เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่
เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนัก
ไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร
“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจ
ไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ
คิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้า
“มาถึงตรงเวลา” เขาพูดเสียงราบเรียบ “ดี ฉันไม่มีเวลาสำหรับคนที่สาย”
ไอรีนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอรู้ดีว่านี่จะไม่ใช่การทำงานธรรมดา
ไอรีนได้รับมอบหมายให้จัดการเอกสารจำนวนมาก เธอต้องพิมพ์รายงาน จัดตารางนัดหมาย และคอยส่งอีเมลต่าง ๆ ให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของบริษัท ทุกอย่างต้องเป๊ะและไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาด
“คุณคิรันต้องการกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล” ธันวาเตือนเธอขณะเดินผ่าน
ไอรีนรีบชงกาแฟและนำเข้าไปให้คิรัน แต่เมื่อเขาจิบไปคำหนึ่ง เขากลับวางแก้วลงแล้วจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันบอกว่าไม่ใส่น้ำตาล” น้ำเสียงของเขาเฉียบคมราวกับใบมีด
ไอรีนรู้สึกเหมือนมือของตัวเองจะสั่นหลุดจากการควบคุม แต่เธอพยายามข่มใจไม่ให้แสดงออกมา กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะรีบขอโทษและกลับไปชงกาแฟใหม่
เธอรู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากทุกทิศทาง ความผิดพลาดเล็กน้อยนี้มันอาจจะหมายถึงการสูญเสียทุกอย่างของเธอ
ไอรีนรีบขอโทษและกลับไปชงใหม่ มือของเธอสั่นเล็กน้อย เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
ช่วงบ่าย คิรันมีประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนได้รับมอบหมายให้จดบันทึก แต่เขาพูดเร็วและเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคที่เธอไม่คุ้นเคย เธอพยายามจดให้เร็วที่สุดแต่ก็ยังพลาดบางจุดไป
หลังประชุมจบลง คิรันรับรายงานจากเธอไปอ่าน และเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“ข้อมูลผิด” เขาพูดเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ไอรีนรู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายเย็นเฉียบ เธอพยายามอธิบาย แต่คิรันกลับพูดขัดขึ้นมาก่อน
“ฉันไม่ต้องการข้อแก้ตัว”
เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ใบหน้าของคิรันไร้อารมณ์ แต่แฝงไปด้วยความเฉียบคมที่ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำให้ดีขึ้น
“ถ้าเธอทำพลาดแบบนี้อีกครั้งเดียว ฉันจะทำให้เธออยากลาออกเอง” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่ความเย็นชานั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ
การพูดแบบนั้นไม่เพียงแต่ทำให้หัวใจของเธอหล่นไปถึงท้อง มันยังทำให้รู้สึกถึงช่องว่างระหว่างตัวเธอกับเขาอย่างชัดเจน
ไอรีนเดินเข้าไปในสำนักงานของ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ เป็นวันที่สองในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน แม้ว่าเมื่อวานเธอจะโดนกดดันสำหรับการทำงานวันแรก แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ถูกบีบบังคับ
พนักงานในบริษัทต่างจ้องมองเธออย่างสงสัยและระแวดระวัง พวกเขาต่างรู้ดีว่าคิรัน วัชรานนท์ เป็นเจ้านายที่เข้มงวดและเย็นชาขนาดไหน การที่หญิงสาววัยนักศึกษาปีสุดท้ายอย่างไอรีนเข้ามาเป็น ‘ผู้ช่วยส่วนตัว’ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึงกันทั่ว
“นั่นใช่ผู้ช่วยใหม่ของท่านประธานหรือเปล่า?”
“จริงเหรอ? เธออยู่ได้นานแค่ไหนกันเชียว?”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นตามทางเดิน ไอรีนเหลือบมองรอบตัวเล็กน้อยก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอรู้ว่าคนพวกนี้คิดว่าเธอจะอยู่ได้ไม่นาน แต่เธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
เมื่อเธอมาถึงหน้าห้องทำงานของคิรัน มือของเธอเกือบจะเคาะประตู แต่ก่อนที่เธอจะทำ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นจากข้างใน
“เข้ามา”
เธอชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานอันกว้างขวาง โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ด้านหลังมีชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มงาน คิรันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ ดวงตาคมกริบเหลือบมองเธออย่างเย็นชา
“มาสายสองนาที”
ไอรีนขมวดคิ้วมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “ฉันคิดว่าฉันตรงเวลานะคะ”
“ฉันบอกให้เธอมาถึงก่อนเวลาห้านาที” เขาตอบเสียงเรียบ “อย่าทำตัวเหมือนพนักงานทั่วไป”
เธอเม้มปากแน่น แต่เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร เธอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นแฟ้มเอกสารมาให้
“วันนี้เธอมีหน้าที่ตรวจสอบตารางงานของฉัน ประสานงานกับเลขาฯ และจัดการเอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อย”
“ทั้งหมดนี้?” เธอมองเอกสารหนาเตอะในมือ “ฉันต้องทำเสร็จภายในวันเดียวเหรอคะ?”
“ใช่” คิรันตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้ากลับไปอ่านเอกสารของตัวเองต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไอรีนถอนหายใจยาว ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเล็กมุมห้อง เธอเริ่มลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตรวจสอบเอกสารทีละหน้า จัดระเบียบแฟ้มข้อมูล และประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ แม้ว่ามันจะเป็นงานที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่เธอก็ตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ
ผ่านไปหลายชั่วโมง เธอเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า แต่ก็พยายามกัดฟันทำงานต่อ จนกระทั่งมือของเธอเผลอไปปัดแก้วกาแฟที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทำให้กาแฟร้อน ๆ หกลงบนเอกสารสำคัญ
“อ๊ะ!” ไอรีนรีบคว้ากระดาษทิชชู่ขึ้นมาช่วยเช็ดแก้วกาแฟที่หกลงบนเอกสารสำคัญ แต่ก็สายเกินไปแล้ว หมึกบนกระดาษเริ่มเลอะและจางลง
หัวใจของไอรีนเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือของเธอที่พยายามยกขึ้นมาเช็ดกลับสั่นมากขึ้น แรงกดดันที่คิรันมองมาที่เธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตัดสินจากทุกมุม
“เธอทำอะไรลงไป?” เสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีน้ำแข็งไหลผ่านกระดูกสันหลัง
“ฉันขอโทษค่ะ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
คิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงเข้ามาหาเธอ หยิบเอกสารที่เปื้อนขึ้นมาดู ก่อนจะเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความเมตตา
“นี่เป็นเอกสารสำคัญ ถ้าเธอคิดจะทำงานที่นี่จริง ๆ เธอควรมีความระมัดระวังมากกว่านี้”
เสียงของเขาดังขึ้นต่ำ ๆ ราวกับเสียงคำสั่งที่ไม่ต้องการการโต้แย้ง
เขาโยนเอกสารกลับไปบนโต๊ะด้วยเสียงดังที่ทำให้ไอรีนสะดุ้งและรู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่เธอทำกำลังถูกคัดออกทันที
ไอรีนกัดริมฝีปากแน่น เธอรู้สึกถึงแรงกดดันจากเขา แต่เธอไม่อยากยอมแพ้หรือหวาดกลัว
“ฉันจะแก้ไขมันให้ค่ะ” เธอพูดเสียงหนักแน่น “ฉันจะพิมพ์ใหม่ให้หมด”
คิรันมองเธออย่างประเมิน ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เธอมีเวลาสองชั่วโมง”
จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ทิ้งให้เธอต้องเร่งมือจัดการกับความผิดพลาดของตัวเอง
ตลอดเวลาที่เธอทำงาน ไอรีนสังเกตได้ว่าคิรันดูจะจับตามองเธอมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังตั้งใจพิมพ์งาน หรือตอนที่เธอเผลอถอนหายใจออกมาเพราะความเหนื่อยล้า แต่แทนที่เธอจะรู้สึกกลัว เธอกลับรู้สึกท้าทาย
พนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทต่างจ้องมองไอรีนอย่างสงสัย พวกเขาพูดกันเบา ๆ เมื่อเธอเดินผ่าน คำพูดกระซิบกันดังไม่ออกมาชัดเจน แต่บรรยากาศนั้นเหมือนมีการคาดเดากันอยู่ตลอดเวลา
"เธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน?" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนข้าง ๆ
“อย่าพูดดีกว่า เดี๋ยวประธานได้ยิน” เสียงตอบกลับด้วยความตื่นตระหนก
ไอรีนเหลือบมองพวกเขาแล้วแค่นยิ้ม ก่อนที่จะเดินต่อไปด้วยท่าทีมั่นใจ ซึ่งในตอนนี้... เธอเริ่มรู้สึกถึงการจับตามองที่มาจากทุกคนในห้อง
และนั่น… ดูเหมือนจะทำให้คิรันสนใจเธอมากขึ้น
หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง ไอรีนก็พิมพ์เอกสารใหม่เสร็จ เธอเดินไปวางมันลงบนโต๊ะของคิรัน
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง
คิรันมองเอกสารในมือเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
"ใช้ได้" คำพูดนั้นสั้นและคลุมเครือ แต่ท่าทางของเขายังบอกอะไรบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและจ้องมองไอรีนอยู่ครู่หนึ่ง
เสียงของเขากระตุกขึ้นต่ำเมื่อเขาพูดอีกครั้ง “เธอทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดไว้”
ไอรีนรู้สึกท้าทาย และแม้ว่าจะยังไม่เห็นความเห็นใจจากเขา แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังสนใจในความสามารถของเธอ
และที่สำคัญ… เธอเริ่มรู้แล้วว่าเจ้านายสุดโหดของเธอ ไม่ใช่คนที่อ่านง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
วันถัดมาหลังจากการประชุมที่ตึงเครียดในบริษัท คิรันตัดสินใจให้ไอรีนเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันเพื่อช่วยงานในโปรเจกต์สำคัญกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่เคยคิดว่าเธอจะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศกับคิรันและลูกค้าระดับนี้มาก่อนเช้าวันนั้น ไอรีนตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ความตื่นเต้นปะปนกับความกังวลทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายต้องการจะออกวิ่งไปข้างหน้า แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด การเดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะไม่เพียงแค่ต้องทำงานให้สำเร็จ แต่เธอยังต้องเจอกับคิรันที่เข้มงวดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเธอลุกจากเตียงอย่างรวดเร็วและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสำคัญ ไอรีนเลือกใส่ชุดเดรสเรียบง่ายสีดำเข้มที่ดูสง่างาม ไม่หวือหวาเกินไปแต่ก็ยังคงดูดึงดูด สะท้อนความมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าระดับสูงและคิรันที่เข้มงวด แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คือการเลือกที่ดีที่สุดในการสะท้อนภาพลักษณ์ที่เธอต้องการแสดงออกการเดินทางไปสนามบินนั้นค่อนข้างเงียบสงัด บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เสียงเครื่องปรับอ
บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้นกลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลั
เสียงดนตรีจากงานเลี้ยงยังคงก้องอยู่ในหัวของไอรีน แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ภาพคืนนั้นยังคงชัดเจนโดยเฉพาะ… คำพูดของเขา "เธอเป็นของฉัน"และรอยจูบที่จู่โจมอย่างเร่าร้อน…เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคิรันถึงทำแบบนั้น เขาไม่เคยแสดงออกถึงความสนใจในตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง มีแต่ความเย็นชาและคำพูดเฉียบคมที่กดดันเธอตลอดเวลา แต่คืนนั้นเขากลับทำราวกับว่าเธอเป็นของเขาจริง ๆ คำพูดที่หนักแน่นและสายตาที่ไม่ยอมให้เธอปฏิเสธได้ยังคงตามหลอกหลอนเธอมันทำให้เธอรู้สึกสับสน… และหวั่นไหวเพราะแบบนั้น ไอรีนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องตีตัวออกห่างจากเขาตั้งแต่เช้าวันแรกที่กลับมาทำงานหลังงานเลี้ยง ไอรีนก็เริ่มต้นแผนการหลีกเลี่ยงคิรัน เธอพยายามไม่เข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยไม่จำเป็น และหากเขาเรียกพบ เธอจะพาธันวาเข้าไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้ต้องอยู่กับเขาตามลำพัง“พี่ธันวาคะ วันนี้ช่วยเข้าไปกับฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ไอรีนถามพลางยิ้มหวานธันวาขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ แต่ทำไม—”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่คิดว่าเราควรทำงา
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทีมบริหารระดับสูงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญ ไอรีนเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารและตัวอย่างสินค้าหลายชิ้นในมือ เธอกัดฟันแน่น ขณะที่พยายามแบกรับน้ำหนักทั้งหมดไว้คนเดียว ไม่ต้องให้ใครช่วย — เธอทำได้แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะดี เท้าเล็กพลันสะดุดกับขอบพรมที่ไม่เรียบ สมดุลในร่างเธอเริ่มเสียไป หัวใจเธอหล่นวูบ แต่ยังไม่ทันจะล้มลง ร่างสูงของคิรันก็ก้าวเข้ามาทันเวลา มือหนาคว้าเอวของเธอไว้มั่นก่อนที่ร่างเธอจะกระแทกพื้นไอรีนเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกับดวงตาคมกริบของเขา เธอรู้สึกถึงแรงกดเบา ๆ จากมือของเขาบนหน้าท้องของเธอ ร้อนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคอคิรันขมวดคิ้วเล็กน้อย กรามของเขากระตุกคล้ายกับกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากแตะต้องเธอเกินความจำเป็น"เดินให้มันดี ๆ" คิรันเอ่ยเสียงต่ำไอรีนเม้มปาก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขอบคุณหรือไม่ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ธันวาเข้ามารับเอกสารจากมือเธอไป"คุณไอรีน ให้ผมช่วยเถอะครับ คุณถือเยอะเกินไปแล้ว"เธอขมวดคิ้ว ก่อ
เช้าวันแรกหลังจากที่คิรันกลับมาจากต่างประเทศ เขามาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบไม่อยู่ในสายตา เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือ ‘เธอ’แต่ภาพตรงหน้าทำให้กรามของเขากระตุกแน่นไอรีนยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานชายสองสามคน ท่าทางผ่อนคลาย รอยยิ้มของเธอดูสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นเวลาคุยกับเขา เธอหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของใครสักคน ร่างบางดูเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเป็นศูนย์กลางของบทสนทนามือของคิรันที่กำแฟ้มเอกสารแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดวงตาคมกริบจับจ้องไปที่เธอและผู้ชายพวกนั้น มันควรจะเป็นเขาที่ได้รับรอยยิ้มแบบนั้น ไม่ใช่คนอื่นธันวาที่เดินมาพอดีสังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวเจ้านายของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คิรันแทบไม่ได้ละสายตาจากไอรีนเลย แต่สิ่งที่ทำให้เลขาหนุ่มสะดุ้งคือไอเย็นยะเยือกในดวงตาของเขา“บอส…?” ธันวาเอ่ยเสียงเบาอย่างระมัดระวัง“พวกนั้นเป็นใคร” เสียงต่ำเย็นเฉียบดังขึ้น“อ่า… พนักงานแผนกออกแบบครับ พวกเขาเป็นรุ่นพี่ หรือไม่ก็เรียนสาขาเดียว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างรอบตัวไอรีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคิรันไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงาน แต่วันถัดมา เขากลับออกคำสั่งให้เธอย้ายมานั่งทำงานในห้องของเขาอย่างถาวร โดยให้เหตุผลกับพนักงานคนอื่นว่าเป็นมาตรการรักษาความลับของโปรเจ็กต์สำคัญที่เธอต้องรับผิดชอบ“ผมเข้าใจครับบอส โปรเจ็กต์ใหญ่ ข้อมูลสำคัญ” ธันวาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ จนแทบไม่ได้ยิน“แต่ผมว่าคุณแค่หวง…”ไอรีนรู้สึกอึดอัดกับการเปลี่ยนแปลงนี้สุด ๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับการถูกจับขังอยู่ใต้สายตาของคิรันเลยสักนิด! เธอไม่สามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างอิสระ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีสายตาคมกริบของเขาจับจ้อง และแน่นอน—ไม่สามารถใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนได้โดยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแปลก ๆแต่ต่อให้เธอจะพยายามบ่นหรืออ้อนวอนขนาดไหน คิรันก็ยังคงนิ่งเฉยและยืนยันคำสั่งของเขาค่ำวันหนึ่ง คิรันพาไอรีนไปทานอาหารเย็นกับลูกค้ารายสำคัญที่ห้องอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูหรา แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศผ่อน
แสงไฟนีออนจากเมืองใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ตึกสูงระฟ้าเป็นเงาสะท้อนบนกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารชั้นดาดฟ้า โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่คิรันเลือกสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ไอรีนยืนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอย่างไม่อาจควบคุมได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะสถานที่หรูหรารอบตัว แต่เป็นเพราะบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเธอ… คิรันเขาอยู่ในชุดสูทสีดำเข้ารูป ทรงผมเรียบเนี้ยบ ดวงตาคมกริบภายใต้แสงไฟสลัวดูทรงอำนาจและเย็นชาเหมือนเคย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพฤติกรรมของเขานับตั้งแต่คืนวันนั้น—คืนที่เขาใช้กำปั้นตัดขาดธุรกิจเพียงเพราะเธอ—เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป คิรันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แล้วทำไม… ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นข้อยกเว้นเดียวของเขา?ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนเหมือนผู้ชายแสนดีทั่วไป คิรันยังคงเป็นคิรัน—เย็นชา เจ้าระเบียบ และเอาแต่ใจ แต่คำพูดของเขาเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย การกระทำหลายอย่างดูเหมือนจะใส่ใจมากขึ้น และนั่น… ทำให้เธอสับสน“มองอะไร” น้ำเสียงเข้มต่ำกระซิบถามข้างหู เธอสะดุ้
แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบโครงสร้างเหล็กของไซต์ก่อสร้าง เสียงเครื่องจักรดังประสานไปกับเสียงพูดคุยของเหล่าวิศวกรและคนงาน คิรันก้าวลงจากรถอย่างสง่างาม ดวงตาคมเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันไปทางไอรีนที่เดินตามลงมา"อย่าหลงทาง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือนสั้น ๆไอรีนกลอกตาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหายไปจากสายตาแม้แต่นิดเดียวเมื่อเข้ามาภายในห้องประชุม การประชุมไซต์งานเป็นไปอย่างราบรื่น คิรันยังคงเป็นคิรัน—นิ่ง เฉียบขาด และทรงอำนาจ ทุกคำพูดของเขาทำให้ผู้บริหารบริษัทก่อสร้างต้องให้ความเคารพ ไอรีนนั่งฟังเงียบ ๆ และจดบันทึกรายละเอียดตามหน้าที่ แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก แต่เธอรับรู้ได้ว่าผู้บริหารที่นี่ให้ความเกรงใจคิรันอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นเมื่อเขาพูดเมื่อประชุมจบลง ไอรีนขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ เธอยืดตัวขึ้นและสูดหายใจลึก พลางคิดว่ามื้อค่ำสุดหรูเมื่อคืนทำให้เธอยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย คิรันดูอ่อนโยนขึ้น แม้จะยังคงเย็นชา แต่การกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้าม
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห