ลานจดรถโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์
ร่างสูงเท่ห์เดินมาถึงลานจอดรถก่อนจะหันไปเห็นรถของกุมารแพทย์สาวยังจอดอยู่ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานของเธอมาสักพักแล้วปัญจวัตรมองด้วยใบหน้าฉงนก่อนที่ร่างสูงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แล้วเคาะประตูรถร่างบางในรถลดกระจกลงก่อนจะหันมามอง
“ยังไม่กลับเหรอหมอฟ้า”
“ฉันจะกลับไม่กลับก็เรื่องของฉัน” กุมารแพทย์สาวเอ่ยบอกพลางเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“หมอฟ้า คุณร้องไห้ทำไมใครทำอะไรคุณ” ศัลยแพทย์หัวใจหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูรถแล้วดึงร่างบางออกมาจากรถ
“ปล่อยนะหมอปัญจ์คุณทำบ้าอะไร” กุมารแพทย์สาวเอ่ยถามก่อนจะถูกพามาที่รถของปัญจวัตร ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มเปิดประตูข้างคนขับก่อนจะยัดร่างของกุมารแพทย์สาวเข้าไปแล้วรีบอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
“หมอฟ้าคุณร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรคุณรึว่าเพราะข่าวลือของไอ้เสือ” หมอหนุ่มพูดก่อนจะสังเกตุเห็นหยดน้ำตาที่ไหลลงเมื่อเอ่ยถึงข่าวลือ
“ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ ปลดล็อกฉันจะกลับ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกแต่แทนที่หมอหนุ่มจะฟังกลับสตาร์ทเครื่องก่อนรถหรูจะพุ่งทะยายไปตามทาง
บ้านเกตทิวรากุล
รถหรูจอดเทียบท่าหน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนที่เจ้าของรถจะลงจากรถพร้อมกับสาวสวยข้างกายที่ยังคงสงสัย
“คุณพาฉันมาที่ไหนกันเนี่ยหมอปัญจ์” ฟ้ารดาเอ่ยถามสายตาเหลือบไปเห็นหญิงชราวัยประมาณ50กว่าๆเดินเข้ามา
“บ้านผมเอง ม้าครับนี่หมอฟ้ารดา เพื่อนของผมกับไอ้เสือที่โรงพยาบาลนะครับ” ปัญจวัตรเอ่ยบอกฟ้ารดาก่อนหันไปแนะนำเธอให้มารดารู้จักและย้ำคำว่าเพื่อนให้เธอรู้ว่าเธอเป็นแค่เพื่อนคนนึงของพงศ์พยัคฆ์
“สวัสดีจ๊ะคุณหมอฟ้า แล้วนี่นึกยังไงมาด้วยกันล่ะแล้วที่ม้าให้ชวนน้องมาทานข้าวที่บ้านได้ชวนมั้ย” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามบุตรชายถึงเธอจะเป็นไทยเชื้อสายจีนแต่ก็พูดไทยชัดทุกคำ
“พอดีหมอฟ้าเธอมีเรื่องทุกข์ใจนะครับ ผมเลยคิดว่าพาเธอมาบ้านเราอาจสบายใจขึ้นแล้วนี่พ่อตามปู่เล็กไปอิตาลีแล้วเหรอผมมีเรื่องจะเมาท์” ปัญจวัตรเอ่ยตอบก่อนจะถามหาบิดา
“ใช่สิได้ยินว่าปู่เล็กเรียกประชุมใหญ่ที่อิตาลีพ่อเราเลยต้องบินไปว่าแต่มีอะไรจะเมาท์รึว่าจะหาสะใภ้ให้ม้าได้แล้ว” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามพลางมองไปที่หมอสาวด้วยสายตาล้อเลียน
“เปล่านะม้า ไม่ใช่อย่างนั้น ที่จะเมาท์น่ะคือเรื่องลูกชายคนโปรดของม้าต่างหากล่ะ” คุณหญิงปริศนาตาโตทันทีทีบุตรชายเอ่ยถึง “ลูกชายคนโปรด” ซึ่งก็คือพงศ์พยัคฆ์นั้นเอง
“ทำไมลูกเสือเป็นไรบอกม้ามาตาปัญจ์” คุณหญิงปริศนาเอ่ยถามอย่างร้อนรนส่วนศัลยแพทย์หนุ่มแสร้งทำหน้าเศร้ายิ่งทำให้ผู้เป็นแม่กังวลใจจนในที่สุดหมอหนุ่มก็เฉลยสิ่งที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า “คือไอ้เสือมันเอ่อ...คือไอ้เสือ ไอ้เสือมัน...มันกับน้องแพรเหมือนจะดีขึ้น”
“ตาปัญจ์!” คนถูกหลอกให้หวั่นใจเรียกชื่อลูกชายเสียงดุก่อนจะบ่น “ม้าใจหายใจคว่ำหมดไอ้ลูกคนนี้ งั้นก็หมายความว่าหนูทรายป่วยคราวนี้ทำให้ลูกเสือคิดได้งั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ รู้แค่ตอนนี้น่ะผัวเมียเขากำลังไปได้ดี” ปัญจวัตรเอ่ยตอบอย่างเมามันจนลืมนึกไปว่าพาใครมาด้วยส่วนกุมารแพทย์สาวได้แต่ยืนฟังทีแรกเธอจะทำไม่สนใจหากชื่อของใครคนหนึ่งไม่ได้เป็นหัวข้อในการสนธนา
“เอ่อ..ม้าว่าเราเข้าบ้านดีกว่าม้าตุ๋นไก่ไว้พาคุณหมอเดินชมรอบบ้านให้สบายใจก่อนนะเสร็จแล้วม้าจะเรียกไปทานข้าว” คุณหญิงปริศนาแยกตัวออกไปโดยใช้ข้ออ้างเรื่องไก่ตุ๋นแต่จริง ๆนางมองตาก็รู้ว่าลูกชายคิดยังไงกับหญิงสาวแล้วเธอคนนี้คิดยังไงกับเพื่อนสนิทของบุตรชายจึงได้คิดเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
“หมอปัญจ์ที่คุณพูดหมายความว่าไงเรื่องหมอเสือ” ในที่สุดฟ้ารดาก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ผมพูดอะไรมากไม่ได้เรื่องไอ้เสือนะเหรอผมเป็นคนนอกพูดมากไม่ได้ แต่ผมบอกคุณได้แค่ว่าต่อให้คุณรักไอ้เสือมากแต่เรื่องของพวกคุณก็เป็นไปไม่ได้ คุณเคยสงสัยมั้ยทำไมเวลาที่คุณอยู่กับไอ้เสือสองต่อสองต้องมีผมมาขัดจังหวะทุกที?” หมอหนุ่มเอ่ยถาม “เคยสงสัยรึเปล่า”
“เพราะคุณคิดไม่ซื่อกับหมอเสือไง”
“บ้า ผมไม่ใช่ชอบผู้ชาย แล้วก็ไม่ได้คิดไม่ซื่อกับไอ้เสือด้วย” คนถูกหาว่าคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทรีบปฏิเสธด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ ยัยคนนี้คิดไปแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย มันใช่ที่ไหนเล่า “ฟังดี ๆ นะ ที่ผมคอยขัดตลอดก็เพราะไม่อยากให้คุณมีข่าวกับไอ้เสือ และเหตุผลที่ผมทำแบบนั้นก็เพราะไอ้เสือมันแต่งงานแล้ว ผมกับเสือไม่อยากให้คุณดูไม่ดีในสายตาอาจารย์หมอบางคน ทำใจเถอะหมอฟ้านี่ผมอุตส่าห์พาคุณมาปลอบถึงบ้านเชียวนะ”
“เรื่องของคุณกับเสือมันเป็นไปไม่ได้และผมคงไม่ยอมให้คุณมาแย่งสามีของลูกพี่ลูกน้องด้วย” ‘และผมคงไม่ยอมเพราะผมรักคุณ’ คำบอกรักนี้ปัญจวัตรเอ่ยบอกในใจไม่ได้พูดมันออกมา ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะตบไหล่หญิงสาวไม่เบานัก “ทำใจเถอะให้ไก่ตุ๋นเยียวยาก็แล้วกัน”
“คุณมาปลอบใจหรือซ้ำเติมฉันกันแน่หมอปัญจ์” ฟ้ารดาเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินหนีไปทางสวนหลังบ้าน
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านเกตทิวรากุลดูดีขึ้นกว่าที่ปัญจวัตรคิดแม้ฟ้ารดาจะเสียใจกับสิ่งที่ได้รับรู้แต่เธอไม่แสดงออกให้มารดาต้องกังวลแม้แต่น้อย
“ลองทานนี่ดูสิจ้ะ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยบอกก่อนจะตักอาหารให้แขกของบ้าน เธอถูกใจกุมารแพทย์สาวนี่เหลือเกินและก็รู้ด้วยว่าลูกชายรู้สึกพิเศษด้วยแต่สาวเจ้านี่แหละยังไม่รู้แถมไปชอบเพื่อนสนิทของลูกชายเธอซะอีก
“ขอบคุณค่ะ อร่อยจริง ๆด้วย มิน่าล่ะหมอปัญจ์ชวนพวกหมอมาทานถึงมาทุกครั้งเพราะอาหารอร่อยนี่เอง” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยถูกชวนพร้อมกับหมอคนอื่น ๆมาทานข้าวแต่เธอปฏิเสธทุกครั้งผิดกับหมอหลายคนที่จะรับคำชวนทุกครั้งเธอเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่าเหตุใดหมอเหล่านั้นถึงได้รับคำชวนทุกครั้ง
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะจ้ะ ว่าง ๆ หรือมีเรื่องไปสบายใจก็แวะมาทานข้าวด้วยกันได้นะจ้ะ ที่นี่ต้อนรับเสมอ” คุณหญิงปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเอ็นดูก่อนจะตกนั่นตักนี่ให้แขกสาวอีกหลายอย่างจนปัญจวัตรรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด
“ม้า นี่ลูกม้า”
“รู้...ม้าคลอดเราออกมาเองทำไมจะไม่รู้ อะ ไม่ต้องมาทำน้อยใจ” คนเป็นแม่พูดแล้วก็ตักขิงซึ่งเป็นสิ่งที่ปัญจวัตรไม่ชอบไปให้อย่างจงใจแกล้ง ปัญจวัตรได้แต่บ่นไม่จริงจังขณะที่ฟ้ารดานั้นนั่งมองด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
อาจจะเพราะบรรยากาศที่บ้านของปัญจวัตรค่อนข้างคล้ายบรรยาการที่บ้านเธอล่ะมั้งความเศร้าที่มีถึงได้จางหายไปชั่วขณะ
“อาหารอร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะไว้มีโอกาสจะมาทานนะคะ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกทีเล่นทีจริงก่อนจะกล่าวลาหญิงชรา
“เดี๋ยวหมอรอผมที่รถนะ ผมไปเอากุญแจแป๊บนึง” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนทำท่าจะขึ้นไปหากุญแจรถทั้งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฟ้ารดาพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้คุณหญิงปริศนาแล้วเดินออกจากบ้านไป
“ม้าว่าหมอฟ้าสวยมั้ย” ปัญจวัตรเอ่ยถามมารดาก่อนที่มารดาพยักหน้า
“งั้นม้าดูไว้นะดูให้ดี ๆ คนนี้แหละว่าที่สะใภ้ม้า” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนเดินออกจากบ้านไปทิ้งท้ายให้มารดาถึงกับไปไม่เป็นกับคำพูดแสนตรงอย่างนึงที่ปัญจวัตรและพงศ์พยัคฆ์มีเหมือนกันคือทั้งสองจะพูดตรง ๆห่ามๆกับคนในครอบครัวอย่างไม่ปิดบัง
สายตาคมมองโต๊ะทำงานที่มีร่องรอยของการกรีดอย่างขบคิดว่าใครกันที่ทำแบบนี้ ใครที่เกลียดเธอถึงขนาดนี้ ใครกัน? ฟ้ารดาเฝ้าถามตัวเองโดยไม่รู้สึกถึงการมาของใครบางคน“ทำอะไรอยู่คะพี่ฟ้า ตายแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะพี่ฟ้า ทำไมโต๊ะถึงได้เป็นแบบนี้” เสียงร้องอย่างตกใจของคนข้างหลังทำให้ฟ้ารดาถึงกับสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่หลังเธอคือสุนิสาหรือนิดพยาบาลสาวรุ่นน้องที่ดีกับเธอคนนึงแต่เมื่อเกิดข่าวลือเรื่องเธอกับพงศ์พยัคฆ์เมื่อสามเดือนก่อนทำให้เธอเปลี่ยนความคิดในทันทีเพราะสุนิสาเป็นคนนึงที่เอาข่าวลือไปใส่สีตีไข่จนไม่เหลือเค้าความจริงเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะคบค้ากับคนหน้าซื่อใจคดหน้าไหว้หลังหลอก“มีอะไรเหรอคะคุณนิด” ฟ้ารดาเอ่ยตอบเสียงเรียบราวกับไม่รู้สิ่งที่พยาบาลสาวเคยทำแต่ก็ไม่ได้ยินดีที่จะคุยด้วย“ทำไมพี่ฟ้าทำเสียงแบบนั้นล่ะคะน่ากลัวมากเลย”สุนิสาแกล้งใสซื่อจนถ้าเธอไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นใสซื่อจริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่แค่ตกใจไปหน่อยคุณนิดมีอะไรก็พูดมาเถ
ร่างสูงของอัคนีเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างของคนที่ทาบทามเขามาทำงานที่นี่“สวัสดีครับอาจารย์” อัคนีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม เขานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง เขาได้รู้จักกับแดนสรวงเมื่อ7ปีก่อนสมัยเรียนแพทย์ปี1แดนสรวงเป็นอาจารย์หมอที่เขาสนิทด้วยที่สุดหลังจากเรียนจบอาจารย์หมอหนุ่มทาบทามเขาให้มาทำงานที่นี่หลายครั้งแต่เพราะอยากอยู่ใกล้ครอบครัวทำให้ปฏิเสธไปจนในช่วง2ปีมานี้ที่ฟ้ารดาย้ายมาทำงานที่นี่ทำให้เขาลังเลอยากตามมาอยู่หลายครั้งจนกระทั่งปัญจวัตรโผล่เข้ามาทำให้เขาติดต่ออาจารย์หมอคนสนิทอย่างรวดเร็ว“ไงอัคนี นึกยังไงถึงอยากย้ายมา หวงพี่สาวเหรอ?”แดนสรวงเอ่ยถามลูกศิษย์คนสนิทอย่างขบขัน ไม่คิดว่าที่เคยพูดว่าหวงพี่สาวมากจะหวงขนาดยอมย้ายตามมาขัดขวางเลยทีเดียว สงสารก็เเต่เพื่อนรักของญาติผู้น้องป่านนี้จะรู้รึยังว่าตัวป่วนมาถึงถิ่นแล้ว“หวงมากครับจารย์ ว่าแต่จารย์รู้จักไอ้หน้าจืดปัญญาอ่อนที่มาป้วนเปี้ยนเกาะเกะพี่สาวผมแค่ไหน” อัคนีเอ่ยถามแดนสรวงถึงปัญจวัตร
หลังจากที่พิมพ์พิชชาวางสายจากปลายสายหญิงสาวก็ยืนมองบรรยากาศอย่างมีความสุขกับแผนการทำให้สองสาวขี้อิจฉาหน้าแตกกับใครบางคน“ทำแบบนี้ไม่กลัวแพรโกรธเหรอครับทราย”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิมพ์พิชชาต้องสะดุ้ง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอคือรณพีร์นั่นเองเขายืนฟังเธอตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่ได้แสดงตัวเท่านั้นพิมพ์พิชชาหันมามองก่อนจะเอ่ยบอก“ความลับนะคุณพีร์อย่าให้ยัยแพรรู้เชียว”“มันก็ต้องมีอะไรมาแลกกันสิ แบบเงินมาผ้าหลุดอะไรประมาณเนี่ย” รณพีร์เอ่ยบอกพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย“ก็ได้คุณอยากได้อะไร”พิมพ์พิชชาเอ่ยถามอย่างเป็นรอง“ดินเนอร์กันสักมื้อ เสาร์นี้” รณพีร์เอ่ยบอกและลุ้นรอคำตอบจากหญิงสาว“ก็ได้เสาร์นี้” หญิงสาวตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะถามต่อ “วันศุกร์คุณว่างมั้ยถ้าว่างมาแจมกับแผนของฉันหน่อยนะ”“ได้สิ ผมก็เบื่อที่จะต้องถูกคนโยงไปทำร้ายคนอื่นแล้ว ถ้าเรื่องไม่จบผมคงต้องไล่พวกเธอออก”รณพีร์เอ่ยบอกตามใจคิดปัญหานี้บานปลายมานานแล้วเขาเองก็ควรทำอะไร
รุ่งเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสพิมพ์พิชชาเดินยิ้มน่าระรื่นเข้ามาในบริษัทพร้อมแพรวารินทร์ด้วยกิริยาอาการที่บ่งบอกว่ามีความสุขมากมายหลังจากพักผ่อนมาหนึ่งอาทิตย์วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวจะได้กลับไปทำงานที่รักอีกครั้งหลังจากหยุดไป1เดือนเต็มๆและที่ทำให้ดีใจยิ่งกว่าคือจะได้ไปเจอหน้าใครบางคนที่หายหน้าไปทั้งอาทิตย์แต่ยังส่งดอกไม้มาเยี่ยมทุกวันอย่างเจ้านายสุดหล่อด้วย“นี่เลิกยิ้มได้แล้วแก ฉันนึกว่าเดินกับคนบ้า” แพรวารินทร์ออกเสียงปรามอย่างไม่จริงจัง ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาเพื่อนรักเอาแต่ยิ้มกว้างจนเธอได้แต่งง นางจะดีใจอะไรขนาดนั้นเล่นใหญ่จริง ๆ“ก็คนมันดีใจอ่า เดือนนึงแล้วน๊าที่ฉันไม่ได้มาทำงานคิดถึงงานแล้วก็เพื่อนร่วมงานจะแย่”“หรา ไม่ใช่คิดถึงคนที่หายไปหนึ่งอาทิตย์เหรอจ๊ะ”แพรวารินทร์ถามกลับอย่างรู้ทัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคิดอย่างไรอยู่“รู้มากไปแล้วยะ ไปเข้าไปทำงานกันได้แล้ว”พิมพ์พิชชาว่าให้ก่อนจะดึงเพื่อนรักเข้าไปทำงาน“อ้าว ยัยทรายดูดมาทำงานแล้วเหรอนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหล่อนซะแล้
“สวัสดีครับคุณพิชชา อาการเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงทรงเสน่ห์เอ่ยทักทายไถ่ถามอาการทำให้คนไข้วัยทำงานถึงกับใจละลายความจริงเธอไม่ได้ป่วยแต่แค่อยากจะเห็นหน้าหมอหนุ่มเท่านั้นนายแพทย์อัคนี อัครวิทย์ อายุรแพทย์หนุ่มสุดหล่อวัย25ปีขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ในแถบนี้ยิ้มให้คนไข้อย่างเป็นมิตรแม้จะรู้ดีว่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายแค่อยากมาเห็นหน้าเขาเท่านั้นบ้างก็เอาของมาเยี่ยมเป็นประจำจนเป็นที่ชินตาของบุคลากรคนอื่นในโรงพยาบาล“วันนี้พิชชาจะเป็นอะไรดีเอ๋ย” อัคนีเอ่ยถามพร้อมยิ้มเอาใจอย่างน่ารักในสายตาเพื่อนหลายคนเขาเป็นคนกระล่อนและกวนประสาทสุดๆแต่สำหรับสาวน้อยสาวใหญ่ที่มาปลาบปลื้มเขากลับเป็นคนปากหวานและเอาใจเก่งเป็นอย่างมาก“วันนี้พิชชี่ปวดหัว ตัวร้อน ใจเต้นแรงมั๊กมากเลยค่ะหมอไฟขา” คนไข้สาวเอ่ยบอกทำท่าให้สมจริงจนหมอหนุ่มแอบขำ“แบบนี้คุณพิชชี่คงต้องมาหาหมอบ่อย ๆแล้วล่ะครับ หมอไฟว่าคุณพิชชี่เป็นโรครักหมอไฟแน่เลย” หมอหนุ่มเอ่ยหยอดพร้อมยิ้มแพรวพราว คนไข้สาวได้แต่เขินม้วนกับคำหยอดของหมอหนุ่ม&n
บ้านอัครวิทย์เพราะเกมพนันที่เคยพนันเดตแรกไว้กับฟ้ารดาที่ไร่พยัคฆ์ทำให้ปัญจวัตรต้องมาที่บ้านของฟ้ารดาในวันนี้หมอหนุ่มหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้น้องชายฟ้ารดากลับมาบ้านเพื่อเดตแต่เพื่อเอาชนะใจพ่อแม่ของหญิงสาวด้วยและที่ปรึกษาหมายเลขหนึ่งในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อนรักแต่เป็นผู้เป็นพ่อแทนจากข้อมูลที่ได้รับทำให้หมอหนุ่มมั่นใจเกือบ90%ว่าจะได้ใจของว่าที่แม่แฟนในอนาคตส่วนอีก10%คือพ่อและน้องชายที่เขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าทั้งสองจะยอมให้เขาคบกับฟ้ารดา“เข้าไปข้างในกันคุณ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเดินตามอย่างมั่นคงและมั่นใจทุกสรรพสิ่งในบ้านอัครวิทย์เหมือนจะหยุดเคลื่อนไหวทันทีเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านเดินนำผู้ชายเข้ามาในตัวบ้านนายแพทย์หมออาศิระยืนมองชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างไม่วางตาส่วนคุณนายฝนนภากลับมองอย่างตกใจไม่น้อยที่ลูกสาวคนเดียวพาชายหนุ่มที่หน้าคล้ายอดีตคนรักเข้ามาที่บ้านและแนะนำว่าเป็นแฟนหนุ่ม“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมปัญจ์ครับ”ปัญจวัตรเอ่ยทักทายอย่างเ