LOGINขณะที่ณิรินกำลังยืนส่งยิ้มแห้งๆให้แก่ท่านประธานธีรักษ์ เสียงโวยวายที่ด้านนอกห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาในห้องของท่านประธานอย่างไร้มารยาท และที่นี่มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะทำเรื่องเช่นนั้น นั่นก็คือผู้จัดการสิงหา.. “ไอ้ธีร์..กูแค่เอาเงินกองกลางของบริษัทไปใช้ในโปรเจคใหม่ล่วงหน้า แค่นี้มึงถึงกับจะไล่กูออกจากการเป็นผู้จัดการเลยเหรอวะ!!” สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปไม่ได้คือเขาและไอ้สิงหาไม่ใช่แค่เจ้านายลูกน้องหรือว่าเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ไอ้สิงหามันดันเป็นเพื่อนในวัยเด็กของเขาอีกต่างหาก แต่ทว่าในตอนที่เขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของแม่กับพ่อของไอ้สิงหา ธีรักษ์ก็เลือกที่จะเดินออกมาให้ห่างจากความสัมพันธ์เพื่อนในวัยเด็กและทุกๆ ความสัมพันธ์ที่มันเกิดขึ้นมาระหว่างเขาและครอบครัวของไอ้สิงหา รวมไปถึงเดินออกมาจากความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางของเขาและแม่ด้วย ที่นี่คือบริษัทที่พ่อสร้างขึ้นมาและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ยอมเสียที่นี่ไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น..ไม่เว้นแม้แต่แม่ของเขา “แต่สุดท้าย กูก็ไม่ได้ไล่มึงออกนี่..อีกทั้งในตอนที่อยู่ที่นี่กูคือเจ้านายและมึงคือลูกน้องนะ..ทำอะไรให้มันสมกับตำแหน่งและความสามารถของตัวเองหน่อยสิ..” เอาอีกแล้ว มันเริ่มต้นอีกแล้วสินะ สงครามระหว่างท่านประธานและผู้จัดการสิงหา..ณิรินคิดเอาไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นเพราะอย่างนั้นเธอถึงได้ไม่อยากให้ท่านประธานมาทำงานในวันนี้เลย มันไม่เพราะแค่เรื่องของเธอเท่านั้น “...” ณิรินยกมือขึ้นมาตบแก้มของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ เมื่อเรื่องราวเมื่อคืนมันฉายชัดขึ้นมาในหัว นี่มันใช่เวลาที่เธอจะมาหลงเขาไหมยัยณิริน! “ลูกน้องเหรอวะ แม่งโคตรจะตลกเลย มึงยืนอยู่ตรงนั้นให้นานๆ ก็แล้วกันไอ้ธีร์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มึงเดินพลาด กูสัญญาเลยว่ากูจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของมึงไปให้หมด..” “ผลัวะ!!” ณิรินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะต่อให้ทั้งสองคนจะทะเลาะกันมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ใช้กำลังกันเช่นนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านประธาน เดิน..ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าเขาพุ่งตัวเข้าไปหาผู้จัดการพร้อมกับกำปั้นที่เร็วมากเสียจนเธอเองก็มองไม่ทัน เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดเอวของท่านประธานเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาใช้อารมณ์นำทางไปมากกว่านี้ “พอเถอะค่ะท่าน..ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” “กูไม่ยอมให้มึงมาแย่งสิ่งที่พ่อกูสร้างไปหรอก ฝันไปเหอะไอ้สิงหา..” ณิรินรีบพาท่านประธานไปนั่งลงบนโซฟา เธอหยิบกระดาษทิชชู่ติดมือมาก่อนจะสิ่งเข้าไปหาคุณสิงหาที่กำลังล้มกองอยู่บนพื้น “เดี๋ยวณิรินจะให้คนพาคุณสิงหาไปที่ห้องพยาบาลนะคะ หรือว่าคุณสิงหามีอาการอะไรที่อยากไปโรงพยาบาลไหมคะ” “จะไปสนใจมันทำไมณิริน!!” เธอหลับตาลงช้าๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองเช่นเดียวกัน “ณิรินเข้าใจนะคะว่าวันนี้อารมณ์ของท่านมันไม่คงที่เท่าไหร่นัก แต่การใช้กำลังในการแก้ปัญหามันไม่ใช่วิธีการของท่านเลยนะคะ ท่านประธานนั่งพักให้อารมณ์เย็นขึ้นมาก่อน เดี๋ยวณิรินจะสั่งมื้อเที่ยงมาให้..แล้วก็มือนั่นไม่เจ็บใช่ไหมคะ ต้องการให้ณิรินตามหมอมาไหมคะ” สิงหากำลังมองทอดสายตาไประหว่างอดีตเพื่อนในวัยเด็กของเขากับเลขาผู้มากความสามารถของมัน แน่นอนว่าในตอนแรกเขาคิดว่าระหว่างทั้งสองคน คงจะมีเรื่องเกินเลยต่อกันอย่างแน่นอน เพราะณิรินเป็นผู้หญิงที่สวยมากเสียจนในครั้งแรกที่เขาเจอเธอ เขาไม่อาจถอนสายตาออกไปจากใบหน้านั้นได้เลย ที่สำคัญเธอไม่ได้มีดีแค่ความสวยเท่านั้นแต่เธอเก่งมากๆ อีกต่างหาก ณิรินคือผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายทุกครั้งที่มองเห็น เพราะหากเขาได้เลขาที่เก่งมากๆ อย่างณิรินมาอยู่ข้างๆ เขาคงจะพาตัวเองไปได้ไกลมากกว่านี้แน่ๆ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเสนอเงินเดือนที่มากกว่าที่ไอ้ธีร์จ่ายให้มากแค่ไหน ณิรินก็ตอบปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย และนั่นทำให้เขาคิดว่าณิรินน่าจะชอบไอ้ธีร์ไม่ผิดแน่ ทั้งสองคนจะต้องแอบมีความรู้สึกลับๆ ต่อกัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสั่งให้คนตามแอบดูทั้งสองคน..เนิ่นนานแรมปีเขาก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ จากเจ้านายและเลขาคนสวยนี้เลย นั่นจึงทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะติดตามทั้งไอ้ธีร์และณิริน “ผม..เจ็บมากๆ เลยครับ เหมือนกับว่าจะเป็นลมเลย ณิรินช่วยพาผมไปหาหมอหน่อยสิครับ” ที่บริษัทของเรามีห้องพยาบาลแต่ทว่าหากไปแค่ห้องพยาบาลด้านล่าง เขากับณิรินก็จะมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสที่สิงหาจะต้องเล่นใหญ่เพื่อให้เขามีเวลาอยู่กับณิรินให้มาก..และเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้อีกต่างหาก ในเมื่อไอ้ธีร์มันตาถั่ว มีดอกไม้งามที่แสนเย้ายวนอยู่ข้างกายแต่มันกลับไม่คิดจะเด็ดดม เช่นนั้นแล้วเขาจะทำหน้าที่เด็ดดมดอกมงามดอกนี้เอง “ได้ค่ะ เดี๋ยวณิรินเรียกรถพยาบาลให้นะคะ..” “ไม่เอาแบบนั้นสิครับ หากมีรถพยาบาลมาที่นี่ นักข่าวอาจจะตามมาก็ได้ แล้วหากมีข่าวว่าประธานบริษัทของเราทำร้ายผู้จัดการ..จนสาหัสหลุดรอดออกไป มันจะไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเรานะครับ” เรื่องที่คุณสิงหาบอกออกมานั้นมันก็มีส่วนของความน่าจะเป็นอยู่.. “นี่มึงไม่มีเลขาของตัวเองรึไงวะ..เดี๋ยวกูเรียกอิจเมจมาให้เอง โดนต่อยนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นสำออย” ธีรักษ์พูดพร้อมกับกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาอิจเมจเลขาของสิงหา “เลขาน่ะกูมี แต่มึงทำให้กูเป็นแบบนี้เองนะไอ้ธีร์ ไม่รู้ล่ะหากว่าณิรินไม่ไปส่งผมที่โรงพยาบาล..ผมจะให้อิจเมจเรียกรถพยาบาลมาเอง” ในสมการที่เขาสองคนทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันนั้น..ณิรินอยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าเธอเกี่ยวอะไรด้วยงั้น เหรอ? เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่มันกลายเป็นว่าเธอต้องจัดการทุกอย่างที่มันกำลังยุ่งยากอยู่ในตอนนี้.. “เดี๋ยวณิรินขับรถไปส่งคุณสิงหาเองค่ะ” การกระทำของเธอล้วนแล้วแต่มีเหตุผลทั้งนั้น ข้อแรกเธอไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวเพราะหากมันเป็นข่าวขึ้นมา คนที่ต้องมานั่งรับสายนักข่าวมันคือเธอ และคนที่ต้องคอยมาแก้ข่าวก็คือเธออีกนั่นแหละ ข้อสองคือ..การที่ไม่ต้องอยู่ในห้องกับท่านประธาน มันทำให้เธอพอจะหายใจหายคอได้โล่งขึ้นมาอีกหน่อย เพราะทุกครั้งที่เธอเห็นหน้าเขา ภาพเรื่องราวในคืนนี้ก็ทับซ้อนขึ้นมาไม่ยอมหยุด เธออยากได้เวลาในการจัดการความคิดของตัวเอง อยากน้อยก็ให้เธอลืมเขาไปได้สักหน่อยเถอะ
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง


![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




