เช้าวันนี้องุ่นรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อคืนหล่อนฝันถึงพ่อกับแม่ที่จากไปนานหลายสิบปี และในฝันก็ยังมีน้องชายกับน้องสะใภ้อยู่ด้วย ทั้งสี่คนอยู่ในชุดผ้าไหมเหมือนจะไปร่วมงานเกษียณอายุราชการหรืองานปิดทองฝังลูกนิมิต สีหน้าทุกคนในฝันยิ้มแย้มเหมือนได้พบที่ซึ่งสงบและสว่างอย่างที่โลกมนุษย์มอบให้ไม่ได้
เมื่อตื่นเช้ามาตักบาตรอุทิศบุญให้ตามปกติ มื้อเที่ยงองุ่นก็ยังมีอารมณ์ดีพอจะทำอาหารหม้อใหญ่ให้หลานสาวคนเล็ก แม้ดูเหมือนไม่ค่อยเข้ากันได้ แต่มนิษาชอบกินอะไร คนเป็นป้าจดจำได้หมด
...มะนาวมันก็ชอบกินเหมือนพ่อมันนั่นแหละ มะขามมันชอบกินอะไร ลูกสาวมันก็ชอบกินแบบนั้น ถอดกันมาเปี๊ยบ...
นางพูดเช่นนั้นอยู่บ่อย ๆ วันนี้ก็นึกอยากทำเมนูที่น้องชายเคยชอบกินนักหนาในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คือแกงคั่วสับปะรดใส่หอยแมลงภู่ เมื่อน้องจากไป องุ่นไม่คิดจะทำเมนูนี้ให้ตัวเองหรือใครกินอีก กระทั่งได้รู้ว่ามะนาวชอบกินแกงคั่วสับปะรดมากและซื้อหามากินบ่อย ๆ ตั้งแต่นั้นองุ่นจึงปัดฝุ่นหม้อไหกระทะตะหลิว และลุกขึ้นมาทำอาหารอีกครั้งเพราะรู้แล้วว่าจะทำเมนูเหล่านั้นให้ใครกิน
องุ่นหอบหิ้ววัตถุดิบมาใช้ครัวที่บ้านหลานสาว ทำเสร็จแล้วจะได้ตักกินกันได้เลย มนิษากับสริดาออกไปทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าแถวบ้าน นางจึงโทรบอกสองพี่น้องว่าให้กลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านเพราะกำลังจะทำเมนูโปรดให้
“ให้นิดหน่อยช่วยทำอะไรดีคะป้าหงุ่น”
เด็กสาวถามตามประสาคนขยันขันแข็ง
“ไปเด็ดใบมะกรูดให้ป้าก็แล้วกัน เครื่องแกงป้าตำเอาไว้แล้ว กะทิก็ใช้กะทิกล่อง หอยแมลงภู่ก็ซื้อมาแบบแช่แข็ง แทบไม่เหลืออะไรให้ช่วยแล้วล่ะ...”
องุ่นเปิดแก๊สตั้งไฟอุ่นหัวกะทิ ใส่เครื่องแกงลงไปละลาย เคี่ยวต่อสักพักจนน้ำแกงเดือดส่งกลิ่นเครื่องเทศหอมตลบอบอวลไปทั้งครัว แล้วค่อยเติมเนื้อหอยแมลงภู่ตัวเล็ก ๆ เพราะหล่อนรู้สึกว่ามันดูดซับเครื่องแกงและอร่อยดีกว่าตัวใหญ่ ๆ ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ แล้วก็เนื้อสับปะรดอมเปรี้ยวนิด ๆ ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ น้ำปลากับน้ำมะขามเปียกค่อยมาเติมทีหลังหลังยกลงจากเตาแล้ว โรยหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยกับพริกชี้ฟ้าสีแดงสดหั่นแฉลบ คนอื่นทำกันอย่างไรไม่รู้แต่ตำรับของนางคือทำแบบนี้ เท่านี้ก็ได้แกงคั่วสับปะรดหอมหวนยั่วน้ำย่อยจนกระเพาะส่งเสียงโครกคราก
“นิดหน่อย เดี๋ยวถ้าพี่ ๆ เขามาแล้วเราเจียวไข่ไว้ด้วยสักจานนะ อย่าเพิ่งเจียวตอนนี้เดี๋ยวมันจะหายฟู”
นิดหน่อยรับคำ โทรศัพท์ขององุ่นดังขึ้นพอดี เป็นเพื่อนรักที่โทรเข้ามา
“องุ่น เธอทำอะไรอยู่”
ธิดาถามเป็นประโยคแรก
“ฉันเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ มีอะไรหรือเปล่า”
“มีคนอยู่ใกล้ ๆ เธอหรือเปล่า”
“มีเต็มบ้านไปหมด ฉันอยู่ที่บ้านส้มหวาน แต่หลานฉันไม่อยู่หรอกนะ ออกไปทำธุระกัน เธอมีอะไรหรือธิดา”
“ฉันมีเรื่องจะมาบอก กลัวเธอจะเป็นลมน่ะสิ”
“ทำไมฉันต้องเป็นลม มีใครเป็นอะไร”
องุ่นขมวดคิ้ว น้ำเสียงเป็นกังวลขึ้นมาทันที ธิดารีบบอก
“ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้น”
“อ้าว…เธอเล่นเกริ่นมาแบบนั้นฉันก็ใจเสียนะธิดา ตกลงมีอะไรล่ะยะ”
“คืออย่างนี้ ตั้งใจฟังนะ ลูกชายฉันมันเพิ่งมาบอกว่ามันอยากแต่งงานแล้ว…”
ป้าของสองสาวงงไปวูบ เรื่องดี ๆ ทำไมธิดาจึงต้องเกริ่นมาอย่างกับว่ามันเป็นข่าวร้าย
“อย่างนั้นก็ดีน่ะสิ เราก็อยากให้ธีกับส้มหวานแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ”
“มันก็ใช่...”
เสียงธิดาถอนหายใจ
“...แต่ว่าคนที่ธีอยากแต่งด้วย ไม่ใช่ส้มหวานน่ะสิ”
องุ่นใจหาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดธิดาจึงได้พูดจาอ้อมไปอ้อมมาจนนางเวียนหัว
“โถ่ ส้มหวานเอ๊ย”
“องุ่น ฉันยังพูดไม่จบ”
“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ไม่เป็นไรหรอกนะธิดา ไม่ต้องคิดมาก ฉันรู้ว่าเรื่องแบบนี้เราบังคับใจใครไม่ได้”
นางฝืนพูด ยอมรับว่าผิดหวังและเสียใจแทนส้มหวาน อีกใจก็นึกโกรธธีทัตขึ้นมา เทียวไล้เทียวขื่อหลานสาวของหล่อนอยู่ตั้งนานแล้วจู่ ๆ มาบอกว่าอยากแต่งงานกับคนอื่น นี่ถ้าไม่ใช่ลูกชายเพื่อน คงได้ด่าเปิงไปสักยก
“ตกใจใช่ไหมหงุ่น นี่ก็ตกใจเหมือนกัน ฉันนึกว่าลูกชายฉันมันชอบพออยู่กับหนูส้ม ที่แท้กลับเป็นมะนาวที่มันอยากจะแต่งงานด้วย…”
“ก็อย่างที่บอกนั่นล่ะว่าเรื่องแบบนี้มัน…เอ๊ะ…เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะธิดา”
“ฉันบอกว่าคนที่เจ้าธีมันอยากให้ไปสู่ขอให้คือมะนาว หลานคนเล็กของเธอไง…ตู๊ดๆๆๆ”
สัญญาณหายไปเพราะองุ่นตกใจจนทำโทรศัพท์ร่วงกระแทกพื้น นางนั่งอ้าปากค้างอยู่หลายวินาที…
ที่แท้นายธีก็ชอบยัยเด็กทะโมนนั่นหรือนี่
โอย…โถ่ถัง ทำกรรมอะไรมาลูกเอ๊ยถึงได้ไปชอบยัยหลานแก่นกะโหลกนั่น นี่ถ้าได้แต่งงานกันไปจริง ๆ ฉันไม่รับคืนนะ ให้แล้วให้เลย องุ่นนึกในใจ แต่ในความคาดไม่ถึงนั้น มีความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดซ่อนอยู่... นี่หรือเปล่านะ เหตุผลที่ทำให้หล่อนฝันถึงพ่อแม่ของมนิษาทั้งที่ไม่เคยฝันเห็นกันมาเลยตลอดหลายปี
มะนาว พวกแกห้ามล้อเด็ดขาดเข้าใจปะ
มนิษาพิมพ์ดักคอเพื่อน ๆ ในกลุ่มไลน์ พวกเธอกำลังนัดไปเจอกันที่ร้านบุฟเฟต์เจ้าประจำ
แป้งหมี่ ไม่ล้อ แต่ต้องเล่ามาให้หมดว่าไปกินกันตอนไหน
มะนาว ไอ้บ้า ยังไม่ได้กิน
เมริน อ้าว พลาดแรง ทำไมยังไม่กิน รอไรอยู่
อิ่มนวล นั่นสิ รอไรอยู่
มะนาว ตะละคน เด๋วไม่ไปซะหรอก
แป้งหมี่ สายไปแล้ว ไม่มาจะบุกไปลากถึงบ้าน
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา แก๊งเพื่อนสาวมารวมตัวกันครบ ขาดก็แต่แป้งหมี่ที่ตัวอยู่กรุงเทพ คนที่เหลือช่วยกันรุมยิงคำถามใส่มนิษาว่าไปไงมาไงเพื่อนรักจึงได้กลายเป็นแฟนกับคนที่เคยเป็น ‘ว่าที่’ พี่เขย
“สรุปว่าพี่ส้มก็ไม่ได้ชอบเขา เขาก็ไม่ได้จีบพี่สาวแก แต่ดันมาจีบแกแทนอย่างนั้นน่ะเหรอ อุ๊ย...ฟัง ๆ ดูก็เหมือนละครน้ำเน่าเหมือนกันเนาะ”
เมรินว่า สีหน้าเขิน ใครจะคิดว่าเพราะเธอไปเจอผู้ชายคนนั้นโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล กลับเป็นตัวเร่งเหตุการณ์ให้เพื่อนได้ถูกผู้ชายสารภาพรักไปเสียได้
"ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคนแรกที่จะได้แต่งงานคือไอ้มะนาว"
อิ่มนวลเอ่ยออกมานัยน์ตาเคลิ้มฝัน
"ยัง ยังไม่แต่ง แค่จะหมั้นกันไว้ก่อน ฉันยังไม่พร้อมใช้ชีวิตแต่งงานตอนนี้หรอก"
"แล้วคุณพี่เขาจะรอได้หรือ เขาแก่กว่าพวกเราตั้งหลายปีนี่นา"
เมรินสงสัย
"รอไม่ได้ก็ต้องรอนะ"
"ไม่กลัวเขาเปลี่ยนใจเหรอ"
เมรินถามซื่อ ๆ ไม่ได้คิดจะยุแยงหรือวางระเบิดให้เพื่อนไขว้เขว
"ถ้าพี่ธีรอไม่ได้แล้วเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น ก็ถือว่าฉันโชคดีที่ผู้ชายโลเลคนหนึ่งออกไปจากชีวิต แต่ถ้ารอได้ เขาก็จะเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกไงล่ะ"
"แน่ใจนะไอ้นาวว่าพี่เขาจะโชคดีน่ะ"
อิ่มนวลหยอกเข้าให้ มนิษาค้อนใส่
“ไม่รู้ล่ะ พี่ธีเขาขอฉันเป็นแฟนและฉันก็ยอมตกลง แสดงว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดดอยู่แล้ว คนอย่างมะนาวน่ะไม่ได้ยอมเป็นแฟนใครง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้"
“ก็เพราะแกมันน่ากลัวไงไอ้นาว แกเป็นผู้หญิงน่ากลัว”
“แต่ก็น่ากลัวน้อยกว่าแกนะไอ้อิ่ม”
เมรินพูดแทนมะนาว อิ่มนวลตีหน้ายักษ์ใส่ทันที วินาทีต่อมาทั้งสามคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนยกแก้ว(น้ำอัดลม)ดื่มฉลองให้กับสาวน้อยคนแรกในแก๊งที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท
แสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอทั่วลานสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต เก้าอี้ไม้สีขาวรูปทรงวินเทจจัดเรียงเป็นระเบียบรองรับแขกเหรื่อได้หลายสิบคน ดอกกุหลาบขาว ลิลลี่ และไฮเดรนเยีย ถูกจัดแต่งสวยงามประดับประดาไว้ทุกมุมของบริเวณจัดงานเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนหวานแห่งนั้นด้านหน้าเวทียังมีกุหลาบขาว คาเนชั่น และดอกยิปโซ คุมโทนให้เข้ากันกับโซฟาหรูสีงาช้างสำหรับคู่หมั้นและผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฉากหลังประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวเอสสองตัวซ้อนกันแทนชื่อย่อของสริดากับศรัณศรัณอาสาดูแลเรื่องงานหมั้นในวันนี้ทั้งหมด เขาเลือกซื้อแพ็คเกจจัดงานที่ดูแลเบ็ดเสร็จทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องแต่งกาย แต่งหน้าทำผม และยังดูแลไปถึงรูปแบบพิธีกรรมในการหมั้นหมายแบบไทย ๆ ชายหนุ่มนึกดีใจที่สริดากับป้าองุ่นเสนอให้จัดงานเล็ก ๆ ที่มีเฉพาะญาติและคนสนิทกันเท่านั้น ถึงกระนั้นฝ่ายของเขาก็มีเพียงนายอนุสรณ์ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายได้อนุสรณ์บอกว่านารีติดโควิดจึงมาด้วยกันในวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าญาติของฝ่ายหญิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่เขากระซิบบอกลูกชายแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่มาถึงเชียงใหม่‘…แม่แกน่ะ หัวเด
“ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธหรือพูดอะไรนะ ฟังแม่ให้จบก่อน”หฤทัยเริ่มนึกสนุก รีบนั่งขัดสมาธิใกล้แม่ หยิบหมอนมาหนุนข้อศอก ตั้งท่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่รอยยิ้มสนุกก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อนารีเล่าเรื่องที่ลูกชายมาขอให้ไปสู่ขอผู้หญิงคนหนึ่งที่เชียงใหม่ และยังขอร้องให้ปิดบังเรื่องนี้จากอุรัศยา ผู้ที่เป็นสะใภ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหฤทัยขบกรามกรอด ๆ และอดทนฟังอย่างไม่ปริปากตามที่แม่ขอไว้ จนเมื่อนารีพูดจบหญิงสาวก็แทบจะฉีกหมอนแทนการพุ่งไปห้องนอนพี่ชายแล้วทำร้ายเขาแทน“นี่เขาส่งมันไปทำงาน แต่มันดันไปมีเมียน้อยเนี่ยนะแม่! แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าไอ้โซ่มันมีลูกมีเมียแล้ว”เมื่อโกรธจัด การเรียกพี่ชายอย่างให้ความเคารพก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น“มันบอกว่าทางนั้นก็ยังไม่รู้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”“ถ้าเขาไม่รู้ก็ยิ่งชั่วหนัก นอกใจเมียแล้วยังไปหลอกผู้หญิง แบบนี้มันผิดวินัยนะแม่ ถ้าผู้หญิงเขารู้เขาเอามันออกจากราชการได้เลยนะ”“มันรู้ทุกอย่างแหละซ่า พี่ชายแกมันรู้หมดอะไรผิดอะไรถูก แต่มันจะทำ แถมยังขอให้แม่ไปขอเมียให้”“แล้วแม่ก็จะไปหรือไง”“จะไปได้ยังไงล่ะ แค่คิดฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว
เป็นไปตามคาด มนิษาโวยวายเสียงดังจนคนฟังหูแทบแตกเมื่อสริดาโทรศัพท์ไปบอกว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีงานหมั้นของเธอกับศรัณ“มะนาว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”คนเป็นพี่พยายามเอ่ย“ถามจริงเถอะ นี่คิดดีแล้วใช่ไหม หมั้นกับไอ้...กับเขาน่ะ”“ไม่รู้ ไม่ได้คิด”“อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพี่ส้ม เรื่องแบบนี้ไม่คิดได้ยังไง”สริดานิ่งไป... เงียบนานจนคนเป็นน้องเอะใจ“พี่ส้ม ฟังอยู่หรือเปล่า”“อือ...อยู่”“เป็นอะไร ตกลงมันยังไงกันแน่”“...”ไม่มีคำตอบ แต่มนิษาเหมือนได้ยินเสียงคนถอนหายใจหนัก ๆ ความโกรธหายไปทันที หญิงสาวที่กำลังท้องโตกดโทรศัพท์แนบหูแรงขึ้นราวกับยังได้ยินไม่ชัดพอ“พี่ส้มอยู่ที่ไหน เดี๋ยวนาวไปหา”“ไม่เอา ไม่ต้องมา พี่เป็นห่วง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวให้พี่ธีไปส่งก็ได้ พี่ธีอยู่บ้าน...ให้นาวไปหานะ”“เจอกันที่ร้านกาแฟดีกว่า พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินน่ะ”นี่ก็แปลกที่สุด...ตลอดชีวิตของมนิษาไม่เคยเห็นพี่สาวทำตัวลับลมคมในแบบนี้ สริดาบอกชื่อร้านกาแฟแถวบ้าน หญิงสาวรับปากก่อนจะรีบวางสาย แต่งตัว และขอให้ธีทัตพาไปส่งที่ร้านอย่างรวดเร็ว**เพราะคิดว่าภรรยาของเขาควรได้พูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นส่วนตัว ธีทัตจึงขอตัวไปเดินเ