แชร์

6. ลู่ทางหาเงิน (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-23 20:40:31

“พี่ชายทั้งสาม เยว่ชิงมีเยื่องจะพูดด้วย หาว~” เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนนางแทบจะมิได้นอน แต่อย่างไรก็ต้องรีบนำสิ่งที่นางคิดมาปรึกษาพี่ชายทั้งสาม เพราะแผนการที่นางวางไว้ใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กวัยสามหนาวจะทำสำเร็จด้วยตนเองได้ นางจึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสาม เดิมทีเยว่ชิงมิมีความมั่นใจสักนิดว่าพี่ชายทั้งสามของนางจะรับฟังความคิดของเด็กวัยสามหนาวอย่างนาง แต่อย่างไรก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครา

“หึๆ ให้พี่กล่อมนอนก่อนดีหรือไม่ หืม! เจ้าดูจะง่วงเต็มที” เฉินกงยกมือลูบศีรษะเล็กของน้องสาวเบาๆ ด้วยว่าวันนี้เขาไม่ต้องคัดตำรา หลังจากที่ส่งท่านพ่อไปทำงานแล้ว เขาจึงอาสาดูแลน้องๆ แทนท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบเสียบ้าง

“ไม่เจ้าค่ะ ทุกคนฟังเยว่ชิงนะ…เยว่ชิงอยากหาเงิน”

“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า” หมิงยู่หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ต่างจากเฉินกงที่เริ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน

น้องสาวเขานี่อย่างไร เหตุใดจึงมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับเด็กวัยสามหนาวแม้แต่น้อย

“เหตุใดต้องหาเงินด้วยเล่า เยว่ชิง”

“ก็…ก็มูมู่ของน้องกินเยอะ สิ้นเปลืองเงินทอง” เยว่ชิงมิอาจบอกออกไปได้ว่าที่นางทำ ก็เพื่อจะหาเงินไปรักษาพี่สาม นางจึงได้หยิบยกมูมู่มาเป็นข้ออ้างในเรื่องนี้

“โถ่ มิเห็นจะต้องกังวล ตอนนี้มูมู่มาเป็นครอบครัวเดียวกับเราแล้ว อย่างไรก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี” เฉินกงทั้งประหลาดใจและเอ็นดูกับความคิดของน้องสาว

“ใช่ๆ หากว่าเนื้อมีไม่พอให้มูมู่กิน ก็สละแขนลี่อินให้มูมู่สักข้างหนึ่ง ฮ่าๆ ฮ่า- โอ๊ยยยย” หมิงยู่ร้องโอดครวญเมื่อถูกฝ่ามือของน้องชายอย่างลี่อินฟาดเข้ากลางหลังอย่างจัง

“เอาแขนของพี่รองให้สิ จะมายกแขนของข้าให้ได้อย่างไร”

“หยุดดดดด ฟังเยว่ชิงก่อน!” เสียงแหลมปรี๊ดตะโกนออกมาจนพี่ชายทั้งสามต้องรีบเอามือปิดหู

“ฟังแล้วๆ” ทั้งหมิงยู่และลี่อินพูดออกมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย

“พวกท่านมิอยากช่วยท่านพ่อหาเงินหยือ ท่านพ่อทำงานเหน็ดเหนื่อยแต่เบี้ยหวัดก็มิพอใช้”

“พี่รู้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ พี่จะออกไปรับจ้างท่านพ่อก็มิให้ไป บอกแต่ให้อ่านตำราอยู่ที่เรือน” เฉินกงขมวดคิ้วแน่น เขาเคยเอ่ยขอกับท่านพ่อแล้วแต่กลับถูกปฏิเสธเสียงแข็ง

“แต่เยว่ชิงยู้ว่าจะหาเงินได้อย่างไย” เยว่ชิงพยักหน้าหงึกหงักเพื่อเสริมความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง

“ข้าว่าเจ้าพูดให้ชัดก่อนดีหรือไม่ เป็นเพียงเด็กน้อยก็นอนดูดนม เลี้ยงเจ้ามูมู่ก็พอแล้ว”

“จิ๊” เยว่ชิงจิ๊ปากกรอกตาอย่างเหลืออดกับพี่ชายคนรอง เห็นว่านางเป็นเด็กจึงดูถูกกันอย่างงั้นหรือ

ถึงจะพูดยังไม่ชัด แต่ก็พูดได้ก็แล้วกัน ฮึ้ย!!!

“ฟังเยว่ชิงก่อนดีหรือไม่ เผื่อน้องจะมีลู่ทางหาเงินจริงๆ” เมื่อทุกคนหันมารอฟัง เยว่ชิงจึงเริ่มอธิบายสิ่งที่ตนเองติดจะทำ แม้ว่าคำพูดอาจจะไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็อธิบายได้ละเอียดและเข้าใจง่าย

เยว่ชิงบอกกับพี่ชายทั้งสามว่าจะเปิดร้านการละเล่น มีทั้งการปาลูกดอก ทั้งโยนห่วง และอีกหลายอย่าง โดยนางคิดจะให้ผู้ที่มาเล่นเอาเงินมาแลก หากได้แต้มครบตามที่กำหนดไว้แต่แรกก็จะได้รับรางวัลกลับไป แท้จริงแล้วการละเล่นพวกนี้เยว่ชิงเคยเห็นในชีวิตก่อน ตอนที่นางกลับไปเยี่ยมคุณยายที่ประเทศไทย คุณยายบอกว่าการละเล่นพวกนี้มักมีในงานวัดหรืองานเทศกาลต่างๆ

“นี่…นี่เจ้าเป็นเด็กวัยสามหนาวจริงหรือ หรือว่า…เจ้าผีร้าย! ออกไปจากร่างน้องข้านะ!” ป๊าบ! แรงจากฝ่ามือเล็กของน้องสาวที่หนักพอควร ทำให้หมิงยู่สงบปากสงบคำลงทันที แต่สิ่งที่หมิงยู่พูดนั้นก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เฉินกงเองก็ยังอดประหลาดใจกับความคิดของน้องสาวมิได้

“สิ่งที่เยว่ชิงพูดน่าสนใจมิน้อย พี่ยังมิเคยเห็นการละเล่นพวกนี้ในตลาดเลย หากว่าเราทำได้จริง อาจจะเป็นที่สนใจของเด็กๆ ก็เป็นได้” เฉินกงคุ้นคิดอย่างหนัก หากว่าทำได้จริงคงจะมีเงินทองมาเลี้ยงดูครอบครัวได้

“ข้าว่าโยนห่วงน่าจะสนุกสนานไม่น้อย” ลี่อินสนใจการโยนห่วงตั้งแต่ยามที่น้องสาวเอ่ยอธิบายแล้ว จึงเอ่ยเสนอความคิดของตนเองออกไป

“แต่ข้าว่าปาลูกดอกก็ดีไม่แพ้กันนะ” หมิงยู่เอ่ยตามสิ่งที่ตนคิด แท้จริงไม่ว่าจะการละเล่นใดก็น่าสนใจทั้งนั้น

“เช่นนั้นพรุ่งนี้เรามาทดลองเล่นกันดีหรือไม่ หากเห็นลู่ทางว่าพอจะใช้หาเงินได้ พี่จะเอ่ยขอกับท่านพ่อเอง”

“ดีเจ้าค่ะ พรุ่งนี้น้องจะตื่นแต่เช้ามายอพี่ๆ ที่สวนนะเจ้าคะ ตอนนี้ขอไปหามูมู่ก่อนน๊า” เยว่ชิงยิ้มกว้างให้พี่ชายแล้วรีบวิ่งกลับห้องไปหามูมู่ทันที

“พี่ใหญ่ไม่คิดว่ามันแปลกหรือ น้องสาวเราผิดกับเด็กวัยสามหนาวลิบลับ” หมิงยู่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง มิมีท่าทีขี้เล่นเหมือนเก่าก่อน

“อืม แปลก…แต่นางคือน้องสาวเรา ข้อนี้มิผิดแน่”

“หึ นั่นสินะ” เฉินกงและหมิงยู่มองหน้าสบตากัน ต่างคนต่างเข้าใจในสิ่งที่พูดอย่างถ่องแท้

ไม่ว่าอย่างไร ลู่เยว่ชิงก็คือน้องสาวคนเล็กของพวกเขา คือบุตรสาวสกุลลู่อย่างแท้จริง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

    “ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   8. เทศกาลลีชุน

    “โอ้โห ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ” ลี่อินตื่นตาตื่นใจกับงานเทศกาลลีชุน(เทศกาลตรุษจีน)ที่ถูกจัดขึ้นในครานี้ ท้องถนนเต็มไปด้วยห้างร้านที่ประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้คนต่างออกจากเรือนมาเลือกซื้อสิ่งของจำเป็น สกุลลู่เองก็เช่นกัน ลู่หวังเหล่ยพาฮูหยินของตนและบ่าวรับใช้ออกมาเลือกซื้อของใช้จำเป็นที่จะใช้เฉลิมฉลองเทศกาลลีชุน รวมถึงพาบุตรทั้งสี่มาเปิดร้านการละเล่นโยนห่วง“หึๆ มาทางนี้เถิด พ่อให้คนของเรามาจับจองที่ตั้งร้านให้พวกเจ้าแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งดีทีเดียว ผู้คนที่เดินเข้ามาซื้อของในตลาดย่อมต้องผ่านร้านการละเล่นของพวกเจ้า” ลู่หวังเหล่ยอุ้มเยว่ชิงเดินนำภรรยาและบุตรไปบริเวณที่ว่าทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าบ่าวในเรือนได้ตั้งร้านให้เรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงมองดูร้านของตนเองแล้วพอใจไม่น้อย ร้านที่ว่าดูเหมือนจะเป็นแผงขายเล็กๆ ตัวร้านเป็นทรงสี่เหลี่ยม ใช้แผ่นไม้กั้นรอบทั้งสี่ด้าน แต่แผ่นไม้กั้นสูงเพียงสี่ฉื่อ (ประมาณ 1 เมตร) ทั้งยังมีทางออกอยู่ด้านหลัง ส่วนพื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับตั้งหุ่นไม้ที่พี่น้องสกุลลู่เตรียมมา“ดียิ่งขอรับท่านพ่อ มีไม้กั้นเช่นนี้ผู้คนจะได้ไม่เข้าใกล้เกินตำแหน่งที่เรา

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   7. วางแผนตั้งร้าน

    เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ โดยมีแม่นมลี่จัดการเช็ดหน้าเช็ดตาและแต่งกายให้ เด็กน้อยนั่งอยู่หน้ากระจกแกว่งขาไปมาให้แม่นมลี่สางผมอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆ ยกยิ้มไม่หุบ มืออ้วนป้อมก็ลูบหัวเจ้าเสือตัวน้อยไปพลาง“อื่อ อือ อื้อ ล้า ลา~”“อารมณ์ดีอันใดเจ้าคะคุณหนู บ่าวเห็นคุณหนูยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตื่นนอน”“วันนี้พี่ๆ จะมาเย่นด้วย”“หึๆ ทุกวันก็เล่นด้วยกันมิใช่หรือเจ้าคะ”“ไม่เหมือน วันนี้มีความยับ ยังบอกไม่ได้” แม่นมลี่ถึงกับหัวเราะร่ากับคำพูดของเด็กน้อย คุณหนูของนางถึงกับรู้จักเก็บความลับช่างรู้ความเกินไปแล้ว“เจ้าค่ะๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องโถงดีหรือไม่เจ้าคะ ทุกคนคงรอทานมื้อเช้าอยู่แล้ว” แม่นมลี่จูงมือเด็กน้อยไปที่ห้องโถงเพื่อทานมื้อเช้า มือเล็กก็จับจูงสายคล้องคอมูมู่ให้เดินตามมาด้วย เดิมทีเยว่ชิงจะไม่ใส่สายคล้องคอให้กับมูมู่ แต่ท่านพ่อกลัวว่ามูมู่จะไม่คุ้นเคยกับสถานที่แล้วหนีไป จึงต้องคล้องสายให้มูมู่ก่อนสักระยะ“เป็นอย่างไรบ้างพี่ใหญ่” หมิงยู่เอ่ยถามพี่ชายที่กำลังเหลาไม้ให้มีปลายแหลมเพื่อใช้เป็นลูกดอก หลังจากที่พวกเขารอส่งท่านพ่อไปทำงานเรียบร้อยแล้ว สี่พี่น้องสกุลลู่ก็รีบมารวมตัวก

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   6. ลู่ทางหาเงิน (2)

    “พี่ชายทั้งสาม เยว่ชิงมีเยื่องจะพูดด้วย หาว~” เช้าวันนี้เยว่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า แม้ว่าเมื่อคืนนางแทบจะมิได้นอน แต่อย่างไรก็ต้องรีบนำสิ่งที่นางคิดมาปรึกษาพี่ชายทั้งสาม เพราะแผนการที่นางวางไว้ใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กวัยสามหนาวจะทำสำเร็จด้วยตนเองได้ นางจึงมาขอความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสาม เดิมทีเยว่ชิงมิมีความมั่นใจสักนิดว่าพี่ชายทั้งสามของนางจะรับฟังความคิดของเด็กวัยสามหนาวอย่างนาง แต่อย่างไรก็ต้องลองเสี่ยงดูสักครา“หึๆ ให้พี่กล่อมนอนก่อนดีหรือไม่ หืม! เจ้าดูจะง่วงเต็มที” เฉินกงยกมือลูบศีรษะเล็กของน้องสาวเบาๆ ด้วยว่าวันนี้เขาไม่ต้องคัดตำรา หลังจากที่ส่งท่านพ่อไปทำงานแล้ว เขาจึงอาสาดูแลน้องๆ แทนท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอย่างสงบเสียบ้าง“ไม่เจ้าค่ะ ทุกคนฟังเยว่ชิงนะ…เยว่ชิงอยากหาเงิน”“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า” หมิงยู่หัวเราะจนปวดท้องไปหมด ต่างจากเฉินกงที่เริ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันน้องสาวเขานี่อย่างไร เหตุใดจึงมีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับเด็กวัยสามหนาวแม้แต่น้อย“เหตุใดต้องหาเงินด้วยเล่า เยว่ชิง”“ก็…ก็มูมู่ของน้องกินเยอะ สิ้นเปลืองเงินทอง” เยว่ชิงมิอาจบอกออกไปไ

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   5. ลู่ทางหาเงิน (1)

    “ท่านพี่ได้มูมู่มาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ ทั้งยังไม่เสียเงินสักตำลึงเดียว” ซูเมิ่งเอ่ยถามสามีพลางวางชาและขนมเชาปิ้งที่แม่นมลี่ทำให้บุตรและสามี“พี่ก็ทูลขอต่อฝ่าบาทมาอย่างไรเล่า กว่าจะได้เจ้ามูมู่มา พ่อเกือบหัวขาดเสียแล้ว” ลู่หวังเหล่ยเองยังตกใจกับความใจกล้าของตนที่กล้าทูลขอต่อฮ่องเต้เฉิงเจี้ยนกั๋ว ด้วยความที่บุตรสาวของเขาถามถึงลูกเสืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พอเห็นว่ามีลูกเสืออยู่ตรงหน้าจึงได้พลั้งปากออกไป“ห๊า!!! หัวขาดเยยหยือ…เยว่ชิง โอ๋ๆ ท่านพ่อนะเจ้าคะ” เยว่ชิงที่รับรู้ถึงความยากลำบากของบิดาจึงรีบเข้าไปกอดออดอ้อนให้บิดาชื่นใจ“เจ้าคงต้องโอ๋ๆ พ่อให้มากเสียแล้ว” ผู้เป็นบิดาโอบกอดบุตรสาวเข้าแนบอกอย่างสุขใจ“เรื่องราวเป็นอย่างไรเจ้าคะ เหตุใดถึงขั้นต้องทูลขอต่อฝ่าบาท”“ในวันล่าสัตว์ องค์ชายรองเฉิงเจียงหยวนล่าเสือขาวตัวเมียมาได้ แต่เมื่อนำเสือตัวนั้นกลับมาที่ลานพิธีกลับพบว่ามีลูกเสือตัวน้อยถึงสองตัวที่เดินตามมา ฝ่าบาททรงคาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกของเสือขาวที่ถูกล่า คราแรกฝ่าบาทจะสังหารเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า แต่เป็นองค์ชายใหญ่เฉิงหลิวหยางที่ทูลขอเอาไว้ พระองค์จะนำไปเลี้ยง พ่อได้ยินเช่นนั้นจึงพลั้งปากท

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   4. มู่มู่น้อย

    และแล้วคำภาวนาของเยว่ชิงก็เป็นผล บัดนี้นางอายุได้สามหนาวแล้ว เด็กน้อยตัวกลมสมส่วน ผิวขาวราวหิมะ พวงแก้มสีแดงระเรื่อป่องออกมาจนบิดามารดาและพี่ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องแวะหอมแก้มกลมให้ชื่นใจ จะมีก็เพียงหมิงยู่เท่านั้นที่มักจะชอบบีบแก้มเยว่ชิงเล่นอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนนี้…“โอ๊ยยย พี่ยอง!” ใบหน้าน่ารักชักสีหน้าใส่พี่ชายของนางอย่างเอือมระอา วันๆ มิคิดจะทำสิ่งใด เดินผ่านไปก็บีบ เดินผ่านมาก็บีบ!“คุณชายรอง อย่าได้กลั่นแกล้งคุณหนูนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมลี่ที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูของนางอดเอ่ยห้ามปรามออกมาไม่ได้“โถ่ ก็แก้มน้องข้าน่าบีบถึงเพียงนี้ จะให้ข้าอดใจไหวได้อย่างไร ข้าไปหล่ะ ขอไปคัดอักษรก่อนหากวันนี้ไม่แล้วเสร็จ ท่านพ่อจะโมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีก ฮ่าๆ” ว่าแล้วหมิงยู่ก็หยิบโฉยเอาขนมของเยว่ชิงเข้าปากแล้วเดินเข้าห้องของตนเองไปเยว่ชิงได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทีของพี่ชาย บัดนี้พี่ใหญ่อายุได้สิบหนาว พี่รองอายุแปดหนาว พี่สามอายุหกหนาว และนางอายุได้สามหนาว ซึ่งเป็นวัยเดียวกับที่นางรบเร้าขอเลี้ยงกระต่าย ดังนั้นแล้ววันนี้นางคงจะต้องขอให้ท่านพ่อหาสัตว์เลี้ยงให้นางสักตัวเสียแล้ว ตอนแรกนางนั่งคิดนอนคิดอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status