แชร์

ตอนที่ 12 ปิดเทอม

ผู้เขียน: ปิ่นปภัส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-16 13:42:49

หญิงสาวในชุดลำลองเสื้อยืดสีซีดตัวโคร่ง กับกางเกงยีนแต่งขาดที่ถูกตัดขาสั้นแค่เข่า สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน ผมยาวถูกม้วนเกล้าขึ้นสูงแบบหลวม ๆ ยกชามก๋วยเตี๋ยวที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นเครื่องเทศอบอวลชวนน้ำลายไหล เดินเสิร์ฟตามโต๊ะอย่างขะมักเขม้นคือกิจวัตรของเธอในวันที่ไม่มีเรียน

“เห็นติดป้ายหยุดที่หน้าร้านอาทิตย์หน้าจะไปไหนเหรอครับ?” คำถามจากลูกค้าที่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวประจำจนจำหน้ากันได้

“ไปต่างจังหวัดไม่กี่วันก็กลับแล้วค่ะ” ตอบคำถามพร้อมกับส่งยิ้มให้

เป็นปกติในช่วงปิดเทอมของสองพี่น้อง ผู้เป็นพ่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดทุกปี เนื่องจากในช่วงปิดเทอมลูกค้าหลักคือนักศึกษาในหอพักก็จะบางตาลง เพราะหลายคนก็กลับต่างหวัด ทำให้พ่อโจถือโอกาสนี้กลับไปพักผ่อนที่บ้านเช่นกัน

รถกระบะที่พร้อมเดินทางมุ่งสู่ขอนแก่นในช่วงปิดเทอม จอดรออยู่หน้าบ้านเรียบร้อยโดยมีธีธัชและตะวันขอตามไปด้วย

“พวกมึงไม่มีบ้านให้กลับหรือยังไงถึงเที่ยวขอไปบ้านคนนั้นคนนี้”

จิวากรโยนกระเป๋าขึ้นรถเอ่ยถามสองหนุ่มเพื่อนซี้ ธีธัชและตะวัน

“เปิดหูเปิดตาบ้างกูคนในเมืองอยากรู้ว่าคนบ้านนอกแบบมึงเขาใช้ชีวิตกันยังไง” คำตอบจากธีธัช

“ถุย” เสียงจากจิวากร

“กูอ่ะคนบ้านนอก แต่หน้าตามึงง่ะโคตรบ้านนอก” มองเหยียดเพื่อนที่กำลังขนกระเป๋าขึ้นรถด้วยหางตา

รถเคลื่อนออกจากกรุงเทพถึงปลายทางก็ค่อนเย็น เพราะไม่ได้รีบร้อนตีนผีและแวะซื้อของฝากพร้อมพักดื่มกาแฟไปด้วย

เสียงบีบแตรที่หน้าบ้านดังขึ้น ชายสูงวัยร่างผอมผิวกร้านแดด วิ่งออกมาเปิดรั้วพร้อมกับสุนัขคู่ใจอีกสองตัว พ่อโจขับรถเข้าไปด้านในจอดใต้ต้นมะม่วงข้างบ้าน

บ้านในสวนหลังเล็กกะทัดรัดแต่แลดูอบอุ่น ตั้งโดดเด่นในพื้นที่กว้างประมาณสองไร่เศษ ด้านข้างเป็นสระเลี้ยงปลาธรรมชาติที่ปริมาณน้ำเต็มปริ่มถึงคูกั้นน้ำในฤดูฝน ชายคาบ้านที่ต่อรางน้ำรองรับน้ำฝนให้ไหลลงสระเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตรเล็ก ๆ ในรั้วบ้าน ถัดไปเป็นสวนกล้วย และพืชผักอายุสั้นเรียงเป็นแปลงถัดกันไปสีเขียวสบายตา ทั้งถั่วฝักยาว มะเขือ และผักอีกหลากหลายชนิด

มองออกไปด้านนอกคือไร่ข้าวโพด และไร่อ้อยสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตา ด้านหน้าที่ไกลออกไปลิบลับคือทิวทัศน์ภูเขาตั้งตระหง่านอยู่

“สวัสดีจ้ะลุงมิ่ง” จิวารีเดินลงจากรถ เอ่ยทักทายผู้เป็นลุงอย่างคุ้นเคยพร้อมยกมือไหว้

“สวัสดีครับ”

ตามด้วยจิวากรและสองหนุ่มผู้เป็นแขกมาเยือนกล่าวสวัสดีเจ้าบ้าน ที่มาพร้อมกับกลิ่นสาโทของโปรดที่เขาหมักรอผู้เป็นหลานชายตัวแสบ ตั้งแต่รู้ข่าวว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านแล้ว

มิ่งขวัญ หรือลุงมิ่ง เกษตรกรผู้ครองความโสด ขยันขันแข็งและคลั่งไคล้ในรสเหล้าทุกชนิด รับไหว้เด็ก ๆ ทักทายถามไถ่พอหอมปากหอมคอและเชิญเข้าบ้าน

จากการนั่งรถมาทั้งวันทำให้ผู้เดินทางร่างเพลียไม่ใช่เล่น กระท่อมริมน้ำคือที่เหยียดยาวของหนุ่ม ๆ บรรยากาศเงียบสงบปราศจากเสียงวุ่นวายที่คุ้นเคยในเมืองหลวง ลมเย็นๆ พัดโกรกมาเป็นระยะชวนหลับใหล ไม่นานเสียงกรนแข่งกันก็ดังขึ้นจากหนุ่ม ๆ ที่นอนเอกเขนกเรียงรายกันอยู่ที่กระท่อม

จิวารีอาบน้ำชำระร่างกายเรียกความสดชื่นที่หายไปกับการเดินทางคืนมา ก่อนจะหลบไปพักในห้องส่วนตัวที่คุ้นเคยและคิดถึงมาแสนนาน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“ว่าไงเอวา”

“ถึงแล้วสักพักนี่เอง กำลังจะเอนหลังเพลียมากเลย”

(“ฉันกับดินจะถึงสนามบินขอนแก่นประมาณแปดโมงกว่าแกออกมารับด้วยนะ”)

พร้อมส่งตั๋วบินให้จิวารีดูตารางเวลาเพื่อคำนวณการเดินทาง

สองพี่น้องแจ็คจิ๋วตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกไปรับเอวาและอิทธิพลที่สนามบิน ขากลับยังไม่ทันจะถึงบ้านรถเจ้ากรรมก็ดันมางอแงเสียได้ เมื่อยางรั่วแบนแต๊ดแต๋อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน

“จะถึงบ้านอยู่แล้วเหยียบเชี่ยอะไรวะเนี่ย” ชายหนุ่มสบถคนเดียวขณะเดินสำรวจสภาพล้อรถ พลางหยิบโทรศัพท์โทรบอกผู้เป็นพ่อ

หนุ่มสาวยืนรออยู่ข้างทาง ภาพข้างหน้าที่เห็นคือลุงมิ่งและพ่อโจสองพี่น้องขับซาเล้งพ่วงกันมาแต่ไกล

เอวาและอิทธิพลยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสองทันทีที่มาถึง

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ”

พ่อโจรับไหว้หนุ่มสาว ทักทายถามไถ่สักครู่ก็เดินสำรวจสภาพล้อรถที่แฟบแบนติดพื้นถนนอยู่

“พาเพื่อนกลับไปพักผ่อนกับลุงมิ่งก่อนเลย เดี๋ยวพ่อจะรอช่างเอง”

หลังจากผู้เป็นพ่อพูดจบทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ลุงมิ่งที่ยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า ดวงตาเยิ้ม กลิ่นละมุดโชยมาตามลม ยืนพิงมอเตอร์ไซค์พ่วงอยู่

“ไหวป่ะเนี่ยลุงมิ่ง?” จิวากรย่นคิ้วถามกับท่าทีที่ยืนไหล่เอียงของผู้เป็นลุง

“สบายมาก” ผู้ถูกถามตอบชิว ๆ

“เอากุญแจมาผมขับเอง”

“เฮ้ย...” ลุงมิ่งลากเสียงยาวพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“แค่นี้เองลุงขับได้ มา ๆ ขึ้นรถ มาเหนื่อย ๆ จะได้รีบกลับไปพักผ่อนกัน”

พูดพลางขึ้นคร่อมรถสตาร์ทเครื่องหันหลังมามองหนุ่มสาวที่มีทาทีลังเลไม่แน่ใจในพลขับ

“ขึ้นมาสิ” ลุงมิ่งพยักหน้าเรียกซ้ำ

เสียงเครื่องยนต์เก่าดังแหบแปร๋นควันโขมงออกจากท่อ ลุงมิ่งบิดคันเร่งแต่เท้าแตะเบรกไว้ทำให้เสียงดังแปดหลอดแสบแก้วหู กับรอยยิ้มหวาน ๆ แต่ฟันอยู่ไม่ครบซี่ด้านหน้า

“ค่อย ๆ ขับล่ะมิ่งอย่าห้าวให้มันมาก” นายโจตะโกนบอกพี่ชาย

“เออ...รู้น่า”

หนุ่มสาวก้าวขึ้นรถซาเล้ง ยังไม่ทันจะลงที่ดีด้วยซ้ำรถก็ทะยานไปกลางอากาศแล้ว  เอวาที่ไม่ค่อยจะถนัดอยู่แล้วหงายหลังผงะ ยื่นมือคว้าอากาศข้างหน้าหาที่จับ จิวากรคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเธอทันที ร่างบางปลิวล้มทับเข้ากับร่างของชายหนุ่มและสวมกอดเธอไว้แน่น

“ว๊ายยยย”

เสียงกรี๊ดดังลั่นเพราะความตกใจ หันไปมองเพื่อนข้าง ๆ ตอนนี้จิวารีนอนทับร่างของอิทธิพลอยู่ ไม่รู้ใครดึงใคร ไม่มีเวลาให้ได้ตั้งตัวลุงมิ่งก็บิดคันเร่งต่ออย่างเมามันเหมือนลงสนามแข่ง

“ลุง...เบาหน่อย” จิวากรแหกปากต้านลมส่งเสียงเตือนพลขับ

หนุ่มสาวชุลมุนหาที่คว้ายึดร่างไว้ ขับผ่านหมู่บ้านเลี้ยวลงซอยข้างทางตรงไปบ้านสวน ถนนค่อนข้างขรุขระในหน้าฝน เพราะโดนน้ำไหลกัดเซาะจนเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดเส้นทาง แต่คนขับก็ยังไม่ผ่อนคันเร่ง

สี่ร่างของหนุ่มสาว เด้งดึ๋ง ๆ ขึ้นลงกระแทกพ่วงที่รถตกหลุมหัวโยกหัวคลอน เสียงหัวเราะสดใสของเอวาบวกกับเสียงแหบของเครื่องยนต์ประหนึ่งเสียงเครื่องเรือหางยาวก็ไม่ปาน ดังสลับกันไปตลอดเส้นทางอยู่อย่างนั้น

“ยัยเส้นตื้นเอ๊ย” จิวากรพึมพำคนเดียว

เด้งดึ๋งไปมารู้ตัวอีกทีจิวารีลงไปนั่งคร่อมบนตักของอิทธิพลเสียแล้ว โดยหันหน้าเข้าหากัน สองมือของชายหนุ่มเกาะที่ขอบพ่วงเพื่อไม่ให้ร่างกระเด้งขึ้นลง สองแขนของจิวารีโอบกอดรอบคอเพื่อนชายไว้แน่น พร้อมทนฟังเสียงหัวเราะของเอวาไม่ไหวสุดท้ายก็ขำตามไปกับเธอ

“เฮ้ย...ไอ้ดิน” จิวากรยื่นขาถีบไปที่อิทธิพล อีกหนึ่งขาถูกเอวากอดยึดไว้ สองมือของชายหนุ่มจับราวพ่วงไว้เช่นกัน

“ปล่อยน้องกู” ทั้งที่คนกอดไม่ใช่เขา

อิทธิพลปล่อยมือจากราวพ่วงชูมือขึ้นสูงให้จิวากรดู ว่าไม่ใช่เขาที่เป็นคนกอด และรีบคว้าขอบพ่วงไว้อย่างรวดเร็ว ระยะทางจากหมู่บ้านออกมาที่บ้านสวนไม่ไกลนัก แต่ทำไมมันช่างยาวนานตื่นเต้นเสียจริงในความคิดของผู้โดยสาร

“โค้งข้างหน้า” เสียงแหกปากแข่งกับเสียงรถจากจิวารี

“บะ...เบา ๆ ๆ ๆ”

“เฮ้ย...” ผู้โดยสารตะโกนร้องประสานเสียงแข่งกัน

“ลุง...เม่งงงง”

“แตะ…เบรกกกก”

โครม!

รถเข้าโค้งที่ไม่ผ่อนเหวี่ยงเทกระจาดร่างหนุ่มสาวกระจัดกระจายลงข้างทาง พร้อมกับพลิกคว่ำอยู่ที่คูน้ำหัวโค้งก่อนถึงบ้านสวน

เจ้าโบ้และเจ้าบี้สุนัขสองตัวประจำบ้านวิ่งออกนอกรั้วยืนเห่าเอาเป็นเอาตาย ทำให้สองหนุ่มธีธัชและตะวันเดินออกมาดูตามเสียง

“ตัวเชี่ยไรวะน่ะ” ธีธัชพึมพำหรี่ตามองภาพข้างหน้า

“มึงจะเห่าหาพ่อมึงรึไงวะไอ้โบ้ไอ้บี้หุบปากไปเลย” เสียงจิวากรที่ตะโกนแข่งกับหมาสองตัว ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นหูเจ้าสุนัขแสนรู้ก็หยุดเสียงเห่า แกว่งหางดิก ๆ

เอวาขาแพลงเดินไม่ไหวต้องขี่หลังจิวากรเข้ามา เนื้อตัวสองหนุ่มสาวเปื้อนเปรอะไปด้วยโคลนจากการเทกระจาดของลุงมิ่ง

อิทธิพลเดินลงน้ำหนักไม่เต็มขาผลจากถูกพ่วงกระแทกตอนเทกระจาด กางเกงยีนแบรนด์เนมตัวเก่งที่สวมอยู่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้วที่ยังไม่ขาด เสื้อยืดที่ต้องพิจารณาดี ๆ ว่าสีอะไรกันแน่ เพราะลงไปช่วยดึงลุงมิ่งที่ตกลงไปในคลองน้ำธรรมชาติข้างทาง ความเมาจนขาอ่อนก้าวขึ้นจากโคลนไม่ไหว นั่งแช่อยู่ในน้ำจนชายหนุ่มต้องยื่นมือเข้าไปช่วยและพลัดตกลงไปอีกคนเพราะลื่นขอบตลิ่ง

จิวารีที่ยังหลงเหลือสภาพดีอยู่บ้างเพราะกระโดดลงรถได้ทัน แทนที่เธอจะเข้าไปช่วยกันดึงขึ้นจากโคลน กลับนั่งหัวเราะจนตัวงออยู่ข้างถนน

ด้านหลังสุดของขบวน คือผู้ก่อเหตุที่สภาพเหมือนไปจับปลาในบ่อโคลนที่เลอะยันเส้นผมลงมาจนถึงปลายเท้า รถซาเล้งที่หนุ่มสาวช่วยกันลากขึ้นมาด้านบนจอดอยู่ริมทางและไม่มีใครกล้าขึ้นอีกเลย สุดท้ายก็เดินซ้อนท้ายกันเข้าบ้าน

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

เสียงหัวเราะของธีธัชดังลั่นไปจนถึงท้ายทุ่ง หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายวันนี้ถูกนำมาถ่ายทอดอีกครั้งในวงปาร์ตี้ที่กระท่อมริมสระน้ำอีกครั้ง

“ดีนะแขนขาหลานไม่หักจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ห้าวนักเวลาเหล้าเข้าปาก บอกไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย” นายโจหันมาตำหนิพี่ชายที่กำลังยกไหสาโทออกมาให้เด็ก ๆ ในวงหมูกระทะริมสวน

“อย่าดื่มให้มากล่ะพรุ่งนี้จะต้องไปจับปลาที่ท้ายทุ่งอีก”

“เออ รู้น่า” แต่คำนี้นายโจฟังจนชินแล้วและรู้ดีว่าพี่ชายไม่ทำตามอยู่แล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนพิเศษ 41 แค่มีเรา

    เสียงลมหนาวพัดผ่านรวงข้าวสีทองที่โอนเอนตามแรงลมอย่างอ่อนช้อย แสงอาทิตย์แรกของวันทาบทอลงบนท้องทุ่งกว้าง กลิ่นฟางกลิ่นดินที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเมื่อหมอกจาง ๆ เริ่มคลายตัว กลุ่มนกน้อยใหญ่บินวนจิกเมล็ดข้าวในทุ่งนาโดยไม่สนใจหุ่นไล่กาเลยสักนิด ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นหน้ากันเสียอย่างนั้นอิทธิพลขับมอเตอร์ไซค์ตามทางคดเคี้ยวที่ใช้เป็นทางลัดกลับจากท้ายทุ่ง โดยมีจิวารีนั่งซ้อนท้าย ในมือถือตะกร้าผักสดที่เก็บมาใหม่ ๆ สำหรับให้พ่อโจทำกับข้าวในเช้านี้ หลังจากสองหนุ่มสาวเคลียร์ความวุ่นวายของงานลงตัวแล้วและกลับมาเยี่ยมพ่อผ่านพ้นไปหลายฤดูที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน เช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของการทำงาน ที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีให้กับทุกปัญหาของการใช้ชีวิตอิทธิพลได้เข้าศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจเพื่อสานต่อตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัวหลังจากทรงศักดิ์จากไปอย่างสงบในวัยชรา ดวงยี่หวาโอนกิจการร้านอาหารให้ทายาทเพียงคนเดียวหลังจากออกไปทำกิจการความสวยความงามตามที่เธอชื่นชอบ และมีจิวารีบริหารกิจการต่อจากเธอจิวากรลาออกจากบ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 40 อินเลิฟ

    สองหนุ่มสาวหอบหิ้วถุงขนมขบเคี้ยวและกับแกล้มจากร้านสะดวกซื้อ หิ้วพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด อีกทั้งเครื่องดื่มที่ตุนไว้สำหรับการเชียร์บอลในคืนนี้ด้วย จิวารีขอตัวไปอาบน้ำหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชำระร่างกายคืนความสดชื่นแล้วยังไม่ทันจะได้นั่งพักเหนื่อยเสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ส่องดูหน้าคนเคาะที่ตาแมว อิทธิพลนั่นเอง“รอนานแล้ว” ทันทีที่เปิดประตูให้เขาก็อ้อนทันที พร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินมาที่ห้อง เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวถูกนำมาวางตรงโต๊ะหน้าทีวีสำหรับการเตรียมเชียร์บอลเรียบร้อย พร้อมกับเสียงบรรยายเมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม จิวารีนั่งลงข้างเขาเอนพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย“ที่ร้านเป็นไงบ้างวันนี้ยุ่งหรือเปล่า?”“อือ ลูกค้าเยอะ วันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ไม่สบายเท้าเลย แถมปวดขามากอีกต่างหาก” มือทุบที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ“เหนื่อยก็พักมีพี่ไพลินอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก” ยกแขนขึ้นโอบไหล่เธอและดึงเข้ามาซบไหล่ตัวเอง“แล้วเรื่องเรียนต่อของนายไปถึงไหนแล้ว?”“รอเรื่องงานลงตัวก่อนค่อยว่ากันอีกที?” ตอบและจูบที่หน้าผากจิวารีเงยหน้าขึ้นมองเขา“อะไร?” อิทธิพลถามเมื่อหญิงสาวเอาแต่ยิ้มแล

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 39 ชีวิตนอกมหาวิทยาลัย

    จิวารีอยากตอบตกลงการเริ่มงานใหม่กับเอวา เมื่อถูกทาบทามให้ไปทำงานที่สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดกับการร่วมหุ้นของสองครอบครัวระหว่างดวงยี่หวาและพิมพ์พรรณ แต่ดวงยี่หวาขอร้องให้เธอมาบริหารร้านอาหารแทน โดยยกเหตุผลทั้งร้อยแปดประการให้หญิงสาวใจอ่อน เพียงเพราะเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวไม่อยากให้สาวห่างไกลหูไกลตาเท่านั้นเองส่วนอิทธิพลนั้นตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งตามที่ทรงศักดิ์แต่งตั้ง ในการสานต่อธุรกิจของตระกูล เนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นปู่ เท่ากับว่าความรักที่เพิ่งผลิบานใหม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและภาระหน้าที่เพราะต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิตการทำงาน ทำได้เพียงส่งข้อความหวานและโทรหาเพื่อฟังเสียงเท่านั้น หลังเลิกงานก็มารับหญิงสาวกลับห้องพร้อมกัน เพราะขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาอยู่คอนโดที่เคยปฏิเสธแล้ว เนื่องจากดวงยี่หวาอ้างเป็นสวัสดิการและใกล้ที่ทำงานจะได้สะดวกในการเดินทางด้วย“ร้านเดิมนะ ตอนเย็นหลังเลิกงานวันศุกร์”คือข้อความที่นัดเจอกันของกลุ่มเพื่อน หลังจากห่างหายจากการพบปะสังสรรค์นานแล้วหลังจากสิ้นสุดการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งกับการจัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งเร

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 38 สิ้นสุดทางเพื่อน เป็นแฟนกันนะ

    “มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นเขาที่ถามขึ้นมาก่อน“เอ่อ....” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ อิทธิพลปิดหลอดยาและเก็บลงกล่อง“เมื่อคืนนายไปส่งฉันใช่ไหม?” ถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่จากที่เอวาบอก“อือ” ตอบและเดินไปหยิบรีโมทย์เปิดทีวี นั่งพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย เลื่อนเลือกช่องดูผลการแข่งขันฟุตบอล“ขอบใจนะ” จิวารีอึกอักพูดต่อ“พี่แจ็คไม่อยู่บ้านน่ะ...ออกไปตั้งแต่เช้าก็เลยยังไม่ได้ถาม” ขยายความให้เผื่อเขาสงสัย“แล้ว...” เธอหยุดคำพูดไว้แค่นั้น กลอกตาล้อกแล้กไปมาเหมือนหัวขโมยจอมโกหกที่กลัวคนจับได้“หือ...” อิทธิพลหันมามองหน้ายกคิ้วเป็นคำถาม และรอฟังว่าเธอจะถามอะไรต่อ จิวารีเม้มปากแน่น หายใจติดขัด“คือ...ฉัน...น่าจะเมาหนักมาก”“แล้ว...เผลอทำอะไรรั่ว ๆ หลุด ๆ ไปบ้างหรือเปล่า?” ถามอย่างมีเลศนัยอิทธิพลยกมือขึ้นจับคางทำท่าครุ่นคิด“ก็...”จิวารีลุ้นคำตอบตามอย่างตื่นเต้น“ไม่มีนะ”เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ค่อยยังชั่วหน่อย ที่แท้ก็แค่มโนเท่านั้น ยิ้มอย่างผ่อนคลาย กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าอาหารจะมาส่งกี่โมง“เราก็แค่จูบกันเฉย ๆ” อิทธิพลพูดสวนขึ้นมารอยยิ้มบาง ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ หุบลง พร้อมกั

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 37 เคลียร์

    จิวารีงัวเงียตื่นมาเข้าห้องน้ำในตอนเช้ามืด ตามด้วยการกินยาแก้ปวดและเดินกลับห้องทิ้งหัวลงหมอนนอนต่อ ลืมตาตื่นอีกทีก็ใกล้เที่ยง มือควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงกดดูเวลาที่หน้าจอ ก่อนจะวางลงที่เดิม ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและนิ่งอยู่สักครู่ มือนวดวนอยู่ข้างขมับ ก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นคืนให้ร่างกายละอองน้ำเย็นที่ซ่ากระเซ็นลงสู่ร่างตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เรียกความตื่นตัวคืนมาได้ไม่น้อย กลิ่นหอมของแชมพูบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกผสมคละคลุ้งกันภายใต้ไอน้ำเย็นในห้องน้ำเล็ก ๆ จิวารียืนนิ่งใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำไหลลงชำระความมึนเมาและความรุงรังในใจออกไปให้หมด ในสมองก็พลอยลำดับเหตุการณ์ของเมื่อคืนไปด้วยภายใต้ภาพความทรงจำที่แสนจะเลือนรางเท่าที่สมองจะบันทึกไว้ได้แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นความฝันนี่เธอเป็นหนักเอาการถึงขั้นฝันว่าได้จูบกับเขาแล้วเชียวเหรอ มือเสยผมที่เปียกปอนลงสองข้างแก้มขึ้น เงยหน้ารับละอองน้ำเย็น เป่าปากถอนหายใจทิ้ง อีกนานแค่ไหนกันนะถึงจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาเหมือนเดิมแบบไม่รู้สึกอะไรได้ เอาน่า ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เรียนจบแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหางานทำ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 36 ความในใจ

    อิทธิพลจอดรถข้างริมฟุตบาทแวะซื้อข้าวต้มริมทาง เผื่อเธอสร่างเมาเมื่อถึงบ้านและเกิดหิวขึ้นมา ตลอดเส้นทางคนเมาที่ตื่นมาบ่นเป็นครั้งคราว“ดิน” เรียกชื่อเขาทั้งที่ตาหลับอยู่“หือ” คนขับหันไปมอง เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบลงและหลับต่อ อิทธิพลเอื้อมไปดึงมือเธอมากุมไว้อีกมือจับพวงมาลัย“ว่าไง” แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งข้างกันรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ดีว่าเขาเคยมาส่งตะวันในครั้งที่ลืมของไว้ที่นี่ไม่งั้นคงวุ่นวายหาบ้านอยู่เป็นแน่ว่าหลังไหน คนเมาก็พูดไม่รู้เรื่อง หันมามองคนข้าง ๆ ที่นั่งคอพับหลับอยู่“จิ๋ว” มือแตะไหล่ปลุกเธอให้ตื่น“ถึงบ้านแล้ว”“อือ” พลิกตัวหลับต่อ“จิ๋ว...เข้าบ้านนะถึงบ้านแล้ว” พูดซ้ำอีกครั้ง“ฮือ...ไม่เอา...จะนอน” งัวเงีย เสียงในลำคอบ่งบอกว่ารำคาญ“เข้าใปนอนในบ้าน”“กุญแจบ้านอยู่ไหน?” ถามคนเมาที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของเธอมาเปิดหากุญแจ เปิดเข้าไปในบ้านสำรวจก่อนเพื่อความแน่ใจว่าห้องของเธอห้องไหนและเปิดประตูทิ้งไว้ เดินกลับมาอุ้มคนที่หลับอยู่เข้าบ้านวางหญิงสาวลงบนที่นอน ถอดรองเท้าออกให้ และกลับมาปิดรั้วบ้าน ก่อนจะเข้าไปสาละวนกับคนเมาอีกครั้ง“ทำไมเมาทิ้งตัวขน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status