로그인“ช่วยหยิบชุดที่ท่านแม่ให้คนสั่งตัดเพื่อใช้ในงานเลี้ยงครั้งนี้มาที รวมทั้งเครื่องประดับด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ท้ายที่สุดหญิงสาวไม่อาจทัดทานคำสั่งของมารดาจึงได้สวมอาภรณ์พร้อมเครื่องประดับราคาแพงเหล่านั้นอย่างจำยอม แม้ไม่พอใจอยู่บ้างแต่จะทำอันใดได้ เดิมทีนางหวังเพียงว่าจะไม่ถูกคนในงานเลี้ยงหาว่านางแต่งตัวโอ้อวดฐานะจนเกินหน้าเกินตาผู้อื่นถึงได้คิดแต่งตัวเรียบง่าย ในใจของนางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใดว่ามารดาของนางเป็นคนทะเยอทะยานมากเพียงใด แม้ภายนอกดูสูงส่งแต่ภายในคนในสกุลเยว่และสกุลไห่ย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่ผู้คนมองเข้ามาบางทีอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เซียวม่านเหม่ยได้รับเทียบเชิญจากตระกูลเยว่ด้วยเช่นกัน คืนนี้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว เหตุเพราะบิดาและมารดาเดินทางไปถือศีลที่วัดเพื่อขอพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าหยวนหายป่วยในเร็ววัน
“คุณหนู ท่านแต่งตัวเรียบง่ายเกินไปรึไม่” ฝูเยี่ยนถาม เมื่อเห็นการแต่งกายของเจ้านาย นางสวมเพียงอาภรณ์ธรรมดาที่ไม่ได้มีราคาแพงหากเทียบกับชุดของบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับไม่กี่ชิ้น
“ทำไมหรือ” นางถามสาวใช้
“ท่านแต่งตัวเรียบง่ายเช่นนี้ บ่าวเกรงว่าท่านอาจโดนดูถูกได้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ใส่ใจคำพูดพวกนั้นหรอก อีกอย่างท่านยายของข้ากำลังป่วย หากข้าแต่งตัวสีฉูดฉาดย่อมแสดงว่าข้าหาได้ใส่ใจการเจ็บป่วยของท่านยาย นั่นนับว่าอกกตัญญูไม่ใช่หรือ”
“ขออภัยที่บ่าวโง่เขลาจนไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้”
“ช่างเถิด”
“คุณหนู รถม้าเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้อีกคนรายงาน
“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด”
ขณะที่นางก้าวเท้าลงจากรถม้าได้มองเห็นแขกจำนวนมากมายทยอยเดินเข้าไปข้างในจวนตระกูลเยว่อย่างครื้นเครง เห็นทีงานเลี้ยงครั้งนี้ใต้เท้าเยว่คงใช้เงินไปมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่พึ่งได้ย้ายกลับมาเมืองหลวงยังไม่ถึงค่อนเดือน น่าแปลกที่มีเงินมากมายเช่นนี้
“คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
“ข้าเพียงคิดว่าตระกูลเยว่ร่ำรวยยิ่งนัก”
“ในเมืองหลวงนี้ไม่มีผู้ใดร่ำรวยเท่าตระกูลหยวนของฮูหยินแล้วล่ะเจ้าค่ะ ตระกูลเยว่ไม่อาจเทียบได้แน่นอน” สาวใช้กล่าวด้วยความมั่นใจ ยามเอ่ยถึงสกุลหยวนสกุลเดิมของฮูหยินเซียวที่เป็นมารดาคุณหนูของตน
“แม้ตระกูลเยว่ของเราไม่ได้ร่ำรวยที่สุด แต่ว่าไม่ได้ยากไร้ดั่งสามัญชน” เสียงฮูหยินเยว่แทรกขึ้นกลางบทสนทนา
“ขออภัยที่สาวใช้ของข้าเสียมารยาท” นางบอกสตรีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมารดาด้วยความนอบน้อม
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าย่อมรู้ดีเต็มอกว่าฐานะของตระกูลเราเทียบกับตระกูลหยวนของท่านไม่ได้”
“ฮูหยินเยว่ ท่านกล่าวเกินจริงไปแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าไม่ใช่คนตระกูลหยวนแต่เป็นคนตระกูลเซียวเรื่องความร่ำรวยของตระกูลหยวน ข้าหาได้ล่วงรู้” ม่านเหม่ยตอบกลับ เมื่อแขกหลายคนเริ่มหันมาสนใจบทสนทนาของทั้งคู่
“เช่นนั้นเชิญแม่นางเซียวที่โถงจื่อรุ่ย” ไห่ไป๋หรงเอ่ยเชิญไปยังโถงจัดงานเลี้ยงทันทีเป็นการจบบทสนทนาเพียงเท่านี้
กระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งเค่องานเลี้ยงถึงได้เริ่มขึ้น พร้อมกับเสียงดนตรีดังระงมไปทั่วทั้งจวน
“คุณหนูเยว่อินมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้กล่าวรายงานเสียงดัง ชวนให้ทุกคนหันไปมองร่างหญิงงามสวยสง่าแต่งกายด้วยอาภรณ์สีม่วงเข้ม ตัวของนางเต็มไปด้วยเครื่องประดับราคาแพง พลันทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาเป็นระลอก บางคนเอ่ยชื่นชม บางคนเกิดอาการริษยาอย่างปิดไม่มิด
“แม่นางเยว่ช่างดูงดงามน่าทนุถนอม ท่วงท่าของนางราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน” คุณชายจากตระกูลหยางเอ่ยอย่างเลื่อนลอยราวกับคนไม่มีสติ ยามจ้องมองไปยังหญิงสาว
“ปกตินางก็งดงามอยู่แล้ว” โจวเฟิ่งฉีบอกกับชายหนุ่มวัยเดียวกัน แต่ไหนแต่ไรเยว่อินมีใบหน้างดงามทั้งยังเรียบร้อยอ่อนหวานราวกับผ้าพับไว้ มีบุรุษใดบ้างที่ไม่ชอบพอนาง
“ท่านรองแม่ทัพ มองแม่นางเยว่ตาค้างเลยนะขอรับ” คุณชายหยวนหมิงเอ่ยแซว เพราะบุรุษตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีแตกต่างจากคุณชายหยางสักนิด
“ข้าคนเดียวเสียที่ไหน ทุกคนล้วนมองนางด้วยสายตาเช่นนั้น” เขาแก้ตัว
“แล้วท่านเอาญาติผู้น้องของข้าไว้ที่ใดกัน”
“จะเอาไว้ที่ใดเล่า นางก็อยู่ที่เดิมของนาง”
“ท่านช่างเย็นชายิ่งนัก ม่านเหม่ยได้ยินเข้าคงเสียใจแย่”
“นางจะรู้สึกเช่นไร ไม่ใช่เรื่องของข้า”
“ในเมื่อท่านพูดถึงเพียงนี้ เห็นทีจวนของรองแม่ทัพคงมีงานมงคลในเร็ววันแน่”
“ที่ท่านพูดหมายความเช่นไร”
“ท่านชอบพอแม่นางเยว่มิใช่หรือ ข้าดูจากสายตาท่านที่มองนางก็รู้แล้ว”
“คุณชายหยวน ท่านอย่าพูดเพ้อเจ้อ ประเดี๋ยวจะทำให้นางเสียหาย” “เป็นห่วงเป็นใยนางเสียเหลือเกิน ข้าจะรอดูว่าในอนาคตสตรีที่ท่านแต่งเข้าจวนจะเป็นผู้ใดกันแน่” “เช่นนั้นข้าคงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว เพราะข้ายังไม่คิดแต่งฮูหยินเข้าจวน” “โบราณว่าเกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้น ข้าว่าท่านระวังไว้หน่อยก็ดี หากผิดพลาดขึ้นมาได้แต่งกับสตรีอีกคนจะทำอย่างไร” “...” โจวเฟิ่งฉีขี้คร้านจะตอบโต้กับชายหนุ่มตรงหน้าจึงได้เดินหนีไปอีกทาง ทางฝั่งของโถงจื่อรุ่ยที่รวบรวมแขกสตรีทุกคนมาไว้ที่นี่ ทุกคนต่างคุยกันออกรสออกชาติราวกับว่ามิได้พานพบกันเสียนาน “แม่นางเซียว ท่านกับแม่นางเยว่แต่งตัวต่างกันราวฟ้ากับดินเลยนะเจ้าคะ” แม่นางอีกคนเอ่ยขึ้น พลันทำให้ทุกคนที่ได้ยินคำกล่าวเมื่อครู่หันมามองนางเป็นตาเดียว “จริงด้วย หรือว่าครอบครัวของนางถังแตก ทำให้แม้แต่เสื้อผ้าดี ๆ ยังไม่มีใส่ หากข้าเป็นนางข้าคงไม่กล้าก้าวเท้าออกจากจวนแน่” “ข้าว่าไม่น่าเป็นดังที่เจ้าพูด เมื่อไม่นานมานี้สกุลเซียวเพิ่งได้กำไรก้อนโตจากการขายเกลือให้พระราชวังมิใช่หรือ”
“ช่วยหยิบชุดที่ท่านแม่ให้คนสั่งตัดเพื่อใช้ในงานเลี้ยงครั้งนี้มาที รวมทั้งเครื่องประดับด้วย” “เจ้าค่ะ” ท้ายที่สุดหญิงสาวไม่อาจทัดทานคำสั่งของมารดาจึงได้สวมอาภรณ์พร้อมเครื่องประดับราคาแพงเหล่านั้นอย่างจำยอม แม้ไม่พอใจอยู่บ้างแต่จะทำอันใดได้ เดิมทีนางหวังเพียงว่าจะไม่ถูกคนในงานเลี้ยงหาว่านางแต่งตัวโอ้อวดฐานะจนเกินหน้าเกินตาผู้อื่นถึงได้คิดแต่งตัวเรียบง่าย ในใจของนางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใดว่ามารดาของนางเป็นคนทะเยอทะยานมากเพียงใด แม้ภายนอกดูสูงส่งแต่ภายในคนในสกุลเยว่และสกุลไห่ย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่ผู้คนมองเข้ามาบางทีอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เซียวม่านเหม่ยได้รับเทียบเชิญจากตระกูลเยว่ด้วยเช่นกัน คืนนี้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว เหตุเพราะบิดาและมารดาเดินทางไปถือศีลที่วัดเพื่อขอพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าหยวนหายป่วยในเร็ววัน “คุณหนู ท่านแต่งตัวเรียบง่ายเกินไปรึไม่” ฝูเยี่ยนถาม เมื่อเห็นการแต่งกายของเจ้านาย นางสวมเพียงอาภรณ์ธรรมดาที่ไม่ได้มีราคาแพงหากเทียบกับชุดของบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับไม่กี่ชิ้น “ทำไมหรือ” นาง
ครั้นถึงเวลาอาหารเย็นสามคนพ่อแม่ลูกได้ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน "ท่านแม่ หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือเจ้าคะ" นางถาม ยามเห็นมารดาเอาแต่จ้องหน้าไม่วางตา "เฮ้อ เจ้าน่ะไม่อยากออกเรือนข้ากับพ่อเจ้าหาได้บังคับ แต่เจ้าควรทำตัวเป็นสตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนบ้างเถิด มีสตรีใดบ้างที่ทำเช่นเจ้า สองปีผ่านไปแล้วข้ายังไม่เห็นท่าทีว่ารองแม่ทัพ โจวจะมีใจให้เจ้าสักนิด" "ฮูหยิน" ใต้เท้าเซียวเรียกน้ำเสียงนิ่งงันประดุจสายน้ำเงียบสงบ ดูเอาเถิดบุตรสาวคนเดียวของเขาน้ำตาแทบจะไหลร่วงลงบนชามข้าวอยู่แล้วยามได้ยินคำพูดนั้นของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดา แม้จะเป็นความจริงแต่เขามิอาจทนเห็นน้ำตาของนางได้ "ท่านพี่ ที่ข้าพูดเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงนางนะเจ้าคะ ลูกสาวเราหาใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ บุรุษในเมืองหลวงต่างอยากแต่งนางเป็น ฮูหยินด้วยกันทั้งนั้น แต่นางกลับไม่ไยดี มัวแต่สนใจบุรุษที่ไม่ได้รักตัวเอง" "เจ้าพูดเกินไปแล้ว" "ความทุ่มเทของข้าจะต้องสำเร็จในสักวันเจ้าค่ะ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าจะไม่ละความพยายามเป็นอันขาด" "แม้ว่าเจ้าจะแก่ชราจนผมกลาย
“แม้ท่านจะพูดจาร้ายกาจกับข้า แต่ข้าไม่มีวันยอมแพ้หรอกเจ้าค่ะ แม้จะต้องใช้เวลานานเท่าใดก็ตามข้าจะทำให้ท่านมีใจให้ข้าให้ได้” “เช่นนั้นเจ้าก็จงฝันไปก่อนเถิด ข้าไม่มีวันคิดเช่นนั้นกับเจ้าแน่” “คุณหนู” บ่าวรับใช้จวนตระกูลโจววิ่งหน้าตั้งมาหาม่านเหม่ย “เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ” “ใต้เท้าให้บ่าวรับใช้เรียกท่านกลับจวนขอรับ” “ข้ารู้แล้ว ขอบใจเจ้ามาก ท่านแม่ทัพ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับจวนก่อนนะเจ้าคะ” นางหันไปบอกชายหนุ่ม ทว่าไม่ได้รับคำตอบใดกลับมา “…” หลังจากที่เซียวม่านเหม่ยกลับไปแล้ว เยว่อินได้ซักไซ้เขาต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด “ดูท่าแล้วนางคงชอบพอท่านน่าดู แล้วเหตุใดท่านถึงได้แสดงท่าทีหยาบคายใส่นางมากถึงเพียงนั้น” นางถาม เหตุเพราะตั้งแต่รู้จักเขา ไม่เคยมีสักคราที่ชายหนุ่มจะหยาบคายใส่ผู้ใดอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้มาก่อน “เป็นเพราะนางตามตอแยข้าไม่เลิก สตรีอื่นเพียงแค่ข้าเอ่ยปากไล่อ้อม ๆ พวกนางก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง แต่มิใช่กับเซียวม่านเหม่ย ข้าไล่นางนับครั้งไม่ถ้วน เคยบอกนางตามตรงตั้งหลายหนแ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" เสียงใสเอ่ยบอกบิดาและมารดา พร้อมกับก้าวขาลงจากเรือนไปโดยไม่ได้รอให้ทั้งคู่อนุญาต "ลูกสาวของพวกเรา นางรีบร้อนออกไปที่ใดรึ" "เฮ้อ จะที่ใดได้ล่ะเจ้าคะ ถ้าไม่ใช่จวนตระกูลโจว" ฮูหยินเซียวตอบสามี หลังถอนหายใจอย่างระอา นี่ก็เกือบสองปีแล้วนับตั้งแต่บุตรสาวของนางได้พบกับรองแม่ทัพโจวหรือคุณชายเฟิ่งฉีที่แม่นางทั้งหลายเคยเรียกบุรุษรูปงามเช่นเขา ก่อนจะเข้ารับราชการในตำแหน่งรองแม่ทัพ "ฮูหยิน เจ้าจะถอนใจไปไย หากม่านเหม่ยชอบพอรองแม่ทัพโจวมากถึงเพียงนี้พ่อแม่อย่างเราจะทำอันใดได้ นอกเสียจากคอยดูอยู่ห่าง ๆ" "แต่ลูกเราเป็นสตรีนะเจ้าคะ มีแต่จะเสียหาย วัน ๆ นางเอาแต่วิ่งตามท่านรองแม่ทัพ แม่อย่างข้าเห็นแล้วก็อดทุกข์ใจไม่ได้" "คอยดูอีกสักหน่อยเถิด หากรองแม่ทัพโจวมีใจให้ลูกสาวเราพอถึงตอนนั้นข้าจะออกหน้าขอเกี่ยวดองกับตระกูลโจวด้วยตัวเอง" "แล้วถ้าหากท่านแม่ทัพไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับนาง ท่านพี่จะทำเช่นไร" "ข้าจะทำเช่นไรได้เล่า ถ้าเป็นดังที่เจ้าว่าก็ถือเสียว่าทั้งคู่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเคียงคู่กัน"







