ชายหนุ่มหมายถึงพ่อของเด็กในท้อง
ตอนแรกฟ้าลดาประกาศชัดว่าจะไม่มีวันบอกเรื่องนี้ให้แฟนหนุ่มแดนผู้ดีรู้ ทิฐิทำให้หญิงสาวไม่อยากเป็นฝ่ายติดต่อเขาก่อน แต่ครอบครัวของเธอ แม้แต่อดีตคนรักอย่างธีทัตก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอควรต้องบอก...อย่างน้อยก็เป็นสิทธิของคนเป็นพ่อที่จะได้รู้
"เราส่งอีเมลไปหาเขาแล้ว ตลกดีนะ เรื่องสำคัญขนาดนี้แต่เรากลับเท็กซ์ไปหาเขาแค่สั้น ๆ เขาจะเปิดอ่านหรือยังก็ไม่รู้"
"เดี๋ยวเขาก็จะรู้ และถ้าหมอนั่นไม่แย่จนเกินไป เขาต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป ธีเป็นกำลังใจให้ฟ้านะ อยากให้ช่วยอะไร เมื่อไร บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ มะนาวก็รู้และยินดีเสมอ... เพราะยังไงฟ้าก็คือเพื่อนของธีนะ"
ฟ้าลดาเงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะกางแขนโอบกอดเขาไว้ด้วยหัวใจของมิตรภาพ ธีทัตกอดตอบด้วยความรู้สึกเดียวกันและหวังว่าเพื่อนของเขาคนนี้จะได้พบความสุขของเธอในเร็ววัน
รถแท็กซี่สนามบินคันหนึ่งแล่นมาจอดตอนที่ฟ้าลดาเพิ่งจะคลายอ้อมกอด ธีทัตมองตามสายตาของเธอไป และเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวก็รู้ทันทีว่าใครที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่
“เดฟ!”
ฟ้าลดาผงะถอยและคว้าแขนธีทัตไว้ด้วยความตกใจสับสน เดวิดมองตรงมาด้วยแววตาเจ็บปวด เขาหันไปบอกให้แท็กซี่จอดรอแล้วตัวเองก็พาร่างสูงผอมเดินตรงมาหาทั้งคู่
“สวัสดีเดวิด”
ธีทัตเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท เขาไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มีปัญหาอะไรกัน แต่จากท่าทีของฟ้าลดาทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังไม่มั่นใจและต้องการที่พึ่ง เขาคงยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้
“สวัสดีครับ...ผมมาหาฟ้า” เดวิดตอบด้วยภาษาเดียวกัน สำเนียงบริติชชัดแจ๋ว
“ผมทราบครับ เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีไหม”
“ดีครับ ถ้าฟ้าจะอนุญาต”
เดวิดสบตาฟ้าลดาอย่างตรงไปตรงมา ธีทัตก้มมองหญิงสาว เอ่ยถามเบา ๆ
“ว่าไงฟ้า ให้เขาเข้าบ้านไหม เขาน่าจะมาดีนะ...”
“แต่ฟ้าโกรธเขา เขานอกใจ มีผู้หญิงคนอื่น”
หญิงสาวเอ่ยกับธีทัตเป็นภาษาไทย หนุ่มอังกฤษขมวดคิ้ว
“เพื่อนผมบอกว่าคุณนอกใจเธอ จริงหรือเดวิด”
ธีทัตถามกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ เดวิดสีหน้างุนงง
“ที่คุณหนีผมมาเพราะเข้าใจว่าผมนอกใจอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ยังจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“ผมนึกว่าคุณไม่อยากคบกับผมแล้ว เพราะผมพูดว่าผมอยากมีลูก อยากจริงจังกับคุณ คุณเลยกลัวจนหนีกลับมา”
“ว้อท!”
ฟ้าลดาร้องออกมา สีหน้างุนงงสับสน
“พอคุณอีเมลล์มาบอกว่าคุณท้อง ผมดีใจแทบแย่เลยรีบซื้อตั๋วมานี่”
“เอิ่ม ตกลงคุณสองคนเข้าใจอะไรผิดกันใช่ไหม”
ธีทัตเอ่ยขึ้น มองหน้าสองคนสลับกันไปมา ฟ้าลดากับเดวิดก็งงเหมือนกันว่าตัวเองไปเข้าใจอีกฝ่ายผิดตั้งแต่ตอนไหน...
“ผมว่าถึงเวลาที่คุณสองคนจะต้องคุยกันตรง ๆ แล้วนะ มีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันให้หมดเปลือกไปเลย ดีไหมครับ”
“ดีครับ ผมพร้อมจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ผมมาถึงที่นี่วันนี้”
ฟ้าลดายังเกาะแขนธีทัตไม่ยอมปล่อย เป็นชายหนุ่มเองที่ต้องตบที่หลังมือเธอเบา ๆ
“ฟ้า ทำไมกลัวเขา เขาเคยทำร้ายคุณเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฟ้าแค่...ตกใจที่เขามา”
“ถ้าให้เขาเข้าบ้าน เขาจะเป็นอันตรายไหม อยากให้ธีอยู่ด้วยไหม”
หญิงสาวส่ายหน้า ยิ้มออกมาได้นิด ๆ
“เขาไม่เป็นอันตรายกับใครหรอกค่ะธี เดวิดเป็นคนใจดี”
“ถ้าอย่างนั้นธีก็ไม่ต้องห่วงใช่ไหม”
เธอพยักหน้ารับ
“ฟ้างี่เง่าเอง ขอโทษนะธีที่ทำให้ธีต้องมาปวดหัวไปด้วย”
“ไม่เลยสักนิด เพื่อเพื่อนคนนี้ ธีเต็มใจนะ”
ธีทัตบีบไหล่เธอเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ และหันไปสบตาเดวิด พยักหน้าให้นิด ๆ
เมื่อเดวิดกลับไปจ่ายค่าแท็กซี่และยกกระเป๋าเดินทางออกมา เขาก็เดินตามฟ้าลดาเข้าไปในบ้าน เห็นได้ชัดว่าท่าทีของหนุ่มแดนผู้ดีก็มีความไม่มั่นใจอยู่เล็ก ๆ เหมือนกัน คงเพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้มาแสดงตัวต่อหน้าครอบครัวของหญิงสาวคนรัก
ธีทัตไม่ได้ตามกลับเข้าไป แต่มองตามจนแน่ใจว่าสองคนนั้นคงจะหาทางปรับความเข้าใจกันได้ เขาจึงได้เวลากลับ
**
“ฟ้าขอโทษนะธีที่ไม่ได้อยู่วันหมั้น แต่วันแต่งจะกลับมาให้ได้แน่นอน...ถ้าธีไม่แต่งสายฟ้าแลบน่ะนะ”
ฟ้าลดาส่งข้อความมาทางโทรศัพท์ จากที่ได้โทรคุยกันครั้งก่อน น้ำเสียงของหญิงสาวกลับมาสดใสร่าเริงได้อีกครั้งหลังจากหม่นเศร้าอยู่หลายสัปดาห์ เมื่อได้คืนดีกับเดวิด ทั้งคู่ก็พากันกลับไปลอนดอน และยังลังเลอยู่ว่าจะคลอดลูกที่อังกฤษหรือกลับมาคลอดที่ไทยดีเพราะแม่ของฟ้าลดาอยากดูแลลูกสาวใกล้ ๆ หลังคลอด
ธีทัตพลอยยินดีไปกับเธอด้วย หลายครั้งที่การเลิกรากันคือการให้โอกาสคนสองคนได้ไปเจอคนที่เหมาะสมและทำให้ตัวเองมีความสุขได้มากกว่า ในกรณีของเขากับฟ้าลดาก็คงเป็นเช่นนั้น
**“ใกล้จะถึงวันหมั้นแล้ว ยังจะไปกรุงเทพฯ อีกหรือธี”
ธิดาถาม เมื่อธีทัตบอกว่าคืนนี้เขาจะเข้าไปดูงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ อีกรอบ
“งานพิธีเล็ก ๆ ไม่มีอะไรมากนี่ครับแม่ ข้าวของทุกอย่างก็จัดเตรียมไว้หมดแล้ว ที่จริงผมกับมะนาวพร้อมหมั้นเลยทันทีถ้าไม่ติดเรื่องฤกษ์งามยามดีที่แม่กับน้าหงุ่นเลือกไว้ให้ก่อน”
“ก็เพื่อความสบายใจของฉันล่ะนะ” ธิดายอมรับ “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอาแต่ทำงานแบบนี้ ถึงวันงานหน้าโทรมเป็นหมี ไม่สงสารคู่หมั้นเราบ้างหรือไง”
“ธีโทรมหรือครับพ่อ”
ชายหนุ่มหันไปขอความคิดเห็นบิดาพลางยกมือลูบคางตัวเอง หนวดเคราเขาก็โกนเกลี้ยง มั่นใจว่าไม่เคยปล่อยตัวเองให้สกปรกซกมก
“ไม่โทรมหรอก ลูกพ่อหล่อจะตายไป หน้าเหมือนแม่แกตอนเขาสาว ๆ นั่นแหละ แม่แกเขาสวย แกก็เลยหล่อ”
ธีทัตหัวเราะ คิดว่าพ่อคงตั้งใจพูดเพื่อเอาใจแม่นั่นล่ะ
“เรื่องหล่อฉันไม่เถียงหรอก ลูกใครใครก็ว่าหล่อ แต่แม่ก็แค่ไม่อยากให้วันงานลูกชายแม่ต้องเอาหน้ากร้านแดดกร้านลมไปนั่งคู่กับหนูมะนาวเขา เขาหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ถ่ายรูปออกมาคนข้าง ๆ เหมือนหมีแดดเดียวมันก็ยังไง ๆ อยู่”
“โถ่ แม่พูดซะเห็นภาพ ก็ได้ฮะ ผมจะซื้อไอ้ที่เขาใช้พอก ๆ หน้ามาใช้ทุกวันจนกว่าจะถึงวันหมั้นเลย รับรองว่าหน้าผมต้องใสเด้งเกินหน้าเกินตาว่าที่เจ้าสาวแน่นอน”
“แล้วน้องเขาไม่งอนเราบ้างเลยหรือ เอะอะไปกรุงเทพฯ แบบนี้”
“ไม่หรอกครับ ผมไปทำงานมะนาวก็รู้ดี น้องน่ารักนะครับ ไม่งี่เง่ากับเรื่องแบบนี้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะลูก บอกตามตรงว่าเมื่อก่อนแม่ก็คิดว่ามะนาวก็เป็นหลานสาวคนเล็กที่ดูเอาแต่ใจ ไม่น่าจะว่านอนสอนง่ายเหมือนส้มหวาน..”
“มะนาวฉลาดและจริงใจเปิดเผยครับ และที่จริงก็ไม่ได้ดื้ออย่างที่แสดงออก แต่คงเพราะบ้านมีแต่ผู้หญิงก็เลยทำแก่นแก้วเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ไม่ให้ใครเข้ามารังแก”
คงเดชกับธิดาฟังแล้วก็ยิ่งนึกเอ็นดู
“ธีได้เข้าไปเป็นครอบครัวกับน้องแล้ว ก็อย่าทำให้น้องเสียใจนะลูก เราเป็นลูกผู้ชาย คำว่ารับผิดชอบสำคัญที่สุด”
“ครับพ่อ”
ธีทัตรับคำหนักแน่น
**
หญิงสาวขมวดคิ้ว เมื่อจอดรถไว้หน้ารั้วบ้านก็ต้องทำใจอยู่สักพักกว่าจะยอมลงจากรถศรัณส่งยิ้มอบอุ่นหล่อเหลามาให้ มือประคองช่อกุหลาบช่อใหญ่ไว้ด้วย เธอจ้องดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่หลายดอกที่ถูกจัดอย่างประณีต ไม่ใช่เพราะประทับใจแต่เพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าของช่อดอกไม้ตรง ๆ“น้องส้ม...พี่คิดถึงส้มจังเลยครับ”ศรัณเอ่ยเสียงนุ่มพลางยื่นช่อกุหลาบให้หญิงสาวที่เขาตั้งใจมาหา แต่หนนี้สริดาไม่แม้แต่จะรักษาน้ำใจด้วยการรับไว้“คราวก่อนส้มพูดชัดแล้วนะคะว่าไม่อยากให้พี่โซ่กลับมาที่นี่อีก”“พี่รู้ แต่พี่คิดถึงส้มมากเกินไป หลายวันมานี้พี่แทบไม่มีสมาธิทำงานเลยนะครับ...ในหัวพี่คิดถึงแต่เรื่องของส้มตลอดเวลา ว่าต้องทำยังไงส้มถึงจะเชื่อว่าพี่รักแล้วก็จริงจังกับส้มจริง ๆ”สริดาถอนหายใจ เหลือจะเชื่อจริง ๆ ผู้ชายคนนี้“กลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ส้มต้องไล่ซ้ำซากเลย ส้มเหนื่อย...”“พี่จะกลับแต่อยากให้ส้มรู้ว่าเมียพี่...ภรรยาตามกฎหมายคนนั้น เขายินดีหย่าให้พี่แล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมียมานานหลายปีแล้ว ที่ทนอยู่ก็เพราะลูก แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเขาก็ไม่อยากแกล้งพี่อีกต่อไป เขาจะหย่าให้ครับ”“ถ้าอย่างนั้น
วันพระใหญ่ สริดากับองุ่นออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ตอนกลางวัน คนเป็นป้ายังคงรู้สึกผิด แม้หลานสาวบอกให้ลืมมันไปได้แล้วก็ตาม“กรวดน้ำไปเยอะ ๆ เลยนะลูก พวกเจ้ากรรมนายเวรมันจะได้ไม่มารังควานเราอีก”องุ่นบอกหลานสาว สริดาอดยิ้มขันไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ป้าขอน้ำมนตร์จากหลวงพ่อ เพื่อจะมาผสมน้ำอาบ ไล่เสนียดจัญไรออกจากชีวิต“นายคนนั้นมันติดต่อเรามาอีกไหมส้มหวาน”หลังจากไม่ได้เอ่ยชื่อศรัณมานาน องุ่นก็เลียบเคียงถามจนได้ สริดาอยากปิดเรื่องที่เขาแวะมาที่บ้านหลายวันก่อนแต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป“เวรกรรม ยังกล้ามาอีกหรือนี่ มันมาเซ้าซี้ตอแยอะไรอีกได้ แล้วได้แจ้งตำรวจหรือเปล่าลูก”“เขายังไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะป้าหงุ่น ไม่ต้องห่วงนะคะ”สริดารีบบอก“ป้าหงุ่นอย่าเพิ่งบอกน้องนะคะ แค่เลี้ยงทิวลิป มะนาวก็น่าจะวุ่นพออยู่แล้ว”“อืม ป้าไม่บอกหรอก แต่ส้มก็อย่าประมาทนะลูก บอกคนงานให้เฝ้าบ้านกันดี ๆ แล้วถ้ามันกลับมาอีกก็โทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกไปเลย”“ค่ะป้าหงุ่น”สริดารับคำเพื่อให้ผู้อาวุโสสบายใจ เอาไว้ถ้าศรัณยังไม่ยอมเลิกราจริง ๆ ตอนนั้นเธอค่อยใช้ไม้แข็งกับเขาอย่างที่ป้าบอกก็แล้วกัน**“เมื่อไรจะหายเห่อลูกสักที ใจคอ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่วิศวินต้องกลับออสเตรเลีย จากสนามบินเชียงใหม่ชายหนุ่มต้องไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เขาไม่ได้ให้ใครมาส่งนอกจากลูกพี่ลูกน้อง“แล้วจะกลับมาอีกเมื่อไร”ธีทัตถาม วิศวินหัวเราะ“ฉันยังอยู่ไม่จุใจนายอีกเหรอ นี่ก็อยู่จนแม่นึกว่าฉันจะกลับมาอยู่เชียงใหม่แล้วนะ”“ก็ถาม ๆ ดู เผื่อว่าหนนี้มีอะไรจูงใจให้นายกลับมา”ธีทัตเอ่ยทีเล่นทีจริง“ตกลงแกกับส้มหวานนี่มันยังไงวะ”“ก็ไม่ไงนี่”วิศวินทำเป็นง่วนกับการตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าและตั๋วโดยสาร“ส้มหวานก็น่ารักดี คุยด้วยแล้วสบายใจ... น่าเห็นใจเขาที่เจอผู้ชายที่ไม่ดี”“ก็เพราะผู้ชายดี ๆ มันไม่กล้าจีบน่ะสิ ไอ้พวกไม่ดีเลยเอาไปกินเสียหมด”“มันก็ต้องมีคนดี ๆ หลงเหลือบ้างล่ะน่า... คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับเขาได้ ดูแลเขาได้...”วิศวินเอ่ยเบา ๆ เหมือนตั้งใจจะพูดกับตัวเองถ้าเป็นเมื่อก่อนธีทัตอาจจะยุให้ลูกพี่ลูกน้องเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสริดาให้รู้แล้วรู้รอดและเขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ด้วยอีกแรง แต่หลังจากผ่านเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาทั้งร้ายและดี ชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนจึงคิดว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติโดยตัวเขาเองไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
ระหว่างรอธีทัตซื้ออาหารอีสานมาสมทบ สริดาเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มอีกสองสามเมนูเพราะป้าองุ่นก็จะมาร่วมโต๊ะด้วยเช่นกัน“มะนาวไปนั่งดูทีวีรอพี่ข้างนอกไป จะมานั่งทำไมในครัว”เธอบอกน้องสาว มนิษาบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมหยิบข้าวต้มมัดที่นึ่งสุกแล้วใส่จานเดินออกจากครัว ปล่อยให้พี่สาวกับนิดหน่อยช่วยกันล้างผักหั่นผักกันไป นาทีต่อมาวิศวินก็เดินพับแขนเสื้อเข้ามา“พี่วิน จะรับอะไรหรือคะ”“เปล่าครับ พี่จะมาช่วยเป็นลูกมือน่ะ”“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส้มกับนิดหน่อยทำสองคนก็ไหว พี่วินไปนั่งคุยกับมะนาวเถอะค่ะ”“มะนาวก็ไล่พี่มาช่วยส้มเหมือนกัน” วิศวินอ้างส่งเดช “ให้พี่ช่วยเถอะครับ พี่ทำครัวเป็นนะ”“จริงหรือคะ”เป็นนิดหน่อยที่ถาม ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยันพลางเดินไปหยิบมีดทำครัวขึ้นมาหนึ่งเล่ม“ให้พี่หั่นผักให้ดูไหมล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าโม้”สริดาเกรงใจแต่ก็ยอมหลีกทางให้ และฝีมือหั่นผักด้วยความเร็วและเนี้ยบระดับพ่อครัวมืออาชีพก็ทำให้สองสาวอ้าปากค้าง“โอ้โห...อย่างกับที่เขาแข่งทำอาหารในโทรทัศน์แน่ะพี่ส้ม”นิดหน่อยร้องอย่างตื่นเต้น วิศวินหัวเราะเบา ๆ“ตอนพี่จบไฮสกูล...หมายถึงม.ปลายน่ะ พี่ไปเรียนเป็นเชฟอยู่เกือบสามปีเ
ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากศรัณกลับไปกับครอบครัวของเขาในวันนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาเองก็ไม่กล้าโผล่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษสริดาและบอกว่าจะกลับมาอธิบายทุกอย่างทีหลัง“ส้มหวานเป็นไงบ้างวะไอ้ธี”วิศวินถามธีทัตหลังผ่านงานหมั้นไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยังไม่ได้เจอสริดาเลย ครั้นจะไปหาเธอที่บ้านหรือส่งข้อความไปก็ไม่แน่ใจว่าจะยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า“เห็นมะนาวบอกว่าก็ยังสบายดีนะ อาจมีโกรธบ้างแต่รวม ๆ ก็เหมือนทำใจได้”“แปลก แล้วจะเอายังไงต่อกับผู้ชายคนนั้น ครอบครัวเขา เมียเขา จะมาเอาเรื่องอะไรอีกไหม”วิศวินยังถามต่อด้วยความเป็นห่วง ธีทัตส่ายหน้า“เท่าที่รู้ ทางนั้นไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก คงไม่อยากยุ่งกับเราเหมือนกัน มีแต่เมียฉันนี่ล่ะที่ร่ำ ๆ จะไปเอาเรื่องนายศรัณให้ได้ นี่ฉันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งต่อความยาวสาวความยืด ไม่อย่างนั้นป่านนี้มะนาวตัวดีบุกศาลากลางแล้ว แม่เจ้าประคุณกะจะไปบู๊ทั้ง ๆ ที่ท้องโย้อยู่นั่นแหละ”ธีทัตหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ก็พอเข้าใจว่าถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะขำไม่ออก นึกแล้วก็โชคดีจริง ๆ ที่น้อง
“ส้มครับ...ไม่ว่าใครจะพูดอะไร พี่อยากให้ส้มเชื่อใจพี่นะครับ”“ส้มไม่เข้าใจค่ะ”“พี่รักส้มนะ รักจริง ๆ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟังทีหลัง”“อธิบายเรื่องอะไรคะ พี่โซ่พูดให้ชัด ๆ ได้ไหม ส้มงงไปหมดแล้ว”แต่ศรัณไม่มีเวลาอธิบายเพราะหฤทัยจูงมือพี่สะใภ้ก้าวอาด ๆ มาหา ชายหนุ่มหน้าซีดเป็นกระดาษ อุรัศยามองสามีที่สวมใส่ชุดไทยประยุกต์หล่อเหลาจัดเต็มแถมยังยืนเคียงข้างหญิงสาวอีกคนแต่งตัวโทนเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของสองคนนี้คืออะไร...สริดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวที่เธอยังไม่รู้จักจู่ ๆ ก็สะอื้นเสียงดัง น้ำตาร่วงพรู มารดาของศรัณโอบกอดหญิงสาวคนนั้นไว้ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ดูอ่อนวัยที่สุด กำลังจ้องเธออย่างรังเกียจ“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ...”“ซ่า เดี๋ยวพี่พูดเอง”ศรัณพยายามปรามน้องสาว แต่ถึงตอนนี้แม้แต่ช้างก็ฉุดหฤทัยไม่อยู่แล้ว“จะพูดอะไร จะบอกเมียน้อยพี่หรือไงว่าที่กำลังร้องไห้อยู่นี่คือเมียตัวจริง เมียหลวง!”มีเสียงอุทานและฮือฮารอบข้างดังขึ้นเบา ๆ สีเลือดเผือดหายไปจากใบหน้าของสริดาทันที“ส้ม ฟังพี่ก่อนนะครับ...”เป็นอีกครั้งที่ศรัณยังไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะมนิษาท
แสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอทั่วลานสนามหญ้าที่ตัดแต่งอย่างประณีต เก้าอี้ไม้สีขาวรูปทรงวินเทจจัดเรียงเป็นระเบียบรองรับแขกเหรื่อได้หลายสิบคน ดอกกุหลาบขาว ลิลลี่ และไฮเดรนเยีย ถูกจัดแต่งสวยงามประดับประดาไว้ทุกมุมของบริเวณจัดงานเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนหวานแห่งนั้นด้านหน้าเวทียังมีกุหลาบขาว คาเนชั่น และดอกยิปโซ คุมโทนให้เข้ากันกับโซฟาหรูสีงาช้างสำหรับคู่หมั้นและผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฉากหลังประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษตัวเอสสองตัวซ้อนกันแทนชื่อย่อของสริดากับศรัณศรัณอาสาดูแลเรื่องงานหมั้นในวันนี้ทั้งหมด เขาเลือกซื้อแพ็คเกจจัดงานที่ดูแลเบ็ดเสร็จทั้งสถานที่ อาหาร เครื่องแต่งกาย แต่งหน้าทำผม และยังดูแลไปถึงรูปแบบพิธีกรรมในการหมั้นหมายแบบไทย ๆ ชายหนุ่มนึกดีใจที่สริดากับป้าองุ่นเสนอให้จัดงานเล็ก ๆ ที่มีเฉพาะญาติและคนสนิทกันเท่านั้น ถึงกระนั้นฝ่ายของเขาก็มีเพียงนายอนุสรณ์ผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่มาร่วมงานหมั้นของลูกชายได้อนุสรณ์บอกว่านารีติดโควิดจึงมาด้วยกันในวันนี้ไม่ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าญาติของฝ่ายหญิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่เขากระซิบบอกลูกชายแล้วตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่มาถึงเชียงใหม่‘…แม่แกน่ะ หัวเด
“ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธหรือพูดอะไรนะ ฟังแม่ให้จบก่อน”หฤทัยเริ่มนึกสนุก รีบนั่งขัดสมาธิใกล้แม่ หยิบหมอนมาหนุนข้อศอก ตั้งท่าฟังอย่างตั้งอกตั้งใจแต่รอยยิ้มสนุกก็ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อนารีเล่าเรื่องที่ลูกชายมาขอให้ไปสู่ขอผู้หญิงคนหนึ่งที่เชียงใหม่ และยังขอร้องให้ปิดบังเรื่องนี้จากอุรัศยา ผู้ที่เป็นสะใภ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายหฤทัยขบกรามกรอด ๆ และอดทนฟังอย่างไม่ปริปากตามที่แม่ขอไว้ จนเมื่อนารีพูดจบหญิงสาวก็แทบจะฉีกหมอนแทนการพุ่งไปห้องนอนพี่ชายแล้วทำร้ายเขาแทน“นี่เขาส่งมันไปทำงาน แต่มันดันไปมีเมียน้อยเนี่ยนะแม่! แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าไอ้โซ่มันมีลูกมีเมียแล้ว”เมื่อโกรธจัด การเรียกพี่ชายอย่างให้ความเคารพก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็น“มันบอกว่าทางนั้นก็ยังไม่รู้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”“ถ้าเขาไม่รู้ก็ยิ่งชั่วหนัก นอกใจเมียแล้วยังไปหลอกผู้หญิง แบบนี้มันผิดวินัยนะแม่ ถ้าผู้หญิงเขารู้เขาเอามันออกจากราชการได้เลยนะ”“มันรู้ทุกอย่างแหละซ่า พี่ชายแกมันรู้หมดอะไรผิดอะไรถูก แต่มันจะทำ แถมยังขอให้แม่ไปขอเมียให้”“แล้วแม่ก็จะไปหรือไง”“จะไปได้ยังไงล่ะ แค่คิดฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว
เป็นไปตามคาด มนิษาโวยวายเสียงดังจนคนฟังหูแทบแตกเมื่อสริดาโทรศัพท์ไปบอกว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีงานหมั้นของเธอกับศรัณ“มะนาว ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”คนเป็นพี่พยายามเอ่ย“ถามจริงเถอะ นี่คิดดีแล้วใช่ไหม หมั้นกับไอ้...กับเขาน่ะ”“ไม่รู้ ไม่ได้คิด”“อ้าว! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะพี่ส้ม เรื่องแบบนี้ไม่คิดได้ยังไง”สริดานิ่งไป... เงียบนานจนคนเป็นน้องเอะใจ“พี่ส้ม ฟังอยู่หรือเปล่า”“อือ...อยู่”“เป็นอะไร ตกลงมันยังไงกันแน่”“...”ไม่มีคำตอบ แต่มนิษาเหมือนได้ยินเสียงคนถอนหายใจหนัก ๆ ความโกรธหายไปทันที หญิงสาวที่กำลังท้องโตกดโทรศัพท์แนบหูแรงขึ้นราวกับยังได้ยินไม่ชัดพอ“พี่ส้มอยู่ที่ไหน เดี๋ยวนาวไปหา”“ไม่เอา ไม่ต้องมา พี่เป็นห่วง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวให้พี่ธีไปส่งก็ได้ พี่ธีอยู่บ้าน...ให้นาวไปหานะ”“เจอกันที่ร้านกาแฟดีกว่า พี่ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินน่ะ”นี่ก็แปลกที่สุด...ตลอดชีวิตของมนิษาไม่เคยเห็นพี่สาวทำตัวลับลมคมในแบบนี้ สริดาบอกชื่อร้านกาแฟแถวบ้าน หญิงสาวรับปากก่อนจะรีบวางสาย แต่งตัว และขอให้ธีทัตพาไปส่งที่ร้านอย่างรวดเร็ว**เพราะคิดว่าภรรยาของเขาควรได้พูดคุยกับพี่สาวอย่างเป็นส่วนตัว ธีทัตจึงขอตัวไปเดินเ