไปชักที่พื้นจนหลินเยี่ยนจือใจคอไม่ค่อยดี
“คุณเหยียนเฟย! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
หญิงสาวลงไปประคองศีรษะของชายหนุ่มขึ้นสาวใช้พ่อบ้านพากันได้ยินเสียงร้องของความช่วยเหลือจึงพากันรีบเข้ามาดู เย่าหยางกับลี่เจินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาคุณชายไปส่งโรงพยาบาลทันที โชคดีที่ถึงมือหมอทันเฉินเหยียนเฟยพ้นขีดอันตรายแพทย์ลงความเห็นว่าเขาแพ้มันเทศและถั่วขึ้นรุนแรงและแพ้มาตั้งแต่เกิด
“แพ้ถั่ว!” จะเป็นไปได้อย่างไรที่เฉินเหยียนเฟยแพ้ถั่วและมันปกติก็เห็นเขากินเป็นประจำ หลินเยี่ยนจือจึงหันมาถามเย่าหยางซึ่งรู้ทุกอย่างดีที่สุด
“คุณเหยียนเฟยแพ้ถั่วตั้งแต่ตอนไหน”
“ผะ ผมไม่ทราบเช่นกันครับคุณผู้หญิง” เย่าหยางเลือกที่จะโกหกคุณผู้หญิงเพราะเขานั่นรู้ดีเพื่อความสบายใจและเพื่อธุรกิจต้องเดินต่อเขาต้องปิดบังไว้
“คุณผู้หญิงเข้าไปดูคุณชายเถอะครับผมจะรออยู่ข้างนอก”
เมื่อเห็นว่าหลินเยี่ยนจือเข้าไปหาคุณชายแล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะปิดบังทุกคนไปถึงเมื่อไร
“ทำไมคุณชายเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนกันเลยพี่” ลี่เจินถามออกมาอย่างสงสัยเพราะถึงแม้จะจับอะไรไม่ได้แต่ก็ไม่น่าเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้
“รู้แล้วก็หุบปากให้ดี”
“แสดงว่าคุณชายไม่ใช่!”
“ลี่เจินเรามีวันนี่เพราะใครไม่สำคัญหรอกว่าเขาคนนั้นเป็นใครแต่จำเอาไว้เรามีหน้าที่ปกป้องคุณชาย” เย่าหยางตบบ่าน้องชายเรื่องนี้จะให้คนรู้เยอะไม่ได้เขาอยู่กับตระกูลเฉินมาตั้งแต่เด็กและเป็นเพื่อนเล่นเฉินเหยียนเฟยมานาน
“อย่าบอกนะว่าวันนี้คุณชายเราตายไปจริงๆ ฮึก โอ๊ยแตะผมทำไม” ลี่เจิสนร้องไห้ออกมาเพราะเขานั้นรักคุณชายตัวจริงยิ่งกว่าอะไร
“ฉันบอกให้เงียบห้ามให้คุณผู้หญิงรู้เด็ดขาด”
เย่าหยางอยากจะหักคอน้องชายที่มาทำเป็นร้องไห้พออยู่ได้สวยกันกับเฉินเหยียนเฟยจริงๆ กับอยู่ไม่ได้เพราะฝ่ายนั้นโหดไม่มีความเมตตาให้ใคร
หลินเยี่ยนจือนั่งมองคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้เธอจำได้ว่าเฉินเหยียนเฟยไม่เคยแพ้อะไร ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปนิสัยของเขาคล้ายคลึงกับคนรักเก่าไม่มีผิด
“โอ๊ย ฉันตายอีกแล้วเหรอ”
“คุณตื่นแล้วเจ็บตรงไหนไหม” หลินเยี่ยนจือแสดงออกว่าเป็นห่วงเขามากตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอไม่เคยแสดงออกว่าห่วงใยเขาเลยจนวันที่เขาถูกยิง
“ฉันตายยัง”
เพียะ
“โอ้ยยย เยี่ยนจือเธอตบฉันทำไม” เฉินเหยียนเฟยลุกขึ้นมาแล้ะมือกุมใบหน้าไว้เพราะถูกหญิงสาวตบแต่ก็ไม่เจ็บเท่าไรเพราะหลินเยี่ยนจือไม่ได้ลงน้ำหนักมือมาก
“คุณน่าจะตายไปเลย”
หญิงสาวพูดจบก็เดินออกไปและไม่ยอมมานอนเฝ้าเขาจนตอนเช้าหมอจึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลสงสัยต้องไปทำบุญล้างซวยหน่อยช่วงนี้ป่วยบ่อยเกินไป
สองวันแล้วที่หลินเยี่ยนจือพยายามหลบหน้าเขาแต่ใครจะสนตอนนี้มีเงินแล้วขอออกไปท่องราตรีหน่อยก็แล้วกันลูกน้องทั้งสองคนจึงติดตามไปด้วย ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเฉินเหยียนเฟยมีสาวสวยนั่งขนาบข้างทั้งสองข้าง
“คุณชายดื่มหน่อยนะคะ”
“กินนี่หน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มอ้าปากรับและนั่งฟังดนตรีไปด้วยถึงแม้จะน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็พอฟังได้ เขาดื่มไปเรื่อยๆ จนเริ่มเมามายลูกน้องทั้งสองจึงพากลับคฤหาสน์
“ทำไมวันนี่ถึงปิดไฟช้ากัน”
“วันนี่วันคล้ายวันเกิดของคุณผู้หญิงครับอาจจะอยู่ฉลองกัน” เขาจะบอกคุณชายแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้บอกป่านนี้คงแยกย้ายกันไปนอนแล้ว
“แล้วเมียฉันอายุกี่ขวบแล้ววะ~” คนเมาเสียงเริ่มยานครางเขาลืมหรือว่าไม่ได้ใส่ใจกันแน่ แต่ตอนนี้มึนหัวอยากนอนมากไม่สนใจแล้วว่าใครจะอยากเกิดวันไหน
“อายุครบ 22 ปีพอดีครับ” ไม่เด็กมากแสดงว่าเขาจิ้มได้แล้วชายหนุ่มเซไปหยุดที่หน้าประตูห้องของหลินเยี่ยนจือและเคาะเสียงดังพร้อมกับตะโกนออกมา
“เยี่ยนจื่อเปิดประตูให้โหน่ยยย”
“คุณมาโวยวายอะไร...” หญิงสาวได้กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขาใบหน้านั้นแดงก่ำไปหมดหลินเยี่ยนจือเดินถอยหลังออกห่างแต่เฉินเหยียนเฟยยิ่งเดินตามเข้ามา
“เมียฉันสวยจริงๆ ยิ่งมองใกล้ๆ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาสูดดมกลิ่นกายของภรรยาในนามและหัวเราะออกมาเบาๆ ที่แกล้งหญิงสาวได้สำเร็จลูกกวางน้อยดูตื่นกลัวไปหมด
“คุณเมาแล้วก็ควรไปพักผ่อน”
“ฉันอยากนอนกับเมีย”
“อื้อ~” เขาขโมยจูบของเธอไปเป็นจูบแรกของเธอหญิงสาวพยายามขัดขืนแต่สู้แรงของเขาไม่ไหวจึงปล่อยให้เฉินเหยียนเฟยทำตามอำเภอใจ ลิ้นอุ่นชื้นดันเข้ามาในโพรงปากฉกชิมน้ำหวานอย่างพึงพอใจ
“อืม” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างถูกใจถึงแม้ท่าทีของหญิงสาวจะจูบตอบแบบไร้เดียงสาแต่เขากลับชอบ มือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อตอบรับจูบของเขา
หลินเยี่ยนจือรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออกห่างและแตะเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์อย่างเต็มแรงเธอผลักเขาออกให้พ้นจากประตูห้องและรีบปิดประตูเธอไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่
“โอ๊ย!! เยี่ยนจือออยัยตัวแสบ”
เฉินเหยียนเฟยล้มลงนอนที่พื้น ตัวงอเป็นกุ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหนออกมาทั้งจุกและเจ็บไปหมดคอยดูเถอะเขาได้โอกาสเมื่อไรอย่าหวังว่าจะได้หนีไปไหม เขานอนอยู่อย่างนั้นเมื่อเริ่มดีขึ้นมาจึงพยายามพยุงตัวเองกลับไปที่ห้องของเขา
“โอ๊ย แม่งกูหายเมาเลย”
ชายหนุ่มสบถคำหยาบออกมาและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างอยู่ที่นี่ก็สบายดีอยู่หรอกแต่ไม่สามารถใช้โซเชียลได้สมัยนี้น่าจะมีแต่วิทยุและโทษทัศน์
“ใครมันผลักกูมาอยู่นี่วะปล่อยให้ตายยังดีกว่าเลย”
เพราะความตายคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้วไม่ต้องผิดหวังไม่ต้องเสียใจไม่ต้องมีความเจ็บปวดอะไร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มต้องเริ่มใช้ชีวิตใหม่แถมยังอยู่ท่วมกลางลูกกระสุนเขาจะตายวันไหนอีกก็ไม่ทราบได้
[2] เซาปิ่ง 燒餅 (shāobǐng) หรือ ฮวงกั๊วะเปี๊ยะ เป็นขนมโบราณของคนจีน ทำจากแป้งหรือแป้งผสมมันเทศบด สามารถกินได้สองแบบ คือแบบไม่มีไส้ กับแบบมีไส้ ซึ่งจะยัดไส้ด้วยถั่วเหลือง หรือเผือก กดให้แบนแล้วนำไปทอด บางสูตรอาจโรยงา
หลายเดือนผ่านไปหลินเยี่ยนจือตั้งครรภ์ครบแปดเดือนแล้วอีกไม่นานเธอจะได้เจอหน้าลูกน้อย ไม่รู้ว่าในท้องของเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย“อื้อออ”“ทำไมขี้อ้อนจังเลยคะ”“จะคลอดแล้วขอเข้าไปสะกิดลูกก่อนได้ไหม”สะกิดของเขาคงไม่ใช่การสะกิดธรรมดาเป็นแน่ ตั้งแต่เธอท้องมาเขาก็ขยันทำการบ้านเสียเหลือเกินวันไหนที่เขาว่าง จะเข้าไปทักทายลูกน้อยทุกครั้ง“คะ คุณอ่ะ”“รอบนี้จะทำเบาๆ นะครับ” แล้วเธอเคยปฏิเสธเขาได้ที่ไหนมีแต่ยอมทุกเขาทุกอย่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ห้ามเขาจึงไม่รอช้าหลังจากนี้คงไม่ได้ทำแบบนี้อีกนานหลายเดือน รอบหน้าจะเอาลูกหลายๆ คนเลยลูกน้องเต็มบ้านจะได้ช่วยกันเลี้ยง“ซี้ดดดด อ่าส์ นอนตะแคงนะ” เขาให้หญิงสาวนอนตะแคงข้างเพราะท้องโตมากแล้วต้องระวังให้มาก เขาจัดการสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามด้วยของหญิงสาว“เหยียนเฟยคะ อื้อ” หญิงสาวครางออกมาเมื่อชายหนุ่มก้มไปดูดเลียติ่งเสียวและใช้มือบดขยี้จนแดงเถือกลิ้นอุ่นๆ สัมผัสกับกลีบดอกไม้งาม “เจ็บให้บอกนะที่รัก อ่าส์”บทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หลินเยี่ยนจือนอนหมดแรงอยู่บนเตียงช่วงนี้เขาพร่าๆ ลงมาเยอะเพราะเธอใกล้จะคลอดแล้ว2 สัปดาห์ต่อมาหลินเยี่ยนจือให้กำเนิ
“โอ๊ยยยย” “คุณเหยียนเฟยคุณตบหน้าตัวเองทำไมคะ” ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้อีกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมาหรือเปล่าหรือว่าผู้ชายคนนั้นกลับมา “ผมฟื้นแล้วจริงๆ” ค่อยโล่งอกไปหน่อยคิดว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเจ็บแผลเหมือนตอนนั้นแต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันออกไป “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมเจอกับเขา...” เขาที่ชายหนุ่มหมายถึงหลินเยี่ยนจือรู้ดีว่าหมายถึงใคร “เขาฝากมาบอกว่าขอโทษคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาใจดีแล้วนะที่ยอมบอกหญิงสาว ทำเมียกูเจ็บยังจะมาฝากบอกอีกเขาไม่เตะหัวก็บุญแล้ว “เขาไปแล้วจริงๆ” หญิงสาวโล่งอกขึ้นมาต่อจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจอคนใจร้ายคนนั้นอีก ไม่อยากแม้แต่จะรู้จักแต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้วเธอได้แต่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป “ผมจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด จะดูแลคุณกับลูกของเราเอง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” เขาไม่อยากให้หลินเยี่ยนจือเศร้านานจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ดื้อเลยค่ะเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวไม่เคยแพ้ท้องเลยสักครั้ง และลูกก็ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนจะรู้ว่าคนเป็นแม่ก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว “ผมหลับไปหลา
หลินเยี่ยนจือนั่งมองเฉินเหยนเฟยที่นอนหลับไม่ได้สติมาสามวันแล้ว สามวันที่แสนจะทรมานสำหรับหญิงสาวเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกน้อยในท้อง“คุณผู้หญิงกลับไปพักก่อนเถอะครับ” เย่าหยางเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย หากมัวแต่โศกเศร้าอาการน่าจะทรุดไปตามๆ กัน“ฉันยังอยากอยู่กับเขา”หากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเธอเป็นคนแรก ขอร้องอย่าทิ้งเธอไปก็พอตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว“หากคุณชายตื่นผมจะรีบบอกคุณผู้หญิงคนแรกเลยครับ”หลินเยี่ยนจือจึงยอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านกลับได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากบ้านพักของเฉินลี่หยาง“ย่าเสียน! เธอมาทำอะไรที่นี่”“เยี่ยนจือช่วยฉันด้วย!” ย่าเสียนวิ่งเข้ามากอดเพื่อนสาวไว้เธออยากกลับไปอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่ยอม ความเสียใจบวกกับความโกรธทำให้เธอขาดสติทำร้ายเขา“เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวมองเจ้าของบ้านที่สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งไปกัดกับสุนัขมา หลินเยี่ยนจือมองทั้งสองคนสลับกันไปมาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่“ฉันอยากกลับไปหาพี่ชายฉัน ฮึก”“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” หญิงสาวหันมาถามเฉินหลี่ยางเธออยากถามเขาแต่ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องของหลี่ย่าเสียนเสียก่อน“ผมเปล่านะ
หลินเยี่ยนจือถูกพาตัวออกมาจากบ้านพัก หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นคนของซ่งห้าวอี้กำลังลำเลียงอาวุธขึ้นเรือ ดวงตาสบประสานกันกับหลี่ซืออี้ เวลานี้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปไม่ได้ “พามันขึ้นเรือไปด้วย” “ถ้าเราถึงจุดหมายปลายแล้วจะทำยังไงครับ” “ยิงมันทิ้งหรือไม่ก็ยกให้พวกบ้ากาม” ซ่งห้าวอี้มองหลินเยี่ยนจือด้วยแววตาที่สมน้ำหน้า “ไปกันเถอะ” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้หลี่ซืออี้เข้ามาจับตัว เธอแค่ขอให้เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน “คุณพ่อช่วยลูกด้วยนะคะ” “เจ้านายครับ! รถเที่ยวสุดท้ายถูกตำรวจจับไว้ได้ครับ” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้หญิงสาวพยายามที่จะฟัง ลูกน้องของซ่งห้าวอี้มารายงานว่ารถบรรทุกเที่ยวสุดท้ายถูกจับได้แล้ว “ไหนมึงบอกว่าตำรวจไม่เคยตรวจจุดนี้วะ” ซ่งห้าวอี้อารมณ์เสียขึ้นมา เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นมากพอสมควร “ตำรวจตั้งด่านเต็มเมืองไปหมดเลยครับ เราต้องรีบแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจแห่กันมาแน่” “รีบขนขึ้นเรือ!” เขาจะต้องไม่ถูกจับเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจหลายสิบนายบุกเข้ามา พร้อมกับคนที่เขาอยากจะเจอหน
เยี่ยนจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งมือยังคงถูกมัดอยู่ที่หัวเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แอด หญิงสาวหันไปที่ประตูที่เปิดออกตามมาด้วยคนตัวสูงที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว หลินเยี่ยนจือจำเขาได้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่ซืออี้ ตอนนี้เธอกำลังสับสนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร “หลี่ซืออี้เกิดอะไรขึ้น” “พี่ขอโทษเยี่ยนจือพี่จำเป็นต้องทำ” หากเขาไม่ทำตัวเขาและน้องสาวก็จะตกอยู่ในอันตรายเขาเชื่อว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยจะต้องมาตามหาหญิงสาว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี “คุณทำงานให้ใครหรือ?” เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นแต่คนเราก็ไม่สามารถหยั่งรู้ภายในจิตใจมนุษย์ได้ “เอาไว้เมื่อถึงเวลาจะรู้เอง ต่อจากนี้ทำตามที่พี่บอกก็พอเธอจะได้ไม่ลำบาก” “ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้” “พี่ทำเพื่อครอบครัว” หลี่ซืออี้เห็นสายตาที่ผิดหวังของหลินเยี่ยนจือก็รู้สึกเจ็บแต่พยายามที่จะเก็บอาการไว้ ยังไงเขาก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว “กินข้าวเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทาง” “เดินทาง? เราจะไปไหน”
“คุณจะไปไหนเหรอ” เฉินเหยียนเฟยเห็นหญิงสาวกำลังเตรียมของเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เขามีประชุมงานจึงไม่สามารถออกไปได้ “ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ” “แน่ใจว่าไปแค่นั้น” ไม่ใช่ว่าไปยืนอาลัยให้คนรักเก่าหรอกนะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อยู่กับเขาก็ต้องลืมคนรักเก่า “ค่ะ คุณจะให้ฉันไปไหนได้” “ระวังตัวด้วยนะผมเป็นห่วงคุณกับลูก” “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” หญิงสาวแก้มเขาและส่งเขาขึ้นรถ ส่วนเธอเตรียมตัวออกไปที่หลุมฝั่งร่างของบิดา วันนี้อากาศหนาวกว่าทุกวันและลมแรงทำให้หลินเยี่ยนจือต้องกระชับผ้าคลุมไว้แน่น เธอเดินถือดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าชื่อของบิดา “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะตอนนี้หนูสบายดีค่ะและกำลังจะมีหลานให้คุณพ่อด้วย” หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสักพักเมื่อได้สติจึงจะกลับไปรอเฉินเหยียนเฟยที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมีชายฉกรรค์เดินมาขวางทางเธอไว้ “พวกคุณเป็นใคร!” หญิงสาวมองไปที่ลูกน้องของเฉินเหยียนเฟยที่สลบอยู่ที่พื้นหญ้าไม่ไกลจากรถที่จอดรอรับเธอ หลินเยี่ยนจือรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ไปกับพวกผมดีๆ จะได้