ตั้งแต่ตอนนั้นมาเขาก็ใช้งานเธออย่างหนัก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนทำงานถูกต้องแต่เขาก็ใช้ให้ไปแก้ใหม่อยู่อย่างนั้นแหละ สั่งวันนี้ตอนเย็นให้ส่งพรุ่งนี้ตอนเช้าเก้าโมงอยู่แบบนี้ จนเกือบเดือนที่เขาสั่งงานเธอโหดร้าย ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าที่เขาสั่งงานเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ราวกับว่าจงใจบีบบังคับให้เธอลาออกไปให้พ้นหน้าของเขา แต่สำหรับเขาที่จงใจสั่งงานเธอเยอะขนาดนี้เพราะรู้สึกหงุดหงิดที่เธอทำเฉย ทำเหมือนว่าทั้งสองไม่เคยมีอะไรกัน
“อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันแต่งงานคุณสรัลแล้วสิครับ เตรียมตัวไปถึงไหนแล้วครับ” ธงชัยหนึ่งในกรรมการบริหารถามขึ้น หลังจากออกมาจากห้องประชุม
“ผมแค่เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวเองครับ ส่วนเรื่องงานแต่งเป็นหน้าที่ของแม่กับหยาดฟ้านะครับ”
“เหรอครับ ผมยินดีด้วยนะครับ”
“ยังไงวันนั้นคุณธงชัยอย่าลืมไปงานของผมกับหยาดฟ้านะครับ”
“แน่นอนครับผมไปแน่ ๆ” ธงชัยบอก แล้วก็พวกกรรมการบริหารคนอื่นก็ชวนสรัลคุยต่อเรื่องงานแต่งงานอีกหน่อย จึงแยกย้ายกันกลับไป
“วันที่ผมแต่งงานคุณแพรวก็อย่าลืมไปงานแต่งผมด้วยนะครับ” เขาพูดขึ้น หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องประชุมไปหมดแล้ว
“ท่านประธานแต่งงานทั้งทีทำไมเลขาอย่างแพรวจะไม่ไปงานแต่งได้ล่ะค่ะ แพรวต้องไปอยู่แล้ว” เธอพูดออกมาโดยที่ยิ้มแย้มใส่เขา แม้ว่าในใจจะเจ็บมากแต่ไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกออกมา ทำให้คนที่อยากเห็นเธอเจ็บ ได้แต่กัดกรามกรอด ๆ อย่างไม่พอใจ
“งานที่ผมสั่งเพิ่มไป ทำให้ทันเย็นนี้ด้วยล่ะ ไม่ทันไม่ต้องกลับบ้าน!”
“ค่ะ ท่านประธาน” หญิงสาวเดินออกจากนอกห้องประชุมไปไม่เท่าไร ก็มีเสียงของคนกรี๊ดอยู่หน้าห้องประชุม เขาจึงรีบเดินออกไปดูทันที
“เสียงดังอะไรกัน” เขาเดินออกมาถาม แต่เห็นคนกำลังมุงดูอะไรสักอย่างหน้าห้องประชุม
“ก็คุณแพรวเป็นลมสิคะท่านประธาน” ฟ้าใสเอ่ยบอกมาแล้วก็หันไปโบกมือพัด ๆ ให้กับแพรววนิตต่อ
“ไหนดูสิ” เขารีบแหวกคนเดินเข้าไปหา
“หน้าซีดมากเลยค่ะท่านประธาน” ฟ้าใสบอก
“เดี๋ยวผมพาคุณแพรวไปโรงพยาบาล” เขารีบเข้ามาอุ้มแพรววนิตไปจากตักของฟ้าใสทันที
“เดี๋ยวฟ้าใสไปด้วยค่ะ” ฟ้าใสรีบลุกตามท่านประธานไปทันที
พอไปถึงโรงพยาบาล แพรววนิตได้ถึงมือของหมอเรียบร้อย เขาก็สั่งให้ฟ้าใสกลับไปทำงาน เดี๋ยวทางนี้เขาจะจัดการดูแลต่อเอง ฟ้าใสไม่อยากจะกลับไปทว่าก็ต้องยอมกลับไปทำงานเพราะท่านประธานออกปากสั่ง แต่ถึงจะยอมกลับไปโดยง่าย แต่ฟ้าใสก็ยังไม่กลับไปทำงาน ยังคงแอบดูอยู่ห่าง ๆ
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหมอก็ออกมาแสดงความยินดีกับเขา ที่เป็นคนส่งคนไข้มาหาหมอ เขาได้แต่งงว่าหมอจะบอกยินดีทำไม ทว่าพอหมอบอกว่าแพรววนิตกำลังตั้งท้องอ่อน ๆ ได้ประมาณสี่สัปดาห์ เขาถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว หมออาจจะคิดว่าเขากำลังดีใจที่รู้ว่าเธอท้อง แต่สำหรับเขามันเป็นข่าวร้ายที่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา
แพรววนิตพอตื่นขึ้นมา หมอก็เข้ามาแจ้งทันทีว่าเธอท้อง เธอตกใจมาก ทั้งที่เธอก็กินยาคุมฉุกเฉินตามที่เภสัชกรแนะนำทุกอย่าง แต่ยาคุมทุกอย่างมันไม่ได้คุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ความจริงหมออยากให้เธอนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลสักคืนแต่เธอปฏิเสธ หมอจึงรอให้น้ำเกลือขวดนี้หมดก่อนถึงให้กลับ ซึ่งคนที่เธอไม่อยากให้รู้ก็คือเขา ทว่าพอเขาเข้าเดินมาที่เธอ ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของคนไข้เลยทำให้เธอรู้สึกตกใจ
“ท่านประธาน” เธอเรียกเขาเบา ๆ
เขาเดินเข้ามาทำหน้าซีด ไม่สบอารมณ์ พร้อมกับถือถุงยามาหาที่เธอ
“หมอให้ยาบำรุงกับยาแก้อ้วกมาให้” เขาว่าพร้อมกับยื่นให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“คุยอะไรหรือคะท่านประธาน ถ้าเป็นเรื่องงานแพรวจะรีบกลับไปทำให้เลยค่ะ พยาบาลคะช่วยเอาสายน้ำเกลือออกให้ด้วยค่ะ” เธอตะโกนเรียกพยาบาลทันที หลังจากเห็นว่าน้ำเกลือใกล้จะหมดแล้ว
“เรื่องงานเอาไว้ก่อน เราต้องคุยเรื่อง...” ยังไม่ทันพูดจบ พยาบาลก็เข้ามาดูเสียก่อน
“น้ำเกลือยังเหลืออีกนิดหนึ่งนะคะ” พยาบาลสาวบอก
“เอาออกเลยค่ะ ฉันด่วนไปทำงานค่ะ” เธอบอกพยาบาลกลับไป
“งั้นดิฉันขอไปแจ้งหมอก่อนนะคะ” พยาบาลเดินกลับไปแจ้งหมอก่อน ที่จะกลับมาถอดสายน้ำเกลือให้
“ไม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว เดี๋ยวผมขับรถไปส่งที่บ้าน” เขาเข้าไปช่วยพยุงเธอให้ลงมาจากบนเตียงพร้อมกับบอกเธอไปด้วย
“เดี๋ยวงานของท่านประธานจะเสียหายเอานะคะ”
“ตอนนี้ลูกในท้องสำคัญกว่า” เขาว่าแล้วดึงมือของเธอมากำเอาไว้ กลัวว่าเธอจะหนีไปไม่ยอมคุยกับเขา
เธอพยายามจะดึงมือนั้นออกจากเขา แต่ท่านประธานก็จับเอาไว้แน่น จนทั้งสองเดินมาถึงที่รถยนต์ ตรงที่เขาจอดเอาไว้ หญิงสาวก็รีบดึงมือออกทันที คราวนี้เขายอมปล่อยเพราะเห็นว่าเดินมาถึงที่รถยนต์แล้ว
“เรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว คุณจะพูดความจริงได้หรือยังคุณแพรว” เขาทำหน้าตึง เสียงดุใส่เธอ
“เรื่องอะไรกันคะ” เธอแกล้งไม่รู้
“เรื่องมันมาขนาดนี้คุณยังจะตีหน้าซื่ออีกเหรอ คุณคิดว่าเรื่องคืนนั้นผมจำเสียง จำกลิ่นกายของคุณไม่ได้หรือไง เราทำงานมาด้วยกันกี่ปีแล้วคุณแพรว”
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะคะ
หนึ่งเดือนที่กลับมาอยู่กับเขาที่บ้าน เขาก็ดีทุกอย่าง ส่วนแม่สามีดีกับเธอมาก ดีจนเธอแทบจะตกใจ และตอนนี้เธอกับเขาก็ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อแม่สามีจัดหาฤกษ์หายามให้เธอกับเขาไปจดทะเบียนสมรสกัน แล้วจะไปสู่ขอเธอจากแม่ของเธอด้วย แต่แพรววนิตห้ามเอาไว้ก่อนเพราะเธอไม่อยากจะไปตอนนี้ รอให้คลอดลูกออกมาสักพักแล้วค่อยไปขอเธอกับแม่เธอเลยเล่าปัญหาที่มีกับแม่มาตลอดให้คุณสามีและแม่สามีฟังอย่างระเอียด ทุกคนก็เห็นด้วยที่จะไปกันตอนที่เธอคลอดลูกมาสักพักก่อนเพราะถึงขนาดว่าเธอท้องมาหลายเดือนแล้ว คนเป็นแม่แท้ ๆ ยังไม่ห่วงใยกัน สามีและแม่สามีต่างเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึก ต่างเข้ามาปลอบโยนและช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เธอขาดหายไป“นี่คุณสรัลจะทำอะไรคะ” หลังจากเธอลงนอนบนเตียง เขาก็เอาหน้าโน้มมาที่ซอกคอของเธอ“นี่เรากลับมาอยู่กันเป็นเดือนแล้วนะ พี่ก็คิดถึงเมีย อยากจะเข้าไปทักทายลูก” เขาเอาหน้ามาฟัดซอกคอ พร้อมกับมาคลอเคลียแถวแก้มนวล“อะไรนะคะคุณสรัล จะเข้าไปทักทายลูกเหรอคะ คิดได้ไงเนี่ย” เธอดันเขาออก ชวนเขามาคุย“ครับ พี่จะเข้าไปทักทายตัวเล็กเสียหน่อย”
เธอปัดมือเขาออกจากแก้ม แถมปฏิเสธคำพูดเขา “ไม่จริงหรอกค่ะ คุณหยาดฟ้าก็เป็นสะใภ้ที่แม่ก็ชอบ แถมยังดีที่สุดด้วยนะคะ”“เมื่อก่อนนะใช่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้มีแพรวเป็นลูกสะใภ้ที่ดีคนเดียวแล้วครับ” เขาว่าแล้วกอดเธอไว้หลวม ๆ พร้อมกับหอมแก้มเธอฟอดใหญ่“อื้อ...คุณสรัล” เขาเห็นเธอทำหน้าตาเขิน เลยหอมแก้มให้อีกฟอดหนึ่ง“ยิ่งพอแม่ของพี่รู้ว่าหยาดฟ้าตั้งใจยกเลิกงานแต่งตั้งแต่แรก แต่เอาเรื่องของพี่ที่ทำแพรวท้องมาเป็นข้ออ้าง แม่ของพี่ก็โกรธมาก โทรไปต่อว่าพ่อแม่หยาดฟ้ายกใหญ่”“เหรอคะ”“พี่ก็รู้ว่าพี่เองก็ผิด ที่เห็นแก่ตัวเกินไป ตั้งใจจะปิดบังหยาดฟ้า แต่นั้นก็เป็นเพราะหยาดฟ้ามีคนอื่นก่อน ตั้งใจปิดบังพี่ตั้งแต่แรก ผลมาก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ ทำให้พี่คิดจะปิดบังเรื่องที่แพรวท้อง”“ค่ะ”“แต่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ดี ทำให้พี่รู้ว่าที่จริงแล้ว พี่รักแพรวแค่คนเดียว ไม่รู้ว่ารักแพรวมาตั้งแต่ตอนไหน แต่พอมารู้อีกทีพี่ก็โคตรรักแพรวเลย” ชายหนุ่มจูบที่หน้าผากมนของเธอ หลังจากที่เขาพูดจบ เธอเองก็หลับตารับจูบอ่อนโยนของเขาตอนนี้หัวใจของเธอรู
“หนูแพรวกลับมาแล้วหรือลูก เป็นอะไรมากไหม” สุจิราเข้าไปกอดแพรววนิตแถมยังเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเธอด้วย เธอเลยยังไม่คอยชินมากนักทำได้แต่หันไปมองหน้าของเขา ที่ส่งยิ้มกลับมาให้น้อย ๆ เพราะเขาเองก็ยังไม่คอยจะชินกับท่าทางแบบนี้ของแม่ แต่ทว่าท่าทางแบบนี้เขาก็เคยเห็นมาบ่อย เวลาที่แม่ของเขารักชอบลูกสะใภ้คนไหนเข้าไปแล้ว จะทุ่มให้หมดหัวใจเลย“ปลอดภัยดีครับแม่ แพรวกับลูกไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่พักผ่อนน้อย”“ไม่ได้นะต่อไปนี้ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ” สุจิรานำมือทั้งสองข้างของลูกสะใภ้ไปจับ บอกด้วยความเป็นห่วง “นี่แม่ก็ให้งามตาตุนยาจีนบำรุงครรภ์เอาไว้ให้ด้วยนะ ปานนี้ก็น่าจะตักรอ หนูแพรวแล้วแหละ ไป ๆ ไปกินยาบำรุงกัน” ท่านดึงมือของเธอให้เดินตามไปพร้อมกันเดินไปท่านก็คอยประคองเธอไปด้วย ชวนคุยนู้นนี้นั้นตามประสาคนคุยเก่ง หญิงสาวได้แต่มองหันหลังไปทางสรัล เขาก็ยิ้มหวานส่งมาให้ พร้อมกับพยักหน้าให้กำลังใจเธอไปด้วย“งามตายาจีนได้หรือยัง”“ได้แล้วค่ะคุณสุ” งามตานำมาวางไว้ให้ตรงโต๊ะรับประทานอาหาร“รีบกินเลยกำลังอุ่น ๆ” สุจิราบอกพร้อมกับนั่งเก้าอี้ตรงห
ตอนนี้หญิงสาวท้องได้ห้าเดือนแล้ว ระยะเวลาสองถึงสามเดือนที่เธอเธอเขียนนิยายขาย หญิงสาวก็ได้ยอดเกินเป้าทุกเดือน จากหลักพันก็ขึ้นมาเป็นหลักหมื่น จนเกือบจะครึ่งแสน เธอตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งานต่อไปเพราะอยากจะให้ยอดต่อเดือนไปถึงหนึ่งแสนให้ได้เพราะในช่วงเวลาที่เธอคลอดลูกแล้ว เวลาทั้งหมดของเธอก็จะมีให้ลูกแค่คนเดียว เวลาว่างของเธอก็จะมีน้อยลงเพราะฉะนั้นช่วงนี้เธอถึงต้องเร่งปั่นงานให้เยอะ ๆช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ สรัลได้เบาะแสจากทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้ว เธอฝากครรภ์ที่นั้น และสืบรู้อีกว่าวันนัดของเธอครั้งหน้าตรงกับวันไหน เขาจึงเตรียมมาดักรอเธอที่แผนกสูติ-นรีเวชและวันนัดก็มาถึงแพรววนิตออกไปตามนัดของคุณหมอ แต่ระหว่างทางที่กำลังเดินเข้าโรงพยาบาลนั้น อากาศมันร้อนมาก จนทำให้เธอเป็นลม โชคดีที่คนแถวนั้นเห็นและมารับเธอไว้ได้ทันท่วงที เธอถูกส่งตัวเข้าไปโรงพยาบาลและพยาบาลได้เอาโทรศัพท์ของเธอที่สั่นอยู่ตลอดมารับและบอกญาติของเธอให้มาดูแลปลายสายที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใคร ถ้าไม่ใช่สรัล เมื่อสรัลรู้เรื่องก็ตกใจมาก เขารีบมาหาเธอที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที ชายหนุ่มเป็
ตั้งแต่สองวันก่อนที่แพรววนิตออกมาจากบ้านของสรัล เธอก็หาคอนโดอยู่ใหม่ โดยเธอหาคอนโดที่ปลอดภัยหน่อย แม้ว่าจะต้องเสียเงินเช่าหลายบาทก็ตาม แต่เพื่อความปลอดภัยของเธอกับลูกในท้องแพรววนิตก็ยอมที่จะจ่าย เงินหนึ่งล้านที่เขาให้มามันมีประโยชน์มาก เธอใช้เงินนี้ในการเลี้ยงดูตัวเองในตอนที่ยังไม่มีรายได้เข้ามา ตอนนี้เธอกำลังเขียนนิยายเรื่องสั้น ก็ใกล้จะจบแล้ว ระหว่างที่อยู่กับเขาสองสัปดาห์ เธอก็เขียนในมือถือบ้าง ในโน๊ตบุ๊คของเธอบ้าง แต่ตอนนี้เธอมีเวลาเต็มที่เพราะไม่ต้องโดนใครใช้งานแบบเมื่อก่อนความหวังของเธอตอนนี้ขอให้การเขียนนิยายสำเร็จ พอที่จะเลี้ยงดูตัวเองกับลูกได้ หวังว่าการที่เธอชอบอ่านนิยาย จนพลันตัวมาเป็นนักเขียนได้ไม่นานจะทำให้ชีวิตเธอกับลูกดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร ไม่ต้องไปยืมจมูกของใครหายใจ แม้ว่าจะต้องอยู่กันสองคนแม่ลูก หญิงสาวก็ยอมหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากเธอย้ายออกมาจากบ้านของเขา การเขียนนิยายได้สร้างรายได้ให้เธออยู่บ้าง เธอลงเรื่องสั้นไปเดือนที่แล้วสองเรื่องก็เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะเป็นยอดหลักพันยังไม่ถึงหลักหมื่น ก็ทำให้เธอมีแรงที่จะสู้ต่อ เข
สุจิราและอินทุอรแอบมองแพรววนิตอยู่อีกห้องหนึ่ง ต่างทำหน้าตาสะใจอย่างมากที่กำจัดตัวปัญหาออกไปจากบ้านได้ สุจิราคิดว่ารู้แบบนี้ให้อินทุอรเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งนานแล้ว ถ้าจะกำจัดแพรววนิตออกไปได้อย่างง่ายดาย“มันออกบ้านคุณแม่ไปแล้ว แบบนี้อินต้องกลับบ้านไหมคะ”“กลับได้ไง ต้องอยู่ต่อสิ อยู่เจอพี่เขาก่อน แล้วตอนนั้นแม่จะหลีกทางให้ เพื่อว่าแม่จะมีหลานชายน่ารัก ๆ ให้อุ้ม”“คุณแม่พูดอะไรก็ไม่รู้” อินทุอรทำเขิน ทั้งที่ในใจระริกระรี้มาก ที่จะได้เป็นเมียของพี่สรัล“เอาแบบนี้ ๆ หนูอินขนเสื้อผ้าไปไว้บนห้องพี่เขาก่อน”“ให้อินขนไปเองหรือคะ คนรับใช้ไม่มีเลยหรือคะ”“ก็พอดีช่วงนี้แม่ใช้งานนังแพรวมันอย่างเดียวไง คนรับใช้ในบ้านก็ให้กลับบ้านไปหมดแล้ว นี่งามตาก็มาลากะทันหันอีก หนูอินก็ขนเองไปก่อนนะลูก” ท่านบอกอย่างเอ็นดู“ไม่เอาค่ะคุณแม่ อินไม่เคยทำอะไรเลยนะคะ จะให้อินมายกของหนัก ๆ ได้ไง นี่กระเป๋าอินก็มีตั้งหลายใบ”“แล้วจะทำยังไงล่ะ คนใช้บ้านแม่ไม่มีแล้ว”“ก็คุณแม่ไงค่ะ คุณแม่ก็ขนขึ้นไปให้อินหน่อย” อินทุอรออกปากสั่ง“ฮะ...