ตอนที่ 14 ผมจะนอนด้วย‘ทุกคืน’
ณ เพนท์เฮ้าส์
ติ๊ด ~~~~ แกร๊ก
เพราะสินค้ามีปัญหานิดหน่อยเลยทำให้ผมต้องกลับดึก ทั้งที่ใจผมมันร่ำร้องที่จะกลับทุกวินาที ขณะที่เดินเข้ามาผมสงสัยว่า ทำไมบรรยากาศถึงได้เงียบเชียบอย่างนี้ เอ๊ะ หรือเธอจะหนีไปแล้ว พอคิดได้แบบนั้นแล้วใจผมก็เริ่มร้อนรน และก่อนที่ผมจะได้แหกปากตะโกนเรียกลูกน้องหน้าห้องมาคิดบัญชีที่ปล่อยให้เธอหนีไป ผมก็ฉุกคิดได้ว่า เธอไม่ได้หนีไป ไม่ใช่แน่นอน เพราะลูกน้องที่อยู่หน้าห้องก็ไม่ได้รายงานอะไรเลย นี่ผมเป็นหนักขนาดนี้เลยหรือ ผมได้แต่หัวเราะให้กับตัวเองกับความบ้าคลั่งที่มีต่อเธอ
ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณห้องโถง ไฟที่ไม่ได้เปิดทำให้ไม่เห็นว่ามีร่างบางนุ่มนิ่มนอนตะแคงขดตัวหายใจสม่ำเสมออยู่บนโซฟา เธอยังอยู่ผมลอบดีใจ เธอไม่ได้หนีผมไปไหน ใบหน้าคมระบายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกเข้ามากระทบใบหน้านวลเนียนใสไร้สิ่งแต่งเติม มันยิ่งทำให้เธอน่าหลงใหลเข้าไปอีก เธอสวยเหลือเกิน.....
เธอยังคงไม่รู้สึกตัว ผมนั่งมองเธอสักพัก ก่อนที่จะค่อยๆ ช้อนร่างบางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ตัวเธอนุ่มนิ่ม หอมกรุ่น แค่ได้ใกล้ได้สัมผัส ผมก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากจะจับเธอกินทั้งวันทั้งคืน ศีรษะทุยเล็กน่ารักเอนซบมาที่อกของผม กลิ่นกายของเธอมันทำให้เจ้าเอ็นยักษ์ของผมเริ่มขยับ ผมต้องหาทางกินเธอให้ได้
ผมอุ้มเธอขึ้นไปนอนที่ห้องของเรา ยังดีที่คืนนี้แสงจากดวงจันทร์สว่างพอที่จะทำให้ผมมองเห็นทางเดิน ไม่ต้องเปิดไฟให้รบกวนการนอนของเธอ
ผมค่อยๆ วางเธอลงบนเตียงคิงไซซ์ เธอขยับตัวโดยไม่ได้ระมัดระวังขณะที่หลับจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย เผยให้เห็นสองเต้าใต้บราเซียสีดำ อะร้าอร่าม อวดโชว์ผมเต็มสองตา ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอ ใจนี่อยากจะก้มไปฟัดให้หนำใจ แต่ผมไม่อยากลักหลับเธอ ผมจัดแจงห่มผ้าให้เธอทั้งที่ใจก็นึกเสียดายภาพที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะไปอาบน้ำชำระร่างกาย พร้อมกับจัดการเจ้าเอ็นยักษ์ของผมให้มันสงบลง
เมื่อออกมาจากห้องน้ำผมจัดแจงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หย่อนกายล้มตัวลงนอนที่ข้างๆ เธอ ก่อนจะกระชับร่างบางที่นอนหายใจสม่ำเสมอเข้ามาประชิดตัวเพื่อกอดก่าย ทำไมเธอถึงหลับลึกอย่างนี้นะ ขนาดผมแนบชิดขนาดนี้แล้วเธอยังไม่รู้สึกตัวเลย ถ้าเป็นแบบนี้จะปล่อยให้ไปนอนที่อื่นโดยไม่มีผมไม่ได้เด็ดขาด ผมได้แต่นึกตำหนิอย่างเอ็นดู จากนั้นก็สูดดมกลิ่นหอมจากตัวสาวให้หายคิดถึง เมื่อมีเธออยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ ยังไงคืนนี้ผมนอนหลับฝันดีแน่นอน ผมจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน แล้วบอกราตรีสวัสดิ์ด้วยเสียงที่แผ่วเบา ด้วยกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมาโวยวายเสียก่อน แล้วกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมรอยยิ้ม....
---เอลิซ Talk---
ฉันตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกว่านอนหลับสนิทขนาดนี้ ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ..ฮ้าววว... เห้ย...ฉันต้องไปทำงาน เออ...ฉันไม่ต้องไปทำงานแล้วนี่น่า เพราะว่ามีมหาเศรษฐีอาสาเลี้ยงดู ดีจริงงงง ชีวิตยัยเอลิซ (กลอกตามองบน)
แต่เอ๊ะ..ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆ พาดมาที่เอวเนี้ย ไหนจะลมร้อนที่เป่ารดต้นคออยู่ตอนนี้ ฉันค่อยๆ หันกลับไปดู
“กรี๊ดดดดดด” ฉันร้องด้วยความตกใจ แล้วขยับตัว ก่อนที่ฉันจะได้ดิ้นหนีออกจากวงแขนแกร่ง ร่างหนาก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมบนร่างของฉัน
“เป็นอะไร ตกใจอะไรขนาดนั้น” เขาเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบามีเสน่ห์ พร้อมใช้สายตาจับจ้องมาที่ใบหน้าหวาน
“ก็เอลิซตกใจนี่ค่ะ ไม่คุ้นกับการมีคนนอนอยู่ข้างๆ แบบนี้” ฉันบอกเขาขณะสายตาก้มต่ำเพื่อหลีกหนีสายตาคมที่อาจจะทำให้ฉันหวั่นไหวได้
“คุณต้องทำตัวให้คุ้นไว้นะเพราะว่า...ผม จะ นอน ด้วย ทุก คืน” เขาเน้นทุกคำโดยเฉพาะประโยคหลัง
ฉันอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน นี่ฉันคงหนีเวรกรรมที่สร้างเองมากับมือไม่พ้น เป็นไงเป็นกัน ลองอยู่สักอาทิตย์คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะดูๆ แล้วเขาก็มีงานที่ต้องทำ จะเจอกันอีกทีก็ตอนค่ำ ถึงเวลานั้นแล้วชิ่งหลับเหมือนเมื่อคืนก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เห้ออออ แล้วแต่เลยค่ะ แต่ก่อนอื่นรบกวนลุกออกไปก่อนได้ไหมคะ เอลิซอยากไปอาบน้ำแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยไปอย่างหมดอาลัย
“ผมไปด้วย” เขาพูดขณะที่อยู่บนตัวฉัน
“ไปไหนคะ” ฉันถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็ไปอาบน้ำไง” เขาส่งยิ้มยียวนกลับมา ^-^
“จะบ้าหรือไง เชิญคุณไปอาบก่อนได้เลยค่ะ” ฉันกระวีกระวาดตอบอย่างรวดเร็ว
เหมือนเสียงที่ฉันพูดออกไปจะไม่มีความหมาย เขาพลิกตัวลงจากเตียงไปยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้มลงมาช้อนตัวฉันในท่าเจ้าสาวแล้วเดินละลิ่วไปที่ห้องน้ำ
“ปล่อยเอลิซนะ ปล่อยนะตาบ้า” ฉันดิ้นภายใต้อ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา แต่นี่มันมือคนหรือกาว ยิ่งดิ้นยิ่งแน่น
เขาวางฉันไว้ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ก่อนจะแทรกกายมาอยู่หว่างกลางขาของฉัน แล้วยื่นหน้ามาใกล้หน้าของฉันในระยะไม่ถึงคืบ
“คะ..คุณเซฟค่ะ ออกไปให้ห่างเอลิซหน่อยได้ไหมคะ คือว่าเอลิซยังไม่ได้แปรงฟันเลย” ฉันรีบบอกก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้มากกว่านี้
“แล้วไง ผมไม่เห็นจะได้กลิ่นเหม็นอะไรเลย ออกจะหอมซะด้วยซ้ำ” ...ฟอดดด... เขาไม่พูดเปล่า กลับก้มหน้าลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่
“เอ๊ะ....คุณเซฟ” ฉันตกตะลึงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวที่โดนขโมยหอมแก้มตั้งแต่เช้า พร้อมลูบแก้มด้วยความตกใจ
“คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะคะ ถึงฉันจะตกลงอยู่กับคุณ แต่เราคุยกันแล้วว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะไม่อยากให้มันเกินเลยไปกว่านี้อีกแล้ว
เขายังคงทำเป็นหูทวนลมไม่ฟังในสิ่งที่ฉันพูด โดยการใช้มือหนารวบแขนบางทั้งสองข้างไพล่ไปด้านหลังของฉัน แล้วใช้มืออีกข้างค่อยๆ ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ฉันใส่ ก่อนจะก้มหน้ามาไซ้ซอกคอเนียนเพื่อสูดดมกลิ่นสาว เขาเลื่อนหน้าลงมายันหน้าอกอวบ เริ่มขบ เม้ม ดูดซ้ำไปที่รอยเดิมที่สีเริ่มจางลง และพยายามใช้ริมฝีปากคาบบราเซียลูกไม้สีดำให้เลิ่กขึ้นเพื่อจะได้ดูดกินยอดปทุมถันเม็ดมุกคู่งามได้ถนัด
เมื่อเขาเริ่มจู่โจมสัมผัสฉัน สิ่งที่เขาทำมันทำให้ฉันตกใจ ฉันทำตัวไม่ถูก ความรู้สึกปนเปหลากหลายประเดประดังเข้ามาในหัวสมองที่เริ่มขาวโพลน ฉันเริ่มมีความรู้สึกกลัว กลัวว่าถ้าปล่อยเลยตามเลยแล้วจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่ กลัวใจตัวเองที่จะถลำลึกไปกับรสสัมผัสของเขาจนไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้ กลัวถ้าวันหนึ่งฉันรักเขาขึ้นมาแล้วเขาหักหลังฉันเหมือนไอ้เคน ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ฉันกลัวไปหมด ฉันไม่ได้เตรียมใจที่จะสานสัมพันธ์ต่อ
สมองของฉันเริ่มต่อต้านสิ่งที่เขากระทำต่อร่างกายของฉัน ส่งผลให้ร่างกายตอบสนองด้วยการร้องไห้ ~~
“ฮืออออ...ฮึก ฮึก” เขาหยุดชะงัก เพราะน้ำตาของฉันที่ไหลหยดลงไปโดนที่แก้มสากของเขา
เขาละใบหน้าจากอกอวบขึ้นมามองหน้าฉัน สีหน้าเขาระคนตกใจที่เห็นฉันร้องไห้ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“โธ่โว๊ยยย...ทำไมว่ะ” เขาชกไปที่กระจกจนแตกละเอียด มือเขามีเลือดไหลออกมา หยดเต็มอ่างล้างหน้า มันยิ่งทำให้ฉันตกใจกลัว น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา เขากำหมัดเดินออกไป โดยที่เลือดไหลหยดเป็นทาง
“ฮือออออ” ฉันนั่งเอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าด้วยความตกใจ และทำอะไรไม่ถูก
สักพักป้าเสริมเดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องน้ำ ป้าเสริมถึงกับร้องเสียงหลง
“ว๊ายยย เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณเอลิซ เจ็บตรงไหนไหมคะ ทำไมเลือดเต็มไปหมดแบบนี้ อย่าเพิ่งขยับนะคะเดี๋ยวป้าทำความสะอาดให้ก่อน อย่าเพิ่งลงมานะคะ เผื่อมีเศษกระจกหลงเหลืออยู่” ป้าเสริมกำชับไม่ให้ฉันลงมาจากเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ซึ่งฉันยังคงนั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ คุณเอลิซเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ เดี๋ยวป้าเอายามาใส่ให้” ป้าเสริมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะป้า..ฮึก..หนูรบกวนป้าออกไปก่อนนะคะ...ฮึก..ฮึก” ฉันส่ายหัวแล้วเอ่ยบอกโดยที่สองมือยังคงปิดหน้าซ่อนน้ำตาจากป้าเสริมอยู่
---เซฟ Talk---
ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ ทั้งสับสนและตกใจ เธอก็ดูไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ทำไมเธอถึงต้องร้องไห้ ผมได้แต่คิดแล้วโกรธตัวเอง จนคลั่งต่อยกระจกไป ก่อนจะเดินออกมาทั้งที่เลือดเต็มมือ ลูกน้องมองหน้ากันแต่ไม่กล้าสบตาผมเมื่อเห็นเลือดที่มือ แผลตรงนั้นมันไม่รู้สึกเจ็บเลย มันเจ็บที่ใจมากกว่า ผมได้สั่งให้ลูกน้องไปบอกป้าเสริมให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำ ก่อนจะใช้แค่ผ้าขนหนูกดเลือดที่มือไว้แค่นั้น แล้วมุ่งหน้าไปบริษัท เพื่อระบายความโกรธที่มีกับงาน ในหัวยังคงคิดวนๆ ซ้ำๆ ว่าทำไมเธอต้องร้องไห้ เพราะอะไร เธอกลัวผมหรอ เธอรังเกียจผมหรอ เธอไม่ชอบที่ผมสัมผัสหรอ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งทำให้ผมโมโห...
ตอนพิเศษ : บทสรุปคนทรยศณ Penthouse เซบาสเธีย“จัดการสั่งสอนพวกมันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม...เออดี...พวกมันจะต้องจำไปจนตาย...”เสียงแข็งกร้าวกรอกเสียงไปตามสาย ก่อนที่ปากหยักสวยจะเหยียดยิ้มร้ายด้วยความสะใจผมที่ตื่นนอนขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น จากลูกน้องที่โทรมารายงานถึงเรื่องราวที่ผมได้ให้มันไปสืบ ผมที่สั่งลูกน้องคนสนิทไปดำเนินการตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่อยู่ในร้าน เนื่องด้วยว่าผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จนถึงกับทำให้เธอคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอนของผม ต้องเสียใจจนถึงขนาดเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อประชดชีวิตเขาที่แม้จะเดาได้ตั้งแต่แรก แต่พอได้ยินเองกับหู ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้าทันที ทั้งที่เธอแสนดีกับพวกมันขนาดนั้น แต่กลับถูกพวกมันทรยศหักหลัง จนหัวใจแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี และเธอที่ตัดสินใจประชดชีวิตไปแบบนั้น ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่ผมที่ดูแลเธอ ชีวิตเธอตอนนี้จะเป็นยังไงหลังจากที่ผมได้ฟังในสิ่งที่ลูกน้องรายงาน รวมทั้งเรื่องที่ผมสั่งให้ไปกระทืบพวกมัน พอลูกน้องคนสนิทของรายงานจบผมก็ตัดสายทันทีและพลางนึกสะใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องมอบความต้องการให้แก่เธอ ผมคงไปกระทืบมันด้วยตัวของผมเองแล
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(3)--- เอลิซ Talk ---ฉันที่ถึงกับร้องไห้โฮหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่คุณเซฟได้ไปสืบเรื่องการหายตัวไปของพ่อกับแม่ของฉัน เขาที่ตามเบาะแสทุกอย่าง เพราะอยากจะให้พวกท่านได้มาร่วมงานในวันแต่งงานของเราทั้งสองคน แต่ใครจะไปคิดว่ากลับไม่มีพวกท่านอยู่บนโลกนี้อีกแล้วคุณเซฟยังเล่าให้ฟังต่อว่า พวกท่านทั้งสองได้ถูกทำพิธีทางศาสนาไปทั้งนานแล้วโดยองค์กรนั้น และจัดการกับเถ้ากระดูกไปจนหมดสิ้นเนื่องจากไม่คิดว่าทั้งสองท่านยังมีญาติหลงเหลืออยู่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ใจที่แม้แต่เถ้ากระดูกของพ่อกับแม่ตัวเอง ฉันยังไม่อาจจะสัมผัสได้ฉันร่ำไห้สะอื้นจนตัวโยนแม้จะตั้งท้องจนใกล้คลอด ฉันก็ยังอยากจะมีแม่ไว้คอยให้คำปรึกษาในเวลาที่ต้องเลี้ยงลูก ก่อนที่จะเฝ้าโทษตัวเองอยู่นาน ถ้าช่วงนั้นฉันเอะใจสักนิด และไม่ปล่อยให้ความเคยชินยามไม่มีพวกท่านมาทำให้ฉันไม่สนใจอะไร วันนี้เราพ่อแม่ลูกคงไม่ต้องมาพรากจากกันอย่างถาวรและนอกจากเรื่องราวของพ่อแม่ของฉันที่ฉันเพิ่งได้รับรู้ ก็ยังมีเรื่องราวที่น่าเซอร์ไพรส์มากกว่านั้น นั่นก็คือ...เพื่อนสนิทของคุณพ่อของฉันที่คอยช่วยเหลือท่านมาโดยตลอด เขาคนนั้นก
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(2)หลายปีต่อมา ~~จนกระทั่งเมื่อข่าวการป่วยหนักของผู้เป็นบิดาดังเป็นข่าวใหญ่ เขาที่แม้จะเสียใจกับสิ่งที่พ่อทำกับตนมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นลูกและความรัก ความผูกพันที่ยังมีอยู่ จึงทำให้วันนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตัวเขาเองได้จากไปนานนับปีหลังจากที่เขากลับมายังประเทศบ้านเกิดและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาก็ได้รวบรวมความกล้ากลับมายังคฤหาสน์หลังงามที่คุ้นตา แต่ทว่า...วันนี้เขาไม่ได้มาแค่กับไอรินภรรยาที่เขารัก แต่ว่า...เขายังพาโซ่ทองคล้องใจมาด้วย...เอลิซ...ลูกสาวตัวน้อยหน้าตาน่ารักที่เขาหวังพามากราบชายผู้เป็นปู่ของเธอแต่ทว่า...ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสำหรับคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขา ทั้งที่เขาจะสลัดทิฐิทิ้งไปแล้วพาตัวเองมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ที่คุ้นเคยได้แล้ว แต่ทว่า...ขาของเขามันกลับไม่ยอมก้าวเข้าไปเสียทีเขาที่ยืนลังเลอยู่หน้าบ้านสักพักใหญ่ ๆ ทั้งที่ใจอยากจะเข้าไปดูใจผู้เป็นพ่อ แต่ด้วยทิฐิที่กลับเข้ามาอยู่ในใจ บวกกับความลำบากตากตำที่ต้องพบเจอมาอยู่หลายปี สุดท้ายแล้ว...ทิฐิก็เป็นฝ่ายชนะ..
ตอนพิเศษ : ครอบครัวที่แท้จริง...(1)ณ คฤหาสน์ตระกูลฤธาทรัพย์ดำรง“ถ้าแกกล้าก้าวเท้าออกไปจากบ้านแค่ก้าวเดียว แกไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย”เสียงดังประกาศกร้าวจากเจ้าปากของร่างชายสูงวัย พูดกับลูกชายคนเล็กด้วยตัวที่สั่นเทาด้วยความโกรธ“ป๊า...!!” ชายหนุ่มที่ประคองร่างอันสั่นเทาของผู้หญิงที่ตัวเองรักอยู่ในอ้อมแขน หันมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย“เฮียใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ” ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเขา กลับเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่มือเขาเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดเมื่อเห็นเขาอารมณ์เริ่มปะทุ ด้วยไม่อยากให้ตนเองเป็นชนวนให้พ่อกับลูกต้องผิดใจกัน“ฉันเลือกผู้หญิงดี ๆ เพียบพร้อมเอาไว้แก แกดันไม่เอา แต่ดันไปเลือกผู้หญิงไม่มีหน้าตาในสังคม ผู้หญิงแบบนี้มันจะไปช่วยให้แกเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ยังไง...ห๊ะ...!!” ชายสูงวัยระเบิดอารมณ์ต่อ พร้อมกับค่อนแคะผู้หญิงของลูกชายเขา โดยที่เธอทำได้เพียงแค่ก้มหน้ายอมรับ“ป๊าครับ กรุณาให้เกียรติเมียของผมด้วย” ลูกชายพูดกดเสียงด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากพ่อของต้นดูดถูกผู้หญิงที่ตนรัก“ป๊าก็ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะครับ แกก็ด้วยไอ้ชิน...” เสียงของผู้ที่เป็นทั้งลูกชายคนโตและยังเป็นพี่ชายเพียงคนเด
ตอนพิเศษ : ความลับของเซบาสเธีย..(3)ผมตัดสินใจเดินลงมาหาเธอ ก่อนที่จะสูดหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ยทักทายเธอออกไป..."คุณครับคุณ คุณครับ คุณครับ" ผมเรียกอยู่นานกว่าเธอจะตอบ"ค่ะ ว่าไงคะ" เธอหันมาหาพร้อมตอบรับ ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เหมือนเธอจะตะลึงในความหล่อของผมอยู่เหมือนกัน"คุณ..ว่าไงครับ ผมรอคำตอบอยู่" โอ๊ยคนอะไรยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งน่ารักเป็นบ้า ขนาดใส่เสื้อผ้ายังน่ารักขนาดนี้ ถ้าหาก...(ไอ้เสือ...!! ใจเย็นดิว่ะ...หึหึ)"อะ...อะไรนะคะ" เหมือนเธอจะเริ่มเมาแล้ว แต่นั่นก็กลับยิ่งทำให้เธอน่ารักมากขึ้นไปอีก"ผมถามว่าผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ ผมมาคนเดียวเลยไม่อยากไปนั่งโต๊ะใหญ่ครับ" ผมถามโดยที่สายตามจับจ้องไปทั่วร่างของเธอ"ดะ..ได้ค่ะ" เธอตอบตะกุกตะกัก และนั่นมันก็ทำให้ผมดีใจมากที่เธอไม่ปฏิเสธผมเหมือนคนอื่น(นี่มันคือพรหมลิขิตใช่ไหม...ฟ้าเป็นใจใช่หรือเปล่า ~~)"คุณชื่ออะไรครับ" ผมแกล้งถามเธอออกไป ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก"คุณครับ ชื่ออะไรครับ" ผมสะกิดเธออีกครั้ง เพราะดูเธอจะเหม่อลอยไม่ทันได้ฟังที่ผมถาม"ห๊ะ...ว่ายังไงนะคะ"สายตาเย้ายวนเหลือเกิน ทนไว้ไอ้เซฟทนไว้" ผมถามว่าคุณชื่ออะไรครับ" ผมแกล้งถาม
ตอนพิเศษ : ความลับของเซบาสเธีย..(2)อีกทั้งวันนี้เธอกำลังฉลองวันครบรอบของเธอกับแฟนของเธออยู่ด้วย...หึ...ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขยามที่เธอเตรียมขอขวัญไปเซอร์ไพรส์ให้มันนั้น ยามที่มันได้รับหน้ามันจะบานเป็นกระด้งขนาดไหน ทั้งที่พวกมันไม่สมควรจะได้รับความปรารถนาดีจากเธอเลยด้วยซ้ำ...!! ผมนึกย้อนไปถึงการกระทำของตัวเองที่ใช้ให้ลูกน้องไปคอยตามดูเธอ รวมทั้งไอ้แฟนสารเลวของเธอ แล้วก็...หึ..นังเพื่อนสุดเลวของเธอด้วย ผมมักจะได้รับรายงานถึงสิ่งที่เธอมักจะทำให้พวกมันอยู่เสมอ สิ่งที่ดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมอบให้พวกมัน ทั้ง ๆ ที่พวกมันต่างทรยศหักหลังเธอ พวกมันไม่สมควรจะได้รับความรักและความใจดีแบบนั้นเลย... “แม่งเอ๊ย...!!” ผมที่สบถลั่นออกมาอย่างคนหัวเสีย ทำไมผู้ชายเลว ๆ แบบนั้นถึงได้ครอบครองหัวใจของเธอได้ว่ะ ทำไมกันวะ...ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้วะ...ทำไมไม่เป็นผมวะที่ได้ครอบครองหัวใจของเธอ และทำไมจังหวะชีวิตของเราถึงต้องไม่ตรงกันด้วยวะ.... ผมที่นั่งคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อนจะปาแก้วเหล้าออกไปจนแตกกระจาย ประจวบกับที่ไอ้กิตที่เพิ่งเข้ามาก็ได้เห็นการก