หน้าหลัก / แฟนตาซี / พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน / ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

แชร์

ตอนที่ 37 ความฝันของนกในกรง

ผู้เขียน: Abyssgloom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-04 09:52:08

เมื่อเรือเดินทางมาถึงชายฝั่ง เธอถูกส่งตัวไปยังสถานที่ที่เรียกว่า "ตลาดทาส" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสถานกักกันที่มืดมิดและสกปรก เด็กๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุและรูปลักษณ์ เด็กสาวถูกประเมินเหมือนสิ่งของ มีการตรวจสอบรูปร่าง ผิวพรรณ และความบริสุทธิ์

เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเด็กสาวอายุ 8-12 ปีที่ยัง "บริสุทธิ์" พวกมันบอกว่าเด็กกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดทาส เพราะสามารถขายให้กับคนร่ำรวยที่ต้องการเด็กสำหรับงานรับใช้ หรือในบางกรณี…สำหรับความต้องการที่เลวร้ายกว่า

เธอต้องทำงานหนักทุกวัน ล้างจาน ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องขังของตัวเองและคนอื่นๆ อาหารที่ได้รับมีเพียงขนมปังแข็งและน้ำเปล่า เสียงคร่ำครวญแผ่วเบาจากกรงขังข้างๆ ดังขึ้นตลอดเวลา เด็กคนอื่นๆ ในคุกนี้ต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บางคนถึงกับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ร่างกายของพวกเขาผอมแห้งจนดูเหมือนเงาของตัวเอง สายตาที่เคยแวววาวนั้นมืดมิด ราวกับดวงตาเหล่านั้นตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

เธอเองก็รู้สึกถึงความกลัวที่แทรกซึมอยู่ในทุกวินาทีของการมีชีวิตที่นี่ ข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่เคยพยายามหลบหนีแต่ถูกจับได้ยังคงวนเวียนในหัว ผู้คุมโยนเขาลงไปในหลุมลึก ทุกคนต่างพูดว่าเขาไม่รอด

แต่เธอไม่อาจยอมแพ้ คำสัญญานั้นยังดังก้องในใจ

ในทุกๆวัน เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเล็กๆของค่ายค้าทาส มองดูท้องฟ้าที่มีนกบินผ่าน เธอไม่รู้ว่ามันบินไปที่ไหน แต่เธออยากจะเป็นเหมือนมัน อยากจะหนีไปจากที่นี่ เธอแอบสะสมเศษเหล็กที่หาได้จากงานที่เธอทำในค่าย คิดว่าจะใช้มันตัดกรงขัง หรือ ใช้มันสะเดาะกลอนกุญแจ เพื่อหนีออกไป

ทุกคืน เธอเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้คุม พวกมันมักจะเดินตรวจตราในช่วงหัวค่ำ แต่เมื่อถึงกลางดึก กลับมีบางคนแอบหายไป บางครั้งพวกมันใช้เวลาอยู่นานในห้องเก็บของ บางครั้งก็แอบขึ้นไปด้านบนเพื่อสูบบุหรี่ เธอใช้เวลาหลายวันเพื่อจับจังหวะเหล่านี้และจดจำมันไว้อย่างแม่นยำ

เธอเริ่มเตรียมตัวทีละเล็กทีละน้อย เก็บเศษโลหะที่หลุดจากกำแพงเหล็กและพื้นดิน เอามันซ่อนไว้ใต้เสื้อขาดๆ ซอมซ่อของเธอ เวลากลางคืนเธอจะแอบฝึกใช้มันเพื่องัดล็อกเล็กๆ ที่กรงของเธอ

จนกระทั่งคืนหนึ่ง โอกาสที่จะหลบหนีมาถึงอย่างที่เธอเฝ้ารอ

เด็กสาวยืนมองกรงเหล็กตรงหน้า หัวใจเต้นรัวจนแทบทะลุอก เสียงลมหายใจของเธอผสมกับเสียงครวญครางแผ่วเบาของเด็กคนอื่นๆที่หลับไหล เธอเหลือบมองเศษเหล็กที่ซ่อนไว้ในกำมือ มันเป็นเศษเล็กๆ ที่เธอใช้เวลาหลายวันเก็บสะสมและลับให้คมที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผู้คุมสองคนที่ประจำอยู่หน้าทางเข้าหายไปอีกครั้ง เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา เธอเดาว่าพวกมันคงออกไปแอบสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าในมุมที่พวกหัวหน้าไม่เห็น เสียงกรนของเด็กคนอื่นทำให้บรรยากาศเงียบสงัดขึ้นจนแทบได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดิน

เธอหันไปมองเด็กคนอื่นที่นอนเรียงกันอยู่ พวกเขาไม่ได้หลับลึกอย่างที่คิด เด็กบางคนลืมตาขึ้นมามอง แต่ไม่มีใครพูดอะไร บางคนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่า จะไม่ขัดขวางการกระทำของเธอ เธอรู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเธอจะหนีได้สำเร็จ และ ไม่อยากเสี่ยงจะหนีไปด้วยกันกับเธอ

“ถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้...” เธอบอกตัวเองในใจ สูดลมหายใจลึกเพื่อสะกดความกลัว ก่อนจะเริ่มงัดแม่กุญแจเก่าๆ ด้วยเศษเหล็กที่มี แม้มือจะสั่นจนแทบจับไม่มั่น แต่แรงกดดันจากเวลาบีบบังคับให้เธอต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมด

คลิก!

เสียงแม่กุญแจปลดล็อกดังขึ้น เธอสะดุ้งสุดตัวหันไปมองรอบๆอย่างระแวง ไม่มีใครหรือสิ่งใดขยับ เธอค่อยๆเปิดกรงออกให้แคบที่สุดเพื่อลดเสียง แล้วเล็ดลอดออกมา เสียงหัวใจเต้นดังลั่นในหูราวกับกลองศึก

เธอเดินย่องไปตามโถงทางเดินที่มืดสลัว กลิ่นเหม็นอับและสนิมเหล็กเสียดแทงจมูก เธอพยายามก้าวเท้าเบาที่สุด ประตูเหล็กสนิมเกรอะที่อยู่ปลายโถงดูเหมือนอุปสรรคสุดท้าย เธอรู้จากการเฝ้าสังเกตว่ามันเชื่อมไปยังบันไดเล็กๆ ที่นำขึ้นสู่โพรงด้านบน เธอไม่รู้ว่าโพรงนั้นนำไปสู่อะไร แต่มั่นใจว่ามันคือทางเดียวที่พาเธอออกจากที่นี่

เศษเหล็กคมในมือถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง ขณะมือสั่นเทางัดแม่กุญแจบนประตู เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นในระยะไกล หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก ผู้คุมกลับมาเร็วกว่าที่คาด

“ได้โปรด...อีกนิดเดียว...” เธอพึมพำ กดแรงทั้งหมดลงไปที่เศษเหล็กจนในที่สุดแม่กุญแจก็หลุดออก เสียง “คลิก” ดังสะท้อน เธอสะดุ้งอีกครั้ง แต่ไม่มีเวลาช้า เธอผลักประตูและพุ่งตัวขึ้นปีนบันไดทันที

สายลมเย็นยะเยือกจากช่องเปิดด้านบนพัดผ่านปะทะใบหน้า ขณะที่เธอปีนบันไดขึ้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เห็นผ่านโพรงเล็กๆเบื้องบนทำให้รู้สึกถึงอิสรภาพ แต่การจะไปถึงยังคงไม่ง่ายดาย

เสียงตะโกนดังลั่นจากด้านล่าง “หยุดเดี๋ยวนี้!” เธอเหลียวกลับไปมอง เห็นผู้คุมหลายคนกำลังวิ่งไล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอปีนบันไดสูงขึ้น แม้มือจะเต็มไปด้วยแผลจากความคมของเหล็กสนิม

เมื่อเธอปีนถึงด้านบนสุดของบันได เธอกระโจนเข้าไปในทางเดินวนที่มุ่งหน้าสู่โพรงข้างบนโดยไม่รีรอ เสียงฝีเท้าของผู้คุมยังคงดังไล่หลังมา ความตื่นตระหนกทำให้เธอเร่งฝีเท้าแม้ขาจะเริ่มอ่อนล้า แต่เพียงไม่กี่ก้าว เธอก็สะดุดเข้ากับขอบหินที่แตกยื่นออกมา ล้มกระแทกพื้นอย่างแรง

ขณะนั้นเอง ตอนที่เธอกำลังลุกขึ้น เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ทำให้สัญชาตญาณสะท้านอย่างรุนแรง เธอหันสายตาไปยังเงามืดตรงมุมนึงของกำแพงที่อยู่หัวโค้งทางเดิน ดวงตาของบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นในความมืด จ้องมองเธอราวกับวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหวด้วยความเยือกเย็น

สิ่งนั้นหลบซ่อนตัวกลมกลืนไปกับเงามืด มีเพียงดวงตาสีแดงดั่งเลือดที่เปล่งประกาย เธอไม่สามารถขยับได้ ความรู้สึกเหมือนถูกล่าจากสัตว์ร้ายแผ่ซ่านเข้าสู่กระดูกสันหลัง

ดวงตาคู่นั้นเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนไปจับจ้องผู้คุมที่มุ่งหน้าเข้ามา แสงจางๆจากโพรงเบื้องบนเผยให้เห็นเงาร่างพร่ามัวของสิ่งนั้น แต่ก็ไม่อาจจะเผยร่างที่ซ่อนอยู่ ราวกับมันจงใจไม่ให้ใครมองเห็นตัวตนที่แท้จริง

เสียงฝีเท้าของผู้คุมหยุดลงทันที พวกมันยืนนิ่งเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ สายตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับถูกแช่แข็งด้วยสายตาสีแดงคู่นั้น

หัวใจของเธอเต้นระรัว สัญชาตญาณร้องเตือนให้วิ่งหนี แต่ร่างกายกลับตรึงอยู่กับที่ราวกับถูกพันธนาการ เธอไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่ามันไม่ใช่สิ่งธรรมดา — ราวกับโชคชะตาของเธอกำลังจะถูกพลิกผันอย่างไม่อาจย้อนคืน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 45 รากไม้ที่ชอนไช

    แสงแดดยามบ่ายแผดเผาลงบนพื้นกรวด ผ่านหลังคากระเบื้องเก่าจนเกิดเงาแสงวูบวาบ รถม้าที่ประดับตราสัญลักษณ์ของตระกูลแล่นช้าๆ ไปตามถนน ผู้คนริมทางยังคงเดินกันขวักไขว่เช่นทุกวัน เพียงแต่คราวนี้ สายหลายคู่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรถม้าคันนั้นด้วยความสงสัยและกระซิบกระซาบกันเบาๆม่านผ้าถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่หลบซ่อนอยู่ เอเลน่านั่งนิ่งอยู่ตรงเบาะเบื้องหลัง มือวางบนตักขณะกุมกล่องในมืออย่างเรียบร้อย ดวงตาเหม่อมองภาพผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอกโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดตั้งแต่ลงจากสถานี เธอก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของผู้คนรอบตัว สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และ ความไม่ไว้ใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเดินมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุเพลิงไหม้ที่โรงพยาบาล ข่าวลือแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเธอเองในตอนนี้ก็ยังไม่อาจออกมาชี้แจงอะไรได้ เพราะหลักฐานยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การรอให้การสืบสวนเสร็จเรียบร้อยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้ เธอเป็นคนพาชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาลเอง โดยที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาอันตรายหรือไม่ จนกระทั่ง

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 44 ผู้เฝ้ามองจากเบื้องล่างบัลลังก์

    “ถ้าอย่างนั้น ก็ตามที่ตกลงกันไว้” เอลดริกกล่าวเสียงหนักแน่น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกสี ดวงตาที่ซึ่งเคยแฝงด้วยความสงสัยก่อนหน้านี้สงบลงเล็กน้อย ราวกับความเคลือบแคลงก่อนหน้านี้ได้ถูกคลี่คลายสลายไปจนหมด“ข้าจะกลับไปจัดการเรื่องให้มันเรียบร้อบ พวกเราจะได้รับรองว่าท่านเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องจริงๆ”เอรอสในรูปลักษณ์อาร์วิน เมื่อได้ฟังก็เอนหลังลงเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้เนื้อดี เสียงลมหายใจที่หลุดออกมาราวกับปลดภาระในใจบางอย่าง แต่แม้เขาจะพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าในแววตากลับยังไม่ลดความระวังลง“ในเมื่อเรื่องสำคัญตกลงกันได้แล้ว…ก็มาเข้าสู่เรื่องต่อไป”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการขึ้นเล็กน้อย“ข้าได้ส่งคนไปนำเครื่องตรวจสอบพลังเวทย์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง… หากผลออกมาเป็นไปตามที่ว่าจริงๆ ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้”เอรอสเลิกคิ้วเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นนิดหนึ่งคล้ายจะเย้ยขัน “จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ?”“จำเป็น?” เอลดริกกล่าวเสียงเรียบ ดวงตาที่เคยมองด้วยความเกรงใจเปลี่ยนเป็นแน่วแน่“เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และ เพื่อความชัดเจนว่าท่านคือผู้เสียหายจริงๆ เร

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 43 เมื่อเงาในอดีตทับซ้อนกับปัจจุบัน

    โจชัวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้านิ่งเงียบ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังแผ่วเบาในห้องรับรองอันเงียบสงัด แสงแดดยามเช้าผ่านม่านผ้าเนื้อบางที่ปลิวไหว เฉดสีทองอบอุ่นสะท้อนผ่านแว่นตาทรงเรียบที่เขาสวมอยู่ ท่ามกลางแสงนั้น ใบหน้าของเขายิ่งดูเย็นชาและยากจะคาดเดาพื้นไม้โอ๊คขัดมันสะท้อนเงาของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในมุมห้อง โซฟาหนังสีน้ำตาลเข้มรับร่างของเธอไว้ราวกับรู้ตำแหน่งอย่างเหมาะสมที่สุดคาร์ลินนั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้บุหนัง ผมยาวเป็นลอนคลื่นสีม่วงเข้มถูกรวบไว้อย่างหลวมๆ ด้านหลัง ดวงตาสีชมพูจางทอประกายราวอัญมณีต้องแสง ภายใต้แสงสลัวในห้อง มันดูราวกับกำลังเรืองแสงอยู่เบาๆเธอสวมชุดคลุมจอมเวทย์สีดำแต่งขอบม่วงเข้ม ลายอักขระเวทแผ่เรืองแสงบางๆ ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้าคลุมไหล่ยาวที่ปักตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างประณีต ท่าทางของเธอสงบเฉย...แต่ไม่อาจมีใครละสายตาได้แม้จะไม่เอ่ยสักคำ แต่พลังของเธอก็แผ่ซ่านอย่างชัดเจน หนาวเย็น ลึกลับ และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันมือเรียวของเธอถือถ้วยชาพอร์ซเลนเนื้อดี ลวดลายสีม่วงอมเทาทอแสงเบาบางจากเวทเสริมพลังที่สลักอยู่ที่ก้นถ้วย...ชาร้อนนั้นแทบ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 42 เงามืดนำทาง

    แสงอรุณยามเช้าส่องผ่านม่านเมฆจางๆ ทอแสงลงมาบนถนนหินเปียกชื้นจากน้ำค้าง รถม้าค่อยๆโยกไปตามเส้นทางที่เงียบสงบ ทำให้บรรยากาศภายในยิ่งหนักอึ้งขึ้นไปอีกโจชัวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งของรถม้า ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่สายตากลับไม่ได้จับจ้องสิ่งใดโดยเฉพาะ เขาเพียงมองออกไปเพื่อไล่ความไม่สบายใจที่เก็บไว้เท่านั้นเมื่อคืนมันแย่พอสมควรสำหรับเขา แม้ตอนนี้จะเก็บอารมณ์ไว้ แต่ใครที่รู้จักเขาดีพอ ย่อมรู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคืนเขาถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่ใช่เพราะมันยากหรือเสี่ยงอันตราย แต่เพราะมันทำให้เขานึกถึงอดีต—อดีตที่เขาต้องทนมองดูภรรยาถูกกระทำการทดลองต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ นอกจากจดจำภาพนั้นฝังลึกเข้าไปในใจ เพื่อเฝ้ารอวันที่จะได้แก้แค้นมาถึงและคนที่ขอให้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ ก็รู้ดีว่าเขาผ่านเหตุการณ์อะไรมา ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังบังคับให้เขาทำ โดยอ้างเรื่องบุญคุณ แม้ว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ และ นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อตอบแทนหนี้บุญคุณแล้ว ก็มีแต่ต้องทำแต่สิ่งที่ได้รับหลังจากนั้น…ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดแรกที่ได้รับหลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 41 ความจริงที่ถูกบิดเบือน

    "ท่านอาร์วิน จอมเวทย์จากหอคอยเวทมนตร์ต้องการเข้าพบขอรับ"เอรอสในรูปลักษณ์ของอาร์วินลืมตาขึ้นจากความคิด เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดบอกให้รู้ว่าอีกสักพักใหญ่เอเลน่าถึงจะเดินทางกลับมาที่เมือง ซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้แน่นอนว่าหัวข้อเจรจาคงเป็น เรื่องที่อาร์วินถูกจับทรมาณอยู่ในคุกลับใต้ดินตลอดเวลาที่ผ่านมาโดยที่พวกมันไม่รู้ตัว และ มันก็ยากจะปกปิดเพราะเอเลน่าดันอุ้มเขาออกมากลางถนน...ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะมาก ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าพวกเราออกมาจากพื้นที่ของหอคอย และ มันกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำไมชายที่หายตัวไปถึงออกมาจากที่นั้น? หรือว่าหอคอยจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคู่หมั้นของตระกูลวัลธอเรนจริงๆ?และที่สำคัญยิ่งกว่า...คนที่จับตัวมาจริงๆมันหายไปไหน เขารู้อะไรรึเปล่า? แล้วในการทอดสอบ เขาได้รับอะไรกลับมา นั้นคือสิ่งที่พวกมันอยากรู้จริงๆเขาหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดต่อว่า… แต่ก็พอดี เขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงต้องเผาโรงพยาบาล ในหนังสือพิมพ์ก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้ชี้แจงอะไร ถ้าอยากรู้ก็คงต

  • พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน   ตอนที่ 40 ในที่สุด ฉันก็เจอคุณ

    ภายในห้องพักที่เงียบสงัด แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่าง ความทรงจำพร่าเลือนราวกับเป็นเพียงเงาของอดีตค่อยๆไหลซึมหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นเธอจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองได้ไปสถานที่แห่งหนึ่งกับชายคนนึง จำได้ว่าได้รับขนมรสขมและชาสมุนไพรจากหมอคนนั้น และ หลังจากนั้น……ว่างเปล่าคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในอก‘…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา สาวใช้ในชุดเครื่องแบบสีเรียบก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สงบนิ่ง ราวกับไม่รู้ว่าคนในห้องได้สติอยู่ เธอถือพานน้ำชาที่ควันลอยขึ้นเป็นสายบางๆ วางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างนุ่มนวลเมื่อสาวใช้หันกลับมา สายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง สีหน้าที่เรียบนิ่งของสาวใช้ก็เปลี่ยนไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหน้านอบน้อม“คุณ...คุณฟื้นแล้วหรือคะ?” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แฝงด้วยความโล่งใจ“ข้า...ข้าขอโทษที่เข้ามารบกวน ข้าจะรีบไปแจ้งท่านอาร์วินให้ทราบในทันที”ชื่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status