เพื่อไม่ให้ผู้เป็นภรรยาได้อายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจึงรีบเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้กับภรรยาตัวน้อยของเขาได้ทาน ผ่านไปสักพักหวังอี้หลินกลับมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กร้อน ชายหนุ่มตักโจ๊กขึ้นมาแล้วเป่าให้หายร้อน จากนั้นก็ยื่นช้อนที่ตักโจ๊กป้อนหญิงสาว หยุนชิงมองการกระทำของสามีอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ยอมกินโจ๊กที่ชายหนุ่มป้อนให้
ฟินอะ ผู้หล่อป้อนข้าวด้วย อยากป่วยต่อไปจังเลย
ไหนแม่นางหยุนชิงร่างเดิมคิดว่าสามีไม่รัก ไม่ใส่ใจ เขาก็ดูเอาใจใส่นางดีนี่ แบบนี้ต้องมีอะไร ในกอไผ่แน่ ที่ทำให้คิดแบบนั้น
หลังจากกินอิ่มแล้วหยุนชิงก็เริ่มรู้สึกเหนียวตัวนัก นางยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คนโบราณนี่เขาไม่ค่อยอาบน้ำกันเนอะสองวันอาบหนึ่งครั้ง นางคงจะทนไม่ได้แน่ถ้าไม่ได้อาบก่อนนอน
“ท่านพี่ข้าอยากอาบน้ำเจ้าค่ะ ท่านช่วยไปตักน้ำใส่ถังให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้ายังไม่หายป่วยจะดีหรือ หากอาบน้ำตอนนี้ ไว้ให้หายไข้ดีกว่าหรือไม่” เขายังไม่อยากให้นางอาบน้ำเพราะเกรงว่านางจะไม่หายไข้
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าหายแล้ว อาจูเจ้าอยากอาบน้ำกับแม่หรือไม่” หญิงสาวตอบสามี ก่อนจะหันกลับไปถามบุตรสาวที่ยืนมองอยู่หน้าประตู หน้าตามอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูท่าแล้วคงจะไม่ค่อยมีใครดูแลสินะ อีกทั้งหวังอี้หลินเป็นบุรุษคงจะดูแลเด็กเล็กไม่เป็นเท่าไร ไม่ต้องห่วงอาจูต่อไปนี้แม่จะขุนเจ้าให้ตัวอ้วนกลม บำรุงเจ้าเอง หยุนชิงคนเก่าไม่รักแต่หยุนชิงคนนี้จะรักเจ้าเอง
เด็กน้อยที่ได้ยินมารดาชวนไปอาบน้ำด้วยเป็นครั้งแรกรีบพยักหน้าตอบรับทันที ดวงตาเด็กน้อยเป็นประกายอย่างดีใจ ท่านแม่จะอาบน้ำให้นางด้วยล่ะ นางจะอวดพวกเด็กเกเรที่ชอบล้อนางว่าเป็นเด็กที่แม่ไม่รัก
หวังอี้หลินเห็นท่าทีอ่อนโยนของภรรยาที่มีให้กับบุตรสาวบุญธรรมยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมานิสัยการพูดการจาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วตนไม่อยากเห็นสีหน้าที่อมทุกข์ตลอดเวลาอีก ต่อไปนี้เขาคงจะต้องใส่ใจเรื่องราวของภรรยาให้มาก
"เอาล่ะในเมื่อยืนยันว่าหายดีแล้วพี่จะไปเติมน้ำใส่ถังให้ อีกเดี๋ยวพี่จะมาเรียกเจ้าอีกทีแล้วกัน"
....ในห้องอาบน้ำ....
หยุนชิงนั่งอยู่ในถังน้ำพร้อมกับขัดถูเนื้อตัวให้กับเด็กน้อยอย่างตั้งอกตั้งใจ อาจูนั้นแม้จะกลัวมารดา เพราะที่ผ่านมา หยุนชิงคนก่อนเอาแต่หาเรื่องต่อว่า และยังแอบหยิกนางบ้างเวลานางดื้อหรือซน แต่เด็กน้อยก็อยากให้มารดารักมากกว่า จึงยอมมาอาบน้ำด้วยเช่นนี้ แต่ตอนนี้ท่านแม่มิได้ดุด่าอีกแล้ว ทั้งยังดูใจดีกับนางมากด้วย อาจูชอบท่านแม่แบบนี้ที่สุด
“อาจูทำไมเจ้าถึงผอมเช่นนี้ เจ้าได้กินข้าวบ้างหรือไม่ ต่อไป เจ้าต้องกินเยอะ ๆ เข้าใจไหม แม่จะดูแลเจ้ากับท่านพ่อเอง” หลังอาบน้ำเสร็จหยุนชิงพาอาจูน้อยมาแต่งตัวทำผม นางหวีผมแบ่งสองข้างให้เท่ากัน จากนั้นก็ถักเปียแล้วม้วนเป็นก้อนกลมทั้งสองข้าง พอแต่งตัวให้เด็กน้อยแบบนี้แล้วดูน่ารักขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย หญิงสาวจึงอดที่จะหอมแก้มของเด็กน้อยไม่ได้ น่ารักเสียจริง ไม่ต้องท้องข้าก็มีลูกสาวที่น่ารักเพียงนี้เลยหรือ
“ ข้าเรียกท่านว่าท่านแม่ได้หรือไม่เจ้าคะ” อาจูน้อยถามขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ที่ผ่านมาท่านแม่ให้นางเรียกแต่ท่านน้า
“ได้สิ ต่อไปเจ้าคือลูกสาวของแม่ หากใครทำร้ายเจ้าแม่คนนี้จะปกป้องเจ้าเอง”
“จริงหรือเจ้าคะ ข้าเรียกได้หรือเจ้าคะ” เด็กน้อยวิ่งเข้าไปกอดเอวหญิงสาว พร้อมกับถามเพื่อความแน่ใจ แววตาอันใสซื่อจ้องมองรอคอยคำตอบอย่างตั้งใจ
“จริงสิแม่จะโกหกเจ้าทำไม” ร่างบางย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเด็กน้อย ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวให้เด็กน้อยแน่ใจ ว่าที่นางบอกนั้นเรื่องจริง
“เย่ เย่ ข้ามีแม่แล้ว” เด็กน้อยกระโดดไปรอบ ๆ ห้องอย่างดีใจ
ทางด้านหวังอี้หลินยืนฟังสองแม่ลูกอยู่ตรงมุมประตูห้องคุยกัน เขาก็ได้แต่แอบยิ้มดีใจเช่นกัน ที่นางเปลี่ยนไปในทางที่ดีเช่นนี้
แล้ววันงานบวงสรวงก็มาถึง ปะรำพิธีได้ถูกจัดขึ้น ณ ลานกว้างของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กลางลานมีแท่นพิธียกขึ้นสูงบนโต๊ะรูปมังกรเหยียบเมฆา มีผลไม้และอาหารมงคล ตรงกลางมีกระถางสำหรับปักธูปลวดลายอ่อนช้อย สถานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามงานนี้เจ้ากรมพิธีการได้หน้าไปเต็ม ๆ ต่างถูกชมจากผู้คนมิขาดปากแต่ผู้ที่รับหน้าที่สำคัญที่สุดในวันนี้กลับนั่งเหงื่อตกรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ คิดจะหนีงานดีหรือไม่ แต่เมื่อมองไปยังที่ประทับของฮ่องเต้ ใบหน้าที่คาดหวังของท่านแม่และท่านพ่อ ไหนจะท่านลุงฮ่องเต้อีกคน จะถอยก็มิได้จะเดินต่อก็ไม่ได้และแล้วพิธีสำคัญได้ถึงเวลาที่เหมาะสมชาวบ้านที่เข้ามารอชมอย่างคาดหวัง หวังเยี่ยนฟางแต่งตัวด้วยชุดสีแดงอลังการ เดินนวยนาดออกมายังหน้าแท่นพิธีก่อนสายตาจะมองไปรอบ ๆ นางไม่พบเหล่าพี่ชายพี่สาวแฝดสามและอ๋องน้อยพวกนั้นหายไปที่ใดกัน“แด่ท่านเทพพิรุณเทพแห่งสายฝนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา ท่านได้โปรดทรงประทานหยาดฝนเพื่อดับทุกข์ร้อนของเหล่ามวลมนุษย์ด้วยเถิด” หวังเยี่ยนฟางกล่าวจบจึงได้ทำการปักธูปลงในกระถางทันใดนั้นเองท้องฟ้าแปรปรวนร้องสนั่นหวั่นไหว หมู่เมฆมืดครึ้มลมพัดแรง จนมงกุฎที่หวังเยี่ยนฟา
ในปีหนึ่งแคว้นหนานได้เกิดปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตรและใช้สำหรับอุปโภคบริโภคองค์ฮ่องเต้ทรงมองเห็นในความเดือดร้อนของพสกนิกร ทรงมีรับสั่งช่วยเหลือแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยลดความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อนานวันเข้าภัยแล้งกลับไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นหัวข้อประชุมเช้าอันดุเดือดประจำท้องพระโรงคงจะหนีไม่พ้นเรื่องภัยแล้ง"ทูลฝ่าบาทหากเรายังคงเบิกจ่ายข้าวสารและตำลึงเงินอีกไม่เกินปีนี้ กระหม่อมเกรงว่าท้องพระคลังคงจะหมดในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังกราบทูลถึงปัญหาที่เกิดขึ้น"ทูลฝ่าบาท จากที่กระหม่อมส่งคนออกสำรวจแหล่งน้ำทั่วแคว้น ปริมาณน้ำลดน้อยลงไปมากพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมโยธาก้าวออกมา ชี้แจงปัญหาที่ได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจแหล่งน้ำ"มีผู้ใดจะเสนอความคิดในการแก้ปัญหาบ้างหรือไม่" หนานหยางจง เจ้าแห่งแคว้นถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองทั่วทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีผู้ใดก้าวออกมาเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาอย่างเช่นเคยเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างก็หาทางออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่เคยเจอปีไหนเลย ที่ภัยแล้งจะหนั
“ข้อหนึ่งหนูขอไปเกิดแบบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ คือหนูไม่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกแล้วค่ะ”อืม ข้อนี้ไม่ยากถือว่ายังให้ได้อยู่“ข้อสองหนูขอคนรักสักคนที่รักหนูคนเดียวไม่นอกใจค่ะ”ข้อนี้ก็ยังถือว่าง่ายไม่พิเศษอะไรนังหนูนี่ช่างมักน้อยซะจริง“และข้อสุดท้ายหนูขอความทรงจำเดิม และความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างของชาติเดิมค่ะ”“ได้ถ้าอย่างนั้นเจ้าตามข้ามา” ยายเมิ่งตอบตกลงทุกเงื่อนไขที่ขอมาอย่างไม่ต้องคิด เพราะคำขอแต่ละข้อไม่ได้ถือว่าผิดต่อศีลธรรมอันใดแต่ก่อนจะให้เด็กสาวผู้นี้ลงไปเกิดนางอยากจะเอ่ยปาก พูดอะไรสักอย่างกับสตรีน้อยผู้นี้สักหน่อย“เดี๋ยวก่อนนังหนูเรื่องคนที่ทำให้เจ้าตาย เจ้าก็ให้อภัยเขาเถอะคนผู้นั้นไม่ได้ตั้งใจ อย่าแช่งกันอีกเลยสำนึกผิดไม่ทัน”สตรีผู้นั้นตอบรับด้วยสีหน้างุนงง แต่ก็ช่างเถอะไม่รู้เรื่องอันใดก็ดีแล้วกรี๊ดดดดดตู้มมมม"อภัยให้ข้าเถอะนังหนูเจ้าลีลาเกินไป หากเจ้าอยู่นานกว่านี้เห็นทีข้าจะโดนจับได้" แล้วยายเมิ่งก็เดินจากไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"อยากเรียกข้าว่าป้าดีนักขอสักทีเถอะ" ว่าจะไม่ทำอันใดแล้ว คำก็ป้าสองคำก็เรียกป้าแค่ถีบตกบ่อยังน้อยไปหลังจากนั้นข้าคิดว่าชีวิตจะสงบสุขส
ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยนฟางเป็นบุตรสาวคนเล็กของบ้านตระกูลหวัง ทุกคนในบ้านต่างรักและตามใจข้าเป็นที่สุด ข้าคือสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อเพราะแม้ว่าท่านพ่อดื่มยาห้ามบุตรที่มีฤทธิ์แรงที่สุด แต่ตัวข้าหวังเยี่ยนฟางผู้นี้สามารถฝ่ายาห้ามบุตรมาเกิดได้ฮะฮ่าทุกคนต่างเอ่ยชมความสามารถของท่านพ่อหวังอี้หลินมิได้หยุด เขาคือสุดยอดแห่งบุรุษของแคว้นเป็นลูกรักของเทพพระเจ้า บางคนร่ำรวยอำนาจล้นฟ้าหรือแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังไม่สามารถมีบุตรได้ดั่งใจสั่งเช่นท่านพ่อของข้าได้ แต่ก็นะคนเหล่านั้นพูดเกินจริงไปมากโข เป็นเพราะข้าผู้นี้อยากมาเองต่างหากหากจะถามว่าข้าผู้ที่มีรูปโฉมงดงามราวกับเทพเซียน พูดจาไพเราะราวกับนกน้อยร้องรับอรุณยามเช้า ความสามารถหรือก็มิแพ้ใคร รูปร่างสูงโปร่งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ข้าผู้นี้มีนามว่า เมิ่ง เมิ่ง หรือก็คือยายเมิ่งที่เหล่ายมโลกเรียกขานกัน หุ หุอะ แฮ่ม เอาล่ะกล่าวชมตนเองมามากพอแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อกาลก่อน"เมิ่ง เมิ่ง เจ้าฟังข้าก่อน งานข้ายุ่งมากไปกับเจ้ามิได้จริง ๆ อย่าโกรธข้าเลยนะ" ผู้คุมนรกชั้นอเวจีคอยควบคุมเหล่าวิญญาณชั้นเลว ชดใช้บาปกรรมโ
"อั๊กกก" ไม่ได้การแล้วมันช่างทรมานยิ่งนัก คงต้องหาอะไรที่ทำให้เขาหายจากอาการนี้หยงเจาฝืนทนพยายามลุกขึ้นยืนให้มั่น แต่ด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้เซถลาชนเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนกวาดเอาถ้วยน้ำชาร่วงลงกับพื้น"ท่านหยงเจาเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ท่านรออยู่นี่ก่อนข้าจะไปตามหมอให้" อาลี่ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเสียงดังจากห้องของชายหนุ่ม จึงรีบเดินเข้ามาดู ไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดอะไรขึ้น หากเมื่อเดินเข้ามาสิ่งที่เห็นทำให้นางยิ่งตกใจ"ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบออกไปเถิดข้าขอร้อง" ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว หากช้ากว่านี้คงได้หน้ามืดล่วงเกินสตรีที่หลงรักตรงหน้าแน่"ทะ ท่านเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนบอกข้าสิ" เพราะความเป็นห่วงอาลี่จึงไม่ยอมขยับไปไหนยาที่หยงเจาได้รับในปริมาณมาก ทำให้ชายหนุ่มครองสติไม่ได้แล้ว เขาคว้าคอหญิงสาวโน้มลงมาพร้อมกับจุมพิตอันร้อนแรงอาลี่พยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของชายหนุ่มได้ จากขัดขืนในตอนแรกกลับกลายเป็นคล้อยตาม จนนางได้ตกเป็นของหยงเจาในคืนนั้น"ข้าจะรับผิดชอบเจ้า" หยงเจายังคงยืนยันคำเดิม เพราะตั้งแต่รู้สึกตัวตื่น เขาพยายามจะหว่านล้อมให้ร่างบางตรงหน้ายินยอม แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน
"หาา! นี่ท่านยังเกี้ยวอาลี่ไม่สำเร็จอีกหรือ จิ๊ก จิ๊ก ช่างไร้ฝีมือ" อาเล่อมองหน้าหยงเจาอย่างดูแคลน ขนาดว่านางเปิดโอกาสให้อยู่กันลำพังบ่อยครั้งก็ยังทำไม่สำเร็จ"แล้วเจ้าเล่าเกี้ยวหานลู่สำเร็จแล้วหรือ ทำมาเป็นเย้ยข้า" ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ข้าไม่อยากจะคุย ข้ากับท่านหานลู่ตกลงศึกษาดูใจกันแล้วเจ้าค่ะ ไม่แน่ปลายปีนี้อาจจะมีข่าวดี" อย่างหลังไม่เป็นความจริงสักนิด นางก็แค่ใส่สีตีไข่เข้าไปให้ดูเหนือกว่าเท่านั้นเอง"จริงหรือ ข้าขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้หรือไม่" นางช่างเก่งกาจ"เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเจ้าค่ะ มิใช่เรื่องที่จะสอนได้โดยง่าย" นางลงทุนไปตั้งเยอะยังได้เพียงแค่ศึกษาดูใจเลย"ถ้าเจ้ามีแผนอะไรดี ๆ แนะนำข้าทีเถิด" ตนได้ลองมาหลายวิธีแล้ว สาวเจ้ายังไม่แม้แต่จะใจอ่อนเลย จะล้มเลิกไม่ตามเกี้ยวต่อก็ไม่ได้ ก็คนมันรักไปหมดใจแล้วจะให้ทำเช่นไร โอ๊ย ข้ากลุ้ม"อย่างนี้ดีหรือไม่ คืนนี้พวกท่านเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงเรื่องอาลี่ข้าจะเป็นธุระให้เอง" อาเล่อพอจะรู้ว่าสหายผู้นี้มีใจให้กับท่านหยงเจาไม่มากก็น้อย และท่านหยงเจาก็ใจตรงกันอีกด้วย แล้วเพราะอะไรสหายรักถึงได้ไม่ใจอ