ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ