LOGINทันทีที่ชนิดาออกมาจากห้องน้ำ เธอก็มุ่งหน้าเดินไปยังร้านอาหารทันที ซึ่งเป็นร้านประจำที่ครอบครัวของศุภวัฒน์มักมาพาเธอมาอยู่บ่อยครั้ง
แต่พอเธอเดินเข้ามาภายในร้านกลับรู้สึกแปลกใจ ที่โต๊ะของศุภวัฒน์นั่งอยู่นั้นกลับมีแขกนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยสองคน
“พี่กร พี่ธิดา สวัสดีคะ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพวกพี่สองคนที่นี่” ชนิดาร้องทักทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ในฐานะที่เธออายุน้อยกว่าใคร ก่อนที่เธอจะมองเห็นเก้าอี้ตัวที่ว่าง และเดินไปนั่งลงข้างกันกับศุภวัฒน์ เพราะตรงหน้ามีสามีภรรยานั่งรออยู่แล้ว
“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานหนูนิดดูโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลย พอไม่ใส่แว่นตาแบบนี้ดูสวยมากกว่าเดิมจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” สุทธิดา หรือ ธิดา หญิงสาววัย 27 ปี ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยแซวเธอขึ้นมาบ้างอย่างเป็นกันเอง นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันเพราะต่างคนต่างมีหน้าที่
สุทธิดาเองก็พึ่งได้เข้าไปทำงานช่วยผู้เป็นสามีไม่นานมานี้เอง เพราะเธอพึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท หลังจากที่เธอพักการเรียนเอาไว้นานตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกสาวคนแรก พอมีโอกาสได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ทางครอบครัวของสามีก็ให้โอกาสเธอได้ศึกษาในระดับปริญญาโทต่อเลย
“พี่ธิดาก็ชมเกินไป แล้วน้องวิวาห์ล่ะค่ะไม่ได้พามาด้วยเหรอ” เธอรีบถ่อมตัวแล้วเปลี่ยนเรื่องเอ่ยถามถึงลูกสาวของทั้งสอง เพราะไม่เห็นทั้งคู่พามาด้วยเลย
“อยู่ที่โรงเรียนครับ แล้ววันนี้หนูนิดไม่ได้ไปเรียนเหรอถึงมาที่นี่กับไอ้เวย์ได้” วรากร หรือ กร สามีวัย 30 ปี ของสุทธิดาและเป็นเพื่อนของศุภวัฒน์อีกด้วยเป็นฝ่ายตอบแทน แล้วถามเธอกลับมาบ้างที่เห็นเธอใส่ชุดของทางโรงเรียนอยู่
**สุทธิดา-วรากร จากเรื่อง หวงรัก เมียชั่วคืน**
“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ เลยได้หยุดเรียน” เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เจื่อน ๆ สายตาก็คอยชำเลืองมองคนข้าง ๆ ไปด้วย
“ไม่นิดหน่อยหรอกมั้ง”
“พี่เวย์...”
ศุภวัฒน์ที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ถูกชนิดาขัดขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาเขาต้องหุบปากฉับพลันไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ” วรากรจึงหันมาถามทางเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับตนเอง เมื่อเห็นอาการเหมือนมีพิรุธของทั้งสองคนที่ปิดไม่มิด
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เกือบจะโดนรถชน” เขาจึงยอมบอกเพื่อนออกไปโดยที่ไม่อยากจะปิดบัง เพราะคิดว่าสักวันเพื่อนหรือทุกคนก็คงต้องทราบกันอยู่แล้ว
“รถชน? แล้วหนูนิดเป็นอะไรหรือเปล่า” สุทธิดาตาเบิกโพล้งแล้วถามออกมาเสียงดังทันที เพราะตกใจในคำตอบของเพื่อนสามี
“ยังไม่ถึงขั้นชนหรอก แค่เกือบ ๆ นะ” ศุภวัฒน์จึงได้เล่าออกมาต่อ แต่ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดเสียเท่าไหร่
“ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไร ไม่งั้นไอ้เวย์คงโดนไอ้วิชญ์เล่นงาน...” วรากรที่รู้ดีว่าเพื่อนอีกคนห่วงน้องสาวมากขนาดไหน เลยพูดจาเหน็บแนมใส่ศุภวัฒน์ทันที
“พอได้แล้วค่ะพี่กร หนูนิดไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว มาทานข้าวกันเถอะค่ะ” สุทธิดาจึงได้แต่รีบปรามผู้เป็นสามีไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้
ทั้งโต๊ะจึงไร้บทสนทนาอยู่สักพักหนึ่ง เพราะต่างคนต่างสนใจกับอาหารมื้อนี้เป็นพิเศษที่บังเอิญเจอกันแบบไม่ได้นัดหมาย เลยต้องมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันเอาเสียเลย
“หนูนิดเป็นอะไร รสชาติไม่ถูกปากเหรอ” สุทธิดาถามขึ้นมาทันที เมื่อสังเกตุเห็นว่าเธอไม่ค่อยตักอาหารตรงหน้าเข้าปากเลย
“เปล่าค่ะพี่ธิดา...” เธอรีบปฏิเสธทันควัน
แต่ก็ต้องหยุดชะงักนิ่ง ราวกับถูกไฟช็อตเพราะมือหนาของเขาอีกข้างที่อยู่ฝั่งใกล้กันกลับเอื้อมมากุมมือของเธอ แถมยังสอดประสานไว้เสียดื้อ ๆ ทำเอาเธอรู้สึกประหม่าจนทำตัวแทบไม่ถูก
“นั่นสิ...” ศุภวัฒน์เอ่ยขึ้น พร้อมกับหันมามองหน้าเธอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างท้าทายและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นายก็อย่าใช้สายตาดุมองน้องมันนักเลยไอ้เวย์ หัดใช้สายตาอ่อนโยนมองผู้หญิงบ้าง” วรากรตำหนิเพื่อนออกมาทันที เมื่อเห็นศุภวัฒน์กำลังใช้สายตาจ้องมองไปที่ชนิดา
ศุภวัฒน์จึงละมือออกจากมือเล็กของเธอ แล้วยกขึ้นมาตักกุ้งมาวางที่จานข้าวของตน และบรรจงแกะกุ้งบนจานข้าวนั่นแล้วจึงส่งให้กับชนิดาโดยที่ไม่พูดอะไร
“ขอบคุณคะ”
ทำเอาคู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต่างหันมามองหน้ากันสลับไปมาอย่างงุนงงกับการกระทำเมื่อสักครู่ของศุภวัฒน์ที่ปฏิบัติกับน้องสาวเพื่อน
“รีบกินจะได้มีแรงซ่าต่อ” ศุภวัฒน์พูดเช่นนั้นแล้วยกแก้วน้ำดื่มขึ้นมาจิบทันที แก้อาการเก้อเขินของตัวเองที่ไม่รู้ว่าเผลอตัวทำอะไรแบบนี้ลงไป
“หนูนิด! พี่กับพี่กรมีของขวัญย้อนหลังวันเกิดให้ พอดีว่าพึ่งซื้อมาเมื่อกี้นี้เอง ตอนแรกตั้งใจจะเอาไปให้ที่บ้าน แต่ดันเจอกันที่นี่เสียก่อนงั้นพี่ให้ตรงนี้เลยนะ” สุทธิดาพูดแล้วก็ยื่นถุงแบรนด์แนมดังมาให้แก่คนตตรงหน้าทันที
“ไม่เห็นต้องลำบากพวกพี่สองคนเลยคะ” ชนิดากำลังจะปฏิเสธ
“ผู้ใหญ่ให้ของก็รับไปเถอะ” แต่ศุภวัฒน์กลับใช้เสียงเข้มเอ่ยขู่เธอออกมา
“ขอบคุณพวกพี่สองคนมากนะคะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วพวกพี่ยังมีน้ำใจซื้อมาให้อีก”
ชนิดาเมื่อไม่กล้าหักหาญน้ำใจคนให้ เธอจึงยื่นมือขึ้นมารับถุงใบนั้นตรงหน้าเธอ ที่สุทธิดายื่นมาให้
“อ่ะ อันนี้ของพี่” และอีกถุงใบเล็กกว่าของคู่สามีก็วางลงตรงหน้าเธออีกถุง
“อะไรอีกค่ะ” ทำเอาชนิดาหันมามองคนข้าง ๆ อย่างงุนงง เพราะว่าของขวัญวันเกิด เธอก็ได้จากเขามาแล้วเมื่อคืน แถมยังเป็นสิ่งของที่มีราคาสูงอีก
แล้วถุงตรงหน้านี้ก็ทำให้เธอใจเต้นแรงอีกครั้ง เพราะโลโก้ที่ติดอยู่บนถุง เธอก็เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เปิดดูก็จะรู้เอง” เสียงราบเรียบพร้อมกับใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยบอก
ชนิดาจึงเลือกเปิดออกดูถุงของศุภวัฒน์ก่อนทันที เพราะเธอกลัวว่าจะเป็นสิ่งที่เธอคิดที่เธอคคิดเอาไว้ และเป็นสิ่งที่เธอหมายตาก่อนจะมาที่นี่่
“นี่มันอะไรกันค่ะพี่...” เธอเอ่ยถาม เพราะของภายในมีสองกล่อง เธอเลือกหยิบกล่องใหญ่ออกมาก่อน
“ก็แว่นตาอันเดิมมันตกพื้นพังตอนที่พี่อุ้มเธอไปห้องพยาบาล” เขาตอบเธอออกไปตามตรง เพราะเขาพุ่งไปรับตัวเธอทำให้แว่นตาที่เธอสวมใส่อยู่นั้นแตกลงกับกระแทกพื้นพัง
“พี่เวย์เป็นคนอุ้มหนูไปส่งที่ห้องพยาบาลอย่างนั้นเหรอค่ะ” เธอถามอย่างแปลกใจ ที่รู้ว่าเขาเป็นอุ้มเธอไปส่งที่ห้องพยาบาล
“แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะหนูนิด”
คนแก่ไม่เข้าใจเด็กเลย“คุณเวย์ครับ ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ปาลินเหมือนจะเมามากแล้ว” เจษพิพัฒน์เมื่อเห็นว่าแฟนสาวจะเริ่มเมาแล้ว จึงบอกกับศุภวัฒน์ขอตัวพาเธอกลับ“นายขับรถไหวเหรอเจษ ค้างที่นี่สิ” เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอันตรายหากว่าขับรถตอนเมา และเขาเองที่เป็นต้นเหตุจะรู้สึกผิด จึงได้แต่บอกให้เลขาหนุ่มค้างที่นี่“ผมดื่มไปแค่นิดเดียวเองครับ ยังไม่หมดแก้วเลยด้วยซ้ำ ขับไหวอยู่แล้วครับ แล้วอีกอย่างแฟนผมเมาแบบนี้บนเตียงน่ารักจะตาย ไม่เชื่อก็ลองมีแฟนแล้วมอมเหล้าดูนะครับ ว่าผู้หญิงเวลาเมาแล้วจะน่ารักขนาดไหน” เจษพิพัฒน์เอ่ยบอกกับศุภวัฒน์อย่างสื่อความหมายเป็นนัย ๆ พร้อมกับส่งสายตามองไปที่แฟนสาวอย่างเจ้าเล่ห์ถึงเขาจะอายุห่างกับแฟนสาวอยู่หลายปี แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย เพราะต่างฝ่ายต่างก็เติมเต็มส่วนที่ขาดให้แก่กัน และทำความเข้าใจกันอยู่เสมอ หลายคนมองว่าเขาเห่อของใหม่ เพราะว่าปณาลินนั้นมีความสัมพันธ์กับเขาตั้งแต่อายุสิบแปด เลยทำให้เขาเห่อรสรักของสาวพรหมจรรย์เขาไม่รู้หรอก ว่าอาการเห่อของใหม่เป็นแบบไหน เพราะสำหรับเธอเขาทั้งรักและทะนุถนอมเธอมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะผ่านม
อยู่บ้านกันแค่สองบ้านอภิวัฒน์โภคิน“ทำไมบ้านดูเงียบจังเลยล่ะครับบอส” เจษพิพัฒน์ถามขึ้นมาทันทีที่เดินเข้ามาหาเจ้านายถึงที่ห้องโถงของบ้าน เพราะตั้งแต่ที่เขาขับรถเข้ามาภายในเขตบ้านกลับไร้ผู้คนและดูเงียบเหมือนกับไม่มีคนอยู่เลย“พ่อกับแม่ของฉันพวกท่านไปต่างประเทศนายก็รู้ ส่วนคนงานกับเหล่าแม่บ้านดันมาสามัคคีพร้อมกันลาพักพร้อมกันอีก บ้านก็เลยดูเงียบกว่าปกติอย่างที่นายเห็น” ศุภวัฒน์รับเอกสารจากมือที่เลขายื่นมาให้ แล้วก็เอ่ยบอกไปตามตรงเมื่อเจษพิพัฒน์ถามเจษพิพัฒน์เบิกตาโพล้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายพูดบอก คงเป็นเพราะเหตุผลนี้เองสินะ ที่วันนี้ศุภวัฒน์ยอมอู้งานเพียงเพราะกลับมาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนกับชนิดา“งั้นก็แสดงว่า ที่บ้านนี้มีบอสอยู่กับคุณหนูนิดแค่สองคนหรือครับ” เจษพิพัฒน์จึงตัดสินใจถามออกไปเพื่อความแน่ใจอีกที ว่าเมื่อสักครู่นั้นเขาได้ยินไม่ผิดแน่“ทำไม?” ศุภวัฒน์เลิกคิ้วถามเลขากลับไปบ้าง เมื่อเห็นสีตาดูตกใจของเจษพิพัฒน์ที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เปล่าหรอกครับ”“แล้วนายมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า” ศุภวัฒน์ถามขึ้นทันที เมื่อเจษพิพัฒน์นั่งลงที่โซฟาอีกฝั่ง“ไม่มีครับ รอแค่ไปรับปาลินแล้วกลับคอ
ไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวชนิดาพอจะทราบดีว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป ตรงนั้นก็ไม่มีใครเลยและยังไม่มีพนักงานคนไหนมาทำงานด้วย นอกจากหญิงสาวที่เป็นคู่นอนของเขา แล้วเธอจึงหยิบอีกกล่องที่อยู่ในถุงออกมา“แล้วนี้...” ชนิดาตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อของที่อยู่ภายในกล่องอีกใบนั้น เป็นสิ่งที่เธออยากได้และหมายตาไว้จริง ๆ ด้วย นี่เขาซกล้าซื้อของราคาแพงแบบนี้ให้เธอจริง ๆเป็นสร้อยคอจี้จิกเพชรเม็ดงามเส้นไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป ดูกำลังเหมาะกับคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ซึ่งราคาที่เธอเห็นอยู่ภายในร้านจิวเวลรี่ราคาไม่ใช่น้อย เป็นราคาที่เธอมิอาจเอื้อมเลยเพราะมันช่างสูงมาก สูงถึงหลายแสนเกือบจะแตะหลักล้านอยู่แล้ว“ก็เห็นยืนมองอยู่เป็นชั่วโมง คิดว่าคงอยากได้เลยซื้อมาให้” เขาตอบเสียงแข็งและพยายามเก็บอาการทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้เผยพิรุธอะไรออกมาต่อหน้าเธอและเพื่อนของเขา เกรงว่าจะถูกเพื่อนล้อ“น้องมันยังเรียนอยู่เลยนะไอ้เวย์ ใส่ของมีค่าแบบนี้คงจะไม่...” วรากรกำลังจะอ้าปากเอ่ยค้าน“พี่ว่าสวยดีออก เหมาะกับหนูนิดที่สุดเลย” แต่สุทธิดากลับพูดแทรกผู้เป็นสามีขึ้นมาเสียก่อน แถมดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามไปกับศุภวัฒน์อีกด้
เปิดดูก็จะรู้เองทันทีที่ชนิดาออกมาจากห้องน้ำ เธอก็มุ่งหน้าเดินไปยังร้านอาหารทันที ซึ่งเป็นร้านประจำที่ครอบครัวของศุภวัฒน์มักมาพาเธอมาอยู่บ่อยครั้งแต่พอเธอเดินเข้ามาภายในร้านกลับรู้สึกแปลกใจ ที่โต๊ะของศุภวัฒน์นั่งอยู่นั้นกลับมีแขกนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยสองคน“พี่กร พี่ธิดา สวัสดีคะ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพวกพี่สองคนที่นี่” ชนิดาร้องทักทั้งสองคนขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ในฐานะที่เธออายุน้อยกว่าใคร ก่อนที่เธอจะมองเห็นเก้าอี้ตัวที่ว่าง และเดินไปนั่งลงข้างกันกับศุภวัฒน์ เพราะตรงหน้ามีสามีภรรยานั่งรออยู่แล้ว“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานหนูนิดดูโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลย พอไม่ใส่แว่นตาแบบนี้ดูสวยมากกว่าเดิมจนพี่แทบจำไม่ได้เลย” สุทธิดา หรือ ธิดา หญิงสาววัย 27 ปี ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยแซวเธอขึ้นมาบ้างอย่างเป็นกันเอง นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันเพราะต่างคนต่างมีหน้าที่สุทธิดาเองก็พึ่งได้เข้าไปทำงานช่วยผู้เป็นสามีไม่นานมานี้เอง เพราะเธอพึ่งจบการศึกษาในระดับปริญญาโท หลังจากที่เธอพักการเรียนเอาไว้นานตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกสาวคนแรก พอมีโอกาสได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ทางครอบครัวของสามีก็ให้โอกาสเธอได้ศึกษาในระดับปริญ
เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง“ตื่นสักทีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่หลับอยู่บนเตียงนั้นเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในขณะที่เขานั่งตรวจงานจากแฟ้มที่เลขาฯเอามาให้อยู่ข้างเตียง“พี่...”ศุภวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสารลงแล้ววางไว้ที่โต๊ะ เขาจึงขยับตัวขึ้นมานั่งที่เตียงของเธอ ก่อนจะคอยช่วยพยุงเธอขึ้นมานั่ง“ปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนไหม” เขาถามพร้อมกับใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอดู สายตาจับจ้องมองสำรวจตามร่างกายเธอชนิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน เธอหันมาจ้องมองหน้าเขาอย่างรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ของเขา“เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น” เขาถามเธอกลับเพราะเธอเอาแต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำชนิดาเอาแต่นั่งคิดทบทวนอยู่นาน มองหน้าเขานิ่งคิดอย่างพิจารณา ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร เพื่อเป็นการพิสูจน์“โอ้ย...”“หนูนิด! เจ็บตรงไหนงั้นเหรอ? พี่จะไปตามหมอ...” เขาตกใจรีบมองสำรวจเธอ เมื่อจู่ ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอะไรเสียอย่างนั้น และเขาก็ลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไป“พี่เวย์ หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่ร้องเพราะเจ็บที่หยิกตัวเองเฉย ๆ” เธอรีบห้ามเขาเอาไว้ และบอกความจริงกับเขาว
เลื่อนประชุมเอี๊ยด!!!!“อ้าย...” ชนิดาได้แต่หลับหูหลับตากรีดออกมาแทบจะสุดเสียงเท่าที่มี เพราะเธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับคืนไปได้แล้ว เธอได้แต่หลับตานิ่งยืนรอรับชะตากรรมอยู่ตรงนั้น“หนูนิด!!!”ศุภวัฒน์รีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของนางแบบสาว และรีบสาวเท้ายาวไปหาตามเสียงของชนิดาทันทีโดยตามสันชาตญาณ“หนูนิด เป็นไรไหม” ทันทีที่ถึงตัวชนิดา เขาเอ่ยเรียกเธอมองสำรวจรอบตัวกลับดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร เพราะตัวเขาเองก็ตกใจมากเช่นกันโดยที่ไม่ได้สนใจรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ออกไปเลย เพราะคนตรงนี้เป็นหน้าบริษัท รถอาจจะเยอะเป็นธรรมดาในช่วงเวลาเข้างานของพนักงาน ถ้าเขขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นรถของพนักงานส่งอาหาร หรือไม่ก็มอเตอร์รับจ้าง“พะ พี่เวย์”พรึ่บ!!!ชนิดาหันมามองเขาแล้วเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดสนิทลงไปในอ้อมแขนแกร่งศุภวัฒน์ที่รวบตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปกองกับพื้น“หนูนิด หนูนิด!!!” เขาได้แต่เขย่าเรียกเธอ ก่อนอุ้มเธอขึ้นมาแนบอกในท่าเจ้าสาว เมื่อไม่มีการตอบกลับใด ๆ จากเธอ“บอส เป็นอะไรหรือเปล่าครับมีอะไรให้ผมช่วยไหม น้องหนูนิด” เจษพิพัฒน์เลขาหนุ่มที่เดินผ่านมา







