เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามเช้า ไอรีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ร่างกายของเธอหนักอึ้งจากความเครียดและความกังวลเกี่ยวกับวันแรกของการทำงาน เธอถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันใหม่
เมื่อเธอมาถึงบริษัทซึ่งเป็นตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่ดูยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือหรือเอกสารในมือ บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครพูดคุยกันมากนัก
ไอรีนเดินเข้าไปในแผนกบริหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ทำงานหลักของผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน เธอพบกับธันวา ผู้ช่วยคนเก่งของคิรันที่คอยแนะนำเธออย่างเป็นมิตร
“คุณไอรีน คุณต้องเข้าไปพบคุณคิรันก่อนนะครับ” ธันวากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ แต่แฝงด้วยความเห็นใจ
ไอรีนพยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคิรัน ซึ่งกว้างขวางแต่กลับให้ความรู้สึกเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบไร้ที่ติ ไม่มีอะไรเกินจำเป็น ทุกอย่างดูเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ
คิรันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา ดวงตาคมกริบของเขาเงยขึ้นมามองเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้า
“มาถึงตรงเวลา” เขาพูดเสียงราบเรียบ “ดี ฉันไม่มีเวลาสำหรับคนที่สาย”
ไอรีนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอรู้ดีว่านี่จะไม่ใช่การทำงานธรรมดา
ไอรีนได้รับมอบหมายให้จัดการเอกสารจำนวนมาก เธอต้องพิมพ์รายงาน จัดตารางนัดหมาย และคอยส่งอีเมลต่าง ๆ ให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของบริษัท ทุกอย่างต้องเป๊ะและไม่มีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาด
“คุณคิรันต้องการกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล” ธันวาเตือนเธอขณะเดินผ่าน
ไอรีนรีบชงกาแฟและนำเข้าไปให้คิรัน แต่เมื่อเขาจิบไปคำหนึ่ง เขากลับวางแก้วลงแล้วจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันบอกว่าไม่ใส่น้ำตาล” น้ำเสียงของเขาเฉียบคมราวกับใบมีด
ไอรีนรู้สึกเหมือนมือของตัวเองจะสั่นหลุดจากการควบคุม แต่เธอพยายามข่มใจไม่ให้แสดงออกมา กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะรีบขอโทษและกลับไปชงกาแฟใหม่
เธอรู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากทุกทิศทาง ความผิดพลาดเล็กน้อยนี้มันอาจจะหมายถึงการสูญเสียทุกอย่างของเธอ
ไอรีนรีบขอโทษและกลับไปชงใหม่ มือของเธอสั่นเล็กน้อย เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
ช่วงบ่าย คิรันมีประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ ไอรีนได้รับมอบหมายให้จดบันทึก แต่เขาพูดเร็วและเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคที่เธอไม่คุ้นเคย เธอพยายามจดให้เร็วที่สุดแต่ก็ยังพลาดบางจุดไป
หลังประชุมจบลง คิรันรับรายงานจากเธอไปอ่าน และเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“ข้อมูลผิด” เขาพูดเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ไอรีนรู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายเย็นเฉียบ เธอพยายามอธิบาย แต่คิรันกลับพูดขัดขึ้นมาก่อน
“ฉันไม่ต้องการข้อแก้ตัว”
เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ใบหน้าของคิรันไร้อารมณ์ แต่แฝงไปด้วยความเฉียบคมที่ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำให้ดีขึ้น
“ถ้าเธอทำพลาดแบบนี้อีกครั้งเดียว ฉันจะทำให้เธออยากลาออกเอง” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่ความเย็นชานั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ไอรีนรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ
การพูดแบบนั้นไม่เพียงแต่ทำให้หัวใจของเธอหล่นไปถึงท้อง มันยังทำให้รู้สึกถึงช่องว่างระหว่างตัวเธอกับเขาอย่างชัดเจน
ไอรีนเดินเข้าไปในสำนักงานของ ‘วัชรานนท์ กรุ๊ป’ เป็นวันที่สองในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของคิรัน แม้ว่าเมื่อวานเธอจะโดนกดดันสำหรับการทำงานวันแรก แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ถูกบีบบังคับ
พนักงานในบริษัทต่างจ้องมองเธออย่างสงสัยและระแวดระวัง พวกเขาต่างรู้ดีว่าคิรัน วัชรานนท์ เป็นเจ้านายที่เข้มงวดและเย็นชาขนาดไหน การที่หญิงสาววัยนักศึกษาปีสุดท้ายอย่างไอรีนเข้ามาเป็น ‘ผู้ช่วยส่วนตัว’ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดถึงกันทั่ว
“นั่นใช่ผู้ช่วยใหม่ของท่านประธานหรือเปล่า?”
“จริงเหรอ? เธออยู่ได้นานแค่ไหนกันเชียว?”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นตามทางเดิน ไอรีนเหลือบมองรอบตัวเล็กน้อยก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอรู้ว่าคนพวกนี้คิดว่าเธอจะอยู่ได้ไม่นาน แต่เธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
เมื่อเธอมาถึงหน้าห้องทำงานของคิรัน มือของเธอเกือบจะเคาะประตู แต่ก่อนที่เธอจะทำ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นจากข้างใน
“เข้ามา”
เธอชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานอันกว้างขวาง โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ด้านหลังมีชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มงาน คิรันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ ดวงตาคมกริบเหลือบมองเธออย่างเย็นชา
“มาสายสองนาที”
ไอรีนขมวดคิ้วมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “ฉันคิดว่าฉันตรงเวลานะคะ”
“ฉันบอกให้เธอมาถึงก่อนเวลาห้านาที” เขาตอบเสียงเรียบ “อย่าทำตัวเหมือนพนักงานทั่วไป”
เธอเม้มปากแน่น แต่เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร เธอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นแฟ้มเอกสารมาให้
“วันนี้เธอมีหน้าที่ตรวจสอบตารางงานของฉัน ประสานงานกับเลขาฯ และจัดการเอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อย”
“ทั้งหมดนี้?” เธอมองเอกสารหนาเตอะในมือ “ฉันต้องทำเสร็จภายในวันเดียวเหรอคะ?”
“ใช่” คิรันตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้ากลับไปอ่านเอกสารของตัวเองต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไอรีนถอนหายใจยาว ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเล็กมุมห้อง เธอเริ่มลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมาย ตรวจสอบเอกสารทีละหน้า จัดระเบียบแฟ้มข้อมูล และประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ แม้ว่ามันจะเป็นงานที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่เธอก็ตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ
ผ่านไปหลายชั่วโมง เธอเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า แต่ก็พยายามกัดฟันทำงานต่อ จนกระทั่งมือของเธอเผลอไปปัดแก้วกาแฟที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทำให้กาแฟร้อน ๆ หกลงบนเอกสารสำคัญ
“อ๊ะ!” ไอรีนรีบคว้ากระดาษทิชชู่ขึ้นมาช่วยเช็ดแก้วกาแฟที่หกลงบนเอกสารสำคัญ แต่ก็สายเกินไปแล้ว หมึกบนกระดาษเริ่มเลอะและจางลง
หัวใจของไอรีนเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือของเธอที่พยายามยกขึ้นมาเช็ดกลับสั่นมากขึ้น แรงกดดันที่คิรันมองมาที่เธอทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตัดสินจากทุกมุม
“เธอทำอะไรลงไป?” เสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีน้ำแข็งไหลผ่านกระดูกสันหลัง
“ฉันขอโทษค่ะ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
คิรันลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินตรงเข้ามาหาเธอ หยิบเอกสารที่เปื้อนขึ้นมาดู ก่อนจะเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความเมตตา
“นี่เป็นเอกสารสำคัญ ถ้าเธอคิดจะทำงานที่นี่จริง ๆ เธอควรมีความระมัดระวังมากกว่านี้”
เสียงของเขาดังขึ้นต่ำ ๆ ราวกับเสียงคำสั่งที่ไม่ต้องการการโต้แย้ง
เขาโยนเอกสารกลับไปบนโต๊ะด้วยเสียงดังที่ทำให้ไอรีนสะดุ้งและรู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่เธอทำกำลังถูกคัดออกทันที
ไอรีนกัดริมฝีปากแน่น เธอรู้สึกถึงแรงกดดันจากเขา แต่เธอไม่อยากยอมแพ้หรือหวาดกลัว
“ฉันจะแก้ไขมันให้ค่ะ” เธอพูดเสียงหนักแน่น “ฉันจะพิมพ์ใหม่ให้หมด”
คิรันมองเธออย่างประเมิน ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เธอมีเวลาสองชั่วโมง”
จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ทิ้งให้เธอต้องเร่งมือจัดการกับความผิดพลาดของตัวเอง
ตลอดเวลาที่เธอทำงาน ไอรีนสังเกตได้ว่าคิรันดูจะจับตามองเธอมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังตั้งใจพิมพ์งาน หรือตอนที่เธอเผลอถอนหายใจออกมาเพราะความเหนื่อยล้า แต่แทนที่เธอจะรู้สึกกลัว เธอกลับรู้สึกท้าทาย
พนักงานคนอื่น ๆ ในบริษัทต่างจ้องมองไอรีนอย่างสงสัย พวกเขาพูดกันเบา ๆ เมื่อเธอเดินผ่าน คำพูดกระซิบกันดังไม่ออกมาชัดเจน แต่บรรยากาศนั้นเหมือนมีการคาดเดากันอยู่ตลอดเวลา
"เธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน?" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนข้าง ๆ
“อย่าพูดดีกว่า เดี๋ยวประธานได้ยิน” เสียงตอบกลับด้วยความตื่นตระหนก
ไอรีนเหลือบมองพวกเขาแล้วแค่นยิ้ม ก่อนที่จะเดินต่อไปด้วยท่าทีมั่นใจ ซึ่งในตอนนี้... เธอเริ่มรู้สึกถึงการจับตามองที่มาจากทุกคนในห้อง
และนั่น… ดูเหมือนจะทำให้คิรันสนใจเธอมากขึ้น
หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง ไอรีนก็พิมพ์เอกสารใหม่เสร็จ เธอเดินไปวางมันลงบนโต๊ะของคิรัน
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง
คิรันมองเอกสารในมือเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
"ใช้ได้" คำพูดนั้นสั้นและคลุมเครือ แต่ท่าทางของเขายังบอกอะไรบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและจ้องมองไอรีนอยู่ครู่หนึ่ง
เสียงของเขากระตุกขึ้นต่ำเมื่อเขาพูดอีกครั้ง “เธอทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดไว้”
ไอรีนรู้สึกท้าทาย และแม้ว่าจะยังไม่เห็นความเห็นใจจากเขา แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เธอรู้ว่าเขากำลังสนใจในความสามารถของเธอ
และที่สำคัญ… เธอเริ่มรู้แล้วว่าเจ้านายสุดโหดของเธอ ไม่ใช่คนที่อ่านง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่