Share

ตอนที่ 13 ฤทธิ์สาโท

last update Last Updated: 2025-12-16 13:42:55

กับแกล้มอย่างดีที่จัดเตรียมไว้รอโดยลุงมิ่ง หลัก ๆ แล้วคืออาหารป่าที่เขาถนัด เพื่อให้การดื่มคล่องคอตลอดทั้งคืน ด้วยฝีมือการปรุงที่จัดจ้านจากเชฟโจจัดเตรียมไว้ให้ก่อนจะเข้าไปหาเพื่อนรักในเมืองที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานโข

เอวากวาดสายตามองอาหารที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะในศาลาปาร์ตี้ของหนุ่ม ๆ โดยมีไหเหล้าสาโทวางอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับขวดเหล้าขาวของแท้สำหรับตบท้ายของลุงมิ่ง

“นี่อะไรเหรอคะลุงมิ่ง?” เธอชี้ไปที่จานอาหารตรงหน้า

“ปลาไหลต้มเปรต ของหายากเลยนะลุงไปสั่งให้ไอ้เผือกมันหามาให้ ได้มาแค่นี้เอง ชิมดูสิ”

ตอบคำถามเอวาอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเชิญชวนให้เด็กสาวลิ้มลองรสชาติอันโอชะของมัน เอวาทำตาปริบ ๆ ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“แล้วจานนี้ละคะ?”

“ผัดเผ็ดหนูนา”

“หนู...นา?” เสียงสูงปรี๊ด เมนูพิสดารแท้ พลางนึกถึงหนูอีกประเภทที่วิ่งเกลื่อนกลาดอยู่บนกองขยะ และเข้าใจว่ามันคือหนูประเภทเดียวกัน

“ชิม ๆ” ชายสูงวัยเลื่อนจานอาหารมาตรงหน้าหญิงสาวและนำเสนอเมนูอื่น ๆ ของเขาทันที

“จานนี้ลุงปรุงเองเลยนะก้อยหอยนาบอกเลยรสเด็ดมาก” เอวามองตาม อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อยเคยเห็นในคลิปที่เขากินกับส้มตำ มันก็พอจะลองชิมได้อยู่ แต่ตอนนี้ขอผ่านก่อนก็แล้วกัน

“แล้วในชามนี้ละครับ?” ตะวันที่นั่งจ้องอยู่สักพักแล้วพร้อมคาดเดาคำตอบอยู่ในหัวจากลักษณะภายนอกที่เห็นด้วยตา และลุ้นในใจว่าขออย่าให้เป็นสิ่งที่เขาคิดเลย

“ต้มแซ่บงูสิง”

“งูสิง!!!” เสียงจากคนต่างถิ่นที่ร้องลั่นพร้อมกันด้วยความตกใจ เมื่อได้ฟังเมนูซิกเนเจอร์ของเจ้าบ้าน

“ขอชิมหน่อยนะครับลุงมิ่ง” ธีธัชเท่านั้นที่ตื่นเต้นจับช้อนตักน้ำแกงในถ้วยซดเข้าปากอย่างท้าทาย นิ่งอยู่สักพักเพื่อรับรสอาหาร

“อื้อฮือลุงมิ่ง” กลืนลงคอหลับตาพร้อมกับพยักหน้า

“แซ่บสมชื่อมากครับ” ยกนิ้วโป้งการันตีรสชาติที่เพิ่งเทสไปเมื่อครู่

“พวกมึงไม่เคยเห็นในคลิปเหรอ มันแดกได้...อร่อย” มองหน้าอิทธิพลและตะวันที่ยังสตั๊นค้างอยู่ และตักมากินโชว์เพื่อนซะเลย

“ตัวเหี้ยแดกงู...หน้าตามึงก็ให้อยู่นะไอ้ธี”

จิวากรแซวเพื่อนที่ซดน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อยและชิมทุกเมนูที่ลุงมิ่งนำเสนอ เอวากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ สองหนุ่มอิทธิพลกับตะวันอ้าปากค้างพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ข้าง ๆ

“มาถึงที่ไม่ชิมได้ไงเดี๋ยวคนอื่นเขาจะหาว่าไม่ได้มาบ้านลุงมิ่ง” เจ้าของบ้านเสริมทัพคุยโวทันที

“ไม่เป็นไรค่ะหนูคงไม่ถนัด” เอวาออกตัว ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ยกจานกับข้าวที่จิวารีทำไว้ให้ เพราะรู้ดีว่าเธอคงไม่กล้าเปิบเมนูพิสดารแน่ และแยกนั่งอีกวงข้าง ๆ กัน

“ไอ้ดินกับตะวันถ้าพวกมึงไม่แดกกับ...กูไม่ให้แดกเหล้า” จิวากรดึงแก้วสาโทในมือตะวันที่ลุงมิ่งเพิ่งส่งให้ออกมาถือไว้

“แต่ผมไม่เคยกินอาหารแบบนี้มาก่อนเลยนะครับ” ตะวันทำหน้าละห้อยเหมือนจะร้องขอชีวิต

“ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกโว้ยไอ้ตี๋” คำท้าทายจากจิวากรที่ปราศจากความเห็นใจใด ๆ ทั้งสิ้น ตะวันลังเลมองเมนูปลาไหลต้มเปรตอยู่สักพัก มันก็คงเหมือนปลาทั่ว ๆ ไปกระมังปลอบใจตัวเอง ก่อนจะหยิบช้อนมาตักเข้าปากและลุ้นรสชาติอย่างหวิว ๆ

“อร่อยจริง ๆ ด้วย”

จิวากรปรายตามามองอิทธิพลเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงคิวมึงแล้ว ชายหนุ่มกวาดตามองเมนูและตัดสินใจอยู่ พริกเผ็ด ๆ คงช่วยให้ลืมว่าวัตถุดิบนั้นคือหนูนา ก่อนจะตักเข้าปากรับรู้รสชาติก็ไม่ได้แย่ถ้าไม่คิดมากจนเกินไป

“หนูนาไม่ใช่หนูในกองขยะที่กินของเน่าเสียสกปรกเหมือนที่พวกมึงคิด มันอยู่ในนากินพืช กินเมล็ดธัญพืช เมล็ดข้าว รากพืช เป็นแหล่งโปรตีนที่สะอาดโว้ย” จิวากรขยายความให้

สาโทหมดไปหนึ่งไหก็เริ่มได้ที่ เสียงสนทนาในวงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เอวาที่ไม่กล้าแตะอาหารป่าแต่กล้าลองลิ้มรสสาโทของลุงมิ่ง และดูเหมือนจะชอบอกชอบใจเสียด้วย เพราะผู้สูงอายุหยิบไหที่ใช้แป้งหมักแบบออกรสหวานมาให้สองสาว ที่จิบไปเรื่อย ๆ จนหน้าเริ่มแดงปลั่งฟังเรื่องขี้โม้ของหนุ่ม ๆ ที่ยกเรื่องมากมายมาขิงกับเจ้าของบ้านอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะทุ้มของหนุ่ม ๆ กับเสียงสดใสของสองสาวดังประสานกันอยู่เป็นระยะ เจ้าโบ้เจ้าบี้นอนฟังทำตาปริบ ๆ อยู่ข้าง ๆ

“กูไม่ไหวแล้วขอตัวไปนอนก่อน ไม่ได้นอนเต็มที่มาหลายคืนแล้ว”

จิวากรผละเดินออกไปหลังจากสาโทที่เตรียมไว้หมดเกลี้ยง ลุงมิ่งนอนแผ่หราอยู่ข้างกระท่อมมุมประจำตัวของเขา โดยมีพัดลมเปิดไว้ไล่ยุงอยู่ข้างๆ ห้องนอนมีไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้นสำหรับชายสูงวัย สองหนุ่มตะวันและธีธัชนอนอยู่ถัดไป เมินที่นอนที่พ่อโจจัดไว้ให้ด้านในสำหรับสามหนุ่ม

“ฉันก็ไม่ไหวแล้วไปนอนก่อนละกัน” เอวาลุกขึ้นเดินออกไปเช่นกัน

“เคลียร์พื้นที่เสร็จเดี๋ยวฉันตามไป” จิวารีส่งเสียงไล่ตามหลังเพื่อนสาว

จิวารีเก็บถ้วยชามและทำความสะอาดลานปาร์ตี้โดยมีอิทธิพลช่วยอีกแรง ใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อยสะอาดตา และนั่งพักพูดคุยกันต่อ

“แม่เธอ...ยังอยู่ไหม?” ถามอย่างระมัดระวังตวัดสายตาขึ้นมองหน้าเพื่อนสาว เพราะไม่เคยได้ยินสองพี่น้องพูดถึงผู้เป็นแม่เลยสักครั้ง

“หนีตามผู้ชายไปตั้งนานแล้ว” ตอบแบบชิว ๆ แต่ดวงตากระตุกวูบชั่วขณะกับความรู้สึกที่ซ่อนไว้ข้างใน

“ขอโทษนะ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก” ส่งยิ้มให้

“บางครั้งการจากลาก็ยังดีกว่ายังอยู่ด้วยกันแต่เหมือนไม่ได้อยู่...เหมือนพ่อกับแม่เรา” จิวารีหันไปมองผู้พูดทันที อิทธิพลหันมาส่งยิ้มว่างเปล่าให้

“นายก็เลยเลือกที่จะไม่อยู่ทั้งกับพ่อและกับแม่ และไปอยู่ที่คอนโดนะเหรอ?

“อันนั้นก็ส่วนนึง”

“ปู่จะให้เราหมั้นและแต่งงานกับผู้หญิงที่ปู่หาให้น่ะ ตอนนี้เธออยู่ที่บ้าน เราก็เลยออกมาอยู่ที่คอนโด”

“อย่าบอกนะว่าที่จะให้ฉันแกล้งเป็นแฟนนายก็เพราะเรื่องนี้”

“อือ”

“ผู้หญิงที่ปู่หาให้คือลูกติดของผู้หญิงคนใหม่ของปู่ และเคยเป็นเพื่อนสนิทกับแม่แต่เลิกคบกันไปนานแล้ว เพราะเธอพยายามจะทำให้พ่อกับแม่เลิกกันให้ได้แต่ไม่สำเร็จ เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปหาปู่แทน”

“เหมือนซีรี่ย์เกาหลีเลยอ่ะ” จิวารีพึมพำเบา ๆ และอ้าปากหวอเมื่อได้ยินชื่อเธอคนนั้นจากคำบอกเล่าของชายหนุ่ม

“อย่าบอกนะว่าเป็นคนเดียวกันกับกิ๊กของพ่อเอวา”

“อือ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอะไรประมาณนั้น แต่เรื่องมันเกิดนานแล้วล่ะ”

“พวกคนรวยนี่ก็แปลกทำไมชอบบังคับให้ลูกหลานแต่งงานกับคนนั้นคนนี้นะ”

สองหนุ่มสาวพูดคุยจนดึกดื่นก่อนจะแยกย้ายไปนอน ทั้งความเมาและเพลียพอถึงเตียงก็ทิ้งตัวหลับสนิทยาวจนถึงเช้า

จิวารีลืมตาตื่นในตอนสาย แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านม่านเข้ามาในห้อง พลิกตัวก่อนจะบิดขี้เกียจและลุกขึ้นนั่ง มองที่นอนข้าง ๆ ไม่มีร่างของเอวาอยู่แล้ว

“ทำไมตื่นเช้าจัง” เธอคิดในใจเดินออกมานอกห้อง เข้าห้องน้ำแปรงฟันล้างหน้า และเดินไปสูดอาการข้างนอก มองไปที่กระท่อมมีเพียงธีธัชและตะวันที่ยังนอนเหยียดยาวอยู่ ลุงมิ่งกับพ่อโจคงออกไปดูปลาที่ท้ายทุ่งแล้วกระมัง

“เอวา” ส่งเสียงเรียกเพื่อนสาว

“ไปไหนของเค้านะ”

เดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่เจอแม้เงา แนบหน้าที่ข้างหน้าต่างมองเข้าไปในห้องที่รวบม่านไว้อิทธิพลยังนอนอยู่ด้านใน หรือจะออกไปข้างนอกกับพี่แจ็ค เดินตรงไปที่ห้องพี่ชายทันที เปิดประตูเข้าไปภาพที่เห็นทำให้ตาเบิกโพลงแทบถลนออกมานอกเบ้า

เอวานอนซบอยู่บนอกเปลือยเปล่าของจิวากรบนเตียงใต้ผ้าห่มที่คลุมสองร่างแค่ครึ่งตัว จิวารีไม่รอช้าปรี่เข้าไปกระชากแขนผู้เป็นพี่ที่หลับสนิทอยู่ทันที พร้อมกับฝ่ามือฟาดลงไม่ยั้งตามตัวชายหนุ่ม

“พี่แจ็ค”

“ทำแบบนี้กับเพื่อนฉันได้ยังไง...ฮะ”

แหกปากโวยวายดังลั่น จิวากรงัวเงียตื่นขึ้นมา หลับอยู่ดี ๆ ก็ถูกฟาดเอาฟาดเอา นี่มันอะไรกัน พร้อมกับเอวาที่หน้าตาเหลอหลาอยู่ข้าง ๆ

“เจ็บนะเว้ย...เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย” ยกมือขึ้นปัดมือน้องสาวที่กำลังฟาดกระหน่ำรัว ๆ ที่ร่างออกให้พ้นตัว

“ตีฉันทำไมวะ?” ขมวดคิ้วถามอย่างงง ๆ

“พี่ทำอะไรเอวา?” ป้อนคำถามและจ้องหน้าพี่ถมึงทึง

“ทำอะไร?” ถามกลับเสียงสูง คิ้วยังไม่คลายปมออกจากกัน

เอวามองหน้าเพื่อนและจิวากรสลับกันไปมาก้มลงมองตัวเอง หัวใจหล่นวูบลงตาตุ่มก่อนจะรีบลุกจากเตียงทันทีด้วยความตกใจ

“เอวามานี่”

จิวารีดึงแขนเพื่อนสาวมายืนข้าง ๆ เสียงเอะอะโวยวายปลุกหนุ่ม ๆ ที่กำลังหลับอยู่ให้ตื่นและวิ่งมาดูเพราะคิดว่าเกิดเรื่อง

“พี่แจ็คทำอะไรแกหรือเปล่า?” จ้องหน้าเพื่อนจริงจังและถามอย่างห่วงใย เอวาไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่มองสองพี่น้องสลับกันไปมา เพราะยังมืดแปดด้านเหมือนกัน

“ทำบ้าอะไรฉันก็นอนอยู่ดี ๆ” คนที่ตอบคือจิวากร

“แต่เอวากับพี่นอนกอดกันอยู่” จิวารีแว้ดสวนกลับทันที

เอวาตาเบิกโพลงกับคำพูดของเพื่อนสาวเมื่อครู่

คุณพระ!!! นอนกอดกันอย่างนั้นเหรอ ให้ตายเถอะ ใจคอไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่

“แล้วพี่ถอดเสื้อทำไม?”

“ฉันก็ถอดเสื้อนอนเป็นประจำอยู่แล้วปะ” อธิบายอย่างหัวเสีย พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง ร่างสูงที่สวมแค่บล็อกเซอร์และเปลือยท่อนบน ขมวดคิ้วมองหน้าน้องสาวอย่างหงุดหงิด และเลยสายตาไปยังคนที่ยืนข้างกัน เอวาหลบตาเขาทันทีไม่กล้าสู้หน้า

“ก่อนจะใส่ร้ายฉันถามเพื่อนแกดูก่อนไหมเข้ามาในห้องฉันตอนไหน”

“เอ่อ...” ผู้ถูกเอ่ยถึงอึกอักพูดไม่ออก

“ว่าไงเอวา” จิวารีถามและจ้องหน้าเพื่อนสาว สามหนุ่มยืนหน้าสลอนรอฟังคำตอบอยู่ที่หน้าประตู

“ฉันไม่รู้อ่ะ ฉันนึกว่าห้องแกนี่” ตอบเสียงอ่อยหน้าเจื่อน นิ้วชี้ถูกับนิ้วโป้งไปมาจนเหงื่อชุ่ม

“แล้วแกนอนกอดพี่แจ็คคืออะไร?” คนถามก็เซ้าซี้เกินเบอร์คนถูกถามก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“ฉันคิดว่าหมอนข้างนี่นา”

“พี่แจ็คไม่ได้ทำอะไรแกแน่นะ สำรวจตัวเองหรือยัง?” ยังจะเคี่ยวต่อได้อีก

“สำรวจยังไง?”

“โอ้ย...เอวา” จิวารีมือกุมศีรษะแหงนหน้ามองเพดานหัวจะปวดกับเพื่อนสาว

“ก็ฉันไม่เคย...” และหยุดปากไว้แค่นั้นเพราะทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่เธอ อยากจะบอกเพื่อนว่าสำรวจไปก็คงไม่รู้หรอก เพราะเธอยังเวอร์จิ้นอยู่และเมื่อคืนก็เมาด้วยจะไปรู้อะไรไหม

“เฮ้อ” จิวากรถอนหายใจ เช้าวันพักผ่อนที่ถูกทำลายด้วยเรื่องปัญญาอ่อน

“เอวานี่เมาแล้วนอกจากจะหัวร้อนแล้วยังใจถึงอีกนะเนี่ย” เสียงจากตะวันที่โผล่หน้ามาข้างประตูพึมพำเบา ๆ แต่ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เอวาหันขวับจิกตะวันด้วยสายตาก่อนเจ้าตัวจะแกล้งเฉไฉมองไปทางอื่น

“ขอโทษที่ทำให้แกตกใจ...ขอโทษพี่แจ็คด้วยนะคะ”

ยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ และรู้สึกผิด

“แยกย้าย” เสียงจากธีธัช จิวากรเดินออกมานอกห้อง

 “ทำไมไม่จัดวะไอ้แจ็ค...โง่ชิบ...” กระซิบเบา ๆ ข้างไหล่เพื่อน พร้อมฝ่ามือจิวากรที่ฟาดลงกลางศีรษะของผู้พูดทันที

“ขนาดกูไม่ได้ทำอะไรไอ้จิ๋วมันยังจะแดกหัวกูอยู่รอมร่อ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนพิเศษ 41 แค่มีเรา

    เสียงลมหนาวพัดผ่านรวงข้าวสีทองที่โอนเอนตามแรงลมอย่างอ่อนช้อย แสงอาทิตย์แรกของวันทาบทอลงบนท้องทุ่งกว้าง กลิ่นฟางกลิ่นดินที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเมื่อหมอกจาง ๆ เริ่มคลายตัว กลุ่มนกน้อยใหญ่บินวนจิกเมล็ดข้าวในทุ่งนาโดยไม่สนใจหุ่นไล่กาเลยสักนิด ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นหน้ากันเสียอย่างนั้นอิทธิพลขับมอเตอร์ไซค์ตามทางคดเคี้ยวที่ใช้เป็นทางลัดกลับจากท้ายทุ่ง โดยมีจิวารีนั่งซ้อนท้าย ในมือถือตะกร้าผักสดที่เก็บมาใหม่ ๆ สำหรับให้พ่อโจทำกับข้าวในเช้านี้ หลังจากสองหนุ่มสาวเคลียร์ความวุ่นวายของงานลงตัวแล้วและกลับมาเยี่ยมพ่อผ่านพ้นไปหลายฤดูที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวันเวลาที่ล่วงผ่าน เช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของการทำงาน ที่ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่มันคือวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีให้กับทุกปัญหาของการใช้ชีวิตอิทธิพลได้เข้าศึกษาต่อในสาขาบริหารธุรกิจเพื่อสานต่อตำแหน่งผู้บริหารเต็มตัวหลังจากทรงศักดิ์จากไปอย่างสงบในวัยชรา ดวงยี่หวาโอนกิจการร้านอาหารให้ทายาทเพียงคนเดียวหลังจากออกไปทำกิจการความสวยความงามตามที่เธอชื่นชอบ และมีจิวารีบริหารกิจการต่อจากเธอจิวากรลาออกจากบ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 40 อินเลิฟ

    สองหนุ่มสาวหอบหิ้วถุงขนมขบเคี้ยวและกับแกล้มจากร้านสะดวกซื้อ หิ้วพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด อีกทั้งเครื่องดื่มที่ตุนไว้สำหรับการเชียร์บอลในคืนนี้ด้วย จิวารีขอตัวไปอาบน้ำหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชำระร่างกายคืนความสดชื่นแล้วยังไม่ทันจะได้นั่งพักเหนื่อยเสียงเคาะที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ส่องดูหน้าคนเคาะที่ตาแมว อิทธิพลนั่นเอง“รอนานแล้ว” ทันทีที่เปิดประตูให้เขาก็อ้อนทันที พร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินมาที่ห้อง เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวถูกนำมาวางตรงโต๊ะหน้าทีวีสำหรับการเตรียมเชียร์บอลเรียบร้อย พร้อมกับเสียงบรรยายเมื่อการแข่งขันกำลังจะเริ่ม จิวารีนั่งลงข้างเขาเอนพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย“ที่ร้านเป็นไงบ้างวันนี้ยุ่งหรือเปล่า?”“อือ ลูกค้าเยอะ วันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ไม่สบายเท้าเลย แถมปวดขามากอีกต่างหาก” มือทุบที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ“เหนื่อยก็พักมีพี่ไพลินอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหรอก” ยกแขนขึ้นโอบไหล่เธอและดึงเข้ามาซบไหล่ตัวเอง“แล้วเรื่องเรียนต่อของนายไปถึงไหนแล้ว?”“รอเรื่องงานลงตัวก่อนค่อยว่ากันอีกที?” ตอบและจูบที่หน้าผากจิวารีเงยหน้าขึ้นมองเขา“อะไร?” อิทธิพลถามเมื่อหญิงสาวเอาแต่ยิ้มแล

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 39 ชีวิตนอกมหาวิทยาลัย

    จิวารีอยากตอบตกลงการเริ่มงานใหม่กับเอวา เมื่อถูกทาบทามให้ไปทำงานที่สาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดกับการร่วมหุ้นของสองครอบครัวระหว่างดวงยี่หวาและพิมพ์พรรณ แต่ดวงยี่หวาขอร้องให้เธอมาบริหารร้านอาหารแทน โดยยกเหตุผลทั้งร้อยแปดประการให้หญิงสาวใจอ่อน เพียงเพราะเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวไม่อยากให้สาวห่างไกลหูไกลตาเท่านั้นเองส่วนอิทธิพลนั้นตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งตามที่ทรงศักดิ์แต่งตั้ง ในการสานต่อธุรกิจของตระกูล เนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นปู่ เท่ากับว่าความรักที่เพิ่งผลิบานใหม่ถูกจำกัดด้วยเวลาและภาระหน้าที่เพราะต่างฝ่ายต่างเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ในชีวิตการทำงาน ทำได้เพียงส่งข้อความหวานและโทรหาเพื่อฟังเสียงเท่านั้น หลังเลิกงานก็มารับหญิงสาวกลับห้องพร้อมกัน เพราะขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาอยู่คอนโดที่เคยปฏิเสธแล้ว เนื่องจากดวงยี่หวาอ้างเป็นสวัสดิการและใกล้ที่ทำงานจะได้สะดวกในการเดินทางด้วย“ร้านเดิมนะ ตอนเย็นหลังเลิกงานวันศุกร์”คือข้อความที่นัดเจอกันของกลุ่มเพื่อน หลังจากห่างหายจากการพบปะสังสรรค์นานแล้วหลังจากสิ้นสุดการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งกับการจัดการชีวิตให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งเร

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 38 สิ้นสุดทางเพื่อน เป็นแฟนกันนะ

    “มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นเขาที่ถามขึ้นมาก่อน“เอ่อ....” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ อิทธิพลปิดหลอดยาและเก็บลงกล่อง“เมื่อคืนนายไปส่งฉันใช่ไหม?” ถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่จากที่เอวาบอก“อือ” ตอบและเดินไปหยิบรีโมทย์เปิดทีวี นั่งพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย เลื่อนเลือกช่องดูผลการแข่งขันฟุตบอล“ขอบใจนะ” จิวารีอึกอักพูดต่อ“พี่แจ็คไม่อยู่บ้านน่ะ...ออกไปตั้งแต่เช้าก็เลยยังไม่ได้ถาม” ขยายความให้เผื่อเขาสงสัย“แล้ว...” เธอหยุดคำพูดไว้แค่นั้น กลอกตาล้อกแล้กไปมาเหมือนหัวขโมยจอมโกหกที่กลัวคนจับได้“หือ...” อิทธิพลหันมามองหน้ายกคิ้วเป็นคำถาม และรอฟังว่าเธอจะถามอะไรต่อ จิวารีเม้มปากแน่น หายใจติดขัด“คือ...ฉัน...น่าจะเมาหนักมาก”“แล้ว...เผลอทำอะไรรั่ว ๆ หลุด ๆ ไปบ้างหรือเปล่า?” ถามอย่างมีเลศนัยอิทธิพลยกมือขึ้นจับคางทำท่าครุ่นคิด“ก็...”จิวารีลุ้นคำตอบตามอย่างตื่นเต้น“ไม่มีนะ”เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ค่อยยังชั่วหน่อย ที่แท้ก็แค่มโนเท่านั้น ยิ้มอย่างผ่อนคลาย กำลังจะอ้าปากถามเขาว่าอาหารจะมาส่งกี่โมง“เราก็แค่จูบกันเฉย ๆ” อิทธิพลพูดสวนขึ้นมารอยยิ้มบาง ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ หุบลง พร้อมกั

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 37 เคลียร์

    จิวารีงัวเงียตื่นมาเข้าห้องน้ำในตอนเช้ามืด ตามด้วยการกินยาแก้ปวดและเดินกลับห้องทิ้งหัวลงหมอนนอนต่อ ลืมตาตื่นอีกทีก็ใกล้เที่ยง มือควานหาโทรศัพท์บนหัวเตียงกดดูเวลาที่หน้าจอ ก่อนจะวางลงที่เดิม ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งและนิ่งอยู่สักครู่ มือนวดวนอยู่ข้างขมับ ก่อนลุกขึ้นไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นคืนให้ร่างกายละอองน้ำเย็นที่ซ่ากระเซ็นลงสู่ร่างตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เรียกความตื่นตัวคืนมาได้ไม่น้อย กลิ่นหอมของแชมพูบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกผสมคละคลุ้งกันภายใต้ไอน้ำเย็นในห้องน้ำเล็ก ๆ จิวารียืนนิ่งใต้ฝักบัวปล่อยให้สายน้ำไหลลงชำระความมึนเมาและความรุงรังในใจออกไปให้หมด ในสมองก็พลอยลำดับเหตุการณ์ของเมื่อคืนไปด้วยภายใต้ภาพความทรงจำที่แสนจะเลือนรางเท่าที่สมองจะบันทึกไว้ได้แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นความฝันนี่เธอเป็นหนักเอาการถึงขั้นฝันว่าได้จูบกับเขาแล้วเชียวเหรอ มือเสยผมที่เปียกปอนลงสองข้างแก้มขึ้น เงยหน้ารับละอองน้ำเย็น เป่าปากถอนหายใจทิ้ง อีกนานแค่ไหนกันนะถึงจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาเหมือนเดิมแบบไม่รู้สึกอะไรได้ เอาน่า ต่อไปก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เรียนจบแล้ว ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหางานทำ

  • มายเฟรนด์ ไม่สนิทอย่าคิดรัก   ตอนที่ 36 ความในใจ

    อิทธิพลจอดรถข้างริมฟุตบาทแวะซื้อข้าวต้มริมทาง เผื่อเธอสร่างเมาเมื่อถึงบ้านและเกิดหิวขึ้นมา ตลอดเส้นทางคนเมาที่ตื่นมาบ่นเป็นครั้งคราว“ดิน” เรียกชื่อเขาทั้งที่ตาหลับอยู่“หือ” คนขับหันไปมอง เธอพูดแค่นั้นก่อนจะเงียบลงและหลับต่อ อิทธิพลเอื้อมไปดึงมือเธอมากุมไว้อีกมือจับพวงมาลัย“ว่าไง” แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งข้างกันรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ดีว่าเขาเคยมาส่งตะวันในครั้งที่ลืมของไว้ที่นี่ไม่งั้นคงวุ่นวายหาบ้านอยู่เป็นแน่ว่าหลังไหน คนเมาก็พูดไม่รู้เรื่อง หันมามองคนข้าง ๆ ที่นั่งคอพับหลับอยู่“จิ๋ว” มือแตะไหล่ปลุกเธอให้ตื่น“ถึงบ้านแล้ว”“อือ” พลิกตัวหลับต่อ“จิ๋ว...เข้าบ้านนะถึงบ้านแล้ว” พูดซ้ำอีกครั้ง“ฮือ...ไม่เอา...จะนอน” งัวเงีย เสียงในลำคอบ่งบอกว่ารำคาญ“เข้าใปนอนในบ้าน”“กุญแจบ้านอยู่ไหน?” ถามคนเมาที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของเธอมาเปิดหากุญแจ เปิดเข้าไปในบ้านสำรวจก่อนเพื่อความแน่ใจว่าห้องของเธอห้องไหนและเปิดประตูทิ้งไว้ เดินกลับมาอุ้มคนที่หลับอยู่เข้าบ้านวางหญิงสาวลงบนที่นอน ถอดรองเท้าออกให้ และกลับมาปิดรั้วบ้าน ก่อนจะเข้าไปสาละวนกับคนเมาอีกครั้ง“ทำไมเมาทิ้งตัวขน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status