Se connecterบทที่ 5
บังเอิญ
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานพลันหายไปหลังจากเธอเดินออกมาจากห้องประชุม สายขิมเดินตรงเข้าลิฟต์แล้วขึ้นไปรอโทมัสที่ห้องทำงาน
ภายในห้องทำงานกว้างขวางที่เงียบสงัด สายขิมทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังสีเข้ม เธอนั่งไขว่ห้าง มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถหน้าจอไปเรื่อยๆ แต่แท้จริงแล้วใจกลับล่องลอย รอยยิ้มหวานที่เคยใช้ปิดบังอารมณ์เมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือเพียงใบหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาที่หม่นลึก
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา โทมัสก้าวเข้ามาด้วยท่าทีสงบนิ่งเช่นเคย สูทสีเข้มถูกปลดออกและวางไว้บนพนักเก้าอี้ ก่อนที่เขาจะก้าวไปนั่งหลังโต๊ะทำงานอย่างไม่แม้แต่จะเหลือบตามองคนที่นั่งรออยู่
“นานไปหน่อยนะ” เสียงหวานของสายขิมดังขึ้น เธอเอนตัวพิงพนัก โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างกายโดยไม่สนใจนัก
โทมัสพลิกแฟ้มเอกสารตรงหน้าโดยไม่เงยหน้าขึ้น
“ไม่จำเป็นต้องรอ”
คำพูดสั้นๆ เย็นชา บาดลึกยิ่งกว่าการเงียบงันใดๆ แต่สายขิมกลับเพียงหัวเราะหยันในลำคอ
“ก็แค่อยากดูว่าคุณจะกลับมาตอนไหน”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาตอบห้วน จบทุกบทสนทนาอย่างง่ายดาย “แค่พูดว่ารอฟังบทสรุปประชุม มันยากมากสินะ”
บรรยากาศเงียบกดดันค้างคาอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนที่เสียงเคาะประตูเบาๆ จะดังขึ้น พนักงานคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกล่องห่อกระดาษสีเรียบหรูในมือ
“ของจากคุณผู้หญิงครับ ฝากมาให้คุณโทมัส”
สายขิมเหลือบตามองตามกล่องนั้นอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่เมื่อพนักงานเปิดให้เห็นของด้านใน ทุกอย่างก็พลันหยุดนิ่ง กรอบรูปขนาดกำลังดีสำหรับตั้งบนโต๊ะทำงาน ข้างในคือภาพถ่ายวันแต่งงานของเธอกับเขา รอยยิ้มที่ถูกบังคับให้เปล่งประกายท่ามกลางแฟลชกล้องมากมาย ถูกจับใส่กรอบอย่างสมบูรณ์แบบ
สายขิมหัวเราะเบาๆ ทว่ามีแววเหน็บแนมในดวงตา
“แม่คุณช่างใส่ใจจริงๆ …ให้คุณไม่ลืมเลยว่าคุณแต่งงานแล้ว”
โทมัสมองกรอบรูปนั้นเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเบือนสายตากลับไปที่เอกสารในมืออีกครั้ง เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ
“เก็บไว้ดูเองสิ …โต๊ะฉันไม่ว่างพอจะเอาของไร้สาระมาวาง”
คำตอบที่ไร้ซึ่งอารมณ์ทำให้ห้องทำงานกลับเข้าสู่ความเย็นชาอีกครั้ง เหมือนภาพถ่ายที่ควรเต็มไปด้วยความรัก กลับกลายเป็นเพียงสิ่งประดับที่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันว่างเปล่าของทั้งคู่
สายขิมนิ่งงันไปชั่ววินาที ก่อนริมฝีปากจะยกยิ้มบางคล้ายไม่สะทกสะท้าน แต่ในแววตากลับแฝงร่องรอยเย้ยหยันชัดเจน เธอเอื้อมมือไปรับกรอบรูปจากพนักงาน แล้วพลิกมองภาพถ่ายที่ตนเองกำลังยิ้มหวานเคียงข้างโทมัส รอยยิ้มที่ตอนนั้นก็เป็นเพียงหน้ากากเช่นเดียวกันกับวันนี้
“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันจะเก็บไว้เอง” น้ำเสียงอ่อนหวาน แต่เต็มไปด้วยการเสียดสี เธอเดินไปวางกรอบรูปบนชั้นหนังสือด้านข้าง แทนที่จะวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขาเหมือนที่แม่ตั้งใจ
โทมัสไม่ได้หันมามองเลยแม้แต่น้อย มือยังคงพลิกแฟ้มเอกสารอย่างใจเย็น คล้ายคำพูดและการกระทำของเธอเป็นเพียงเสียงรบกวนเล็กน้อยในบรรยากาศเงียบงันของห้องทำงาน
“คุณนี่เย็นชาจนคนรอบตัวคงคิดว่าเลือดคุณแข็งตัวเป็นน้ำแข็งไปแล้วมั้ง” สายขิมเอ่ยยิ้มๆ ขณะก้าวกลับมานั่งที่โซฟา
ชายหนุ่มละสายตาจากกระดาษตรงหน้าในที่สุด ดวงตาคมกริบปรายมองเธอด้วยแววเย็นเยียบ
“ถ้าเธอรู้สึกหนาวนัก ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้”
คำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่นพอจะตัดอากาศให้ขาดสะบั้น สายขิมหัวเราะหยันเบาๆ ก่อนเอนตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างไม่สนใจอีก เธอรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามดึงความรู้สึกใดๆ จากผู้ชายคนนี้ คนที่ไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวความอ่อนโยนให้เธอ
บรรยากาศในห้องทำงานกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงกระดาษที่ถูกพลิก และเสียงลมหายใจที่ต่างฝ่ายต่างพยายามรักษาไว้ให้สม่ำเสมอ ทั้งที่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่แทบระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“นี่เอกสารผู้ถือหุ้น ตรวจสอบแล้วจัดการให้เสร็จเรียบร้อยด้วยนะ” โทมัสเพียงปรายตามองเอกสารที่เธอวางลงบนโต๊ะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันจะย้ายของเข้าห้องพรุ่งนี้”
“…”
“และอย่าคิดมาก เพราะฉันไม่ข้ามเส้นคุณแน่นอน เราอยู่ด้วยกันแค่ในนาม ต่างคนต่างใช้ชีวิต”
เสียงปิดแฟ้มดังขึ้น โทมัสเงยหน้าสบตากับหญิงสาวนิ่ง ก่อนจะเอนหลังแล้วยกมือกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ
“รู้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องพูดอะไรซ้ำไปมา เปลืองน้ำลาย”
สายขิมมองหน้าชายหนุ่มพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก เธอเอื้อมหยิบกระเป๋าถือใบโปรดแล้วหันหลังเดินออกจากห้องทำงานโทมัสทันที
“จุ๊บอยู่ไหน”
(ฉันอยู่บนรถแก กำลังจะไปเดินห้าง ทำไมเหรอ)
“โอเค เจอกันที่ห้างแล้วกัน”
(แกอยู่ไหนเนี่ย)
“บริษัท”
(หืม? บริษัทพี่โทมัสน่ะนะ)
“ใช่ แต่รู้สึกว่าฉันคิดผิดไปมากนะ ที่มา”
(เอาไว้ค่อยเล่า แล้วเจอกันนะ)
“อืม”
บ่ายนั้น ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมืองคึกคักด้วยผู้คนที่เดินเลือกซื้อของกันไม่ขาดสาย แสงไฟสว่างสะท้อนกับพื้นหินอ่อนเงาวับ เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ ให้บรรยากาศผ่อนคลาย
สายขิมเดินเคียงข้างจุ๊บแจง ทั้งสองต่างถือถุงชอปปิงในมือ พลางหยุดดูรองเท้าและกระเป๋าตามร้านแบรนด์เนมที่เรียงราย
“แกจะเอาคู่นี้จริงดิ ราคาแรงอยู่นะ” จุ๊บแจงหันมาทำหน้าลังเลเมื่อเห็นสายขิมลองส้นสูงคู่ใหม่
“แรงแค่ไหนก็ไม่ทำให้ล้มละลายหรอกน่า” สายขิมยิ้มบางๆ แต่ในแววตากลับยังมีร่องรอยเหนื่อยหน่ายติดค้างอยู่จากการเผชิญหน้ากับโทมัสเมื่อเช้า
ระหว่างที่กำลังเดินออกจากร้าน กระจกใสร้านฝั่งตรงข้ามสะท้อนภาพผู้ชายสามคนที่กำลังก้าวเข้ามา เสียงทักทายก็ดังขึ้นทันที
“เอ้า…นี่น้องสายขิมใช่ไหม?”
สายขิมกับจุ๊บแจงหันไปตามเสียง ก็พบกับกลุ่มหนุ่มในชุดลำลองดูดี คนที่เดินนำหน้าเป็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคย รุ่นพี่มหา’ลัยเดียวกันที่เคยดังพอสมควรสมัยเรียน เขาเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกับเธอ และเป็นคนที่เคยมีข่าวลือว่ามีสาวๆ ตามกรี๊ดไม่ขาดสาย
“อ้าว! พี่ภาคิน” จุ๊บแจงร้องทักแทนด้วยความตกใจและยิ้มแปลกใจ
สายขิมเองก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็ยกยิ้มหวานทักกลับ
“ค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอพี่ที่นี่เลย”
รุ่นพี่คนนั้นหัวเราะเบาๆ กวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ยติดตลก
“ก็ห้างหรูแบบนี้สิ ถึงจะเจอน้องสายขิมได้”
บรรยากาศพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายขิมยกคิ้วสูงพร้อมรอยยิ้มที่มากกว่าปกติ เหมือนคนที่เจอสิ่งเบี่ยงเบนความคิดจากความอึดอัดเดิมได้เสียที
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วพี่ๆ มาเดินซื้อของหรือมาทานข้าวกันคะ”
“มาเดินเล่น แล้วก็จะหาอะไรกินด้วย”
“อ๋อ”
“เราคงเดินชอปคนพอใจแล้วใช่ไหม” ภาคินมองถุงชอปปิงในมือทั้งสองสาวอย่างยิ้มๆ
“อ๋อ ค่ะ แต่เดี๋ยวจะแวะซื้อของเข้าบ้านด้วย”
“อ๋อๆ พี่เห็นข่าวเราอยู่นะ เราเพิ่งแต่งงานนี่”
“ค่ะ” สายขิมยิ้มตอบ “งั้นขิมขอตัวนะคะ พอดีว่ารีบไปดูของเข้าบ้าน”
“พี่ขอเบอร์เราหน่อยสิ เผื่อได้นัดมาหาอะไรกินกัน”
“จุ๊บฝากด้วย มือฉันไม่ว่าง” เธอหันบอกจุ๊บแจง
เมื่อให้เบอร์กันเสร็จ สายขิมกับจุ๊บแจงก็เดินออกมาทันที
ตอนพิเศษ 4 จบผ่านมาอีกหลายนาทีบทรักเร่าร้อนยังไม่จบเพียงเท่านั้น โทมัสอุ้มสายขิมมานั่งริมสระว่ายน้ำ เธอนั่งคร่อมตักเขา กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพลิ้วไหวภายใต้แสงแดดร่ำไรในช่วงบ่าย“อ๊า ขิม…ทำแบบนี้พี่ก็เสร็จก่อนสิ”“นานๆ ทีนะ” โทมัสกระซิบบอก ความเสียวซ่านที่ได้รับพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ภายในหญิงสาวตอดรัดเบาๆ บ่งบอกถึงความเสียวซ่านอย่างหนักเสียงครางระงมดังขึ้นเบาๆ กับจังหวะรักเร่าร้อนของทั้งสองโทมัสจูบเนินอกอวบเบาๆ พลางบีบขยำบั้นท้ายของสายขิม“พี่ชอบนะ”“ชอบ…อ๊ะ อ๊า~ ชอบแบบไหน”“ชอบแบบนี้ แบบที่เราเป็น”ร่างเล็กอมยิ้มจนตาหยี แล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากเขาเบาๆ“ขิมก็ชอบเหมือนกัน”“หึหึ”ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงสายขิมนอนหอบหายใจถี่อยู่ในอ้อมแขนของคนรัก ร่างกายทั้งสองยังเปลือยเปล่า และแสงของวันก็กำลังลับขอบฟ้า“พี่ทำนานเกินไปแล้วนะเนี่ย”“วันนี้อิ่มแล้ว เอาไว้ต่อพรุ่งนี้แล้วกัน”สายขิมตีแขนเขาเบาๆ แล้วเกยคางกับอกแกร่ง“อิ่มเรื่องนี้ แต่ท้องขิมยังว่างนะคะ หิวด้วย”“พี่สั่งอาหารมาให้แล้ว อีกเดี๋ยวพนักงานคงเอามาให้”“รู้ใจจริงๆ”“เมียใช้แรงเยอะ พี่ต้องเอาใจหน่อย”โทมัสหัวเราะเบาๆ พลางยกมือขึ้น
ตอนพิเศษ 3 NC“เดี๋ยวก่อนคุณพ่อ เราเพิ่งมาถึงนะคะ ไม่ไปเที่ยวก่อนแน่นะ”“เที่ยววันไหนก็ได้ เรามาตั้งห้าวัน”“แต่จะ…ทำตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยเหรอ”“เรามีเวลาว่างทั้งห้าวัน จะออกไปเที่ยวตอนไหนก็ได้ หรือ…จะอยู่แต่ในห้องก็ยังได้เลย” เสียงเขากระเส่ามากแล้วโทมัสก็พาสายขิมเดินไปที่เตียงนอน “เรามายั่วให้พี่อยากเองนะ”“แล้วอยากไหม”“ไม่อยากได้ไง แข็งแล้วเนี่ย จะดูไหม”“บ้า! พูดอะไรเนี่ยพี่โท”“พูดบ้าอะไร พูดตรงๆ กับเมียผิดตรงไหนล่ะ แต่พี่ว่าเราอย่าหาเรื่องคุยให้เสียเวลาเลยดีกว่า” ชายหนุ่มดันตัวคนตัวเล็กไปที่เตียงนอน ขณะที่มือข้างหนึ่งไล่ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม “ต้องให้พี่ป้องกันไหม”“ป้องกันเถอะ ตอนนี้ขิมยังไม่พร้อมเลี้ยงเบบี๋อีกค่ะ รอให้พัตเตอร์โตกว่านี้ก่อน เราค่อยวางแผนกันอีกทีนะ”“ได้ พี่ก็เตรียมพร้อมมาพอดี”“ทำไมรู้ว่าต้องเตรียม?”“หึหึ สายตาเราฟ้องขนาดนั้น พี่ก็ต้องเตรียมตัวบ้างสิ” เขาพูดขณะหันไปหยิบซองถึงยางอนามัยในกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วโยนมันลงบนเตียงโทมัสถอดเสื้อออก แล้วปลดเข็มขัดออกจากเอวสอบ“แอบไปฟิตหุ่นมาไหม ทำไมดูแข็งแรงขึ้น”“ก็ต้องมีบ้างสิ เดี๋ยวเมียจ
ตอนพิเศษ 2สองชั่วโมงต่อมาโทมัสกับสายขิมนั่งรถมาถึงพลูวิลลาจังหวัดพังงา บรรยากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำเพราะฝนเพิ่งหยุดตก“รู้ได้ยังไงว่าขิมชอบที่นี่”“พี่ทักไปถาทจุ๊บแจง เห็นว่าเราเคยมาที่นี่สมัยเรียนมหา'ลัย แล้วเราก็บ่นบ่อยๆ ว่าอยากใส่ชุดว่ายน้ำ”“อ๋า…แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะ”“เข้าที่พักเถอะ”พนักงานเดินมาเข็นกระเป๋าและเดินนำทั้งสองไปยังห้องพักที่จองเอาไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีทั้งสระว่ายน้ำที่มองวิวได้สามร้อยหกสิบองศา“สวยเหมือนเดิมเลย ค่าพักต่อคืนแพงหน่อย แต่คุ้ม”“แพงก็จ่ายไหว ว่าแต่เมียชอบ”“แหม ปากหวานเชียว”“พี่มีของจะให้ขิมด้วย” โทมัสเดินไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีดำออกมาจากยื่นให้เธอ “จะให้นานแล้วล่ะ แต่มัวยุ่งอยู่กับพัตเตอร์ ก็เลยไม่ได้ให้สักที”“อะไรคะ?”“เปิดดูสิ”สายขิมยิ้มบางๆ แล้วเปิดกล่องนั้นอย่างระวัง เธอยิ้มหวานเมื่อรู้ว่าของข้างในคือบัตรแบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิิน“ให้ทำไมเนี่ย ขิมไม่ได้ใช้บ่อยขนาดนั้น”“พี่กลัวเราเครียดเรื่องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เผื่อเราอย่กชอปปิงออนไลน์บ้าง”“เป็นสามีที่เอาใจเก่งมากๆ” เธอวางกล่องลงแล้วลุกขึ้นไปหาเขา สองแขนโอบรอบคอเขาหลวม
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาเสียงอ้อแอ้ของพัตเตอร์ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่เขากำลังเล่นกับพ่อหลังจากตื่นนอนช่วงบ่ายสายขิมถือถ้วยข้าวบดที่เตรียมจะป้อนลูกเดินมานั่งลงบนโซฟา มองโทมัสหยอกล้อลูกชายก็พลอยได้ยิ้มตามเขา“ป้อนข้าวลูกไหม หรือพี่จะให้ขิมป้อน?”“พี่ป้อนเองดีกว่า เราจะได้มีเวลาพัก”“เอางั้นก็ได้ แล้วก็เรื่องจะไปเที่ยวน่ะค่ะ ขิมคุยกับแม่แล้วนะ แม่จะมาอยู่ที่นี่ แม่อาสาจะดูพัตเตอร์เอง”“หืม? เราไม่พาลูกไปด้วยเหรอ”“ขิมอยากพาไปนะ แต่แม่บอกว่าให้เราสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง”“อืม…เดี๋ยวพี่คุยกับพี่เลี้ยงพัตเตอร์อีกทีหนึ่ง ให้เขาดูพัตเตอร์ช่วยแม่ด้วย จะได้ไม่เหนื่อยมาก”“ค่ะ”เย็นวันนั้นโทมัสอุ้มพัตเตอร์เดินเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ เด็กน้อยตัวจ้ำม่ำดีดขาไปมาเบาๆ เพียงแค่ดองลีลาวดีร่วงลงตรงหน้า“ดิ้นใหญ่เลยลูก แค่ดอกไม้ครับ” เสียงสองพ่อลูกพูดคุยกันดังเข้ามาในห้องนั่งเล่นสายขิมที่นั่งพักอยู่จนต้องละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันมองไปยังพ่อลูก“ร้อนไหมคะนั่น กลับมานั่งเล่นในห้องดีไหม”“อากาศดี ให้ถูกลมถูกแดดบ้าง เดี๋ยวป่วยบ่อย”“ไปฟังใครพูดมาเนี่ย”“ก็พ่อๆ ในกลุ่ม”“หะ? อะไรนะคะ”“อืม…ก็ตามที่เ
บทที่ 50บทส่งท้ายหลายเดือนต่อมาอากาศในเมืองอบอ้าวเล็กน้อย แสงแดดลอดผ่านม่านบางๆ เข้ามาในห้องนอน สะท้อนกับแหวนแต่งงานที่ยังอยู่บนนิ้วของสายขิม เธอนั่งพิงหมอนใบใหญ่ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าท้องกลมโตที่ขยับเบาๆ เป็นระยะโทมัสเพิ่งกลับจากเตรียมของในห้องนั่งเล่น เขามีกระเป๋าใบหนึ่งที่จัดไว้เรียบร้อย เสื้อผ้า ผ้าห่ม เอกสาร และของใช้เด็กอ่อนครบทุกอย่าง เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเธอกำลังลูบท้องเบาๆ พลางพูดกับลูกในท้อง“อีกนิดเดียวนะครับลูก…อีกนิดเดียวเราก็จะได้เจอกันแล้ว”“พูดกับลูกเหรอ” เขาถามพลางเดินเข้ามาสายขิมหันมายิ้ม“ก็ต้องพูดสิ เขาเริ่มดื้อแล้วนะ ดิ้นทั้งคืนเลย”“สงสัยจะอยากออกมาเร็วๆ เหมือนพ่อ”“อย่ามาโยนความซนให้ลูกเลย คนที่ชอบวุ่นวายคือพี่นั่นแหละ” เธอหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่หน้าท้อง“โอ๊ย…”โทมัสรีบเข้ามาพยุงทันที“ขิม เป็นอะไร เจ็บเหรอ”“เหมือนจะปวด…แต่ยังไม่ถี่นะ คงแค่เตือน” เธอตอบพลางหายใจลึกๆ “พี่อย่าเพิ่งตกใจสิ”“พี่ไม่ได้ตกใจ แค่…แค่กลัวจะไม่ทัน” เขาหัวเราะแห้งๆ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวลสายขิมจับมือเขาไว้แน่น“ใจเย็นหน่อยค่ะคุณพ่อมือให
บทที่ 49ครอบครัวสองเดือนต่อมาเวลา 21:20 น.ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นใหม่ดำเนินไปอย่างราบรื่น โทมัสเตรียมของบางอย่างไว้ให้สายขิม ขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ“ง่วงหรือยัง” เขาถามขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้“ยังเลย ขิมกำลังดูน้ำในสระอยู่… อยากลงไปเล่น แต่กลัวใส่ชุดว่ายน้ำแล้วไม่สวย”“ทำไมล่ะ”“ก็พุงออกขนาดนี้น่ะสิ ใส่ชุดว่ายน้ำมันต้องหุ่นเพรียวๆ เซ็กซีๆ หน่อยสิ”“หึ เอาไว้หลังคลอดแล้วค่อยเข้าคอร์สฟิตหุ่นก็ได้”“แน่นอนอยู่แล้ว” เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “แล้วพี่ล่ะ ไม่ง่วงเหรอ มานั่งเฝ้าขิมทุกคืนแบบนี้ ไม่เหนื่อยหรือไง”“ไม่เหนื่อย พี่อยากทำเอง”“อืม…”เขาวางแก้วนมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะข้างตัวเธอ แล้วนั่งลงเคียงกัน“พรุ่งนี้เราไปหาพ่อกับแม่พี่กันไหม ท่านถามถึงขิมทุกวันเลย”สายขิมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่ว“ขิมไม่อยากออกไปไหน กลัวเป็นข่าว…” แต่พอเห็นแววตาอ้อนปนอบอุ่นของเขา เธอก็ถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ขิมจะไป แล้วจะแวะหาพ่อกับแม่ด้วย”“ถ้าไม่อยากไป ไม่ต้องฝืนก็ได้ พี่ไม่บังคับนะ”“ไม่ได้ไปเพราะถูกบังคับหรอก แต่อยากไปจริงๆ ตั้งแต่กลับมาอยู่คอนโดก็ยังไม่ได้ไปหาท่านเลย ไปเยี่ยมท่







