LOGINโต๊ะทำงานชั้นที่ 24
บรรยากาศตึงเครียดในการทำงาน จารวีนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ
"อ้าว... ล้างห้องน้ำซะงั้น! ไปเข้าชั้นล่างก็ได้!" เธอพึมพำ ก่อนเดินลงไปชั้น 23 ที่เป็นของแผนกอื่นอย่างเงียบเชียบ
ห้องน้ำชั้นที่ 23
ขณะทำธุระส่วนตัว เสียงซุบซิบนินทาของพนักงานหญิงสองคนก็ดังลอดเข้ามาอย่างชัดเจน
"นี่เธอ อาทิตย์ที่แล้ว ฉันเห็น ผอ. พาเด็กเลี้ยงไปช้อปปิ้งน่ะ" เสียงหนึ่งกระซิบอย่างตื่นเต้น
"เฮ้ย! จริงดิ... อาจจะเป็นแฟนหรือน้องเขารึเปล่า?"
"โนว... ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ขยับมาใกล้ ๆ สิ!" เสียงนั้นลดระดับลง แต่ก็ยังดังพอให้เธอได้ยินทุกคำ
"ก็เด็กเลี้ยงคนนั้น... นักศึกษาฝึกงานนิเทศคนนั้นไง! คนที่เขาลือกันว่าหิ้วไปกินถึงเกาะล้าน เขาลือกันให้แซด!"
"อุ๊ย... อิจฉานางอ่ะ! อยากเป็นเด็กเลี้ยงของ ผอ. อ่ะ"
"เกินวัยแล้วยะ!"
เสียงหัวเราะขบขันดังลั่นตอกย้ำความเจ็บปวด จารวีถึงกับน้ำตาไหลสุดกลั้น ต้องรีบยกมือปิดปากไว้แน่นเพื่อสะกดเสียงสะอื้น เธอจิกเล็บลงบนต้นขาเพื่อเรียกสติและความเจ็บปวดทางกาย จนกระทั่งเสียงนินทาเงียบหายไป เธอจึงรีบออกมา ใบหน้าพยายามทำเป็นปกติ แต่ดวงตานั้นแดงก่ำ
โต๊ะทำงานของจี๊ดชั้นที่24
จารวีกลับมานั่งที่โต๊ะ พยายามจมดิ่งกับเอกสารตรงหน้า ท่ามกลางพนักงานที่เริ่มเตรียมตัวสำหรับพักเที่ยง
ก่อนเวลาพักเที่ยงเพียงไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์จากสายตรงของ ผอ. ก็ดังขึ้น
"คุณจารวี เข้ามาพบผมในห้องทำงานตอนนี้ด้วยครับ" เสียงทุ้มเข้มสั่งมาสั้น ๆ
ในห้องทำงาน ผอ.เมฆินทร์
จารวียังไม่ทันได้เดินพ้นประตู ร่างกายก็รู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างที่ดันเข้าที่บั้นท้ายของเธอ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เมื่อรับรู้ได้ถึงการตื่นตัวของมังกรที่พร้อมจะแผลงฤทธิ์
<ฟอด....>
"หอมจัง!" เขาซุกปลายจมูกไปที่ซอกคอของเธอแล้วสูดดมเข้าเต็มปอด
เขาไม่รีรอ ลากจี๊ดมายังโซฟา แล้วโน้มตัวคร่อมร่างบางไว้ เขาประทับจูบลงไปที่ริมฝีปากบางอย่างกระหาย มือหนาพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอลงไปสามเม็ด ก่อนจะก้มซับจูบดูดเนินอกอวบขาวอย่างตั้งใจจนเกิดรอยแดง
"พี่เมฆอย่า!...เดี๋ยวพี่คนเห็น"
"พี่หิว... พี่หิวจี๊ด พี่อยากกินจริง ๆ... พี่ขอนะครับ"
เขาใช้มือล้วงสอดเข้าไปใต้กระโปรง แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวดึงกางเกงในตัวจิ๋วลงมาจากจุดที่ปกปิดสิ่งที่หวงแหนของเธอไว้
"อ๊ะ... อย่าค่ะ! พี่เมฆ! นี่มันที่ทำงานนะคะ!" จี๊ดเอ่ยห้ามเสียงแผ่ว แต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะขัดขืน
เขาไม่สนคำพูดเธอ รีบปลดเข็มขัดและตะขอกางเกง รูดซิปอย่างเร่งรีบ แล้วงัดแก่นกายขึ้นมา... คว้าเอวบางของเธอเข้ามานั่งตักในท่าหันหลัง มือหนาล้วงใต้กระโปรง แล้วงัดสวนแก่นกายขึ้นไปยังรูรักที่รัดแน่น
<กึก!>
"อึ๊ก... พี่เมฆ~... อ๊ะ... ท... ทำไมไม่ใส่!"
"อ๊าาา... พี่ไม่มี พี่ขอก่อนนะครับ... อื้ออ~"
จี๊ดหลับตาลงรับรู้ถึงความไร้ค่าที่ตอกย้ำตัวเองที่พึ่งได้ยินมา ขณะที่มือหนาลูบวนไปทั่วร่างงาม บีบเค้นไปทั่วทรวงทรงองค์เอว เขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปใต้เสื้อแล้วบีบขย้ำตรงเนินอก ลูบไล้ไปยังหน้าท้องแบนราบ เลื่อนต่ำมาถึงจุดเชื่อม แล้วใช้มือกดปุ่มเสียวของเธอ ปลายนิ้วกลางเร่งรัวขยี้จนร่างงามสั่นสะท้านเพราะความเสียว
"ฮื้อ.. อื้มมม~"
เธอจิกเล็บไปที่ขาของเขาเพื่อระบายความเสียวที่ทรมาน พร้อมกับเม้มปากไว้เพราะกลัวเสียงจะเล็ดลอดออกมา
เขาจับเอวเธอ หมุนควงอย่างเนิบนาบ จี๊ดในตอนนี้ดูเซ็กซี่มาก เมฆินทร์ดึงเสื้อเธอหลุดลงมาจนเผยให้เห็นไหล่เนียน เขาสูดดมและขบเม้มเผลอกัดเข้าไปด้วยความหมั่นเขี้ยว
"อ๊ะ...!"
"อ๊า...แน่นมาก... เสียว... ซี๊ดด"
"ของเรามันดูด...ตอด พี่ตลอดเลย อ่ะ~"
เขางัดสวนกระแทกจนคนที่นั่งบนตักถึงกับตัวลอย เสียงเนื้อกระทบเนื้อดัง
<ตับ ตับ ตับ>
สนั่นห้อง จนจี๊ดต้องจิกขาเขาไว้แน่น
"พ... พี่เมฆ... ดังไปแล้ว เดี๋ยวคนได้ยิน... อ่ะ!" เธอรีบกัดปากไว้แน่น
เขาไม่รอช้า จับเอวเธอยกขึ้น จนกางเกงในตัวจิ๋วที่ค้างไว้หัวเข่าหล่นถึงพื้น ไม่รอช้าเขาจับเธอหมุนกลับมา ยกขาเธอข้างหนึ่งขึ้นพาดเกี่ยวเอวแกร่ง แล้วดันจนหลังเธอชนกับผนัง เขาใช้แรงทั้งหมดสวนงัดขึ้นกระแทกใส่เธอแบบไม่ยั้ง
"อึ๊ก!... อื้อ ~... อื้มม"
จี๊ดโอบไปที่คอแกร่ง ปากของเธอกัดไปที่ไหล่ของเขา เพื่อจะกลบเสียงไม่ให้เล็ดลอด
"พี่รักจี๊ดนะ รู้ไหม ฮื้อ~" สิ้นคำพูด เขากดจูบไปที่ริมพี่ฝากบางของเธออย่างเร่าร้อน
เมื่อบทรักนั้นใกล้จะสุขสม เขาเร่งความเร็วและงัดขึ้นกระแทก ตอกไปสองถึงสามครั้ง
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊างงง!!!"
ร่างเกร็งกระตุกไปพร้อมกัน น้ำรักอุ่น ๆ พุ่งเข้าสู่ช่องรักจนล้นออกมา เสียงหอบหายใจดังละงมไปทั่วห้อง ปากหยักซับจูบซับไปที่เนินอกอวบของเธอ จากเสื้อที่ถูกดึงรั้งลงมาอย่างความพอใจ เขาเอื้อมมือดึงกระดาษชำระมาซับช่องรัก และเช็ดแท่งเนื้อที่สยบลง...
เมื่อทุกอย่างสงบลง เมฆินทร์จัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นพูดด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
"ไปหาอะไรกินข้างนอกกันไหมครับ?"
"ไม่ค่ะเดี๋ยวก็หมดเวลาพักเที่ยงแล้ว" จารวีตอบเสียงแผ่ว จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าและครุ่นคิด
ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง มือเรียวกำลังจะปลดล็อกประตู เธอหยุดนิ่ง ตั้งสติ และรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
"พี่เมฆคะ...อย่าทำแบบนี้ในที่ทำงานอีกนะคะ"
เมฆินทร์สะดุ้งและตกใจกับคำพูดที่เย็นชาตรงหน้า
"จี๊ด...งอนอะไรพี่อยู่หรือเปล่า?"
"จี๊ดไม่ใช่เด็กที่พี่เลี้ยงไว้นะคะ"
เขาฉุกคิดและพึมพำกับตัวเอง "เด็กเลี้ยง!... อะไร หมายความว่ายังไง ทำไม... ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น!... มันคืออะไร...!"
ช่วงบ่ายวันนั้น
จารวีนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน
ในขณะนั้น ก็มีหญิงสาวสวยสง่า เดินเข้ามายังออฟฟิศผ่านโต๊ะทำงานของเธอไปยังเลขาของเมฆินทร์
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน จีน่า มาพบคุณเมฆินทร์"
"ได้นัดไว้ไหมคะ"
"นัดค่ะ"
"อ๋อ งั้นสักครู่นะคะ" เลขายกหูโทรศัพท์ขึ้น "ผอ.คะ คุณจีน่ามาขอพบค่ะ"
"โอเคค่ะ เชิญค่ะคุณจีน่า"
จารวีสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่อยู่หน้าห้องของเมฆินทร์
ใจของเธอหล่นฮวบ
ในห้วงความคิด "ผู้หญิงคนนั้น... คนนี้นี่เอง ผู้หญิงที่ไนท์คลับวันนั้น แฟนเก่าพี่ธนา คนที่พี่เมฆเคยชอบ "
น้ำตาเธอคลอเบ้าในตาแดงก่ำ มือของเธอจิกไปที่ต้นขาอย่างเจ็บปวด เพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกไว้
ห้องทำงานของเมฆินทร์
"จีน่าสนใจเด็กคนนั้นจริง ๆ นะ เดี๋ยว... น้องเขาก็ฝึกงานเสร็จแล้วนี่ คุยให้หน่อยไม่ได้เหรอ" จีน่าเปิดประเด็นถึงจารวี
"ทำไมถึงอยากได้น้องเขาล่ะ คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ ในโซเชียลใคร ๆ ก็อยากเข้าสังกัดไม่ใช่เหรอ" เมฆินทร์ตอบ
"เจนนี่เองก็อยู่กับคุณนี่ จีน่า"
"มันก็ใช่แต่... จีน่าอยากได้เด็กคนนั้น รู้ไหมว่าในโซเชียล รูปที่ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำว่อนเลย มีแต่คนอยากได้เธอไปร่วมสังกัด ถ้าเกิดจีน่าไม่เข้ามาหาเมฆ เกิดมีคนมาสอยไปก่อนทำยังไง"
"ผมว่ามันไม่เหมาะหรอก ไปหาเด็กคนอื่นเถอะ" เมฆินทร์ปฏิเสธเสียงแข็ง
"ที่จริงแล้วจีน่าไม่จำเป็นต้องบอกเมฆก็ได้นะ เดี๋ยวออกไปคุยกับน้องเขาโดยตรงแค่นั้นก็จบ แต่เนี่ย ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน ก็เลยอยากขออนุญาตก่อน เพราะน้องเขายังฝึกงานอยู่ที่นี่ หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น"
"อะไร! จีน่า!"
"จะอะไรซะอีกล่ะ ก็ทีมงานวันที่ไปถ่ายทำอยู่ที่เกาะล้านเขาเม้าท์กันให้สนุกปาก ว่า ผอ. เมฆินทร์เลี้ยงเด็ก แถมยังหวงจนหน้ามืด อุ้มเด็กขึ้นจากสระน้ำ"
"ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนจีน่า!"
"วงการนี้มันแคบเมฆ ถ้าจีน่ารู้คิดว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้หรอ แล้วมันจริงอย่างที่เขาพูดกันไหมล่ะ คุณเลี้ยงต้อยเด็กไว้หรอ... เห็นว่าเป็นเพื่อนน้องสาวด้วยนี่"
เมฆินทร์ใบหน้าครุ่นคิดหนักขึ้นมา จีน่าสวนขึ้น
"นี่อย่าบอกนะ ว่าที่ไม่ยอมให้จีน่าไปคุยกับเด็กคนนั้นเพราะหวง นี่... อย่าบอกนะ ว่ารักเด็กคนนั้นจริง ๆ!" จีน่าเห็นแววตาแล้ว กระตุกยิ้มขึ้นมา
"เอาจริงดิ!"
"โว๋วววว ๆ ... คุณเสือ! นี่คุณโดนถอดเขี้ยวเล็บแล้วเหรอ... แล้วอย่าบอกนะ ว่าตอนนี้กำลังหวง กลัวว่าจีน่าจะจับถ่ายแบบโป๊ ๆ น่ะหรอ?"
"จีน่าไม่ทำแบบนั้นหรอกสบายใจได้ ว่าแต่... นี่กำลังหวงเด็กคนนั้นอยู่ใช่ไหม...คบกันแล้วเหรอ?"
"พูดอะไรจีน่า!"
"อย่าปากแข็งสิ เรารู้จักกันมาตั้งหลายปีนะ กับจีน่าที่คุณเคยบอกว่าชอบ คุณยังไม่ทำอะไรเลย พอรู้ว่าจีน่าคบกับธนา คุณก็ยังเฉย ๆ อย่างว่าแหละมันคงเป็นแค่ความชอบตอนวัยรุ่น ก็... จีน่าก็สวยอ่ะนะ" เธอพูดติดตลก
"ดูสีหน้าสิ มันดูแปลกนะ... รักเขาชอบเขาก็ให้เกียรติน้องเขานะเมฆ อย่าทำอะไรที่มันคลุมเครือไม่ชัดเจน ผู้หญิงเขาชอบความชัดเจน นี่ไม่ใช่ว่าไปทำอะไรน้องเขาแล้วนะ เสือแบบเมฆ”
เมฆินทร์ถึงกับสะดุ้ง กับคำพูดของจีน่า
"เอาล่ะ จีน่าไม่ได้มาขออนุญาตหรอกจริง ๆ แล้วแค่บอกให้รู้ เพราะอีกไม่นานน้องเขาก็ฝึกงานจบแล้วนี่ คงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้วเนอะ... ว่าไหม" จีน่าแกล้งแหย่
สีหน้าเมฆินทร์ครุ่นคิดหนักยิ่งกว่าเดิม
จีน่ากระตุกยิ้มมุมปาก เธออยากจะลองใจเพื่อน ว่าจะมีพิรุธอะไรไหม
จีน่าเอ่ยขึ้น "เมฆ จีน่ายังไม่ได้ทานอะไรมาเลย ออกไปทานเป็นเพื่อนจีน่าหน่อยนะ"
"อื้ม... ได้สิ"
เขาลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกจากห้อง ในขณะนั้น จีน่าที่อยากลองใจเพื่อนและดูอาการของเด็กสาว เธอใช้แขนเกี่ยวคล้องที่แขนเมฆินทร์
"เดี๋ยวเราไปทานร้านนั้นไหมคะ จีน่ายังไม่เคยไปเลย น่าจะอร่อย"
สายตาของเมฆินทร์เหลือบไปเห็นจารวีที่นั่งก้มหน้าทำงาน เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจกับคำพูดที่เธอพูดก่อนเดินออกจากห้อง แล้วเดินผ่านไป
ในขณะนั้นเสียงของจีน่าพูดขึ้น "ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองไม่โป๊ อนุญาตเถอะนะ นะ นะ นะ"
เมฆินทร์หันมา "ยังไม่จบอีกเหรอเรื่องนี้"
จีน่าตั้งใจพูดเรื่องที่คุยกันในห้อง แต่ใช้บทสนทนาให้เหมือนกับเมฆินทร์กำลังหวงเธอ
และตั้งใจพูดให้จารวีได้ยิน เพื่อดูปฏิกิริยาของเด็กสาว หลังจากเดินเลยไปนิดนึงเธอหันกลับมามอง จารวีที่นั่งหน้าซีด แล้วก็กระตุกยิ้มมุมปาก หันกลับไปเดินไปยังลิฟต์ เธอปล่อยแขนออกจากเมฆินทร์ แล้วหัวเราะเบา ๆ "โอเค จีน่าเข้าใจแล้ว"
"อะไรของอีกจีน่า!"
"เปล่านี่ ก็แค่คุยกันต่อถึงเรื่องที่เมฆไม่อนุญาตให้เด็กคนนั้นไปก็แค่นั้น"
เมฆินทร์ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า เงยหน้ามองดูชั้นของลิฟต์ที่กำลังจะมาถึง หลังจากเดินเข้าไปในลิฟต์
ความในใจของจีน่า “ชัดเจนเกิ๊น! สายตาเด็กคนนั้น... แล้วไอ้เสือนี้ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แอบคบกันชัวร์!" เธอยืนยิ้มและหัวเราะเบา ๆ
เมฆินทร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ "ยิ้มอะไรจีน่า"
"เปล่าค่ะ...จีน่าแค่อารมณ์ดี..."
เวลาก็ล่วงเลยจนใกล้ถึงเวลาเลิกงาน พนักงานเริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน
ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของจารวียังคงไม่จางหาย ทุกคำพูดที่ได้ยินจากห้องน้ำ เสียงหัวเราะขบขันของพนักงานคนอื่น ๆ รวมถึงบทสนทนาที่ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจระหว่างเมฆินทร์และจีน่าวนเวียนอยู่ในหัว
"เด็กเลี้ยง"...
"หวง...หวงผู้หญิงคนนั้นเหรอ!"...
เธอรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือยังคงกำปากกาแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาเล็กน้อย พยายามรวบรวมสติให้จดจ่ออยู่กับงานที่เหลืออยู่
ขณะที่จารวีกำลังจะลุกจากเก้าอี้ นาริน พนักงานรุ่นพี่ในแผนกก็เดินเข้ามาที่โต๊ะทำงานของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"จี๊ด! ยังไม่กลับอีกเหรอจ๊ะ" นารินถามพลางแตะไหล่เธอเบา ๆ
"ค่ะพี่ริน กำลังจะกลับแล้วค่ะ" เธอตอบเสียงแผ่ว พยายามปั้นหน้าให้ดูปกติที่สุด
"ดีเลย ๆ พี่มาบอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศนะจ๊ะ"
"อ๋อ ค่ะ " จารวีพยักหน้า
"แต่! ไม่ใช่ให้นอนตื่นสายน้า" พี่รินหัวเราะคิกคัก “พรุ่งนี้เป็น วันกีฬาสีประจำปี ของบริษัท เราทีมสีฟ้า จำได้ไหม? ไปเจอกันที่สนามแข่งเลยนะจ๊ะ เวลา 8 โมงเช้า ตรงเป๊ะเลยนะ"
"ค่ะพี่ริน จำได้ค่ะ" จารวีตอบ
"ดีมาก! แล้วเจอกันนะจ๊ะ นารินกระซิบอย่างสนุกสนาน ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินจากไป
หลังพนักงานคนสุดท้ายเดินออกจากออฟฟิศไปแล้ว เหลือเพียงจารวีคนเดียว เธอยืนนิ่งอยู่กลางห้องทำงานที่ว่างเปล่า เงียบสงัด แต่ในใจกลับว้าวุ่น
เขาไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำเมื่อเดินควงแขนจีน่าออกไปจากห้องต่อหน้าต่อตาเธอ
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







