Share

บทที่ 50

Penulis: Karawek House
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-31 10:00:47

ประเดี๋ยวก่อน! เรื่องเรียนมาจากที่ใดนั้น เอาไว้ก่อนเถอะ บันไดที่นางวาดออกมานั่นมีเก้าขั้นใช่หรือไม่

นี่...

นี่หรือว่า...

เพียงนึกขึ้นได้ว่าสตรีชุดแดงที่เบื้องหลังมีดอกโบตั๋นงามสะพรั่งเป็นฉากหลังนั้นคือผู้ใด ผู้ที่พอคาดเดาได้แล้วว่าคุณหนูสามวาดภาพอะไรออกมาก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ผู้ที่หัวช้าสักหน่อย แม้ทีแรกยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อคิดใคร่ครวญให้ดีแล้ว ก็ตกใจจนถึงกับหัวสมองด้านชา ไม่รู้แล้วว่าสมควรเชื่อสายตากับสามัญสำนึกของตนดีหรือไม่

ไม่...

อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้...

ผู้คนทั้งหัวช้าทั้งหัวเร็วต่างถกเถียงกับตนเองในใจ

หลายปีมานี้ ไม่มีใครขวัญกล้า ไม่กลัวตาย ริอ่านวาดภาพเหล่าสมาชิกในราชวงศ์โดยไม่ได้รับอนุญาตเลยสักคน คุณหนูสามท่านนี้ต่อให้หลายปีมานี้จะถูกกักตัวไว้ในเรือนหลังก็คงไม่ถึงกับไม่รู้ความถึงเพียงนั้น วัดจากการที่นางสามารถตอบคำถามของเหล่าราชบัณฑิตในรอบแรก และวัดจากการที่นางสามารถประลองหมากกับคุณหนูสี่สกุลอู๋ได้อย่างสูสี ซ้ำยังสามารถใช้กลวิธีขั้นสูงวาดภาพที่ดูงดงามสมจริงเช่นนี้ออกมาได้ คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงที่ผู้คนมองข้ามเพียงเพราะเห็นว่านางไม่ได้เข้าศึกษาในสถาบันชื่อดังดีๆ ใดดังเช่นพี่หญิงน้องหญิงในจวนและเหล่าบุตรสาวผู้ดีมีตระกูลรายอื่นๆ ในเทียนจินเรา ที่ไหนเลยจะโง่เขลาเบาปัญญา ถึงกับวาดภาพที่ไม่สมควรจะวาดออกมาได้

แต่...แต่ต่อให้ไม่ใช่อย่างที่คิด การที่นางวาดภาพสาวงามนั่งอยู่เหนือบันไดเก้าขั้นออกมาเช่นนี้ ก็นับว่าหมิ่นพระเกียรติหวงโฮ่วยิ่งแล้ว แท่นประทับของหวงโฮ่วในยามนี้ ไม่ใช่ว่าตั้งอยู่เหนือบันไดเก้าขั้นหรืออย่างไร?

หืม? ประเดี๋ยวนะ...หรือว่า...หรือว่านางจะวาดภาพหวงโฮ่วจริงๆ!

หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ต้องนับว่านางยิ่งกว่าเสียสติ...เสียสติไปแล้วชัดๆ!

หวงโฮ่วนับเป็นบุคคลชนชั้นใด? พระนางเป็นดั่งพระมารดาของแผ่นดิน เป็นผู้ที่ปุถุชนคนอย่างพวกเราเหล่าราษฎรไม่สมควรแตะต้อง แม้จะลอบมองพระพักตร์ของพระนางเพียงชั่วครู่ยังนับว่าไม่เหมาะสม คุณหนูสามผู้นี้แม้จะมีสายเลือดของราชวงศ์สกุลหลี่ ก็เป็นเพียงสายเลือดอันเจือจางจากข้างฝ่ายมารดา ตำแหน่งจวิ้นจูของมารดานางและตำแหน่งจวิ้นหวังเถี่ยเม่าจื่อของท่านลุงแท้ๆ ของนาง ก็หาได้ได้มาด้วยชาติกำเนิด แต่ได้มาด้วยคุณธรรมความสามารถ ทว่านางที่แทบไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนในราชวงศ์ กลับหาญกล้า ดึงเอาหวงโฮ่วผู้สูงส่งลงมาข้องเกี่ยวกับการประชันขันแข่ง ทั้งยังถึงกับวาดภาพของพระนางโดยมิได้รับพระราชทานพระราชานุญาต กระทั่งท่านหญิงเทียนจูที่ได้รับความโปรดปรานยังไม่ขวัญเทียมฟ้ากล้าวาดภาพเช่นนี้ออกมาเลยด้วยซ้ำ แล้วนางคิดว่าตนเองเป็นใคร? นี่...นี่นางยังเห็นว่าหัวน้อยๆ ของนางและผู้คนทั้งจวนเฉินกั๋วกงสำคัญอยู่หรือไม่? หรือคุณหนูสามผู้นี้ถูกกักขังไว้ในจวนเนิ่นนานเกินไป จึงกลายเป็นผู้วิกลจริตจิตวิปลาสสติสตังไม่สู้ดี ยามนี้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากหน่อยจึงเกิดลนลานหวาดกลัวเสียจนสติสัมปชัญญะและสามัญสำนึกที่มีพลันเลือนหาน แม้แต่หัวน้อยๆ ของตนและผู้คนทั้งจวนเฉินกั๋วกงก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว?

แม้การวาดภาพเชื้อพระวงศ์จะมิใช่เรื่องต้องห้ามที่ถูกตราเอาไว้เป็นกฎหมายหรือข้อบัญญัติใด แต่การวาดภาพเชื้อพระวงศ์โดยมิได้รับอนุญาตก็ช่าง...

ครั้งหนึ่งมีจิตรกรเอกของเมืองหลวงเกิดหลงใหลในพระสิริโฉมของหวงโฮ่วเมื่อครั้งยังเยาว์ จึงได้ลอบวาดภาพเหมือนของพระนางในยามนั้นขึ้นมาหลายภาพ ทำให้ถูกตัดหัวฐานหมิ่นพระเกียรติหวงโฮ่ว ต่อมาก็มีคุณชายตระกูลขุนนางใหญ่ที่หลงใหลการวาดภาพสาวงาม ลอบวาดภาพเหมือนขององค์หญิงที่เปรียบเสมือนไข่มุกและทองคำล้ำค่าบนฝ่าพระหัตถ์ของฝ่าบาทและหวงโฮ่วอย่างองค์หญิงหมิงจูและองค์หญิงจินจู แล้วติดประดับภาพองค์หญิงทั้งสองที่ล้วนเป็นผู้ลงมือวาดด้วยตนเองเอาไว้ในเรือนนอน ใจหมายเพียงอยากเก็บภาพหญิงงามไว้ชื่นชมทุกค่ำเช้า ฝ่าบาทรู้เข้าก็ทรงกริ้ว ถึงกับสั่งตัดหัวบุตรชายของขุนนางผู้มากบารมีผู้นั้น ทั้งยังลงโทษโบยขุนนางผู้ใหญ่ที่เป็นบิดาถึงสี่สิบไม้ โทษฐานที่ปกครองเรือนไม่ดี ไม่อาจอบรมสั่งสอนบุตรหลาน ทำให้บุตรชายคนโตเกิดเหิมเกริม ขวัญกล้า บังอาจจาบจ้วงล่วงเกินหมิ่นเกียรติเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ไม่เพียงเท่านี้ ต่อมาไม่นานยังเกิดมีบัณฑิตที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงมา วาดภาพเสมือนของฝ่าบาทและเหล่าขุนนางขึ้นภาพหนึ่ง ฝ่าบาทรู้เข้าก็ทรงกริ้ว มีรับสั่งให้คุมตัวบัณฑิตที่ว่า แล้วหลังจากนั้นอีกเจ็ดวันถัดมา บัณฑิตผู้นั้นก็ต้องโทษข้อหาเดียวกับบุตรชายขุนนางใหญ่ท่านนั้น ไม่เพียงถูกบั่นศีรษะ ก่อนถูกตัดคอ ยังถูกลงโทษด้วยการตัดมือไม่รักดีทั้งสองข้างอีกด้วย นับแต่นั้นมาจึงไม่เคยมีผู้ใดขวัญกล้า ไม่กลัวตาย ริอ่านวาดภาพเหมือนหรือแม้แต่ภาพเสมือนของเหล่าเชื้อพระวงศ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะไม่พลาดพลั้งสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ โดยเฉพาะฝ่าบาทและหวงโฮ่ว จนเป็นเหตุให้ศีรษะถูกแยกออกจากตัว...

ทว่ายามนี้ ต่อหน้าผู้คนมากมาย คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงกลับขวัญกล้าไม่กลัวตาย ริอ่านวาดภาพเสมือนของหวงโฮ่วขึ้นมา หากมีผู้ตีความไปในแง่ร้าย คิดเอาความคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงผู้นี้ขึ้นมา เกรงว่าศีรษะน้อยๆ ของนางคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้เป็นแม่นมั่น

ยังมีบิดาที่เป็นถึงกั๋วกงนั่นอีก! เมื่อครั้งคุณชายตระกูลขุนนางผู้นั้นวาดภาพเหมือนขององค์หญิงทั้งสอง บิดาที่เป็นขุนนางใหญ่ก็ยังถูกสั่งโบยถึงสี่สิบไม้ และถอดยศ ลดตำแหน่ง...

เหล่าคนที่มองภาพนี้ออกต่างเหลียวมองเฉินกั๋วกงเป็นตาเดียวกัน คาดไม่ถึงว่ากลับได้เห็นท่านกั๋วกงมองตรงไปยังบุตรสาวด้วยแววตาปลาบปลื้มดีใจสุดกำลัง ยิ่งมองบุตรสาวคนที่สามที่ไม่เคยให้ความสำคัญเนิ่นนานเข้า รอยยิ้มของเฉินกั๋วกงก็ยิ่งสว่างไสวงดงามอย่างที่ไม่มีผู้ใดเคยได้เห็น จนยากจะเชื่อว่าคนผู้นี้คือเฉินกั๋วกงคนเดียวกับที่กักขังบุตรสาวตรงหน้านี้ไว้ในเรือนหลัง ไม่เคยชายตาแลบุตรสาวคนที่สามของตนเองสักนิด

เสียสติ...เห็นได้ชัดว่าพ่อลูกคู่นี้ล้วนเสียสติ! คนหนึ่งก็ถูกกักขังไว้ในจวนจนเสียสติ อีกคนหากไม่โหมงานหนักก็เอาแต่ร่ำสุราอยู่ในเรือนจนพื้นความคิดวิปริตวิปลาสไปหมดแล้ว! พวกเขาคงไม่รู้เสียแล้วว่าอะไรคือฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่รู้เสียแล้วว่าอะไรคือไม่เหมาะและไม่ควร!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 53

    ถัดจากคุณหนูจากหมู่ตึกสกุลมู่หรง ภาพของผู้เข้าขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีรายถัดๆ มาก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจมากนัก เป็นเพียงภาพวาดดอกโบตั๋นที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางดอกไม้นานาพันธุ์ แม้จะถูกวาดขึ้นด้วยสีสันที่แตกต่างกัน กลับดูซ้ำๆ จำเจ ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิดสวีไท่โฮ่วและสวีหวงโฮ่ว ถูกกิริยาท่าทางตื่นเต้นชอบใจและชื่นชมยกย่องในตัวคู่แข่งแต่ละราย อันบริสุทธิ์ซื่อใส ของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง ตรึงความสนใจเอาไว้อย่างแน่นหนา จึงไม่ได้ออกปากพูดจากันเรื่องภาพวาดภาพไหนสักภาพกระทั่งมาถึงภาพวาดที่เหล่าผู้เข้าชมการแข่งขันรอบๆ ลานประชันขันแข่ง พากันส่งเสียงฮือฮาดังระงม ของคุณหนูสี่จากจวนสกุลอู๋ อู๋ชิงชิง สวีไท่โฮ่วและสวีหวงโฮ่วจึงสามารถละสายตาจากใบหน้าพริ้มเพราของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกง เบนสายตามองภาพวาดใจกลางลานประชันขันแข่งดังเช่นที่สมควรกระทำภาพวาดของอู๋ชิงชิง ก็ไม่ต่างจากก่อนหน้า เป็นภาพวาดโบตั๋นสีม่วงครามท่ามกลางอุทยานกว้างที่เต็มไปด้วยบุปผชาตินานาพันธุ์ ทว่า...ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำหนักการลงสี ไม่ว่าจะเป็นฝีพู่กัน ไม่ว่าจะเป็นการวาดดอกไม้และใบไม้อย่างละเอียดลออ หรือแม้แต่การ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 52

    ภาพแรกสุดที่ถูกนำออกมาตั้ง ณ ใจกลางลานประชันขันแข่งก็คือภาพของคุณหนูจากหมู่ตึกสกุลมู่หรง มู่หรงรั่วหลาน“ฝีพู่กันหนักแน่น บ่งบอกว่าตัวผู้วาดเป็นผู้จิตใจมั่นคง เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ขับให้ภาพสาวงามท่ามกลางบุปผชาติยิ่งดูเป็นสาวงามผู้เด็ดเดี่ยว สมแล้วที่เป็นภาพวาดฝีมือคนสกุลมู่หรงที่ล้วนเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญ ยึดถือความซื่อตรงเป็นที่ตั้ง หากเป็นเรื่องศีลธรรมจรรยา ข้อบังคับ และกฎหมายที่ตราเอาไว้แล้ว พวกเขาเหล่าคนสกุลมู่หรงล้วนยอมหักไม่ยอมงอ ตัวข้านั้นเลื่อมใสคนสกุลมู่หรงในข้อนี้ยิ่งนัก”ได้ยินไท่โฮ่วตรัสชื่นชมฝีพู่กันของตนรวมไปถึงผู้คนในสกุลมู่หรง มู่หรงรั่วหลานพลันแย้มรอยยิ้มงดงามเจิดจ้า ยอบกายถวายพระพรสวีไท่โฮ่วคราหนึ่ง แม้กิริยาท่าทีจะดูสุภาพสำรวมตามธรรมเนียม กลับให้ความรู้สึกว่านางช่างห้าวหาญเด็ดเดี่ยว ดูราวกับขุนศึกหญิงอย่างไรอย่างนั้นเซียงหรงไม่เคยเห็นสตรีคนใดดูห้าวหาญองอาจเช่นนี้มาก่อน จึงถึงกับเผลอแย้มรอยยิ้มออกมา สายตาจ้องมองมู่หรงรั่วหลานด้วยแววตายกย่องชื่นชมอย่างเห็นได้ชัดยามเมื่อนั่งอยู่บนที่สูง ย่อมจะมองเห็นทุกการกระทำของผู้อยู่

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 51

    “ไท่โฮ่วเสด็จจจ!!!”เสียงประกาศการมาถึงของสวีไท่โฮ่ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักคนทั้งหมดต่างกล่าวถวายพระพรสวีไท่โฮ่ว รอจนพระนางประคองหวงโฮ่วให้ลุกขึ้น พร้อมกับมีพระเสาวนีย์ให้คนทั้งหมดลุกขึ้น และเหล่าองค์ชาย พระญาติ ตลอดจนเหล่าผู้สูงศักดิ์ลุกขึ้นตามลำดับแล้ว เหล่าสามัญชนคนธรรมดาจึงกล้าลุกกลับขึ้นมานั่งยังที่ทางของตนเองด้วยกิริยาอาการสำรวมยิ่งว่ากันว่าไท่โฮ่วจากสกุลสวีพระองค์นี้ แม้ผิวเผินดูเป็นผู้ชราที่เรียบง่าย สมถะ ไม่ชอบพิธีรีตอง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นผู้ถือสาในมารยาทธรรมเนียมเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนทั่วทั้งเทียนจินต่างรู้ดีว่าสวีไท่โฮ่วทรงเป็นสตรีที่เข้มงวดและยึดมั่นในมารยาทธรรมเนียมเพียงใด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเรื่องขององค์ชายสี่ที่เกิดจากหวงกุ้ยเฟยและองค์ชายห้าที่เกิดจากเสียนเฟยซึ่งล้วนได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ครั้งนั้นองค์ชายสี่และองค์ชายห้า “กระทำกิริยาหยาบช้า ไม่รักษาจรรยามารยาทที่องค์ชายพึงมี” เบื้องหน้าพระพักตร์ ต่อหน้าคนมากมาย สวีไท่โฮ่วถึงกับสั่งให้องค์ชายทั้งสองคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ในอุทยานกลาง สร้างความอัปยศให้

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 50

    ประเดี๋ยวก่อน! เรื่องเรียนมาจากที่ใดนั้น เอาไว้ก่อนเถอะ บันไดที่นางวาดออกมานั่นมีเก้าขั้นใช่หรือไม่นี่...นี่หรือว่า...เพียงนึกขึ้นได้ว่าสตรีชุดแดงที่เบื้องหลังมีดอกโบตั๋นงามสะพรั่งเป็นฉากหลังนั้นคือผู้ใด ผู้ที่พอคาดเดาได้แล้วว่าคุณหนูสามวาดภาพอะไรออกมาก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ผู้ที่หัวช้าสักหน่อย แม้ทีแรกยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อคิดใคร่ครวญให้ดีแล้ว ก็ตกใจจนถึงกับหัวสมองด้านชา ไม่รู้แล้วว่าสมควรเชื่อสายตากับสามัญสำนึกของตนดีหรือไม่ไม่...อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้...ผู้คนทั้งหัวช้าทั้งหัวเร็วต่างถกเถียงกับตนเองในใจหลายปีมานี้ ไม่มีใครขวัญกล้า ไม่กลัวตาย ริอ่านวาดภาพเหล่าสมาชิกในราชวงศ์โดยไม่ได้รับอนุญาตเลยสักคน คุณหนูสามท่านนี้ต่อให้หลายปีมานี้จะถูกกักตัวไว้ในเรือนหลังก็คงไม่ถึงกับไม่รู้ความถึงเพียงนั้น วัดจากการที่นางสามารถตอบคำถามของเหล่าราชบัณฑิตในรอบแรก และวัดจากการที่นางสามารถประลองหมากกับคุณหนูสี่สกุลอู๋ได้อย่างสูสี ซ้ำยังสามารถใช้กลวิธีขั้นสูงวาดภาพที่ดูงดงามสมจริงเช่นนี้ออกมาได้ คุณหนูสามจวนเฉิ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 49

    “พี่ชาย...ท่านประเมินคุณหนูสามของข้าต่ำเกินไปแล้ว” ชายต่างถิ่นดูมั่นอกมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวคุณหนูสามที่รูปโฉมงดงามเจิดจรัสยิ่งนักเหล่าพ่อค้าและชาวเมือง ณ บริเวณนั้นต่างเหลียวสบตา...ไม่ได้การแล้ว ไม่ได้การแล้ว! คนผู้นี้...คนผู้นี้ถูกความงามของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วจริงๆ นั่นหละ…เฮ้อ! อีกไม่นานชายต่างถิ่นคนนี้ก็จะสิ้นเนื้อประดาตัว ทั้งยังอาจตกเป็นหนี้สินที่ไม่อาจชดใช้...ครั้งนี้นับว่าความงามของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงสร้างบาปกรรมโดยแท้!ยิ่งคิด เหล่าพ่อค้าและชาวเมืองก็ยิ่งสังเวชใจ สมเพชเวทนาชายต่างถิ่นที่ไม่รู้ความ แยกไม่ออกว่าอะไรคือความงาม แยกไม่ออกว่าอะไรคือความสามารถ ผู้นี้ยิ่งนักข้างหน้ามีทั้งสาวงาม มีทั้งภาพที่ค่อยๆ ถูกแต่งแต้มจนเป็นรูปภาพหลากสีสัน เจริญตา ผู้เข้าชมการประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีต่างเพลิดเพลินจำเริญใจเป็นอย่างยิ่งกว่าที่พวกเขาทั้งหมดจะทันรู้สึกตัว เสียงระฆังจากหอเหยียบเมฆาก็ดังขึ้นอีกครั้ง บอกให้รู้ว่าสาวงามทุกคนที่อยู่ข้างในล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 48

    พ่อค้าและชาวเมือง ณ บริเวณนั้นต่างพากันส่ายหน้า เอือมระอา ผินหน้ากลับจ้องมองเหล่าสาวงามสบัดพู่กันตวัดวาดภาพอันงดงามเลิศล้ำ ไม่คิดต่อปากต่อคำกับคนถูกศรรักปักลึกจนหน้ามืดตามัว ให้เสียเวลาดูชมเหล่าสาวงามเลื่องชื่อของแผ่นดินเทียนจิน อวดความสามารถที่ฝึกฝนกันมาตั้งแต่ยังเยาว์ผู้ที่ตวัดพู่กันวาดภาพได้รวดเร็ว ดูชมแล้วพาให้ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด คือคุณหนูรองจากจวนเฉินกั๋วกง เฉินเหม่ยลี่ รองลงมาคือท่านหญิงเทียนจูที่ถูกจัดให้ยืนวาดภาพอยู่ข้างเคียงกันหญิงงามคู่นี้ยิ่งวาดภาพก็ยิ่งตวัดพู่กันรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังประชันความเร็วกันอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาคุณหนูใหญ่จากจวนเฉินกั๋วกง เฉินชิวเยว่ และคุณหนูสี่จากจวนสกุลอู๋ อู๋ชิงชิง ที่ถูกจัดให้ยืนวาดภาพอยู่ถัดจากคุณหนูรองจวนเฉินกั๋วกงและท่านหญิงเทียนจูตามลำดับ กลายเป็นว่าตวัดพู่กันวาดภาพได้อย่างเอื่อยเฉื่อย เชื่องช้า ทั้งอย่างนั้นก็ยังให้ความรู้สึกว่าคุณหนูทั้งสองต่างเป็นผู้สุขุมและใจเย็นเป็นอย่างยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด ภาพวาดของยอดหญิงงามทั้งสี่ ล้วนงดงามยิ่งนอกจากคุณหนูทั้งสามและท่านหญิงเทียนจูแล้ว สี่สหายผู้รู้ใจจาก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status