“เลือดของเพื่อนผมเองครับ พอดีว่าวันนี้เพื่อนผมประสบอุบัติเหตุ ผมก็เลยพาไปส่งโรงพยาบาล ตอนนี้อาการก็ไม่สู้ดีนักครับ ผมก็เลยไม่ได้ไปที่ว่าการอำเภอ” น้ำเสียงของธมกรฟังดูสั่นเครือ ดวงตาของเขาแดงก่ำทั้งบวมเป่งเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เขาผละออกจากผู้เป็นย่าแล้วเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน
เขาปิดห้องและทรุดลงนั่งพิงประตูห้อง น้ำตาลูกผู้ชายไหลเอ่ออาบแก้ม วันนี้เป็นวันครบรอบการคบกัน 3 ปีของเขากับสิกานต์และในที่สุดวันนี้คือวันที่เขาตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเธอว่าเขานั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ตอนแรกเขาอยากจะเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้าง อยากใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่เขารัก ถ้าเขาบอกเธอว่าเขาจะต้องไปจดทะเบียนสมรสวันนี้และเธอห้ามเขาไว้ เขาจะตัดสินใจหนีไปใช้ชีวิตกับเธอสองคนและไม่กลับมาที่ประเทศไทยอีก แต่แล้วเขายังไม่ได้สารภาพกับเธอด้วยซ้ำ เมื่อเขาเดินไปรอสิกานต์อยู่ตรงทางม้าลาย เธอก็โบกมือส่งยิ้มให้เขา ธมกรจึงโบกมือส่งยิ้มให้เธอเช่นกัน
“รออยู่ฝั่งนั้นแหละ เดี๋ยวผมข้ามไปรับ” ธมกรกำลังรอสัญญาณไฟที่จะข้ามไปรับสิกานต์แต่แล้วสิกานต์ก็ตะโกนกลับมาหาเขา
“ไม่ต้องค่ะ ฝั่งฉันไฟเขียวแล้ว เดี๋ยวฉันจะข้ามไปหาคุณเอง” หญิงสาวยิ้มกว้างและโบกมือให้กับชายหนุ่ม เธอก้าวเดินข้ามทางม้าลายมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยิ้ม แต่แล้วก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว
ธมกรที่หันไปเห็นว่ารถยนต์คันนั้นคงจะเบรกไม่ทัน เขารีบตะโกนห้ามสิกานต์ทันที
“กานต์อย่า” สิ้นเสียงเขารถยนต์คันนั้นพุ่งชนสิกานต์เข้าเต็มเปา
“โครม!!”
“กานต์!!” สิกานต์ที่โดนชนด้วยความเร็วและแรงของรถคันนั้นทำให้ร่างของเธอนั้นลอยกระเด็นตกไปไกลถึงอีกฝั่งของถนน
“ตึก!”
“กานต์!” ธมกรร้องเรียกชื่อเธอสุดเสียง สิกานต์ที่สติเริ่มเลือนรางก็เห็นภาพของชายหนุ่มนั้นวิ่งข้ามถนนตรงมาที่เธอ เขาวิ่งถลาล้มลงไปดึงร่างของเธอเข้ามากอดและเขย่าหญิงสาวจนตัวสั่น
“กานต์อย่าเป็นอะไรนะ กานต์ลืมตามองผมก่อน ผมมีเรื่องจะบอกคุณ กานต์ได้ยินผมไหม” ชายหนุ่มตะโกนร้องเรียกผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดที่บัดนี้สภาพร่างกายของเธอนั้นแทบดูไม่ได้ เลือดที่ออกจากร่างของเธอทาทั่วบริเวณนั้น กะโหลกศีรษะยุบเลือดไหลอาบกางเกงของเขา อีกทั้งขาทั้งเธอก็ยังผิดรูปอีกด้วย ยิ่งเขาเห็นสภาพของเธอก็ยิ่งน่าเวทนาและสงสารเธอใจแทบขาด มันเป็นความทรมานที่ไม่อาจบรรย่าได้ที่ต้องเห็นคนที่รักอยู่ในสภาพนี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ใบหน้าหวานที่เคยสวยงามบัดนี้อาบทาไปด้วยเลือดสีแดงสด
“ผมรักคุณกานต์ ผมรักคุณ”
รถเข็นถูกเคลื่อนไปด้วยแรงดันของบุรุษพยาบาลทั้งสี่คนที่กำลังเร่งนำร่างของสิกานต์นั้นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“กานต์ได้ยินไหมกานต์อย่าเป็นอะไรนะ” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งดันหน้าอกของเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“คุณเป็นญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยกรอกประวัติของเธอให้ด้วยนะครับ” ธมกรที่น้ำตาไหลอาบแก้มนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉินจู่ ๆ เขาก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างคนหมดเรี่ยวแรงและในที่สุดเขาก็หมดสติไป พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“กานต์” เขาเรียกชื่อของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ภาพนั้นยังจำได้ติดตาว่าสภาพของหญิงสาวที่ถูกรถชนจนลอยกระเด็นนั้นคงเป็นภาพที่เขานั้นไม่มีวันลืม
“คุณพูดถึงผู้หญิงที่มากับคุณเหรอคะ” พยาบาลสาวที่มาดูน้ำเกลือให้เขาถามขึ้นเสียงแผ่ว ธมกรรีบลุกตึงตังขึ้นด้วยความตกใจที่สติสัมปชัญญะของเขานั้นกลับมาครบถ้วน
“แฟนผม แฟนผมเป็นยังไงบ้าง” พยาบาลสาวส่ายหน้าไปมา
“แฟนของคุณยังอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ คงต้องรออีกสักระยะ”
“ถ้าอย่างงั้นช่วยถอดสายน้ำเกลือให้ผมได้ไหมครับ ผมจะไปหาแฟน” เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาก็เริ่มไหลเอ่อออกมาอีกครั้ง
“แต่ว่าร่างกายของคุณ”
“ผมไม่เป็นไรครับ ผมไม่เจ็บแต่กานต์” เขากลืนก้อนสะอื้นที่มันดันอยู่ที่ลำคอให้ลึกลงที่สุดด้วยความเจ็บปวดและทรมานทั้ง ๆ ที่ในใจของเขานั้นมีคำตอบอยู่แล้วว่าหญิงสาวจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้หรือเปล่า แต่เขาก็อยากจะรอปาฏิหาริย์ที่จะทำให้คนรักของเขานั้นฟื้นกลับมาหาเขาอีกครั้ง
เมื่อพยาบาลถอดสายน้ำเกลือให้เขาแล้ว เขาก็มานั่งรอสิกานต์อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินผ่านไปเป็นเวลาสองชั่วโมง หมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาหมอทันที
“หมอเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงชายหนุ่มสั่นเครือพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มจนหมอและพยาบาลที่เดินออกมาด้วยกันนั้นนิ่งเงียบไปสักพัก
“คือร่างกายของเธอบอบช้ำมากนะครับ”
“ขอร้องล่ะครับ” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหมอที่ทำการผ่าตัดให้เธอ ด้วยอยากจะร้องขอไม่ว่ายังไงให้หมอนั้นช่วยแฟนของเขาให้กลับมาเหมือนเดิม เขาสะอื้นไห้จนตัวโยน
“คุณครับ ผมไม่รู้ว่าเธอจะผ่านคืนนี้ไปได้หรือเปล่า” คำพูดของหมอทำให้มือหนาที่เกาะชุดของหมออยู่นั้นร่วงเผาะลงกับพื้น เขาแทบจะไม่มีแรงที่พยุงยกมือขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อคำตอบที่มันอยู่ในใจถูกฉายซ้ำวนด้วยคำตอบของหมอเจ้าของไข้
“คุณคะ ไหวไหมคะ” นั่นเป็นคำถามสุดท้ายที่ธมกรได้ยินและแล้วทุกอย่างก็เหมือนจะดับวูบลงไปอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเขาสลบไปนานเท่าไหร่เมื่อตื่นฟื้นขึ้นมาเขาก็รีบติดตัวลุกจากเตียงคนไข้แล้วเดินตรงไปยังห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
“คุณคะ คุณควรกลับบ้านไปพักก่อนนะคะ”
“ไม่ครับ ผมจะเฝ้าเธอ”
“ถึงคุณเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ คุณควรกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วก็ไปพักผ่อน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งนะคะ”
ยิ่งนึกถึงภาพที่สิกานต์นั้นโดนรถชนต่อหน้าต่อตาเขายิ่งทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ ทำไมนะ ทำไมเธอไม่รอเขาอยู่ฝั่งนั้น ทำไมเธอจึงอยากจะวิ่งข้ามถนนมาหาเขา ทำไม ทำไมฟ้าถึงทำให้เขาเจ็บปวดปางตายอย่างนี้ทำไมนะ ทำไม เขาพย่าามหาคำตอบอยู่ภายในใจครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าทำไมชีวิตเขาต้องพลัดพรากจากคนที่เขารักและจะต้องถูกบังคับให้อยู่กับคนที่เขาไม่แม้จะเจอหน้าค่าตากัน แล้วเขาจะรักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงในเมื่อคนที่เขารักเต็มหัวใจคือสิกานต์
ตอนที่ 11ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว “ก็ยังจัดไม่เสร็จดีหรอกค่ะแต่ว่าก็ต้องรีบมาที่นี่ก่อนค่ะ” เธอตอบแล้วชายตาไปมองผู้เป็นแม่เลี้ยงด้วยท่าทางสะใจที่เห็นใบหน้าของกนกขวัญนั้นอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่กับธมกรและไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใด ๆ กันแต่คนที่ต้องมึนงงกับเรื่องนี้คือนฤบดินทร์ลูกสาวของเขาจะย้ายไปอยู่กับธมกรตอนไหนในเมื่อเช้าเขายังเจอตีรณาอยู่ที่บ้านอยู่เลย“แล้วจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงคะ เมื่อเช้าขวัญก็ยังเห็นลูกนาอยู่ที่บ้านอยู่เลยนะคะแล้วก็ไม่เห็นจะเก็บค่าเก็บของย้ายมาอยู่คอนโดกับคุณธมกรเลย” กนกขวัญขัดขึ้นทันทีเพราะเธอไม่เชื่อว่าทั้งสองจะย้ายไปอยู่ด้วยกันได้จริง ๆ“แล้วคุณแม่เลี้ยงนี่เป็นยุงในมุ้งหรือยังไงคะถึงได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนา” เธอหันไปจ้องหน้าผู้เป็นแม่เลี้ยงยังไม่ลดละที่เอาแต่ขัดเธออยู่ตลอดเวลา 
ตอนที่ 10นัดเจอสามีความจริงแล้วธมกรเพิ่งจะวางสายจากผู้เป็นบิดา วันนี้ทั้งสองตระกูลจะต้องกินข้าวพร้อมหน้ากัน ธมกรก้มหน้าดูที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองไม่นานเขาก็กดอ่านข้อความที่ตีรณานั้นส่งมาให้“วันนี้เจอกันที่โรงแรม” ข้อความเพียงสั้น ๆ เมื่อเขาอ่านข้อความของตีรณาส่งมาให้เขาเสร็จแล้วเขาก็จัดห้องที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาก็วันนี้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเขาก็เดินทางตรงไปยังโรงแรมตามเวลาที่ทั้งสองได้นัดหมายกันไว้ประตูโรงแรมสุดหรูเปิดออกธมกรเดินก้าวเข้ามายังประตูโรงแรมศัตรูและยืนมองไปรอบ ๆ อยู่ยืนอยู่ตรงกลางโรงแรมและได้มองไปรอบ ๆ ผู้คนมากมายแต่งตัวดีเพราะโรงแรมใจกลางเมืองราคาแพงหูฉี่สำหรับลูกค้ากระเป๋าหนักเท่านั้น“เธอจะมาถึงหรือยังนะ” คำถามที่ชวนหงุดหงิดใจไม่รู้ว่าภรรยาที่จดทะเบียนด้วยจะมาถึงหรือยังและแล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าพริ้มเพรา เขาจึงพิมพ์ข้อความถามเธอเข้าไปให้เธอ“คุณใส่เสื้อสีอะไร” ไลลาหันไปมองเจ้านายสาวที่นั่งอยู่ เธอก
ตอนที่ 9การนัดเจอกันของสองตระกูล“อะไรนะครับ”“ก็งแต่งงานไง ในเมื่อหลานจดทะเบียนสมรสตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว หลานก็ควรแต่งงานให้เรียบร้อยใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นดองกับตระกูลนั้นมาตั้งนานแล้วนะ” ธมกรอึกอักไปทันที เมื่อพูดถึงงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงที่เขาจดทะเบียนสมรสด้วย“พอพูดถึงการแต่งงานกับหนูนา ทำไมต้องชะงักฮะเจ้ากร” เขาไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับผู้เป็นย่าและผู้เป็นพ่ออีกแล้ว มันคงจะหมดแล้วสินะกับอิสรภาพที่เขาเคยมีหลังจากที่ตีรณากลับจากสนามบินเธอก็ต้องไปที่บริษัททันทีพร้อม Video Call คุยเรื่องปัญหาของสินค้าที่ส่งไม่ตรงเวลากับวิโรจน์ทันทีกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน“ไลลา” เธอหันไปหาเลขาสาวที่ฟุบหลับอยู่ตรงโซฟา“คะ ว่ายังไงคะคุณนา”“แทนที่เธอจะช่วยจดรายละเอียดกลับมานอนเฝ้าฉันเนี
ตอนที่ 21 วาสนานี้ตา “ขอบคุณมากนะคะที่คุณกรมาส่งตา” ธมกรพยุงร่างกลมกลึงตรงไปยังลิฟต์ของคอนโดที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทนัก หญิงสาวรีบซบเข้าที่อกของแกร่งและกอดเอวเขาไว้แน่นจนธมกรรู้สึกตกใจ “ถึงห้องของสิตาแล้วค่ะ” เธอเปิดเข้าไปในห้องและหันหน้ามาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณกรเข้ามาดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมจะรีบกลับบ้าน” “เข้ามาสักหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่มาส่งตา ถ้าไม่ได้คุณกรตาคงจะแย่กว่านี้” เธอถือวิสาสะดึงแขนของธมกรให้เข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตูทันที ธมกรเดินเข้ามาในห้องเขาเห็นรูปถ่ายของสิตาที่ถ่ายกับสิกานต์วางอยู่บนตู้หนังสือ ชายหนุ่มเดินไปยืนมองทำให้ดวงตาเขาสั่นไหวขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานที่เขาคอยจ้องมองในเวลาที่เธอหลับทำให้เขาคิดถึงเธอขึ้นมาไม่น้อย “พี่กานต์ค่ะ เป็นพี่สาวของตาแต่ตอนนี้พี่กานต์เสียชีวิตแล้วค่ะ” ธมกรพย่าามสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันมาพยักหน้าให้เธอ “เราสองคนพี่น้องรักกันมากเลยนะคะและสนิทกันเป็นที่สุด พี่กานต์ไม่น่าเสียไปเร็วเลย” น้ำเสียงของเธอดูสั่นเครือและเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองลงจนหญิงสาวยิ้มเจ้า
ตอนที่ 8ไปรับสามีที่ไม่เคยเห็นหน้า“ก๊อก ๆ ๆ!” เสียงเคาะประตูขัดการประชุมดังขึ้น ตีรณาหันไปมองประตูห้องประชุมที่กำลังเปิดกว้างออกและแล้วก็มีร่างเล็กของไลลาเดินเข้ามายักคิ้วหลิ่วตาเชิงบอกเป็นนัยว่ามีเรื่องสำคัญ ตีรณาหันมองไลลาแล้วขมวดคิ้วมุ่น“คุณนาคือพอดีว่าท่านประธานใหญ่โทรมาหลายสายแล้วนะคะบอกว่าสามีของคุณนากำลังจะกลับมาในวันนี้ค่ะ แล้วก็กำลังจะถึงสนามบินแล้วค่ะ ท่านประธานใหญ่บอกว่าให้คุณนาไปรับคุณธมกรด้วยค่ะ” ไลลากระซิบบอกผู้เป็นเจ้านายสาวทันที ถ้าหากว่าไปช้าคงจะเกิดปัญหาอีกเป็นแน่“เอ่อ! พอดีว่านามีเรื่องด่วนนะคะ ถ้าอย่างนั้นนาขอหยุดการประชุมไว้เพียงเท่านี้ก่อนได้ไหมคะแล้วค่อยมาต่อกันในพรุ่งนี้” เธอรีบบอกยุติการประชุมทันทีเพื่อที่จะไปให้ถึงสนามบินให้เร็วที่สุด“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกวันนี้ล่ะ” น้ำเสียงของเธอเจอแกมดุของตีรณานั้นบ่งบอกว่าเธอร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วไลลาไม่ค่อยจะพลาดเรื่องสำคัญ“ขอโทษทีนะคะคุณนา คือว่า เอ่อ ไลลาลืมค่ะ ไลลาก็ไม่รู
ตอนที่ 7 อดีตที่ขมขื่น“กานต์ทำไมคุณถึงทิ้งผมไปได้ ผมไม่เข้าใจ” ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทิ้งเขาไว้คนเดียวแบบนี้“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่เข้มแข็งพอ ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมกล้าที่จะบอกกับพ่อว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ผมมันเลว” ชายหนุ่มเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถดูแลปกป้องและไม่กล้ายืดอกรับกับผู้เป็นพ่อของตัวเองว่าเขานั้นได้มีคนที่รักอยู่แล้ว มือหนาที่สั่นเทาจับแผ่นกระดาษมาคลี่เปิดดูยิ่งทำให้หัวใจของเขาบีบรัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกระดาษแผ่นนั้นคือใบอัลตราซาวด์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงที่เปื้อนเลือดของสิกานต์ติดมาด้วย ตอนที่เขาไปส่งเธอถึงนะห้องฉุกเฉินแต่หมอออกมาบอกเขาว่าตอนนี้อาการของเธอแย่มากทำให้เธอตกเลือดและเสียเด็กในท้องไปแล้ว“ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณกำลังท้องหรือที่คุณไม่ยอมรอผมอีกฝั่งของถนนเพราะคุณอยากจะบอกผมว่าคุณกำลังท้อง ทำไมกานต์ ทำไม” เขาร้องไห้อย