Share

บทที่ 5 ผีหรือบุรุษรูปงามกัน (4/4)

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-04 22:02:18

ไม่ได้การแล้ว...นางต้องทำอันใดสักอย่าง

           เมื่อกลับถึงเรือนของตน ฟ่านซีอิ๋งก็รีบผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปขออนุญาตมารดาเพื่อออกไปข้างนอก

            “คุณหนูจะออกไปซื้อสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

            “ข้าจะไป...” หากตอบว่าไปมองหาบุรุษที่เข้าท่ามาให้พี่ใหญ่ ก็คงจะไม่ได้

            ของขวัญ! ใช่แล้วอีกไม่นานพี่ใหญ่ก็จะมีอายุครบยี่สิบสี่หนาว นางแสร้งทำเป็นออกไปหาซื้อของขวัญให้เขาคงจะได้กระมัง อย่างน้อยก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ออกจากจวนได้ราวสามสี่ครั้ง

            แต่เพียงคิดถึงของขวัญ นางก็น้ำตาแทบไหลรินเมื่อคิดถึงเงินก้อนสีทองที่จับจ่ายไปในหอชายงามครั้งนั้น การไปเที่ยวเช่นนั้นช่างใช้ตำลึงมากมายทีเดียว

            “ข้าจะออกไปซื้อของขวัญให้พี่ใหญ่”

            “คุณหนูได้เลือกของขวัญที่จะมอบให้คุณชายใหญ่แล้วหรือยังเจ้าคะ”

            “ข้ายังคิดไม่ออก จึงคิดว่าจะมาเดินดูก่อน”           

            “พู่กันอย่างไรเจ้าคะ ก่อนหน้านี้คุณหนูเคยบอกว่าอยากได้พู่กันล้ำค่า...”

            “ไม่เอา ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” นางไม่มีวันเดินเข้าร้านเหิงจื้อเป็นแน่

            “เช่นนั้นของขวัญของคุณชายใหญ่จะเป็นสิ่งใดดีเจ้าคะ”

            “เพราะข้ายังไม่รู้ จึงต้องมาเดินดูก่อนอย่างไร เผื่อจะเกิดความคิดดี ๆ” นางแสร้งทำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ซูฉีจะได้ไม่เอ่ยปากถามต่อ มิเช่นนั้นนางต้องหลุดท่าทางร้อนรนออกมาเป็นแน่

            ส่วนของขวัญของพี่ใหญ่น่ะหรือนางคิดออกตั้งนานแล้ว ในเมื่อไม่มีตำลึงมากพอที่จะไปจ้างคนตีกระบี่ นางจึงคิดจะทำพู่ห้อยกระบี่ให้แทน

            คุณหนูฟ่านเลือกลงจากรถม้าที่ย่านการค้า เพื่อไม่ให้หูตาของพี่ใหญ่ที่เร้นกายติดตามมาด้วยทราบถึงจุดประสงค์ที่นางทำ นางจึงจงใจจะทิ้งสาวใช้คนสนิทไว้ที่โรงงิ้ว

            “ซูฉีเจ้าอยากดูงิ้วหรือไม่ ข้าได้ยินว่าวันนี้เขาจะแสดงเรื่องตำนานรักสาวทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว”

            “จริงหรือเจ้าคะ คุณหนูจะไปดูใช่หรือไม่”

            “เจ้าก็ทราบว่าข้าไม่ชอบคนพลุ่งพล่าน ข้าจะไปหาที่นั่งรอเจ้า ส่วนเจ้าก็ไปดูกับพี่ชายอิน เมื่อดูจบแล้วก็มาเล่าให้ข้าฟัง”

            “จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู” เมื่อเห็นสาวใช้คนสนิทแสดงสีหน้าลังเลนางจึงรีบตัดบทแล้วเอ่ยวาจาสั่งพี่ชายอิน

            “ย่อมดี ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน พี่ชายอินเจ้าคะ ท่านช่วยแยกไปคุ้มครองซูฉีสักคนนะเจ้าคะ”

            “ขอรับคุณหนู” เสียงตอบรับดังมาตามสายลม

            “ไป ๆ เจ้าไปได้แล้ว ข้าจะได้รีบไปหาที่นั่งรอ”

            “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” เมื่อสาวใช้คนสนิทเดินเข้าโรงงิ้วไปพร้อมกับผู้คุ้มกันหนึ่งคน นางก็แสร้งมองซ้ายขวาคล้ายกับหาที่นั่ง

            “พวกท่านไม่ต้องออกมาเจ้าค่ะ เร้นกายเช่นนั้นดีแล้ว” นางเอ่ยวาจาสั่ง การเดินไปไหนมาไหนคนเดียวคล่องตัวกว่านัก

            ฟ่านซีอิ๋งหาซื้อผ้าคลุมมาใส่คลุมหน้าเสร็จก็เดินเข้าออก ร้านเกือบทุกร้านในย่านการค้า เห็นจะมีแต่ร้านเหิงจื้อเท่านั้นที่นางเดินผ่านโดยไม่คิดชายตามอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่ามีใครบางคนต้องตาตนเองเสียแล้ว

            ในระหว่างที่เดินนางกวาดสายตามองรอบตัว เพื่อมองหาร้านหรือโรงเตี๊ยมที่มีบุรุษรูปงามแต่ท่าทางลำบากรวมตัวกันอยู่

            ‘ใช่แล้วหากเป็นบัณฑิตอ่อนแอที่ไร้ตระกูลหนุนหลัง อาจจะใช้งานง่ายกว่า’ พอคิดได้เช่นนั้นนางจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมหนานเหิง โดยไม่รู้ว่าการเดินวนไปมาเพื่อมองหาบุรุษไปเปลี่ยนใจพี่ชายตนได้สลัดการติดตามของบุรุษสองคนออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ

            บุรุษคนแรกเห็นจะเป็นบุรุษรูปร่างกำยำ ใบหน้าแม้จะไม่งดงามมากนักแต่ทว่าหากสตรีใดได้มองก็ยากจะละสายตาเนื่องจากดวงตาที่ฉายแววเย็นชาอยู่เป็นนิจนั้นล้ำลึกยากจะหยั่งถึง

            “ท่านบัณฑิต สามารถเข้ามาหยิบยืมตำราที่ต้องการได้นะเจ้าคะ” เสียงของคุณหนูจิตใจมีเมตตาผู้หนึ่งดังขึ้น

            วันนี้คุณหนูผู้นี้ได้นำตำราหลายอย่างมาขอใช้พื้นที่ของร้านที่ร้างไร้คนเช่า เพื่อให้บัณฑิตที่มีฐานะยากจนได้มาอ่านโดยไม่เสียเงิน ทั้งยังสามารถหยิบยืมไปได้อีกด้วย แต่มีข้อแม้ว่าในอีกเจ็ดวันข้างหน้าจะต้องนำมาคืนที่นี่เช่นเดิม

            ด้วยเหตุนี้คุณหนูผู้งดงามจิตใจมีเมตตาผู้นี้จึงกลายเป็นดั่งเทพธิดาในสายตาบัณฑิตเหล่านี้ไปเสียแล้ว

            “...” แต่ก็มีบัณฑิตเช่นเขาที่ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือนี้ จึงเมินเฉยและเดินผ่านไป คุณหนูน่าเอ็นดูผู้นั้นต่างหากที่เขากำลังให้ความสนใจ

            “ท่านบัณฑิตเจ้าคะ อย่าได้เกรงใจ ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งอ่านที่นี่หรือหยิบยืมกลับไป”

            “...” โจวคุนต๋ายังคงเพิกเฉยและทำท่าจะเดินผ่านไป

            “ตำราของเรามีมากมาย ท่านบัณฑิตลองเข้าไปดูหน่อยเถิดเจ้าค่ะ อาจจะมีตำราที่ท่านต้องการก็ได้” คราวนี้เป็นคุณหนูผู้นั้นดึงรั้งชายอาภรณ์ของเขาไว้

            “ปล่อยมือ” เขาปรายตามองชายอาภรณ์ที่ถูกจับอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยวาจาสั่ง

            “ขออภัยเจ้าค่ะคุณชาย” สตรีผู้นั้นยอมปล่อยมือแต่เปลี่ยนเป็นมายืนด้านหน้าของเขาแทน

            “หลีกทาง!” ดวงตาของเขายังจับจ้องแม่นางน้อยน่าเอ็นดูที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ

            “คุณชายเหตุใดท่านถึงเอ่ยวาจาโหดร้ายเช่นนั้น ข้าเพียงแต่หวังดีอยากให้ท่านได้มีโอกาสอ่านตำราโดยไม่ต้องเสียเงิน”

            “คุณหนู...บัณฑิตท่านนี้ไม่สนใจความเมตตาที่ท่านหยิบยื่นให้ก็แล้วไปเถิดเจ้าค่ะ” เสียงของสาวใช้ที่ไม่เบาเลยทำให้บัณฑิตที่นั่งอยู่ในร้านแห่งนั้นหันมาให้ความสนใจ

            “เป็นเจ้าอีกแล้วหรือคุนต๋า เจ้าทำอันใด เหตุใดคุณหนูซิวถึงได้โศกเศร้าเช่นนี้” เป็นหานจงเซ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายมาทำให้เทพธิดาของตนโศกเศร้า

            “หึ! โง่เง่า” โจวคุนต๋าเค้นเสียงในลำคอพลางปรายตามองบัณฑิตหน้าอ่อนก่อนจะหันกลับไปมองหาแม่นางน้อยน่าเอ็นดู แต่นางเดินหายไปจากสายตาเสียแล้ว เขาจึงตั้งใจจะเดินตามหานางต่อกลับถูกดึงแขนไว้คล้ายกำลังจะถูกหาเรื่อง

            “ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้าเพียงหวังดีอยากให้ท่านบัณฑิตได้มีโอกาสอ่านตำราหายาก แต่ในเมื่อเขาไม่สนใจก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ท่าทางโศกเศร้าดั่งดอกสาลี่ต้องฝนคล้ายกับน้ำมันที่ราดใส่กองเพลิง

            “เห็นหรือไม่ว่าเจ้าทำนางร้องไห้” กล่าวจบหานจงเซ่อก็กำหมัดจะเข้าทำร้ายอีกฝ่ายหวังจะทำให้สตรีที่ตนหมายปองประทับใจ แต่กลับพลาดเนื่องจากอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบทำให้เขาล้มลงหน้ากระแทกกับพื้น

            “อย่ามายุ่งกับข้าเข้าใจหรือไม่” โจวคุนต๋าจ้องมองบุตรสาวราชครูผู้มีจิตเมตตาด้วยแววตาเย็นชาแฝงอันตราย

            สตรีที่มีจิตใจเมตตาอันใดกันเสแสร้งทั้งนั้น อยากให้คนที่กล่าววาจาเยินยอซิวลู่หลินมาเห็นเสียจริง ว่านางเสแสร้งเพียงใด สตรีจิตใจดีงามหรือ หึ! ก็แค่คุณหนูเอาแต่ใจผู้หนึ่งที่พยายามสร้างชื่อเสียงดีงามเพื่อปีนป่ายที่สูง เกรงว่ากับบัณฑิตเหล่านี้ก็คงหว่านบุญคุณเอาไว้หวังใช้งานในภายหน้าสินะ

            เมื่อบัณฑิตท่าทางน่ากลัวผู้นั้นเดินจากไป คุณชายใหญ่หลิวก็ปรากฏตัวก่อนจะเข้ามาถามน้องสาวด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

            “ลู่หลินเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงร้องไห้เช่นนั้น”

            “เมื่อครู่มีบัณฑิตผู้หนึ่งที่นอกจากจะไม่เห็นความหวังดีของคุณหนูแล้วยังเอ่ยวาจาร้ายกาจใส่คุณหนู คุณหนูจึงโศกเศร้าเสียใจเจ้าค่ะ”

            “ช่างเถิด เจ้าอย่าได้สนใจคนที่ไม่เห็นความดีของเจ้าเลย”    

            “ซิวซือเย่กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ” เป็นหานจงเซ่อที่ใบหน้ามีแผลถลอกกล่าวเสริม

            บทสนทนาของคนด้านหลังทำให้มุมปากของโจวคุนต๋ายกยิ้มเย้ยหยัน

            ‘เนื้อแท้ช่างต่างจากเปลือกนอก’ หากไม่อยู่ในสภาพนี้เกรงว่าจะไม่ได้เห็นความเสแสร้งที่แสนจอมปลอมเหล่านี้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (1/4)

    6น่าอับอายยิ่งนัก กลับมาที่การเปิดให้อ่านตำราโดยไม่เสียเงินชั่วคราวของคุณหนูซิว สตรีผู้ถูกเล่าลือว่างดงามมีเมตตาแสร้งปาดน้ำตาที่มีอยู่เล็กน้อยออกก่อนจะฝืนยิ้มออกมา ท่าทางเช่นนี้ของหญิงงามมักจะทำให้บุรุษรู้สึกอยากปกป้อง “ตายจริง ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ ข้านี่มันใช้ไม่ได้ที่ละเลยท่าน” “ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูซิว” หานจงเซ่อใบหูแดงเล็กน้อย “จะไม่เป็นไรได้อย่างไรเจ้าคะ ลี่มี่ไปเชิญท่านหมอมารักษาท่านบัณฑิตเถิด” “อย่าให้ถึงท่านหมอเลยขอรับ ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ” แม้จะรู้สึกอับอายต่อหน้าสตรีในดวงใจแต่เมื่อได้รับความห่วงใยจากนาง เขาก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว “เช่นนั้นให้ข้าทำแผลให้ดีหรือไม่เจ้าคะ อย่าปฏิเสธข้าเลยนะเจ้าคะ” นางก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคล้ายเว้าวอนทำให้บุรุษพยักหน้าตอบรับอย่างง่ายดาย “เช่นนั้นต้องรบกวนคุณหนูซิวแล้วขอรับ” เป็นหานจงเซ่อที่รู้สึกอิ่มเอมหัวใจยิ่งนัก “หากไม่มีเรื่องใดแล้วพี่กลับจวนก่อนนะ” ซิวเมิ่งหยวนที่เหนื่อยหน่ายกับงิ้วของน้องสาวกล่าวก่อนจะเดินแยกตัวไป

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-05
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (2/4)

    “แต่ข้ากลับคิดว่าสิ่งที่คุณหนูซิวทำไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เป็นสตรีไปอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมายเช่นนั้นมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม” “ที่เจ้ากล่าวก็ไม่ผิด” “พอได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วข้าก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนหน้าที่จะมาที่ร้านแห่งนี้ ได้ยินบุรุษสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ใช่บัณฑิตเตรียมสอบแต่เป็นคุณชายผู้หนึ่งกล่าวชักชวนกันไปอ่านตำราโดยไม่เสียเงิน หวังจะได้ใกล้ชิดและเกี้ยวพาคุณหนูซิว” “อืม ไม่เหมาะสมจริง ๆ นั่นแหละ” คำกล่าวของชาวบ้านวัยกลางคนกลุ่มนั้นทำให้ฟ่านซีอิ๋งที่ลอบฟังอยู่พยักหน้าพลางลอบเคี้ยวฟันอย่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อบุรุษที่นางตั้งใจมาหมายตา ถูกคุณหนูซิวแย่งตัวไปจนหมด ‘ดูแล้ววันนี้คงไม่ได้เรื่อง กลับจวนก่อนก็แล้วกัน” นางดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างก่อนจะทอดถอนใจแล้ววางก้อนตำลึงสีเงินลงบนโต๊ะก่อนจะออกจากโรงเตี๊ยมไป “รบกวนพวกท่านส่งคนไปแจ้งซูฉีให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ ว่าข้าเดินทางกลับจวนแล้ว” “ขอรับคุณหนู” เมื่อผู้คุ้มกันแซ่อินรับคำ นางก็เดินกลับไปยังจุดที่สั่งให้คนขับรถม้าจอดรอเพื่อกลับจวนฟ่าน ‘เอาไว้

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-05
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (3/4)

    “ซืออี้ เจ้าแย่งหน้าที่ข้า” หน้าที่ช่วยคีบอาหารให้น้องสาวที่แขนสั้นกว่า เป็นของพี่ชายเช่นเขามาตั้งแต่เด็ก “เจ้าอย่าได้ถือสา” เขากล่าวก่อนจะคีบหมูใส่จานให้นางอีก “แต่ข้าถือสา ข้าหวงน้อง” “ไห่ถิงเจ้าควรทำใจให้คุ้นชินเอาไว้ อีกหน่อยถึงคราวนางออกเรือนเจ้าจะได้ทำใจได้” “คงอีกนานหลายปี กว่านางจะได้ออกเรือน แต่หากไม่ออกเรือนไปก็ไม่เป็นไร ข้ามีสำนักคุ้มภัยใหญ่โต เหตุใดจะเลี้ยงน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้” “หลายปีอันใดกัน น้องสาวเจ้าหน้าตาหรือก็งดงามคล้ายคลึงข้า เหตุใดถึงจะได้ออกเรือนช้า” เป็นฟ่านฮูหยินกล่าว พลางส่งสายตาดุให้บุตรชาย “เอ่อ...นางไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ใด แล้วจะต้องตาบุรุษได้อย่างไรขอรับ” ฟ่านไห่ถิงบอกเสียงอ่อน “เรื่องนั้นอย่าได้ห่วง มารดาของเจ้าตอบรับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของเจิ้งโหวให้น้องเจ้าเรียบร้อยแล้ว เห็นว่านอกจากจะมีคุณหนูคุณชายเข้าร่วมแล้ว เจิ้งโหวที่เดิมทีเป็นคนชอบวาดภาพ ต่อโคลงกลอนอยู่แล้วจึงเชิญเหล่าบัณฑิตเข้าร่วมมากมาย” “แต่ซีซี นางไม่ชอบไปที่คนมากเช่นนั้นนะขอรับท่านแม่”

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (4/4)

    “กิ่งไม้เกี่ยวอันใด เหตุใดถึงเลือดไหลมากเช่นนี้” “คงเป็นเพราะพี่เลือดลมดีกระมัง” เขายิ้มพลางนึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นเพราะเจ้าจือหม่านั่นแหละที่เอาเลือดไก่ราดอาภรณ์เพิ่ม บอกว่าจะสามารถเรียกความเห็นใจจากสตรีได้มาก แคว้ก...สิ้นวาจาของเขา นางก็รีบฉีกชายอาภรณ์ชุดนอนตัวในแล้วมาช่วยพันแผลห้ามเลือดให้เขาก่อน เมื่อเห็นว่าแท้จริงนางสวมใส่เพียงชุดนอนตัวใน เขาก็หันไปส่งสายตาดุ แผ่รังสีอำมหิตใส่ความมืดที่ว่างเปล่าด้านหลัง ชิ้ง! ‘รีบไสหัวออกไปให้ห่างเรือนของนางเดี๋ยวนี้’ แต่พอหันกลับมามองสตรีที่กำลังใช้ผ้าซับเลือดให้ นัยน์ตาคมดุนั่นก็อ่อนโยนลง “เข้าไปในเรือนของข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ” “อืม” เขาตอบรับพลางแสร้งทำเหมือนไร้เรี่ยวแรงหวังให้นางช่วยประคอง “มาเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยประคอง” เมื่อเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้าประคองมุมปากหยักยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ขอบคุณ” เขาเอ่ยหลังจากนั่งลงบนตั่งที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงในห้องนาง “ท่านช่วยถอดอาภรณ์ให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะได้ตรวจดูว่ามีแผลตรงที่ใดอีกหรือไม่”

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (1/4)

    7ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ หลังจากผ่านพ้นพิธีปักปิ่น งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงแรกที่นางตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงาน ส่วนหนึ่งก็เพราะมีจุดประสงค์ในการมาผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับบุรุษ เพื่อใช้เปลี่ยนใจพี่ใหญ่ “ไม่ต้องห่วง พี่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ เจ้า” คังซืออี้ที่เห็นนางชะงักฝีเท้า ไม่เดินตามมารดาเข้าไปเอ่ยวาจาปลอบประโลม เมื่อวานสหายของเขาก็ก่นด่าถึงสาเหตุที่ทำให้จวนฟ่านไม่ค่อยพาคุณหนูฟ่านไปร่วมงานเลี้ยงที่ใดบ่อยครั้งนัก คนพวกนั้นก็ปากไม่ดีเสียจริง กล้าดีอย่างไรเอาเด็กน้อยไปเปรียบเทียบกับบุรุษที่โตกว่ามาก “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง จึงรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง” “อยากจับมือพี่เข้าไปในงานหรือไม่” เขาแบมือออกคล้ายกับพร้อมให้นางจับ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางไม่อยากถูกคุณหนูที่ชื่นชอบเขาดักทุบหัว “เช่นนั้นก็รีบเข้าไปในงานเถิด” “ท่านอย่าเพิ่งรีบเข้างานนะเจ้าคะ รอให้ข้ากับท่านแม่เข้าไปก่อน” “ขอรับ ๆ คุณหนูฟ่าน” แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างแต่เขาก็ตามใจนาง เมื่อเห็นนางรีบก้าวเท้าเดินเข้างา

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (2/4)

    “ยามปกติที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยง บรรดาฮูหยินมักจะพาบุตรสาวเข้าร่วมด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่ออยากให้ผู้คนรู้จัก แต่ลึก ๆ แล้วฮูหยินเหล่านั้นกลับมีจุดประสงค์คืออยากให้บุตรสาวต้องตาบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูล หากโชคดีอาจจะได้เป็นพระชายาของไท่จื่อหรือองค์ชายสักพระองค์” บุรุษผู้นั้นยังคงเอ่ยวาจาต่อ “...” “แต่เหตุใดจวนฟ่านที่มีบุตรสาวเช่นกัน ก่อนหน้านี้ฟ่านฮูหยินถึงไม่เคยพาเข้าร่วมงานเลี้ยง” “เพราะข้าขี้ริ้วขี้เหร่อย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จึงไม่อยากให้ข้าเสียใจยามถูกผู้อื่นดูแคลน ฮึก!” สิ้นเสียงเอ่ยน้ำตาของสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็หยดใส่มือของนางที่กุมกันแน่นคล้ายสะกดกลั้นอารมณ์ “เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใด” “ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้ามักจะถูกญาติพี่น้องและคนรอบตัวเอ่ยวาจาเปรียบเทียบกับท่านแม่และพี่ใหญ่ ฮึก! ว่าข้าเป็นอีกาในฝูงหงส์บ้าง เป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงบ้าง ฮึก! หน้าตาถึงได้ขี้ริ้วขี้เหร่ผิดแผกจากมารดาที่เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่ง ขนาดพี่ใหญ่ที่เป็นบุรุษยังงดงามกว่าข้านัก เพราะถูกดูแคลนเช่นนี้นับสิบปี ทำให้ควา

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (3/4)

    “มีกฎข้อใดห้ามไว้ว่าบุรุษสตรีที่อายุแตกต่างกันห้ามคบหากันเป็นสหาย” นางเลียนแบบวาจาและท่าทางของเขา “ดูเหมือนข้าจะโดนหญิงงามยอกย้อนเข้าให้แล้ว” “ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ถูกดูแคลนจนไม่กล้าออกไปสู้หน้าใคร จึงไร้สหายร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่หากท่านไม่อยากเป็นสหายของข้าก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจดี” รอยยิ้มบนดวงหน้าหวานเลือนหาย ก่อนที่นางจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วช้อนตามองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนระคนตัดพ้อ “เฮ้อ! เอาเถิด ข้าจะเป็นสหายกับเจ้าก็ได้” สุดท้ายแล้วเขาก็อดทนต่อสายตาของนางไม่ได้ “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านช่างมีจิตเมตตาต่อข้ายิ่ง เช่นนั้นต่อจากนี้ท่านเรียกข้าซีอิ๋งเถิด” ฟ่านซีอิ๋งดีใจจนลืมตัวคว้ามือบุรุษมากุมแล้วกล่าวขอบคุณ “อะ...อืม” แม้ใบหน้าของโจวคุนต๋าจะราบเรียบแต่ทว่าใบหูที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร และโชคดีที่นางไม่ได้สังเกตเห็น “ขออภัยเจ้าค่ะที่ข้าลืมตัว” นางรีบปล่อยมือเมื่อเห็นใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้ม “อยากกินขนมเพิ่มอีกหรือไม่ข้าจะไปเอามาให้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ห

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (4/4)

    “ซีอิ๋งเราไปกันเถิด” คังซืออี้ไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะจับมือของสตรีตัวน้อยแล้วรั้งให้เดินจากไปด้วยกัน ‘พี่ซืออี้กำลังโกรธเคืองซิวลู่หลินหรือถึงได้เมินเฉย หรือแท้จริงมันไม่ได้เป็นไปตามที่นางฝันตั้งแต่แรกกันแน่’ ทีเรื่องฟ่านไห่ถิงเป็นต้วนซิ่ว นางอยากให้เป็นเพียงความฝันกลับกลายเป็นจริงซะได้ “ลู่หลิน” ซิวซือเย่กระตุกชายอาภรณ์น้องสาวเพื่อเรียกสติ “พี่ใหญ่” สีหน้าที่ย่ำแย่เมื่อครู่ถูกเก็บซ่อนไว้เรียบร้อย แต่มือใต้อาภรณ์ยังคงกำแน่น “อย่าได้หลุดกิริยาเช่นเมื่อครู่นี้ออกมา” ในนามผู้สืบทอดตระกูลซิว เขาต้องตักเตือนเพื่อไม่ให้น้องสาวทำเรื่องจนเกิดข่าวลือเสื่อมเสีย “เจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซิวเมิ่งหยวนกล่าวพลางปรายตามองน้องสาวก่อนจะเดินจากไป แต่เมื่อนึกบทสนทนาของบรรดาฮูหยินพวกนั้น มือเรียวกำเข้าหากันแน่นกว่าเดิม เห็นทีว่าบุรุษเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคนงามจะเป็นเรื่องจริง แม้แต่พี่ชายของนางก็ยังเข้าข้างมัน ด้านคังซืออี้ที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้วเรื่องที่มีบุรุษพยายามจะเข้าหาสตรีตัวน้อยของเขา กลับต้องมีโทสะเพิ่มข

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-11

Bab terbaru

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : โปรดปรานจนวาระสุดท้าย (จบบริบูรณ์)

    โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (4/4)

    “อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (3/4)

    “ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (2/4)

    “ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (1/4)

    หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (5/5)

    “ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (4/5)

    “ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” นางถามไถ่เขาเช่นนี้ทุกวัน นางช่างเป็นสตรีที่น่าอิจฉา ครอบครัวของสามีดีกับนางเหลือเกิน สามีหรือก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นบุรุษมักมากพร้อมรับสตรีเข้าเรือนมากมาย ทำให้นางยิ่งสำนึกในบุญคุณของเขา จึงพยายามปรนนิบัติดูแลเขาให้ดีที่สุด “เหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง” “เช่นนั้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนกินข้าวดีหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ อาบน้ำร้อนทุกวันไม่ดีกับร่างกายกระมัง เจ้ากินข้าวก่อนเถิด วันนี้พี่มีงานมากมายจึงมาบอกเจ้าว่าอย่ารอพี่เข้านอน เพราะพี่อาจจะนอนที่ห้องหนังสือเลย” “เจ้าค่ะ” ฮูหยินน้อยจวนฟ่านคล้ายจะรู้สึกผิดหวัง นางก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาเสียใจ “เช่นนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” เขากล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่มีท่าทางหยอกเย้าหรือกินเต้าหู้นางเช่นทุกวัน” ‘เขาโกรธอันใดข้าหรือไม่’ ‘หรือเขาเบื่อหน่ายข้าแล้ว จึงพยายามหลีกเลี่ยงเช่นนี้’ หูเซียงเฟยไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นท่าทางเมินเฉยของเขา ในเมื่อเขาบอกว่าอาจจะไม่กลับมา นางจึงถ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (3/5)

    “แต่หากเจ้าไม่อยาก...” เขากำลังจะบอกว่าไม่อยากฝืนใจนาง เขามีเวลาเป็นปีที่จะยั่วยวนจนนางหลวมตัวหลวมใจยินดีที่จะเป็นฟ่านฮูหยินตลอดไป “ท่านได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” นางรีบกล่าวคล้ายกลัวเขาเข้าใจผิด ที่เขายอมรับข้อเสนอตบแต่งนางเป็นฮูหยินเอกนับว่ามีพระคุณกับนางยิ่งนัก “หากพี่สอน เจ้าจะหาว่าพี่หน้าไม่อายหรือไม่” “ไม่ว่าเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นลองสัมผัสมันดูหรือไม่ ทำความคุ้นเคยกับมันก่อน” น้ำเสียงที่แฝงด้วยยั่วเย้าและแววตาที่ล่อลวงทำให้นางหลวมตัวพยักหน้าตอบรับด้วยใจหนึ่งก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น แม้ก่อนออกเรือนมารดาจะนำหนังสือปกขาวที่เคยได้รับมามอบให้ แต่ทว่านางลองศึกษาแล้วยังไม่กระจ่างเท่าใด ทราบแต่เพียงว่าครั้งแรกจะเจ็บมากเท่านั้น “เจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยสีหน้าเขินอาย แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปจับเจ้าสิ่งนั้นที่คล้ายผงกหัวเรียกนางอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง” “มันเหมือนมีชีวิตเลยนะเจ้าคะ” “เพราะมันปรารถนาอยากจะปลดปล่อยอย่างไรเล่า” “แล้วยามที่มันแข็งขึงเช่นนี้ ท่านปวดหรือไม่เจ้าคะ”

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (2/5)

    ‘หากเจ้ายอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟังตามจริง ข้าอาจจะตบแต่งกับเจ้าตามข้อตกลงก็ได้’ ‘เช่นนั้นเราเปลี่ยนที่สนทนาได้หรือไม่เจ้าคะ’ ‘ย่อมได้’ เขากล่าวพลางวางตะเกียบลง ‘ท่านกินให้อิ่มก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารอได้’ อย่างไรกลับไปก็โดนหาเรื่องอยู่แล้ว หากนางจะกลับช้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ‘เช่นนั้นก็รอข้า’ ‘เจ้าค่ะ’ หลังจากย้ายที่สนทนาแล้วนางก็เล่าเรื่องราวที่ตนต้องเข้าร่วมการคัดเลือกนางสนมของฮ่องเต้ ซึ่งพี่สาวที่เข้าเกณฑ์จะต้องเข้าร่วมเช่นกันกับฮูหยินรองที่ยามนี้ทำตัวเช่นฮูหยินเอกกดขี่นางและมารดา พยายามหาบุรุษมีตำหนิมาแต่งกับนางเพื่อจะได้ตัดคู่แข่งในการคัดเลือกนางสนมออกไป ซึ่งตัวหูเซียงเฟยที่ไม่ได้อยากเป็นสนมของฮ่องเต้ จึงคิดเลือกบุรุษสักคนด้วยความคิดที่ว่าหากต้องพลีกายให้กับใครสักคน นางขอเป็นคนเลือกเอง ทว่าสถานที่เลือกบุรุษของนางกลับเป็นร้านบะหมี่ข้างทาง ไม่ใช่โรงเตี๊ยมที่คุณชายมักจะไปนั่งจิบชา ซึ่งนางให้เหตุผลว่าที่มาเลือกบุรุษในที่นี่ก็เพราะ ในสายตานางบะหมี่ร้านนี้รสเลิศกว่าอาหารในโรงเตี๊ยม แต่กลับถ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status