LOGINหน้าเธอเขายังจำไม่ได้ แสงสว่างแค่นั้นไม่ได้เอื้อให้เขาเห็นหน้าผู้หญิงเมื่อชัดเจน อีกอย่างสมองเขาใช้งานได้ไม่ถึงครึ่ง นอกจากความรู้สึกส่วนล่างที่คึกคักฮึกเหิมต้องการการปลดปล่อยเขาก็จำอะไรไม่ได้มากหรอก ตอนนั้นยอมรับว่ามัวเมาในความปรารถนาจนยากจะห้ามได้มากกว่าจะสนใจพิจารณาว่าตัวเองนอนกับผู้หญิงคนไหน! มันมืดขนาดนั้นเขาไม่สนใจหน้าตาเท่ากับความอยากของตัวเองหรอก!
“พี่ภาม หนูหายัยลินไม่เจอจริงๆ บ้าจริง! หายไปไหนทำไมไม่บอกอะไรกันสักคำ ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีทางไปซะที่ไหนล่ะยัยเด็กนี่!”
ตอนท้ายคนตัวเล็กกว่าบ่นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือตนเองอีกครั้ง
“โทรศัพท์เอาไว้ทำไมกันยัยลิน รับสายสิยัยน้องโง่!”
เสียงเล็กบ่นพึมพำ ขณะที่ภามได้แต่โคลงศีรษะกับท่าทีร้อนใจของน้องสาว
ต่อมาคีรีมาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น แล้วตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดังลั่น
“ฮัลโหลลิน! แกอยู่ไหนพี่เป็นห่วงแกจะตายอยู่แล้วนะ!”
ทว่าวินาทีต่อมาคีรีมาก็ชะงัก เบิกตากว้างแล้วรับคำเสียงระรัวแค่ ‘ค่ะๆ’ ก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภามก็อดไม่ได้ที่จะตามติดคีรีมาไปด้วย
เขาไม่ได้ห่วง ‘เด็กลิน’ อะไรนั่น แต่บางอย่างที่คาใจก็อยากไปเห็นเด็กนั่นด้วยตาของตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเพราะความเมาจนขาดสติของเขาเอง!
๐๐๐
“อ้าว คนรับโทรศัพท์เป็นน้องครีมเองเหรอ”
เสียงทักทายอย่างประหลาดใจของชายหนุ่มที่มายืนรออยู่หน้าห้องพักของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขา
ถึงจะเห็นว่าชื่อที่เจ้าของโทรศัพท์บันทึกไว้นั้นจะเป็นชื่อ ‘พี่ครีม’ ทว่าเขาไม่คิดว่าจะเป็นคีรีมาคนรู้จักของเขาเอง!
“พี่วี”
หญิงสาวทักทายเพื่อนพี่ชายที่อยู่ร่วมคอนโดมิเนียมเดียวกัน ชลวีเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังระดับประเทศที่ไม่ไกลจากคอนโดแห่งนี้มากนัก
“ไอ้วี”
ภามที่ตามหลังน้องสาวตัวเองมาเห็นคีรีมายืนคุยกับเพื่อนสนิทในกลุ่มตั้งแต่มัธยมของตนเองก็แปลกใจ ชลวีพยักหน้าหงึกหงักให้เขา ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรต่อคีรีมาก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อนว่า
“พี่วีคะ ยัยลินอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องถึงได้มาอยู่กับพี่ พี่วีรู้จักยัยลินด้วยเหรอคะ”
“น้องเขาชื่อลินเหรอ”
แทนที่จะตอบคำถามเธอชลวีกลับถามขึ้นมาเองเสียก่อน
“ค่ะ แล้วพี่วีไม่ได้รู้จักลินเหรอ ทำไมรับโทรศัพท์น้องได้”
คีรีมาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน สีหน้าของผู้หญิงคนเดียวเต็มไปด้วยความห่วงใย
“เข้ามาข้างในกันก่อน ตอนนี้น้องลินหลับอยู่ แล้วพี่ก็อยากรู้เรื่องเหมือนกันว่าทำไมสภาพของเด็กคนนั้นถึงได้เหมือนโดนข่มขืนมาแบบนั้นด้วย!”
คุณหมอหนุ่มเอ่ยเสียงเครียดก่อนจะเปิดประตูห้องพักของตนเองออกกว้างแล้วให้สองพี่น้องเศรษฐวัฒน์เข้ามาในห้องของเขา
ทันทีที่ประตูปิดสนิท เขาก็กอดอกแน่น มองสองพี่น้องที่คงไม่มีใครมีกะจิตกะใจอยากจะนั่งบนโซฟาหนังอิตาลีตัวนุ่มราคาแพงในห้องพักของเขากัน คีรีมาทำท่าสอดส่องจะหาคนที่ตนเองตามหา ขณะที่ภามเงียบกริบ ทว่าชลวีสบตากับเพื่อนเขม็ง สัญชาตญาณบอกเขาว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
“พี่วีไปเจอลินที่ไหนคะ”
เป็นคีรีมาที่เอ่ยแทรกความเงียบอันชวนอึดอัด ใจเธออยากถลาไปหาเกวลินแต่จำต้องยืนนิ่งเพราะต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมดเสียก่อน
“ระหว่างทางจากปากซอยมาคอนโด พี่เห็นน้องลินกำลังจะเป็นลมเลยช่วยเอาไว้ ตอนแรกจะพาไปโรงพยาบาลแต่น้องลินขอเอาไว้ก่อนจะสลบไปว่าไม่มีเงิน ไม่ต้องการไปโรงพยาบาล”
ชลวีเล่าอย่างรวบรัด ขณะจ้องมองสองพี่น้องเศรษฐวัฒน์เขม็ง ขณะที่เขาคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
ถึงที่นี่จะเป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักซูรี่ราคาแพงระยับติดแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมืองย่านธุรกิจ แต่ว่าจากปากทางเข้าคอนโดยังลึกถึงห้าร้อยเมตร และให้บังเอิญว่าในระหว่างที่เขากำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโด ก็เจอผู้หญิงคนนี้ล้มพับอยู่ด้านหน้าเสียก่อน ด้วยความเป็นแพทย์ทำให้เขาจอดรถเข้าไปช่วยเหลือเธอ ซึ่งเพียงแค่แตะร่างเล็กที่ร้อนจัดเขาก็รับรู้ได้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้กำลังไม่สบายอย่างหนัก แรกเริ่มเธอเหมือนคนหวาดกลัวและปัดป้องไม่ให้เขาสัมผัสตัว กระทั่งเขาต้องบอกเธอว่าเขาเป็นหมอและพยายามแสดงความจริงใจว่าจะช่วยพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเธอถึงคลายใจ ทว่าเธอกลับร้องขอไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ไป เขาไม่ยินยอมกระทั่งเธอบอกว่าเธอไม่มีเงิน ด้วยความสงสารเขาเลยพาเธอกลับเข้ามาในคอนโดตัวเอง ตอนแรกที่เขาบอกเธอว่าเขาพักที่ไหน เธอทำท่าไม่อยากเข้ามาแต่ก็ยากจะขัดขืนได้
หญิงสาวมีเพียงสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทางใบเล็กติดตัวและกระเป๋าสะพายอีกใบ หลังจากที่เขาประคองให้เธอขึ้นรถไม่นานเธอก็ฝืนสังขารไม่ไหวแล้วสลบไป ช่วงระหว่างที่อุ้มพาขึ้นมาและหาผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดหน้าตาและแขนขาลดความร้อนให้เธอ ชายหนุ่มจึงได้สังเกตว่าเนื้อตัวใต้ร่มผ้าของหญิงสาวคนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของการผ่านการมีเพศสัมพันธ์
ในขณะที่กำลังดูแลหญิงสาวอยู่ โทรศัพท์มือถือเธอในกระเป๋าสะพายสั่นอยู่หลายครั้ง ชลวีเมื่อจัดการดูแลคนป่วยเสร็จจึงถือวิสาสะรับสายของเธอแทน แล้วจึงพบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรู้จักของคีรีมานั่นเอง
“เอ่อ แล้วที่บอกว่ายัยลินสภาพเหมือนโดน...ข่มขืน” ตอนท้ายน้ำเสียงคีรีมาลดลงแผ่วเบา สีหน้าของเธอเริ่มเหยเกดูแทบไม่ได้ “มัน...ยังไงกันแน่คะ”
“ก็ยังไม่แน่ชัดละนะ แต่จากสภาพภายนอกก็บอกได้แหละว่าเจออะไรมา ทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าทำไมน้องคนนี้ถึงมีสภาพแบบนี้ แล้วดูท่าทางเหมือนน้องเขากำลังหนีด้วยนะ กระเป๋าเธอยังอยู่ในรถพี่อยู่เลย”
คราวนี้เป็นชลวีบ้างที่ถามกลับ
คีรีมาไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะตัวเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทว่าภามมีสีหน้าเครียดขรึมขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ขอฉันกับยัยครีมดูเด็กคนนั้นก่อน ถ้าใช่คนที่ตามหาแล้วจะเล่าให้ฟัง”
ชลวีชี้นิ้วไปยังห้องนอนแขกที่มักไม่ค่อยมีแขกมาใช้งานซึ่งปิดสนิทอยู่ แล้วภามก็เดินนำไปทันทีโดยมีชลวีกับคีรีมาตามไปติดๆ
พอเปิดประตูออก ทั้งสามต่างก็นิ่งไม่ได้ก้าวเข้าไปในห้อง ทว่าเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าคนบนเตียงเป็นใคร
คีรีมาละล้าละลังหน้าซีดเผือด พึมพำชื่อคนบนเตียงออกมาให้ได้ยินทันที
“พี่เอียน ทางนี้พร้อมหมดแล้วนะคะ”สริตาปรี่เข้ามาหาเขาในทันทีที่เห็นเขาโผล่ไปยังสวนหลังบ้านพัก ซึ่งติดกับชายหาดส่วนตัว ลมทะเลทำให้เส้นผมของน้องสะใภ้ที่เป็นหนึ่งในแม่งานปลิวไปมาจนหญิงสาวต้องใช้มือข้างหนึ่งจับรวบเอาไว้“ขอบใจมากนะซี”เอียนส่งยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะยกมือขยี้ผมของหญิงสาวอย่างเอ็นดู ทำให้สามีของสริตาโผล่แวบมาข้างกายเธอทันใด“อย่ารังแกเมียฉันสิเอียน”แอชตันแกล้งพูดเสียงต่ำ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย สริตาเลยได้แต่ส่ายหน้าให้สามีเป็นเชิงระอา แล้วเดินไปหาปาหนันกับเอเดรียนที่คอยดูแลเด็กๆ อยู่อีกทาง ปล่อยให้สองพี่น้องทางนี้ตบตีกันไปเอง“ใครจะไปรังแกเมียนายกันแอช รังแกนายไม่ดีกว่าหรือไง”ไม่พูดเปล่า คนเป็นพี่ชายก็ถองศอกใส่แอชตันซึ่งโก่งตัวหนีหลบทันแล้วหัวเราะดังลั่นจนกระทั่งเสียงหัวเราะซาลง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นตบบ่าคนเป็นพี่ชาย พร้อมกับพูดกึ่งสัพยอกว่า“ถามจริงๆ ใครเป็นคนช่วยนายคิดทำเซอร์ไพรส์นี้หือเอียน บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อว่านายคิดเอง”“ทำไม” เอียนย้อนถามเสียงต่ำ “นายอิจฉาที่คิดไม่ได้ล่ะสิ อย่างนี้แหละฉันถึงได้สงสารน้องซีว่ามีแกเป็นสามีเหมือนซวยไปสิบปี”“น้อยๆ หน่อยพี่ชาย ได้ทีเอา
‘ตื่นมาแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดนี้รอนะ แล้วฉันจะมารับตอนเสร็จงานแล้ว จะรีบกลับมาจ้ะ - เอียน’ มธุรสามองข้อความที่สามีทิ้งไว้ให้ซึ่งติดอยู่ตรงหน้ากระจกตอนที่เขาลุกไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปให้ทันนัดหมายเซ็นสัญญาซื้อขายโรงแรมที่ไหนสักแห่งซึ่งเธอก็จำไม่ได้ ช่วงเวลาที่เขาลุกไปนั้น จำได้แต่เลือนรางว่าอีกฝ่ายปลุกเธอขึ้นมาด้วยจูบแผ่วเบาแต่ช่างเรียกร้อง แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่จึงได้แต่ตอบรับสัมผัสของเขาไปอย่างเรียบง่าย เสียงทุ้มนุ่มของเขาชิดอยู่ข้างหู เต็มไปด้วยความเสียดายและบังคับตนเองอย่างยิ่งยวดให้ลุกไปทำงาน สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เธอซึ่งเหนื่อยและเพลียจากการเดินทางและการรบกับลูกชายวัยขวบกว่าๆ นอนต่อไปในที่สุด มธุรสาตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้า ซึ่งทำให้เธอตกใจค่อนข้างมาก เธอรีบล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าลูกชายอยู่ในความดูแลของวาเนสซ่า คนของเอียนที่ดูแลเธอจนกะมาดูแลเอ็ดวินต่อ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธออย่างสดใสร่าเริง ขณะที่ลูกชายผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็กบนโต๊ะอาหารข้างๆ วาเนสซ่าและกำลังกินอาหารของแกอย่างร่าเริง ก็ยิ้มกว้างให้เธอเช่นกัน “มัม มัม!” เอ็ดวินเรียกเธอพร้อมกับ
“คุณเอียนอย่าแกล้งลูกอย่างนั้นสิคะ!”มธุรสาร้องห้ามคนเป็นสามีที่อุ้มลูกแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะในสระว่ายใน ภายในบ้านพักตากอากาศของครอบครัวแอดดิสันที่ไมอามี่เธอเองเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติของสามหนุ่มแอดดิสันที่มักจะรวมตัวกันเสมอในวันเกิดของใครสักคน พวกเขายึดถือวันเหล่านั้นเป็นวันครอบครัว ตัดขาดจากทุกอย่างและอยู่ด้วยกันเฉพาะครอบครัวเท่านั้นแต่เดิมมีสมาชิกเพียงสามคน ทว่าตอนนี้สมาชิกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เฉพาะครอบครัวของเอเดรียน แอดดิสันก็มีด้วยกันถึงห้าคนแล้ว ครอบครัวของแอชตันเองก็มีสมาชิกที่อายุไล่เลี่ยกับเอ็ดวินเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นสาวน้อยแองเจล่าสุดน่ารัก และตัวเธอกับลูกชายที่เป็นสมาชิกใหม่ในปีนี้พร้อมกับวันเกิดของเอียน...“ลูกชอบออก ดูสิ แกหัวเราะสนุกสนานใหญ่เลย”เอียนพูดพร้อมกับยังคงหยอกล้อลูกชายอย่างสนุกสนาน หนุ่มๆ และเด็กชายแอรอนกับเด็กหญิงเอมิลี่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในสระกันถ้วนหน้า มีเธอกับน้องซีอุ้มลูกเฝ้าริมสระ ส่วนพี่ปาหนันก็กำลังง่วนอยู่กับการปิ้งย่างทำอาหารเพียงลำพัง เธอจะเข้าไปช่วยแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ต้อง มธุรสาที่ถนัดสายของหวานมากกว่าขอ
“พวกนั้นมันข่าวขยะ!” เขาตอบโต้เสียงขุ่น “น้องซีก็บอกเธอแล้วนี่ว่าไม่ให้เธอสนใจข่าวพวกนั้นมากนัก แล้วเธอก็ควรจะรู้ว่าบ้านของแอชลีย์น่ะยังไงก็มีสื่อในกำมือเยอะมากอยู่แล้ว เธอสามารถใช้อิทธิพลของเธอปั้นข่าวขึ้นมาอยู่แล้ว และบอกเธอตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับแอชลีย์อีกเลยเลยตั้งแต่ฉันมีเธอ! อันที่จริงไม่เคยมีอะไรกับใครเลยด้วยซ้ำนอกจากเธอน่ะ! แค่เธอคนเดียวฉันก็คลั่งจะตายอยู่แล้ว ทำงานวันละสิบแปดชั่วโมงอย่างฉันจะไปมีเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ หัดคิดซะบ้างสิ!”มธุรสาหน้าจ๋อยในตอนแรกเพราะที่เอียนพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงในตอนท้ายเพราะประโยคสุดห่ามของเจ้าชายจอมโหด เขามันหื่นน่ะเธอรู้ แต่ทำไมต้องพูดเน้นย้ำแล้วย้ำอีกด้วยนะ!“และเพราะข้อนี้ ฉันจึงไม่มีวันเป็นพ่อของเด็กในท้องแอชลีย์อย่างที่เธอเข้าใจเด็ดขาด! และเชื่อฉันเถอะ แอชลีย์น่ะไม่มีทางท้องในตอนนี้หรอก เพราะถึงท้องคนอย่างเธอที่เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวขนาดนั้นก็คงเอาเด็กออกอยู่ดี! ไม่ต้องมาค้านนะ!” เขาห้ามเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะโต้แย้ง “ทุกคนไม่ได้เหมือนกันหมด อย่าเอาการที่เธอรักลูกและยอมอุ้มท้องแกและคิดจะเลี้
“เธอคิดว่าฉันจะโง่ตอบตกลงเหรอรสา!”ทว่าหลังจากที่เงียบไปชั่วอึดใจ เอียนก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาเข้มจัด ความดุดันนั้นทำให้ความกล้าของมธุรสาแทบละลายหายไปในพริบตา หญิงสาวถึงกับถอยห่างจากชายหนุ่มสองสามก้าว ขณะที่เขาก็ประกาศต่อไปว่า“ฉันไม่คิดจะหย่าและยิ่งไม่มีความคิดที่จะยกลูกให้เธอไปด้วย!”“…”“ต่อให้เธออยากหย่ามากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่ความอยากเท่านั้นแหละ รสา...มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดว่าฉันจะยอมปล่อยเธอไปอีกหรือไง”น้ำเสียงของเขาทั้งดุดันและข่มขู่ ทว่าน่าแปลก มธุรสาคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่เธอรับรู้ได้ว่ามีความเจ็บปวดเจืออยู่ในน้ำเสียงและแววตาของเขามันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนอย่างเอียน แอดดิสันนี่หรือจะเจ็บปวดเพราะเธอ!“คุณจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรคะ”หญิงสาวถามอย่างห้ามใจไม่อยู่ เอียนเลิกคิ้วขึ้นสูงทรมานตัวเอง?... ทรมานเรื่องอะไรกัน?!เรื่องเดียวที่เขาทรมานก็คือเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจเขาอีกนั่นแหละ จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ!มธุรสามองสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจอันสมจริงของเอียน แล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่ามันจะช่วยระบายความเจ็บปวดในอก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่รู้สึกอย
หลังจากที่ทะเลาะกับมธุรสา ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะเข้าหน้ากันไม่ติดเอาเสียเลย เอียนพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกำชับคนของเขาว่าห้ามไม่ให้เกวิน แมนนิ่งเข้ามาหามธุรสาได้อีก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขากับเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นไปด้วยเลย มธุรสายังเย็นชากับเขาจนถึงสัปดาห์ต่อมา และเอียนก็ต้องกลับไปทำงานเนื่องจากไม่สามารถทิ้งงานไปได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าเขาจะรอจนลูกอายุสามเดือนถึงจะเริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ความฝันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละทว่านอกจากการกลับไปทำงานอย่างไม่สบายใจแล้ว มธุรสาก็มีท่าทีเฉยชากับเขามากยิ่งขึ้น เอียนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา ถึงได้ขยันเป็นข่าวซุบซิบบ่อยนัก จนสริตาน้องสะใภ้ถึงกับโทรศัพท์มาถามเขาด้วยตัวเอง แล้วสะกิดเตือนเขาว่าบางทีที่มธุรสากำลังเครียดอาจจะเป็นเพราะข่าวขยะพวกนี้ก็ได้ และเธอยังเตือนเขาว่าอย่าทำให้มธุรสาซึมเศร้าหลังคลอดเด็ดขาด การดูแลสุขภาพจิตของแม่หลังจากการคลอดนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันเอียนเองก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่งานที่รัดตัวไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมธุรสาเลย ช่ว







