“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง
“แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร”
“ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ”
“งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ”
“เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา
หากไม่เพราะกลัวว่าที่ฮูหยินที่หมายตาไว้ตั้งแต่สิบปีก่อนเปลี่ยนไป ตนก็คงไม่ทิ้งการงานเช่นนี้ สู้อุตส่าห์เฝ้ามองเฝ้าดูแลมาตั้งนาน จะให้ใครตัดหน้าไปได้อย่างไร แม้คนผู้นั้นเป็นสตรีเขาก็ไม่คิดยอมหลีกทางให้หรอก
“จะเกี้ยวพาเซียวเล่ออย่างไรก็ตามใจเจ้า ขอเพียงไม่เปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกก่อนกราบไหว้ฟ้าดิน ข้าย่อมไม่ขัดขวาง แล้วที่เจ้าบังอาจไล่ซือซือไปยกขนมในครัวมาให้ เรื่องนี้เจ้าจะชดใช้เช่นไร”
“โกรธเคืองแทนนางเช่นนี้ คงหมายตานางมาเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเจียงแล้วสินะ”
“กล่าวมาว่าจะชดใช้เช่นไร มิเช่นนั้นข้าอาจปากหนักไม่สามารถช่วยเอ่ยถึงสาเหตุของการเป็นบุรุษเจ้าสำราญให้เซียวเล่อฟัง”
“เจ้า!” เผยหลี่จุนชี้หน้าสหาย ที่ต้องแสดงให้นางเห็นเช่นนั้นก็เพราะทำให้การติดต่อซื้อขายของหายากของสหายลื่นไหล หาใช่เพราะนิสัยเดิมไม่
“ว่าอย่างไร จะชดใช้ที่บังอาจใช้งานซือซือของข้าเช่นไร”
“ของเจ้า? ช่างเอ่ยมาได้ไม่อายปาก ตั๋วเงินพันตำลึงทองข้าสมทบเป็นค่าสินสอดให้เจ้า”
“ข้าเต็มใจที่จะรับ” หากหารายได้เล็กน้อยเช่นนี้ได้มาก ขบวนสินสอดของฮูหยินเขาคงยาวรอบเมืองหลวงได้สามรอบ
“อ๋อ! ข้าลืมไป กว่าเจ้าจะได้แต่งนางเป็นฮูหยินคงไม่แคล้วต้องมองนางออกเรือนไปกับบุรุษอื่นก่อน เพราะสตรีรอบกายที่หมายปองเจ้ามีมากเหลือเกิน ทั้งที่หมายปองอยู่ห่าง ๆ และทั้งที่พยายามครอบครองเจ้าเช่นเสี้ยนจู่[1]เหลียงจิ่วเม่ย ที่ข้าได้ยินว่ายามนี้นางกำลังเดินทางมาเยือนเมืองหลวง”
“เหลียงอ๋องและทายาทถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าเมืองหลวงชั่วชีวิตหากไม่มีคำสั่งไม่ใช่หรือ”
“ถูกต้อง การมาของนางไม่มีใครทราบยกเว้นคนของข้าที่ประจำการอยู่ใกล้ชายแดนเหนือ
“เรื่องนี้ควรต้องทูลรายงานต่อองค์รัชทายาท” เพื่อให้อีกฝ่ายนำไปกราบทูลฮ่องเต้
“ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเหลียงจิ่วเม่ยทราบว่าเจ้าหมายตาฮูหยินของตนไว้แล้วนางจะทำเช่นไรกับคุณหนูเหอ”
“เรื่องนั้นอย่าได้ห่วง ข้ากับเซียวเล่อไม่มีทางยอมให้ใครมาทำอันใดนางได้แน่นอน”
“กล่าวถึงเซียวเล่อ ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าเป็นข้าหรือเจ้าที่ต้องไหว้วานอีกฝ่ายเพื่อแยกสตรีทั้งสองออกจากกัน”
“ยังไม่ทันเกี้ยวพาน้องสาวข้า ก็มั่นใจไปเสียแล้วว่านางจะมีใจให้”
“ว่าแต่ข้า เจ้าก็ยังไม่ทันเกี้ยวพาคุณหนูเหอ ก็คิดถึงสินสอดที่จะนำไปสู่ขอนางแล้ว” หึ! จะเขาหรือเจียงเซวียนก็ล้วนไม่แตกต่างกัน มิเช่นนั้นจะเป็นสหายกันนานหลายปีได้อย่างไร
“เหลียงจิ่วเม่ยเหยียบเมืองหลวงเมื่อใดให้คนรีบมารายงานข้า”
“อืม”
“เจ้ากลับเรือนรับรองของตนไปได้แล้ว อย่าได้คิดลอบปีนเข้าเรือนน้องสาวของข้าเข้าใจหรือไม่”
“เจ้ากล่าวเช่นนี้มิได้กำลังรู้ทันข้าหรอก แต่ในใจเจ้ากำลังคิดอยากปีนเรือนของคุณหนูเหอต่างหาก หึ!” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาแค่นเสียงในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
การมาเยือนของเหลียงจิ่วเม่ยย่อมไม่ได้นำพาเรื่องที่ดีมาแน่นอน เขาหยิบกระดาษออกมาก่อนจะตวัดพู่กันลงไป ทิ้งไว้ชั่วครู่เมื่อมันแห้งแล้วจึงเรียกคนออกมา
“จิ้นสิง นำจดหมายนี้ไปส่งมอบให้องค์รัชทายาทด้วยตัวเอง”
“ขอรับ” เจ้าของนามรับคำก่อนจะจากไปทันที
“จิ้นไฉ จิ้นหง ในหน่วยของเรามีสตรีหรือไม่”
“ไม่มีขอรับ” บุรุษชุดดำทั้งสองคนมองหน้ากัน ตอนก่อตั้งหน่วยลับเพื่อสนับสนุนบิดาและพี่ชาย คุณชายเป็นคนสั่งเองว่าห้ามรับสตรี แม้แต่บ่าวรับใช้หรือคนครัวที่หน่วยลับยังต้องเป็นบุรุษเลย แล้วพวกเขาจะเอาสตรีที่ใดมาให้คุณชาย
“เช่นนั้นลองมองหาสตรีที่หน่วยก้านดี และพร้อมจะขายชีวิตให้ข้าได้มาสักสี่ห้าคน แล้วฝึกพวกนางอย่างหนักเพื่อจะได้ส่งไปคุ้มครองน้องสาวข้า” และสตรีที่จะมาเป็นฮูหยินของเขา
“ขอรับคุณชาย พวกข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ” ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะหาได้หรือไม่ น้อยมากจะเจอสตรีตรงตามที่คุณชายสั่ง เพราะหากจะฝึกฝนสตรีให้เก่งกาจและจงรักภักดีต้องไปซื้อตัวในตลาดทาสตั้งแต่เป็นเด็กแล้วจับฝึกหนักตั้งแต่ตอนนั้น
“ได้ความเช่นไรก็มารายงานข้า”
“ขอรับ”
“พวกเจ้าไปได้”
“ขอรับ” สิ้นเสียงคนทั้งสองก็ออกจากห้องทำงาน
เมื่ออยู่ภายในห้องคนเดียวเจียงเซวียนก็เอาภาพวาดที่เขากำลังวาดค้างเอาไว้ก่อนหน้าที่น้องสาวจะเข้ามาออกมากาง ภาพที่มีเพียงเค้าโครงหน้าของสตรีผู้หนึ่ง
มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงดวงหน้าหวานที่ส่งยิ้มออดอ้อนยามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ไหนจะสีหน้าคับข้องหมองใจยามถูกเขาไล่ต้อนอีก ยิ่งได้พบหน้ายิ่งปรารถนาอยากเข้าใกล้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทำให้อิ่มเอมหัวใจยิ่งนัก...
[1] ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ลำดับที่ 4
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ