Beranda / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 1-2 สิงศพคืนชีพ

Share

บทที่ 1-2 สิงศพคืนชีพ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-05 20:36:19

"ซื่อจื่อ ไม่ดื่มหน่อยหรือ"

เสียงของแม่ทัพใหญ่จางทำให้เซียวจิ้งหลุดพ้นจากภวังค์ ก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ

"ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าดูสถานการณ์ อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่"

แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้า พลางกล่าวขึ้นมา

"ซื่อจื่อ หากท่านกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ คงต้องแต่งงานกับเหมี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าท่านไม่เต็มใจ แต่สมรสพระราชทานย่อมมิอาจยกเลิกได้ หากท่านไม่รักนาง ก็ช่วยดีต่อนางได้หรือไม่ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น"

เซียวจิ้งมองแม่ทัพใหญ่จางก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบรับคำ

"ข้ารับปาก ข้าจะพยายาม"

แม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

"เวลานี้เฉวียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะฟื้นตัว กลับไปเมืองหลวงข้าจะหาหมอเก่งๆ มารักษาเขา"

"ข้าจะให้เสด็จลุงส่งหมอหลวงไปรักษาเขา อย่างไรเขาก็เป็นสหายของข้า"

"ขอบคุณซื่อจื่อยิ่งนัก"

เซียวจิ้งพยักหน้าและขอตัวจากมา จางเฉวียนเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่จาง อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมเรียนกับเขาตั้งแต่วัยเยาว์จึงสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่ง

ชะตาสวรรค์กำหนดมาเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากฝืนลิขิตสวรรค์

เขาและสหายแดนไกลผู้นั้นคงมีวาสนาเพียงได้พบแต่ไม่ได้ครองคู่กัน

สวรรค์ช่างใจร้ายนัก หากไร้วาสนาได้เคียงคู่เหตุใดจะต้องสร้างวาสนาให้ได้พบเจอกันด้วยเล่า

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ สวีเฉิน องค์รักษ์คนสนิทก็เข้ามา เซียวจิ้งหันมามองสวีเฉิน เอ่ยปากขึ้นมา

"ได้ความว่าอย่างไรบ้าง"

สวีเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะตอบ

"ยามนี้ฉู่อี้เฉินขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นซ่งแล้ว และ เอ่อ นางตายแล้วขอรับ คนของเรารายงานว่านางฆ่าตัวตาย คนตระกูลเจี่ยงถูกสังหารทิ้งทั้งหมด คาดว่าคงหมดประโยชน์แล้ว ศพของคนตระกูลเจี่ยงถูกโยนออกมานอกเมืองหลวงแคว้นซ่งอย่างไร้ค่า คนของเราแอบนำร่างของนางกลับมาได้เพียงคนเดียว ที่เหลือจำต้องหาที่ฝังอย่างเร่งด่วนไปก่อน ไม่ทราบว่าซื่อจื่อ..."

"พาข้าไปเดี๋ยวนี้"

เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว สวีเฉินรีบนำทางเจ้านายตนไปทันที

เซียวจิ้งออกมานอกค่ายทหาร ที่บริเวณนี้อยู่ไม่ห่างจากชายแดนแคว้นฟงหลิงเท่าใดนัก เมื่อเขามาถึงก็พบกับร่างไร้วิญญาณของเจี่ยงหร่านที่นอนอยู่ที่พื้น บนลำคอของนางมีปิ่นเล่มหนึ่งปักอยู่ ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ

เซียวจิ้งมองนางอย่างไม่ละสายตา ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปที่ศพของหญิงสาวแล้วจึงทรุดตัวลงนั่ง แล้วยื่นมือเข้าไปประคองร่างไร้วิญญาณของนางขึ้นมากอดเอาไว้ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ

"ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือ แต่เจ้ากลับดื้อรั้นไม่เชื่อข้า เจี่ยงหร่าน เจ้ามันดื้อนัก"

เอ่ยจบเขาก็ร้องไห้ออกมา สวีเฉินมองดูเจ้านายของตนก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้านายของเขารักสตรีผู้นี้อย่างสุดหัวใจ ทั้งที่รู้ว่านางเป็นศัตรู ทั้งที่นางยิงธนูใส่ ทั้งที่นางเป็นของผู้อื่น จนกระทั่งวันที่นางตาย เจ้านายก็ปล่อยวางไม่ลง ทั้งที่นางก็ไม่ใช่สตรีที่งดงาม นิสัยแข็งกระด้าง หากเทียบกันแล้วคุณหนูจางเหมี่ยวลี่ยังงดงามยิ่งกว่านางเสียอีก

แต่เจ้านายของเขากลับหลงรักสตรีที่มิได้เพียบพร้อมเช่นเจียงหร่านจนหมดหัวใจไปเสียได้

เซียวจิ้งยื่นมือไปดึงปิ่นปักผมออกมาจากลำคอของนาง แล้วบอกกับสวีเฉินว่า

"ฝังนางไว้ใกล้แม่น้ำ นางชื่นชอบแม่น้ำเป็นที่สุด ไม่ไกลจากตรงนี้มีแม่น้ำสายหนึ่ง ริมแม่น้ำมีต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นเย็นสบาย ข้าจะพานางไปที่นั่น"

สวีเฉินพยักหน้า ก่อนจะมองดูเซียวจิ้งอุ้มร่างไร้วิญญาณของเจียงหร่านเดินจากไป

เซียวจิ้งจัดการฝังศพของเจี่ยงหร่านเอาไว้ใต้ต้นไม่ใหญ่ริมแม่น้ำ ที่นี่มีสายลมพัดผ่านเป็นสถานที่สวยงามที่สุดในชายแดน ก่อนจากเขายังตัดเส้นผมของนางออกมาเล็กน้อยและล้างเก็บปิ่นเล่มที่นางใช้สังหารตนเองติดกายกลับมาด้วย

หลายวันต่อมา ภายในกองทัพกำลังจัดการเตรียมพร้อมเดินทางกลับเมืองหลวง ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางมาได้ไม่กี่ร้อยลี้ ก็มีม้าเร็วที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า เป็นคนของเมืองหลวง เซียวจิ้งจ้องมองทหารผู้นั้น ก่อนจะถามขึ้น

"มีเรื่องใดหรือ เหตุใดจึงมาขวางทางเดินทัพ"

คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีเท่าใดนัก

"เรียนเซียวซื่อจื่อ ท่านแม่ทัพใหญ่จาง คือว่าที่จวนตระกูลจางให้ข้าน้อยมาแจ้งท่านแม่ทัพใหญ่ว่า ยามนี้คุณหนูจางเกิดล้มป่วยใกล้จะประคองชีวิตไม่ไหวแล้ว จางฮูหยินต้องการให้ท่านแม่ทัพและเซียวซื่อจื่อรีบกลับเมืองหลวงโดยด่วนขอรับ"

เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะหันไปมองแม่ทัพใหญ่จางที่ตอนนี้นิ่งเงียบราวกับคนตายไปแล้ว ส่วนจางเฉวียนที่นอนเจ็บอยู่ในรถม้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกจนหน้าซีดเผือด

"ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ"

ทหารผู้นั้นเอ่ยเรียกแม่ทัพใหญ่จางด้วยน้ำเสียงที่หวาดหวั่น แม่ทัพใหญ่จางราวได้สติกลับคืนมา เขาไม่เอ่ยสิ่งใดก็ควบม้ามุ่งหน้าออกไปทันที เซียวจิ้งที่เห็นเช่นนั้นก็สั่งให้คนเร่งเดินทางติดตามไปโดยด่วน

การเดินทางครั้งนี้ได้หยุดพักเท่าที่จำเป็น และเป็นการเดินทางที่เร่งรีบมาก จวบจนผ่านมาร่วมสิบวันก็เดินทางถึงเมืองหลวง

ด้านจางฮูหยิน ในยามนี้กำลังให้ท่านหมอช่วยดูอาการของจางเหมี่ยวลี่ เมื่อหลายวันก่อนชีพจรของนางอ่อนแรงยิ่งนัก ลมหายใจแผ่วเบาราวกับคนแม้ยังไม่ตายแต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมา ราวกับว่านางกำลังหลับใหลไม่ยอมตื่น

"ฮูหยิน ท่านแม่ทัพมาถึงแล้วขอรับ"

เมื่อได้ทราบว่าสามีได้กลับมาแล้ว จางฮูหยินก็โล่งอกเจือยินดียิ่งนัก แม่ทัพใหญ่รีบสั่งให้คนพาจางเฉวียนไปพักผ่อนและให้ท่านหมอมาดูอาการ ส่วนตนก็รีบมาดูบุตรสาว เมื่อเห็นว่าจางเหมี่ยวลี่ใบหน้าซีดเผือด อีกทั้งยังอาการไม่สู้ดี เขาก็ยิ่งร้อนใจหันมากล่าวตำหนิกับภรรยา

"เราไม่น่าตามใจให้นางดื่ม เอ่อ ดื่มของเสียพวกนั้นเลย"

จางฮูหยินไม่รู้จะกล่าววาจาใด ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังคิดไม่ตก ก็ได้ยินหมอหลวงแจ้งว่า จางเหมี่ยวลี่สิ้นใจแล้ว

แม่ทัพใหญ่และจางฮูหยินถึงกับทรุดลงไปกองที่พื้นก่อนจะร้องไห้โฮออกมา ด้านจางเฉวียนที่ได้ยินว่าน้องสาวตายแล้ว ก็ไม่ยอมดื่มยาเอาแต่ร้องไห้ต่อการจากไปอย่างกะทันหันของน้องสาว

งานศพของจางเหมี่ยวลี่ถูกจัดขึ้นในช่วงค่ำของวันนั้น ทั่วทั้งจวนตระกูลจางต่างประดับประดาไปด้วยผ้าสีขาวดำทุกคนในจวนล้วนแต่โศกเศร้า

เซียวจิ้งเองในฐานะคู่หมั้นของนางย่อมต้องมาเแสดงความเสียใจ เขามองโลงศพของนางแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

ชีวิตเขานี่มันบัดซบไม่น้อยเลย สตรีที่รักเพิ่งตายจากไป สตรีที่จะต้องแต่งเป็นภรรยาก็ยังมาสิ้นใจไปอีกคน

หรือว่าชะตาชีวิตของเขาจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

เซียวจิ้งเดินเข้ามาทักทายแม่ทัพใหญ่และจางฮูหยิน ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมจางเฉวียนและเดินออกมาไหว้ศพของจางเหมี่ยวลี่ ในขณะที่ทุกคนกำลังโศกเศร้าอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังมากจากโลงศพที่วางอยู่เบื้องหน้า

"นั่นมันเสียงอะไร"

จางฮูหยินอุทานขึ้นมาพร้อมกับหันมามองสามี แม่ทัพใหญ่จางเองก็ได้ยินเช่นกัน เซียวจิ้งมองไปโดยรอบก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่โลงศพของจางเหมี่ยวลี่ แล้วกล่าวขึ้นว่า

"เสียงเหมือนดังมาจากโลงศพของเหมี่ยวลี่"

ตึงตึงตึง

เจี่ยงหร่านลืมตาโพลง เดิมทีนางคิดว่าตนเองตายไปแล้ว แต่เมื่อฟื้นขึ้นมากลับพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในโลงศพ

อันใดกันนี่ ฉู่อี้เฉินเอานางมาฝังหรือ เป็นไปไม่ได้ คนสารเลวเช่นนั้นหรือจะมีเมตตา มอบโลงศพให้เป็นบ้านหลังสุดท้ายให้นาง

เจี่ยงหร่านรู้สึกหายใจไม่ออก นางยกมือขึ้นทุบๆ ตีๆ ไปทั่วทั้งโลงศพ จนกระทั่งพยายามใช้แรงที่มีทั้งหมดกระแทกแรงๆ โลงศพก็พลันเอียงกระเร่เท่ก่อนจะพลิกคว่ำลงมาที่พื้น ฝาโลงเปิดออกร่างของนางกระเด็นกลิ้งออกมาด้านนอกโลงศพ ดวงตาคู่สวยจ้องมองผู้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความมึนงงสงสัย

บรรดาคนทั้งหมดมองนางด้วยความแตกตื่นตกใจ มีคนไม่น้อยที่วิ่งหนีกลับบ้านไปแล้ว

มารดามันเถอะ นางเล่นมนต์ดำเสียจนกลายเป็นวิญญาณร้ายไปเสียแล้ว!

เสียงผู้คนเอะอะกันเซ็งแซ่พร้อมกับมองมาที่นางด้วยแววตาประหวั่นพรั่นพรึง เจี่ยงหร่านขมวดคิ้วนางก้มมองดูเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ ดูงดงามราคาแพงซึ่งนางไม่ชอบสวมอาภรณ์เช่นนี้เท่าใดนัก ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

‘ให้ตายเถอะผู้ใดเปลี่ยนชุดงดงามเช่นนี้ให้นางกันนะ

‘อ้าว อะไรกันนี่ วิ่งหนีข้าทำไมกัน กลับมาช่วยประคองข้าก่อน ให้ตายเถิดปวดหลังจะตายอยู่แล้ว!’

ในขณะที่นางกำลังเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดนั้น ก็มีชายหญิงวัยกลางคนวิ่งเข้ามาหานาง

"เหมี่ยวลี่ลูกพ่อ เจ้าฟื้นแล้ว!"

"ลูกแม่ เจ้ายังไม่ตาย ฮือ"

เจี่ยงหร่านงุนงงไปหมด มองไปโดยรอบรู้สึกว่าไม่คุ้นตาเอาเสียเลย นางกวาดสายตาไปทั่วทุกแห่ง ก่อนจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าของบุรุษใบห

น้าหล่อเหล่าที่แสนคุ้นตาผู้หนึ่งซึ่งกำลังมองมาที่นางด้วยความสงสัย

นั่นมัน!

สหายแดนไกลผู้นั้นของนางใช่หรือไม่

‘เซียวจิ้ง’

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status