LOGINทั้งคู่ตัดสินใจลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารคอนโดสุดหรู
ที่โต๊ะอาหาร จารวีเริ่มลงมือทานอย่างรวดเร็วและกระตือรือร้น เธอกินทุกอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งไข่ดาว เบคอน ขนมปัง และผลไม้ ราวกับคนหิวโหยที่ไม่ได้ทานอะไรมาทั้งคืน
เมฆินทร์ ที่นั่งตรงข้ามถึงกับอดยิ้มตามไม่ได้ เขาเท้าคางมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูและมีความสุข เขารู้ดีว่าพลังงานที่เธอสูญเสียไปเมื่อคืนนั้น... มันมากมายขนาดไหน
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่ไม่วางตา เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายของเขา เธอก็รู้สึกเขินจนแก้มร้อนผ่าว
"มองอะไรคะ? ทำไมไม่กิน?" เธอถามเสียงแผ่ว พลางใช้ช้อนเขี่ยอาหารเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
เมฆินทร์ ยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ "ก็มองดูคนกำลังหิวครับ... เมื่อคืนคงใช้พลังงานไปเยอะ"
"..." จารวีเงียบไปทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
"กินเยอะ ๆ นะครับ... จะได้มีพลังงานเยอะ ๆ" เมฆินทร์พูดเน้นย้ำ พลางตักแฮมชิ้นใหญ่ใส่จานให้เธออย่างเอาใจ
จารวีถึงกับหน้าแดงก่ำจนแทบจะมุดโต๊ะหนี เธอรีบก้มหน้าลงมองจานอาหาร พยายามควบคุมเสียงหัวใจที่เต้นโครมคราม
"รีบ ๆ กินไปเลยค่ะ!"
เธอก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าอย่างตั้งใจ พยายามหลบสายตาที่กรุ้มกริ่มของเขา ในขณะที่กำลังกินเอากินเอาเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป จู่ ๆ โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา
เธอเหลือบมองเห็นชื่อของริสา จึงรีบกดรับทันที
"ฮัลโหล ริสา... เป็นอะไรหรือเปล่า? เสียงไม่ค่อยดีเลยนะ" น้ำเสียงของจารวีเปลี่ยนไปทันที มีความห่วงใยฉายชัดออกมา
เมฆินทร์ หยุดชะงักจากการทานอาหาร และมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เธอฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสายด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบหันไปหาเมฆินทร์
"พี่เมฆคะ... จี๊ดต้องรีบกลับแล้วค่ะ ริสาโทรมา บอกว่า... จะมาหาจี๊ดที่คอนโด แต่เสียงดูไม่ค่อยดีเลย จี๊ดเป็นห่วงเพื่อนค่ะ"
เมฆินทร์ มองดูสีหน้ากังวลของเธอ ก่อนจะทำได้แค่ ถอนหายใจ ออกมาเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าถ้าเพื่อนมีปัญหา เธอคงไม่สามารถรอได้อีกแล้ว
"โอเคครับ" เขารีบลุกขึ้น "งั้นจี๊ดรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอากุญแจรถก่อน แป๊บเดียว"
"ค่ะ" เธอรับคำ แต่ทันทีที่เห็นแผ่นหลังของเขาหายเข้าไปในลิฟต์ ความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนก็ทำให้เธออยู่ไม่สุข
ในจังหวะนั้นเอง เธอก็เห็นรถแท็กซี่สีสดใสขับมาจอดเทียบอยู่หน้าคอนโดพอดี เธอตัดสินใจทันที รีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินเขย่งออกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็วที่สุด โบกรถแล้วรีบขึ้นไปนั่งอย่างสบายใจ ก่อนจะส่งข้อความหา เมฆินทร์
'พี่เมฆคะ ไม่ต้องไปส่งจี๊ดนะคะ
ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวถึงแล้วจะโทรบอกค่ะ'
ทางด้านเมฆินทร์ ที่ถือพวงกุญแจรถเดินลงลิฟต์มาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นข้อความเข้า เขาก็เปิดอ่านทันที แล้วก็ได้แต่ยืนมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า
"โธ่เอ๊ย...!" เมฆินทร์ ได้แต่แอบเซ็ง เขาก้มลงมองท้องตัวเองที่เพิ่งได้พลังงานไปไม่นาน
"อุตส่าห์ขุนเติมพลังงานให้แท้ ๆ... อดเลย" เขาพึมพำอย่างหงุดหงิดนิด ๆ "แล้วนี่... ก็ยังไม่รู้ว่าคอนโดของเธออยู่ที่ไหนสักที ถามก็ไม่บอก"
เขาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด "นางฟ้าตัวแสบของพี่"
เขาส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เมฆินทร์นั่งลงบนเตียง มองโทรศัพท์อย่างครุ่นคิด ไหน ๆ เธอก็ไม่อยู่แล้ว และวันนี้ก็เป็นวันหยุดของเขาพอดี เมฆินทร์ จึงตัดสินใจกลับบ้าน เขาตั้งใจจะไปหลอกถาม เมย์ เผื่อจะได้ตามไปหาที่คอนโดถูก
ที่บ้านของเมฆินทร์
ในจังหวะนั้นธนา ก็โทรเข้าหาเขาพอดี
"ไอ้เมฆ อยู่ไหนวะ? เมย์อยู่บ้านไหม อยากคุยด้วย"
"พอดีเลย กูเพิ่งกลับมาถึงบ้านนี่แหละ"
หลังจากเมย์คุยโทรศัพท์กับธนาจบ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก เมฆินทร์จึงได้รู้ว่าธนากับริสากำลังมีปัญหากัน และเมย์กำลังจะรีบไปหาเพื่อน
"เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง" เมฆินทร์ รีบอาสาที่จะพาเมย์ไปคอนโดจารวีทันที
เมย์ จ้องเขม็ง มองพี่ชายอย่างไม่ไว้วางใจ "แล้ววันนี้พี่นึกยังไง ถึงอาสามาส่งเมย์? เป็นห่วงน้อง หรือว่า... รักเพื่อนคะ? ดูพี่มีพิรุธนะ"
เมฆินทร์ หลบสายตาเล็กน้อย ทำทีเป็นสนใจการปลดล็อกรถ "ไม่มีอะไรหรอก... ก็แค่อยู่บ้านเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เฉย ๆ" เขาเปลี่ยนเรื่องทันที
"ว่าแต่... พี่อย่าเข้มงวดกับยัยจี๊ดมากนะ เด็กฝึกงานอย่าไปอะไรกับนางมาก ช่วยดูแลนางด้วย รายนั้นเก็บความรู้สึกเก่ง ความอดทนก็สูง กลัวมีอะไรแล้วนางจะไม่บอก ยังไงก็เป็นเพื่อนรักของเมย์ อย่าไปดุนางล่ะ"
เมฆินทร์ ถอนหายใจอย่างแนบเนียน "พี่แทบจะไม่เจอหน้าเพื่อนของเมย์ด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าไม่ได้มาฝึกงานที่บริษัทเราเลย เห็นแค่แวบ ๆ แค่นั้นแหละ" เขาไม่กล้าพูดความจริงเพราะกลัวว่าน้องสาวจะรู้ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้บอกใคร
"ก็ดีแล้วค่ะพี่เมฆ... นางยิ่งกลัวว่าคนจะมองว่านางเป็นเด็กเส้น เป็นเพื่อนของเมย์แล้วจะได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น... นางก็ไม่สบายใจ... แป๊บ ๆ ก็ฝึกเสร็จแล้ว จะได้จบสักที"
เมฆินทร์ จ้องมองถนน แต่แววตาครุ่นคิด "แล้วจี๊ดเขาจะย้ายกลับไปทำงานแถวบ้าน หรือจะทำในกรุงเทพฯ?"
"ไม่รู้เหมือนกัน... แรก ๆ ก็เหมือนอยากทำในเมืองนี่แหละ... แต่เดี๋ยวนี้นางเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด... ดูท่าแล้วจะเบื่อเมืองหลวงแล้วมั้ง..."
เมย์พูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตากดมือถือ โดยที่ไม่เห็นสีหน้าของพี่ชายที่ดูเป็นกังวลและผิดหวังเล็กน้อย เพราะความสัมพันธ์ที่เพิ่งเผยความรู้สึกไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา... มันอาจจะสั้นกว่าที่เขาคิดจะเปิดเผยได้
ตัดภาพมาที่คอนโดของจารวี
<ก๊อก ๆ ๆ >
เสียงเคาะประตูที่ดังถี่ ๆ ทำให้ จารวีรีบวิ่งมาเปิด เพราะคิดว่าคงเป็นเมย์อย่างแน่นอน ในขณะที่ประตูเปิดออก เธอก็ตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิดตามประสาเพื่อนรัก
"ทำไมไม่โทรบอกก่อนว่าจะถึงแล้ว! เผื่อให้ซื้ออะไรเข้ามาไว้กินแก้เซ็ง!"
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ตาค้าง เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเมย์ คือ เมฆินทร์! ผู้ชายที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามซ่อนที่อยู่ตลอด! แต่ตอนนี้คงซ่อนไม่พ้นแล้ว จะไล่ก็ไล่ไม่ได้
จารวีเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นทางการทันที ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อด้วยความตกใจและเขินอาย
"สวัสดีค่ะ คุณ ผอ. ... เอ้ย! คุณเมฆ!"
เมย์หัวเราะลั่น "นี่แกเรียกพี่เมฆว่าอะไรนะยัยจี๊ด! ‘คุณ’ งั้นเหรอ!?" เมย์อดขำไม่ได้ พูดพร้อมกับหัวเราะ
"อ๋อ... เข้าใจแล้ว ๆ ติดมาจากบริษัทใช่ไหม ‘คุณเมฆ’ เรียกมาได้ยังไง!" เมย์เดินหัวเราะเข้าห้องไปพร้อมกับพึมพำ ปล่อยให้จารวีที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตู สบตากับเมฆินทร์อยู่ครู่หนึ่ง
"มาได้ยังไงคะ... ใครใช้ให้มา... เดี๋ยวยัยเมย์ก็จับได้หรอก" เธอตะโกนแบบไม่มีเสียง ด้วยการขยับปากเท่านั้น
จารวีหลบสายตาอย่างรวดเร็ว เสียงติด ๆ ขัด ๆ "เชิญ... ค่ะ..." เธอรีบเชิญเมฆินทร์เข้ามาในห้อง ทางด้านเมย์ที่กำลังเดินไปหาริสาตรงระเบียง
ทางด้านจารวี เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องประชันหน้ากับ เมฆินทร์ ที่เพิ่งแยกกันไม่กี่ชั่วโมง และเพิ่งผ่าน 'สงครามเร่าร้อน' กันมา เธอตัดสินใจใช้แผนหนี
เธอตะโกนไปบอกเพื่อน "เดี๋ยวฉันลงไปหาอะไรให้กินนะ! มีใครจะเอาอะไรบ้าง! เดี๋ยวลงไปซูเปอร์มาร์เก็ตแถว ๆ หน้าคอนโดนี่เอง!" เธอรีบคว้ากระเป๋าและมือถือ เตรียมตัวจะเดินออกจากห้องพร้อมกับพยักหน้าให้เมฆินทร์เดินตามออกมา
ในขณะนั้น เมฆินทร์ ที่กำลังนั่งลงบนโซฟา จึงแกล้งอาสาไปช่วยถือของ "เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน..."
เขารีบเดินตามหลังเธอออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่า
"แผนการหรือเปล่าคะพี่เมฆ" เธอกระซิบถาม
"เปล่านะครับ พี่มาส่งเมย์จริง ๆ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มาถูกที่ถูกเวลา"
"เจ้าเล่ห์นะคะ... เดี๋ยวสองคนนั้นก็จับได้หรอก"
"ก็บอกไปเลยสิครับ ไม่เห็นเป็นไร" เมฆินทร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
"แล้วจะเริ่มยังไง? ขั้นตอนจีบมีหรือยังคะ? จะให้บอกว่า ‘เมา เมาหรือโดนวางยา ได้กัน เลยคบกัน’ แบบนี้เหรอ? ... อีกอย่างพี่เพิ่งขอคบกับจี๊ดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเองนะ" เธอถามอย่างประชด แต่แววตาเต็มไปด้วยความเขินอาย
เมฆินทร์ มองเธอด้วยความรักที่ล้นปรี่ เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
"อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลยจี๊ด... ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเองดีกว่า..."
เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ในมือเธอมาถือไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงพร่า
"คุยเรื่องของเราดีกว่าไหม? ตั้งแต่วันนั้น จี๊ดไม่ยอมคุยกับพี่เลยเรื่องนั้นเลย... งั้นเรามาเริ่มต้นคุยใหม่ตั้งแต่แรกเลยไหมครับ... จะได้นับเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นให้เราคบกันไปเลย ดีไหมครับ...
พี่รู้สึกผิดกับเรื่องนั้นจริง ๆ อุตส่าห์ขุนจนอิ่มหมีพีมัน หนีกลับมาแบบนี้... แล้วพี่จะเอาพลังงานไปใช้ยังไงให้หมด..."
จี๊ด หน้าแดงก่ำ "เงียบไปเลยนะคะ พี่เนี่ย... หืนที่สุดเลย!"
<ติ๊ง!>
ในขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งคู่ก็ เผชิญหน้ากับธนา ที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกประตูพอดี ธนามองทั้งสองคนที่ยืนเบียดกันในลิฟต์ด้วยสายตาแปลก ๆ …
จารวีรีบดีดตัวออกห่าง จากเมฆินทร์แทบจะในทันที ใบหน้าของเธอยังคงแดงก่ำเพราะความเขินอายที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา
เมฆินทร์ กลับทำหน้าตาแบบ กวน ๆ ยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า เขาไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังยกแขนไป โอบไหล่ เธอไว้แน่นอย่างจงใจ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน
เขาเดินนำเธอออกมาจากลิฟต์พร้อมกัน ขณะเดินสวนกับธนา เมฆินทร์ก็ ยักคิ้วใส่ เพื่อนสนิทอย่างผู้ชนะ ก่อนจะใช้มือตบไหล่ธนาเบา ๆ ขณะที่ธนากำลังก้าวเข้าไปในลิฟต์
"สู้ ๆ นะเพื่อนรัก" เมฆินทร์กระซิบเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่า 'เข้าใจดี ว่าการง้อแฟนมันเหนื่อยแค่ไหน' ก่อนจะเดินลากจารวีไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวที่ถูกโอบไหล่จนตัวแทบจะติดกับเขา ได้แต่ก้มหน้างุดอย่างเขินอายและอับอายสุดขีด เพราะสายตาของธนาเมื่อครู่... มันชัดเจนเกินไปว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่!
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







