แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ธารน้ำแข็งใต้แสงจันทร์
ฤดูร้อนของเมืองเซินเฉิงนั้นแสนอบอ้าว อุณหภูมิพุ่งสูงติดต่อกันหลายวันไม่มีลด

โจวหยางต้องการรักษาสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างถังอวี้เหมยเอาไว้ แต่หลายวันที่ผ่านมาก็ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ ไม่ได้เสียที

ในขณะที่กำลังท้อแท้อยู่นั้น โอกาสก็มาถึง!

คืนวันนั้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารล็อตหนึ่งที่ถังอวี้เหมยสั่งซื้อไว้ได้มาถึง โจวหยางไม่สนใจว่านี่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว จึงรีบนำไปส่งให้ในคืนนั้นทันที

เมื่อมาถึงบ้านของถังอวี้เหมย เขากดกริ่งไปหลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับมาจากในบ้าน

จังหวะนั้น รถปอร์เช่สีแดงคันหนึ่งก็แล่นปราดเข้ามาพอดี และนี่ก็คือรถของถังอวี้เหมย

ถังอวี้เหมยลงจากรถในสภาพมึนเมา เมื่อจ่ายเงินให้คนรับจ้างขับรถเรียบร้อย ถึงค่อยหันมาเห็นโจวหยาง

“เสี่ยวโจว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“พี่เหมยครับ ของที่คุณสั่งมาถึงแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะรีบใช้ เลยรีบเอามาส่งให้เป็นพิเศษ” โจวหยางเดินเข้าไปหา

“ต้องลำบากเธอมาส่งให้ถึงที่เชียว ขอบใจมากนะ!”

ถังอวี้เหมยยื่นมือมารับพัสดุ กลิ่นหอมฟุ้งโชยมาปะทะใบหน้า ทำให้โจวหยางรู้สึกเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย

นับว่าถังอวี้เหมยมีลูกเร็วไปหน่อย แม้เซี่ยเฟิงจะอายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่เธอก็เพิ่งจะอายุใกล้สี่สิบเท่านั้น ทั้งยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดีอีกด้วย

ผิวพรรณของเธอขาวเนียน ดวงตากลมโต จมูกโด่ง ริมฝีปากเย้ายวนใจทาด้วยลิปสติก ให้ความรู้สึกเป็นพี่สาวผู้สูงส่ง

หากไม่นับเรื่องอายุอานาม ก็ถือว่าเป็นสุดยอดสาวงามคนหนึ่ง

แต่เพราะความมึนเมาในตอนนี้ ถังอวี้เหมยจึงก้าวเดินโซเซเล็กน้อย

“พี่เหมย ของนี่มันหนักนะ! ให้ผมช่วยยกเข้าไปข้างในดีกว่า!” โจวหยางพูด

“ดีเหมือนกัน!”

มือของถังอวี้เหมยกำลังถือกุญแจและโทรศัพท์ ไม่สะดวกต่อการยกของจริง ๆ

เธอเปิดประตูรั้วบ้านพัก และส่งสัญญาณให้โจวหยางเข้ามาข้างใน

เมื่อมาถึงห้องโถงภายในบ้าน ถังอวี้เหมยก็ให้โจวหยางวางพัสดุไว้ใต้โต๊ะกาแฟ ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

“ป้าหลิว ขอน้ำสองแก้วหน่อยจ้า!” ถังอวี้เหมยร้องเรียก “ป้าหลิว? ป้าหลิว?”

ป้าหลิวคือแม่บ้านของเธอ

“โอ๊ย ฉันนี่เมาใหญ่แล้ว!” ถังอวี้เหมยยิ้มอย่างมึนเมาพลางเคาะศีรษะตัวเอง “วันนี้ให้ป้าหลิวลากลับบ้านไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดแล้วนี่นา!”

ชั่วพริบตา ภายในบ้านพักที่กว้างขวางและว่างเปล่า ก็เหลือเพียงชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

หากเป็นเวลาปกติ โจวหยางคงรีบขอตัวกลับ

แต่วันนี้เขาไม่ทำเช่นนั้น

“พี่เหมย คุณพักเถอะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำให้!”

โจวหยางพูดจบ ก็เดินไปที่ตู้กดน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกล

“ไม่ต้อง ฉันทำเอง!”

ถังอวี้เหมยยันกายลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะดึงตัวโจวหยางไว้

แต่เพราะเวียนหัวเกินไป เท้าจึงโซเซไปชนเข้ากับร่างของโจวหยาง ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกขัดเขินขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอโทษที ฉัน...”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เหมย คุณเมามากแล้ว ให้ผมทำดีกว่า!”

โจวหยางจับแขนของถังอวี้เหมย ประคองเธอนั่งลงบนโซฟา ก่อนไปรินน้ำมาส่งให้แก้วหนึ่ง

“เธอเป็นแขกแท้ ๆ ยังต้องมาดูแลฉันอีก เกรงใจจัง!”

เมื่อถังอวี้เหมยรับแก้วน้ำ แก้มของเธอก็แดงระเรื่อ ดูสดใสเปล่งปลั่ง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนคอแข็ง ถึงเมามายขนาดนี้ ไม่เพียงพูดจาคล่องแคล่ว กระทั่งสติสัมปชัญญะก็ยังคงแจ่มชัดอีกด้วย

แต่ร่างกายก็โกหกใครไม่ได้

ตอนที่เธอดื่มน้ำ ลำตัวก็มีอาการโงนเงนเล็กน้อย น้ำจึงไหลลงมาตามลำคอขาวผ่อง ไหลลงไปในร่องอกจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม

ภาพนี้ ทำให้โจวหยางรู้สึกลำคอแห้งผาก

“พี่เหมย บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ คุณอยู่คนเดียวเหรอครับ?” โจวหยางสอบถาม

เมื่อถังอวี้เหมยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้างามก็พลันหมองหม่นลงเล็กน้อย

“ใช่จ้ะ! นาน ๆ ทีป้าหลิวจะอยู่ค้างคืนด้วย ไม่งั้นก็มีแค่ฉันคนเดียว!”

อาจจะเป็นเพราะคำพูดนั้นไปสะกิดใจเธอเข้า ประกอบกับฤทธิ์สุรา เธอจึงเริ่มระบายความในใจออกมา

“เสี่ยวโจว อย่าเห็นว่าปกติฉันแต่งตัวดูดีมีราศี แต่ความจริง ชีวิตความเป็นอยู่ยังสู้หมูหมากาไก่ไม่ได้ด้วยซ้ำ! บางทีฉันก็อิจฉาชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาของคนอื่นเขาเหมือนกัน!”

...

โจวหยางไม่ได้พูดอะไร เพียงนั่งอยู่ฝัั่งตรงข้ามและตั้งใจรับฟัง

นี่คือผู้หญิงที่มีภูมิหลังและเรื่องราว โจวหยางจึงรู้สึกชื่นชมเธอไม่น้อย

แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ฟังออกถึงความสิ้นหวังของอีกฝ่าย

ถังอวี้เหมยบริหารบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง เพราะที่บ้านมีภูมิหลังและเส้นสาย โปรเจกต์ใหญ่จึงเข้ามาไม่ขาดมือ การหาเงินง่ายดายราวดื่มน้ำ

แต่ว่า เมื่อความต้องการทางวัตถุได้รับการตอบสนอง ความว่างเปล่าทางจิตใจก็ยิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น

สามีเธอเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่ มีงานรัดตัว แทบไม่ได้กลับบ้าน

ส่วนลูกชายอย่างเซี่ยเฟิงก็เปิดบริษัทขนาดเล็กแห่งหนึ่ง กิจการเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เงินขาดมือเมื่อไหร่ถึงค่อยมาหา นอกนั้นก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา

ถังอวี้เหมยลืมไปแล้วว่าไม่ได้คุยกับใครแบบนี้มานานแค่ไหน

โดยเฉพาะ การได้พูดคุยกับชายหนุ่มต่างวัย บนโซฟาในบ้านของตัวเองยามค่ำคืนเช่นนี้

“อ้อ จริงสิ!” ถังอวี้เหมยหัวเราะเยาะตัวเอง “เธออย่าเรียกฉันว่าพี่เหมยเลย อายุขนาดฉันนี่ เรียกป้าได้แล้วมั้ง!”

“แบบว่าคุณป้าครับ ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว... เหมือนที่เห็นในมีมน่ะเหรอครับ?” โจวหยางหัวเราะขึ้นมาทันที

“หา?” ถังอวี้เหมยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะพรืด “ฮ่า ๆ ๆ ! ตกใจหมดเลย เวลาพูดจาอย่าทิ้งช่วงสิ! ฉันก็นึกว่าเธอไม่อยากดิ้นรนแล้วจริง ๆ ซะอีก!”

เมื่อครู่ตอนที่โจวหยางพูดประโยคนั้นออกมา หัวใจของถังอวี้เหมยราวกับเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ

“แต่พูดจริง ๆ นะครับ คุณดูแก่กว่าผมแค่ไม่เท่าไหร่เองนะ!” โจวหยางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมว่าเรียกพี่น่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว”

“ปากหวานเหมือนกันนะเรา!”

ถังอวี้เหมยยกมือขึ้นเสยผม แววตาอ่อนโยนลง

เธอชักรู้สึกดีกับชายหนุ่มผู้ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของตัวเองคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ

แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ก็ต้านทานคำชื่นชมไม่ได้ทั้งนั้น

แต่ว่า ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ประตูบ้านพักก็ถูกผลักเปิดออก

และผู้ที่เดินเข้ามาก็คือเซี่ยเฟิง

“เสี่ยวเฟิง?”

ถังอวี้เหมยขมวดคิ้วเรียว ดูไม่ค่อยพอใจกับการมาของลูกชายเท่าไหร่นัก “ทำไมไม่กดกริ่ง?”

“แม่ครับ บ้านแม่ก็เหมือนบ้านผม ผมจะต้องกดกริ่งทำไม?”

ระหว่างที่เซี่ยเฟิงพูด สายตาก็จับจ้องไปทางโจวหยาง และความโกรธก็พุ่งขึ้นมาทันที

“มึงมาทำอะไรบ้านกู?”

“ผมมาส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัท!” โจวหยางตอบเสียงเรียบ

“ส่งเสร็จแล้วก็ไสหัวไปสิวะ!” เซี่ยเฟิงสบถ

“เสี่ยวเฟิง!” ถังอวี้เหมยถลึงตาใส่ “พูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง?”

“แม่ ไอ้หมอนี่มันก็แค่เซลส์แมนกระจอก ๆ คนหนึ่ง แม่ให้มันเข้าบ้านได้ยังไง เดี๋ยวฮวงจุ้ยบ้านเราก็เสียหมดหรอก!” เซี่ยเฟิงพูดจบ ก็เริ่มข่มขู่โจวหยางต่อ “จากนี้ไปห้ามมาที่บ้านกูอีก ไม่งั้นเจอหน้าเมื่อไหร่กูช้อนหน้ามึงเมื่อนั้น”

“เงียบนะ!”

อารมณ์ที่ดีมาตลอดทั้งคืนของถังอวี้เหมยพังทลายลงในพริบตา เธอหันไปพูดกับโจวหยางว่า “ขอโทษด้วยนะเสี่ยวโจว เด็กคนนี้ถูกฉันตามใจจนเสียคนหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ!” แม้ในใจจะโกรธ แต่โจวหยางก็ยังคลี่ยิ้มอย่างใจกว้าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ!”

เมื่อโจวหยางเดินออกมาจากประตู ก็ยังคงได้ยินเสียงตะโกนของเซี่ยเฟิงดังมาจากห้องโถงทางด้านหลัง

“แม่ ต่อไปอย่าให้มันเข้าบ้านเราอีกนะ ไม่งั้นผมจะไม่ใจดีกับมันแล้ว”

“ทำไมลูกถึงไม่ชอบเสี่ยวโจวขนาดนี้ล่ะ พวกลูกรู้จักกันเหรอ?”

“ไม่รู้จัก! แต่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี พรุ่งนี้แม่ร้องเรียนมันเลย ไล่มันออกไปซะ!”

“คืนนี้ลูกไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าเนี่ย?”

...

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่โจวหยางยังคงหลับสนิท ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องเช่าของเขา

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้น

“ใครน่ะ?”

“โจวหยาง ฉันเอง!”

เสียงของหลี่ว์เวยผู้เป็นอดีตแฟนสาวดังมาจากนอกประตู

“เธอมาทำอะไร? ไสหัวไป!”

“นายเปิดประตูก่อน” หลี่ว์เวยยังคงเคาะประตูไม่หยุด

“เราเลิกกันแล้วนะ ถ้าเคาะอีกฉันจะแจ้งความข้อหาก่อกวนความสงบ!” โจวหยางตะโกน

“ฉันมีเรื่องจะขอร้อง รีบเปิดประตูก่อนเถอะ!” น้ำเสียงของหลี่ว์เวยร้อนรนอย่างยิ่ง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 30

    เมื่อหมดหวัง เธอจึงทำได้เพียงกวักมือเรียกโจวหยางที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านข้างด้วยความเก้อกระดาก “เอ่อ... มานี่หน่อยสิ!”“ครับ!”“ช่วยสาธิตให้ดูที ว่าจุดฝังเข็มสองจุดนี้มันอยู่ตรงไหน?” ซูจิ้งพูดโจวหยางขมวดคิ้วพลางมองอย่างจริงจัง ก่อนใช้ปลายนิ้วสัมผัสซูจิ้งแผ่วเบา “ตรงนี้ กับตรงนี้ครับ!”ใบหน้าของซูจิ้งพลันแดงระเรื่อราวแสงอาทิตย์ยามอัสดง ดูงดงามน่าทะนุถนอม“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว!”เธอรีบนั่งตัวตรง ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “สรุปคุณมาห้องทำงานฉันมีธุระอะไร?”“คือผมอยากจะบอกว่า เกณฑ์การคัดคนออกนั่นมันไม่ยุติธรรมกับผมเลย!” โจวหยางประท้วง “ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”“เดี๋ยวมีคนสอนงานให้ แป๊บเดียวก็ทำเป็นแล้วน่า!” ซูจิ้งยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาหลิวเยี่ยน “คุณมาที่ห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”ครู่ต่อมา หลิวเยี่ยนก็มาถึงห้องทำงานของซูจิ้ง“โจวหยาง ทำความรู้จักกันไว้นะ นี่คือหลิวเยี่ยน ยอดนักขายอันดับหนึ่งของแผนกเรา!” ซูจิ้งแนะนำ“สวัสดีโจวหยาง!”หลิวเยี่ยนเดินเข้ามา ก่อนจับมือกับโจวหยางอย่างยิ้มแย้ม แถมยังโค้งตัวลงเล็กน้อย ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนดีเยี่ยมโจวหยางอยากจะซัดเบ้าหน้าสักหมัดจริงๆเสแส

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 29

    ซูจิ้งชะงักกึก ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มพนักงานขายคนใหม่จะใจกล้าขนาดนี้มือนี้น่ะ นอกจากเอาไว้จับมือกับลูกค้าเรื่องงานแล้ว ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้สัมผัสมาก่อนแต่ตอนนี้เธอไม่มีแรง จึงได้แต่ปล่อยให้โจวหยางจับมือ แล้วใช้นิ้วนวดคลึงตรงง่ามนิ้วให้เธอพลันความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นปราดขึ้นมาตรงง่ามนิ้ว“โอ๊ย!”ซูจิ้งครางออกมาแผ่วเบา ก่อนรีบเม้มปาก ตีสีหน้าหยิ่งยโสเย็นชาโจวหยางนวดอยู่ประมาณสองสามนาที ก็พลันย่อตัวลงนั่ง สายตาจับจ้องไปที่เรียวขางามของซูจิ้ง“คุณจะทำอะไร?”ซูจิ้งรู้สึกว่าตัวเองถูกล่วงเกิน จึงจ้องมองโจวหยางด้วยสายตาเย็นเยียบ“ผู้อำนวยการซู คุณไม่รู้สึกเหรอครับว่า ตอนนี้คุณมีแรงพูดมากกว่าเมื่อกี้แล้ว!” โจวหยางเลิกคิ้วยิ้มเมื่อครู่ซูจิ้งกำลังเครียด เมื่อถูกทักเช่นนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้จริง ๆ“นี่แสดงว่าวิธีของผมได้ผลไงครับ!” โจวหยางกล่าว “ตอนนี้เรามากดจุดต่อไปกันเลย จุดนี้เรียกว่าซานอินเจียว อยู่ตรงข้อเท้าครับ!”เขานั่งยอง ๆ และดึงข้อเท้าของซูจิ้งเข้ามาหาตัวอย่างเชื่องช้าข้อเท้าของซูจิ้งขาวเนียนไร้ตำหนิ แถมข้อเท้าขวาด้านนอกยังมีรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดง ทำให้ดู

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 28

    ซูจิ้งมีใบหน้างดงามราวเทพธิดาและรูปร่างเย้ายวนใจดั่งนางมารร้าย ที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้นคือ เธอยังผสมผสานความสวยงามของหญิงสาววัยเยาว์และความเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ทั้งยังมีรัศมีของผู้กุมอำนาจที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมืออีกด้วยผู้หญิงเช่นนี้ ถือเป็นสุดยอดของสุดยอดในหมู่สตรี แทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตอนนี้ ซูจิ้งถือปากกาเลเซอร์พลางเปิดสไลด์นำเสนอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ยอดขายในไตรมาสที่สองย่ำแย่มาก ฉันไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา พวกคุณมัวทำอะไรกันอยู่?”ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มเป็นเส้นตรง ขณะเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าทุกคน เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นดังก้องกังวาน ในรูหูของพวกเขา มันช่างน่ากลัว คล้ายเป็นเสียงระฆังมรณะในที่ทำงานไม่มีผิดพนักงานขายทุกคนต่างก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับซูจิ้งด้วยซ้ำ“ฉันว่า คงถึงเวลาต้องใช้อาวุธเด็ดของฝ่ายการตลาดและการขายแล้ว!” ซูจิ้งกดไปยังสไลด์หน้าถัดไป “ระบบคัดคนออก!”“หา?”บรรดาพนักงานในทีมขาย ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันทีระบบคัดคนออก มีความหมายตามชื่อ คือคนที่ทำผลงานรั้งท้ายสุด จะต้อ

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 27

    ชายคนนั้นดูอายุไม่น่าถึงสามสิบปี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสแล็คสีเทาเข้ม ทั้งยังสวมแว่นตากรอบดำ ทำให้ดูสุภาพเรียบร้อยแต่ดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นคู่นั้น กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย แค่สบตาก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจแล้ว“ไป๋ลู่ บังเอิญจัง ผมขอนั่งตรงนี้ได้ไหม?”ชายคนนั้นพูดจบ ก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายไป๋ลู่หน้าตาเฉยนัยน์ตาของไป๋ลู่ฉายแววรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง เธอไม่สนใจชายคนนั้น แต่หันมายิ้มให้โจวหยาง “โจวหยาง ฉันอิ่มแล้ว ไว้เจอกันตอนเย็นนะ”“ไว้เจอกันตอนเย็นครับ!”โจวหยางร่ำลาไป๋ลู่ ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจชายคนนั้นเช่นกัน จึงก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าต่อไป“โจวหยางใช่ไหมเรา?” ชายคนนั้นทำลายความเงียบขึ้น “นายกับไป๋ลู่รู้จักกันได้ไง? จริงสิ แล้วที่บอกว่าเจอกันตอนเย็นน่ะ พวกนายจะไปทำอะไรกันเหรอ?”โจวหยางขมวดคิ้วมุ่น สำหรับคนประเภทที่ไม่รู้จักเว้นระยะห่างแบบนี้ เขาค่อนข้างรู้สึกรังเกียจ“ขอโทษทีครับ พอดีนี่เป็นเรื่องของเรา ไม่สะดวกบอกคนอื่นน่ะ!” โจวหยางตอบ“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นเด็กเส้น คำพูดคำจาแข็งกร้าวเชียวนะ!” ชายคนนั้นกล่าวแดกดันโจวหยางเงยหน้าขึ้นถาม “เด็กเส้นอะไรครั

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 26

    โจวหยางจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “พี่เหมย ไม่เห็นมีอะไรเลย! ตรงนี้แห้งสนิทดีอยู่นะครับ!”“อ้อ! แล้วรอบนี้ล่ะ?”ถังอวี้เหมยรีบเปิดฝักบัวทันทีสายน้ำอุ่นจึงเทรดลงมาดั่งฝนห่าใหญ่ อาบทั้งร่างของโจวหยางและถังอวี้เหมยจนเปียกโชกไปพร้อมกัน“อ๊ะ! พี่เหมย พี่ทำอะไรเนี่ย?”“อาบน้ำไง! อิอิ!”“พี่เหมยใจร้ายจัง!”“ผู้หญิงไม่ร้าย ผู้ชายไม่รักหรอก! ฮ่า ๆ ๆ!”ถังอวี้เหมยพูดไปหัวเราะไป เอนตัวพิงกำแพงนั่งลงใต้ฝักบัว ก่อนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้สายน้ำราดรดลงมาในวินาทีนี้ เธอมีความงดงามดุจดั่งบัวพ้นน้ำเสื้อผ้าที่บางราวปีกจั๊กจั่นของเธอ ขณะนี้เมื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก็ยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบถึงไหนต่อไหนภาพนี้ ทำให้เลือดลมในกายโจวหยางพลันสูบฉีด แม้จะอยู่ใต้ฝักบัว แต่เขาก็ยังรู้สึกลำคอแห้งผากตอนนั้นเอง ถังอวี้เหมยก็หันมามองเขา ใบหน้าที่แดงเรื่อจากฤทธิ์สุรา เวลานี้ช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างร้ายกาจ“พี่เหมย มองผมแบบนี้ทำไมเหรอ?” โจวหยางชะงักกึกแต่ถังอวี้เหมยกลับโผเข้ามากอดโจวหยาง ก่อนประทับริมฝีปากสีชมพูเข้ามาโดยตรงครู่ต่อมา โจวหยางก็เดินออกจากห้องน้ำในสภาพเปียกปอนเสียงของถังอวี้เห

  • ยอดนักขายซ่อนลายมังกร   บทที่ 25

    ตอนนี้ ภายใต้แสงไฟสลัว ถังอวี้เหมยยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าฉายแววเปี่ยมเสน่หา“ว่าแต่เธออยากขึ้นเตียงกับฉันจริง ๆ เหรอ?” เธอถามโจวหยางที่ขับเคลื่อนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เกือบโพล่งคำว่า “อยาก” ออกไปแล้ว!แต่พอดีเขายังมีสติ ถังอวี้เหมยเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แม้ชีวิตคู่ของเธอจะไม่มีความรัก แต่ถ้าเขาไปหลับนอนกับเธอจริง ๆ ก็เท่ากับเป็นการทำลายครอบครัวคนอื่น เรื่องแบบนี้ทำไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะ เซี่ยยงก็หวังให้พี่เหมยนอกใจอยู่แล้ว พี่เหมยคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นแน่นอนที่เธอถามแบบนี้ ก็คงแค่อยากลองใจดูว่าฉันบริสุทธิ์ใจจริงหรือเปล่าเท่านั้นเองแต่ว่า ถ้าให้โจวหยางตอบว่าไม่อยาก ก็เท่ากับพูดโกหกใจตัวเองแม้ถังอวี้เหมยจะเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ในเรื่องรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้แพ้พวกเด็กสาวแต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยมีลูก เซี่ยเฟิงก็เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วบวกด้วยการอุ้มบุญ สาวสวยมีระดับเช่นนี้ ใครบ้างไม่อยากลิ้มลอง?ดังนั้น หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหยางจึงเลือกที่จะไม่ตอบ และเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“พี่เหมย พี่เล่าแผนของพี่มาเถอะ ผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยครับ!” โจวหยางกล่าว“วัน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status