Share

บทนำ 1-2

last update Last Updated: 2025-04-05 20:34:50

วังหลวงแห่งแคว้นซ่ง

"นางตายหรือยัง?"

"ยังพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"

เสียงพูดคุยสนทนาที่อยู่ด้านนอกไม่ไกลนัก ทำให้หญิงสาวที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าคุกคุมขังและมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย

"ฉู่อี้เฉิน เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้"

"เพราะเจ้าหมดประโยชน์แล้วอย่างไรเล่า"

ฉู่อี้เฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเขาและนางเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกัน

หญิงสาวที่ถูกคุมขัง มีนามว่าเจี่ยงหร่าน เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่แคว้นซ่ง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊เพราะแคว้นซ่งเปิดกว้างเรื่องสตรีอยู่ไม่น้อย เจี่ยงหร่านจึงได้เข้าค่ายทหารตามบิดา ไม่นานก็รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งกองทัพหวังหย่ง เป็นสตรีคนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ

การที่เขาเข้าหานาง เดิมทีก็เพื่อผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้คนตระกูลเจี่ยงไม่เห็นด้วยที่เจี่ยงหร่านใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา เนื่องจากคนในตระกูลเจี่ยงขึ้นตรงต่อฮ่องเต้แคว้นซ่งบิดาของเขา ไม่ขึ้นตรงต่อองค์ชายคนใดทั้งสิ้น การที่เจี่ยงหร่านมอบใจให้กับเขา อาจส่งผลทำให้ฮ่องเต้ไม่ไว้วางใจคนในตระกูลเจี่ยง แต่เจี่ยงหร่านกลับไม่คิดเช่นเดียวกับบิดาตน นางปักใจรักหลงใหลในตัวเขาอย่างสุดซึ้ง มองว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องส่วนตัว นางแยกแยะได้ทั้งสิ้น นางจึงดื้อรั้นไม่รับฟังคำทัดทาน ต้องการคบหากับเขาให้จงได้ จนถึงขั้นยอมมอบกายและใจให้เขาจนหมดสิ้น

ฉู่อี้เฉินใช้คำลวงหลอกล่อเจี่ยงหร่าน สัญญาว่าหากเขาได้เป็นองค์รัชทายาทและขึ้นครองราชย์เมื่อใด เขาจะแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา ชั่วชีวิตนี้เขาจะมีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังมีท่าทีเป็นกังวล แต่เพราะเขาใช้สารพัดวิธีมาหลอกล่อนางให้เชื่อมั่น

เจี่ยงหร่านที่ไร้เดียงสา วันๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบไม่ประสีประสาเรื่องความรัก จึงหลงเชื่อเขาจนหมดใจ นางไม่สนใจคำเตือนของแม่ทัพใหญ่เจี่ยงเลยแม้แต่น้อย

เจี่ยงหร่านเป็นคนมีฝีมือ เป็นหมากตัวสำคัญที่ทำให้ฉู่อี้เฉินลอบสังหารรัชทายาทและพี่น้องคนอื่นๆ ได้สำเร็จ วันหนึ่งแม่ทัพใหญ่เจี่ยงล้มป่วยจนแทบเอาชีวิตไม่รอด นางจึงลอบขโมยตราพยัคฆ์สั่งการทหารของบิดามามอบให้ฉู่อี้เฉิน นำกองทัพทหารหวังหย่งร่วมหลายแสนนายสวามิภักดิ์ต่อเขา และช่วยเปิดทางให้เขาเข้าบุกเมืองหลวงแคว้นซ่งสังหารฮ่องเต้และขุนนางที่ภักดีจนตายหมดสิ้น นางช่วยเขาจนสามารถก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นซ่งได้สำเร็จ

ท้ายที่สุดเมื่อฮ่องเต้และเหล่าองค์ชายทั้งหลายล้วนล้มหายตายจาก ฉู่อี้เฉินก็ครองบัลลังก์ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ และสั่งประหารคนตระกูลเจี่ยงทั้งตระกูล เพื่อยึดอำนาจทางทหารร่วมหลายแสนนายของตระกูลเจี่ยงมาไว้ในมืออย่างสมบูรณ์ เขาไม่มีทางยอมให้ตระกูลที่เขาไม่มีความไว้วางใจ มีโอกาสมาเชิดคออยู่ข้างกายเป็นอันขาด อย่างไรล้วนต้องหวาดระแวงและไม่ไว้ใจกัน

อีกทั้งฉู่อี้เฉินมีสตรีที่รักมากอยู่แล้วคนหนึ่ง นางคือบุตรสาวของท่านรองท่านราชครูแคว้นซ่งนามว่าฟ่านเหยา นางสนับสนุนเขาอย่างจริงใจ เขาและนางมีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้ง นางยอมกล้ำกลืนมองดูเขามีความสัมพันธ์กับเจี่ยงหร่าน นางยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาทำการใหญ่ได้สำเร็จ ทั้งยังอ่อนหวานเอาอกเอาใจ ใบหน้าของนางงดงามเป็นหนึ่งในแคว้นซ่ง

แตกต่างจากเจี่ยงหร่านที่แข็งกระด้างไม่มีความเป็นสตรีเพราะอยู่แต่ในกองทัพมาตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญนางไม่งดงามเท่าฟ่านเหยา อีกทั้งบิดาของฟ่านเหยายังนำพาบรรดาบัณฑิตในแคว้นซ่งมาสวามิภักดิ์ต่อเขาทำให้เขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น

ฉู่อี้เฉินจึงแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา สุดท้ายเจี่ยงหร่านก็ไม่มีค่าใดๆ ในสายตาของเขา เขาสั่งขังนางเอาไว้ในคุกใต้ดิน นางเป็นคนตระกูลเจี่ยงเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้

คราแรกเจี่ยงหร่านคิดหลบหนี แต่กลับถูกฉู่อี้เฉินจับตัวกลับมาได้ อย่างไรเสียก็อยู่ด้วยกันมานานปีแม้จะไม่มีความรัก แต่ก็ย่อมมีเศษเสี้ยวความผูกพันเพียงน้อยนิดหลงเหลืออยู่บ้าง

ฉู่อี้เฉินจึงขังเจียงหร่านเอาไว้ ให้นางอดข้าวอดน้ำ หากว่านางยอมกราบกรานของความเห็นใจจากเขา ไม่แน่เขาก็อาจมอบฐานะให้นางเป็นนางบำเรอ แต่นางกลับใจแข็งยิ่งนัก ทั้งยังหยิ่งทรนงอยู่ไม่น้อย ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยเสียด้วยซ้ำ

เดิมทีทั่วทั้งสี่แคว้นมีเพียงแคว้นฟงหลิงและแคว้นซ่งเท่านั้น ที่มีอำนาจทางการทหารไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั้งสองแคว้นต่างทำสงครามประลองกำลังกันไปมาเพื่อแย่งชิงอำนาจการขึ้นเป็นเจ้าแห่งใต้หล้านี้

ฉู่อี้เฉินให้คนเปิดประตูคุก ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาเจี่ยงหร่านที่นั่งอยู่ ยามนี้นางดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ริมฝีปากมีมีโลหิตสีแดงไหลซึมออกมา

แน่นอนว่าฟ่านเหยาย่อมไม่มีทางยอมให้เจี่ยงหร่านอยู่อย่างเป็นสุข เพราะเจี่ยงหร่านมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฉู่อี้เฉิน จึงสั่งให้คนทรมานนางสารพัดวิธี เมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์บุตรของฉู่อี้เฉิน เพราะฟ่านเหยาเกรงว่าฉู่อี้เฉินจะใจอ่อน จึงจัดการกรอกยาแท้งบุตรใส่ปากเจี่ยงหร่าน อย่างไร้ความปรานีจนสุดท้ายนางก็สูญเสียบุตรในครรภ์ไป

เจี่ยงหร่านรู้สึกเย้ยหยันตนเองยิ่งนัก ท่านพ่อและคนในตระกูลเตือนนางตั้งเท่าใด แต่นางกลับดื้อรั้นดันทุรังไม่ฟัง ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพมาตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นถึงรองแม่ทัพผู้เก่งกาจ ชำนาญการรบ เชี่ยวชาญการศึก แต่เรื่องหัวใจนางกลับโง่เขลาไร้เดียงสาจนน่าขบขัน กลายเป็นหินรองเท้าให้คนเหยียบย่ำขึ้นไปสู่ที่สูง หากว่านางตายไปคนเดียวก็ช่างเถิด แต่นี่กลับลากคนทั้งตระกูลเจี่ยงลงนรกไปพร้อมกับนางด้วย

เจียงหร่านอยากร้องไห้แต่นางร้องจนไร้น้ำตาแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าฉู่อี้เฉินสั่งประหารคนตระกูลเจี่ยงทั้งตระกูล นางร่ำไห้ราวกับคนบ้า นางร้องจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่นางก็ไม่อาจกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีกแล้ว

นางโง่เองจะโทษผู้ใดได้เล่า!

ฉู่อี้เฉินจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาคมกริบ นางมิใช่สตรีที่งดงามเท่าฟ่านเหยา ไม่อ่อนหวานเอาใจเก่งเช่นสตรีที่เขาเคยพบเห็น แต่นางกลับมีความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเหนือกว่าสตรีอื่นใด

น่าเสียดายที่โง่งมเพราะความรัก

"หร่านเอ๋อร์ หากเจ้ายอมร้องขอข้า ข้าอาจจะพาเจ้าออกไปที่นี่ได้ ถ้าข้าเอ่ยปาก เหยาเหยาย่อมต้องละเว้นเจ้า ข้าจะให้เจ้าเป็นนางบำเรอ อย่างน้อยสถานะของเจ้าก็อาจจะดีกว่าอยู่ในคุกแห่งนี้เป็นไหนๆ เจ้าว่าไหมล่ะ"

เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมา ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่หน้าของฉู่อี้เฉินอย่างดูแคลน ฉู่อี้เฉินแค่นส่งเสียงหึออกมา กำลังจะง้างมือขึ้นตบนางสักฉาดแต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่มองมาอย่างไม่หวาดกลัว เขาก็ชะงักไปในทันที

"ข้าเคยโง่มาครั้งหนึ่งแล้ว ย่อมไม่โง่ซ้ำสอง ข้าไม่มีวันยอมรับใช้คนชั่วเช่นท่าน ท่านให้นางคนชั้นต่ำนั่นมาสังหารลูกของข้า ฉู่อี้เฉิน ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่ นั่นคือบุตรของท่านนะ!"

ฉู่อี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนกล่าวถ้อยคำเหยียดหยัน

“แน่ใจหรือว่าใช่บุตรของข้า เจ้าอยู่ในค่ายทหารตลอดเวลา อาจจะเป็นบุตรของทหารสักคนก็ได้ เจ้านอนกับข้าได้ง่ายดาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เจ้าจะนอนกับบุรุษอื่นไม่ได้น่ะ”

เพียะ!

“สารเลว”

เจี่ยงหร่านยกมือขึ้นตบหน้าของฉู๋อี้เฉินจนเต็มแรง ฉู่อี้เฉินหันกลับมามองเจี่ยงหร่านด้วยแววตาที่เย็นเยียบ ก่อนจะยื่นมือมาบีบปลายคางของนางอย่างไม่ปรานี

"ให้ดื่มสุราคาราวะเจ้าไม่ดื่ม แต่กลับจะเลือกดื่มสุราลงทัณฑ์ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะใจดีกับเจ้า เจ้ามันก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งที่ข้าเลี้ยงเอาไว้เท่านั้น ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะให้เจ้าทรมานเช่นนี้ อยากตายก็ตายไม่ได้ นี่คือบทลงโทษที่เจ้าไม่เชื่อฟังข้า เจี่ยงหร่าน เจ้าเคยเป็นเด็กดีว่าง่ายของข้า หากเจ้ายอม..."

"ถุย ไสหัวไป!"

"เหอะ ต่อให้เจ้าเกลียดข้า แล้วจะเปลี่ยนแปลงอันใดได้เล่า เจ้าดื้อรั้นเองไม่ใช่หรือ เป็นเจ้าเองที่พาคนตระกูลเจี่ยงไปตาย"

"ไม่ ข้าไม่อยากฟัง หุบปากเดี๋ยวนี้ ฮือ…"

"ฟังข้า เจ้านั่นแหละที่ทำให้คนในตระกูลของเจ้าต้องตาย เจ้ามันโง่เอง"

"ไม่ ฮือ ฆ่าข้าเถอะ ฆ่าข้าเสียที"

เจี่ยงหร่านกรีดร้องราวกับคนคลุ้มคลั่ง ในความทรงจำผุดภาพหนึ่งขึ้นมา

สหายแดนไกลผู้นั้นเคยเอ่ยกับนางประโยคหนึ่ง

อย่าเชื่อในวาจาของบุรุษ เจ้ายังไร้เดียงสาเรื่องนี้เกินไป หากไม่ระวังเจ้าจะกลายเป็นหมากตัวสำคัญที่ลากทุกคนลงนรกไปด้วย และสุดท้ายเจ้าจะไม่เหลือสิ่งใดแม้กระทั่งชีวิต!

เจี่ยงหร่านยิ้มอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ยามนั้นที่ได้ยินประโยคนี้นางยังนึกดูแคลน นางมั่นใจว่าฉู่อี้เฉินย่อมไม่มีวันทรยศนาง

แต่คำเตือนของเขากลับเป็นจริงแล้ว

สหายแดนไกลผู้นั้นยามนี้คงจะมีชีวิตที่สุขสบายดีกระมัง ต่างจากนางยิ่งนัก น่าเสียดายที่นางกับสหายแดนไกลผู้นั้นคงไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว

หากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะทวงทุกอย่างของคนตระกูลเจี่ยงคืน ลูกอกตัญญูผู้นี้ จะทวงความเป็นธรรมแทนท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะทำให้ฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยาทุกข์ทรมานโดดเดี่ยวเสียยิ่งกว่า ข้าขอสาบาน จะให้คนทั้งสองหลั่งเลือดชโลมดิน ชดเชยให้บุตรของข้าที่ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้ลืมตาดูโลก!

ฉู่อี้เฉินมองนางด้วยความสมเพชเวทนาก่อนจะเดินออกไป ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวออกไปก็ได้ยินเสียงของเจี่ยงหร่านเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"ในเมื่อท่านไม่ยอมสังหารข้า เช่นนั้นข้าก็จะปลิดชีพตนเองเสีย!"

ฉู่อี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่า เจี่ยงหร่านใช้ปิ่นปักผมที่เขาเคยมอบให้นางแทงลำคอของตนเองจนเลือดไหลทะลักออกมา เขาไม่คิดว่านางจะยังเก็บปิ่นปักผมอันนี้เอาไว้ ฉับพลันแววตาของเขาก็โกรธเกรี้ยว ก่นด่าทหารที่เฝ้าเวรยาม

"ข้าสั่งให้พวกเจ้าจับตาดูนางให้ดี เหตุใดพวกเจ้าจึงให้นางเก็บของมีคมไว้กับตัว!"

"เอ่อ อย่างไรนางก็เป็นสตรีของฝ่าบาท พวกกระหม่อมจึงไม่กล้าตรวจค้นร่างกายของนางพ่ะย่ะค่ะ"

เหล่าทหารเฝ้าเวรยามต่างรีบร้อนอธิบายด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว ฉู่อี้เฉินจ้องมองเจี่ยงหร่านที่สิ้นใจไปแล้ว ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้างราวกับมีเรื่องติดค้างอยู่ในจิตใจ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในใจจึงมีความรู้สึกโศกเศร้าสายหนึ่งเคลื่อนผ่าน แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็กลับมาเป็นปกติราวกับไม่เคยมีความสึกใดๆ ต่อนางทั้งสิ้น

"นำศพนางไปโยนทิ้งนอกเมืองหลวง ไม่ต้องทำพิธีศพ เพราะโทษของนางคือกบฏ!"

สั่งความจบเขาก็สะบัดชายอาภรณ์เดินจากไปทันที เหล่าทหารต่างนำร่างของนางห่อใส่ผ้า ก่อนจะนำมาที่ที่ป่าด้านนอกเมืองหลวง ราวกับศพนางเป็นสิ่งไร้ค่าอย่างไรอย่างนั้น

ทั้งชีวิตของเจี่ยงหร่านมีแค่ฉู่อี้เฉินที่เป็นชายคนเดียวที่นางรักและหวังพึ่งพิง แต่สิ่งที่นางได้รับตอบแทนจากเขาก็คือความตาย

ในขณะเดียวกัน ที่เมืองหลวงแคว้นฟงหลินจวนตระกูลจางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เมื่อจางเหมี่ยวลี่เกิดล้มป่วยขึ้นมาอย่างฉับพลัน ท่านหมอที่มาตรวจร่างกายบอกว่านางดื่มของสกปรกเน่าเหม็นเข้าไปเป็นเวลานาน จึงทำให้ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน เกรงว่าจะอดทนมีชีวิตรอดได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนนี้แล้ว

จางฮูหยินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ร่ำไห้เสี

ยใจจนน้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด นางกอดบุตรสาวเอาไว้แน่นก่อนจะให้คนไปส่งข่าวไปยังสามีที่ชายแดนในทันที!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 1-1สิงศพคืนชีพ

    ยามนี้สงครามระหว่างแคว้นฟงหลิงและแคว้นต้าฉีมาถึงบทสรุปแล้ว ท้ายที่สุดฮ่องเต้แคว้นต้าฉีเจรจาของสงบศึกชั่วคราว เนื่องจากสูญเสียกำลังทหารไปร่วมหลายหมื่นนายแล้ว หากว่ายังคงดึงดันที่จะต่อสู้อีก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อแคว้นต้าฉีเป็นแน่ผู้นำศึกในครั้งนี้คือแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียวจิ้ง หลานชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง"ซื่อจื่อ ยามนี้แคว้นต้าฉียอมสงบศึกแล้ว ข้าจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทโดยด่วน"“เป็นเพราะครั้งนี้ มีท่านแม่ทัพใหญ่ร่วมออกศึก เราจึงสามารถมีชัยอีกครั้ง" เซียวซื่อจื่อตอบรับคำอย่างอารมณ์ดีแม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเองมีฝีมือยอดเยี่ยม แคว้นฟงหลิงมีท่านอยู่ วันใดข้าตายไปย่อมหมดห่วงแล้ว""อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะต้องมีอายุยืนยาว"สองคนพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะอนุญาตให้เหล่าทหารดื่มสุราเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แม้จะยังไม่สามารถยึดแคว้นต้าฉีมาได้ แต่ฮ่องเต้แค้นต้าฉีย่อมไม่อาจจะก่อคลื่นลมได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เป็นแน่เซียวจิ้งมองดูเหล่าทหารที่ร่วม

    Last Updated : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 1-2 สิงศพคืนชีพ

    "ซื่อจื่อ ไม่ดื่มหน่อยหรือ"เสียงของแม่ทัพใหญ่จางทำให้เซียวจิ้งหลุดพ้นจากภวังค์ ก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ"ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าดูสถานการณ์ อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่"แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้า พลางกล่าวขึ้นมา"ซื่อจื่อ หากท่านกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ คงต้องแต่งงานกับเหมี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าท่านไม่เต็มใจ แต่สมรสพระราชทานย่อมมิอาจยกเลิกได้ หากท่านไม่รักนาง ก็ช่วยดีต่อนางได้หรือไม่ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น"เซียวจิ้งมองแม่ทัพใหญ่จางก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบรับคำ"ข้ารับปาก ข้าจะพยายาม"แม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย"เวลานี้เฉวียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะฟื้นตัว กลับไปเมืองหลวงข้าจะหาหมอเก่งๆ มารักษาเขา""ข้าจะให้เสด็จลุงส่งหมอหลวงไปรักษาเขา อย่างไรเขาก็เป็นสหายของข้า""ขอบคุณซื่อจื่อยิ่งนัก"เซียวจิ้งพยักหน้าและขอตัวจากมา จางเฉวียนเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่จาง อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมเรียนกับเขาตั้งแต่วัยเยาว์จึงสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่งชะตาสวรรค์กำหนดมาเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากฝืนลิขิตสวรรค์เขาและสหายแดนไกลผู้นั้นคงมีวาสนาเพียงได้พบแต่ไม่ได้ครองคู่กันสวรรค์ช่า

    Last Updated : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 2-1 ร่างใหม่

    เซียวจิ้งที่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็พลันนิ่วหน้า เขามองจางเหมี่ยวลี่ที่ยามนี้มองมาที่ตนด้วยแววตามีทั้งความตกตะลึงและคาดไม่ถึง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความดีใจอีกหลายส่วนเขาไม่เคยชอบจางเหมี่ยวลี่ เพราะนางไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าใดนักเขาจำได้ว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาชายแดน เมื่อสองปีก่อน เสด็จลุงพระราชทานสมรสให้เขาและนาง หากชนะสงครามกลับเมืองหลวงเมื่อใด ก็ให้แต่งงานกันทันที ยามนั้นจางเหมี่ยวลี่พยายามจัดฉากเพื่อพบหน้าเขา นางนำขนมและอาหารที่ทำเองกับมือมาให้เขากิน มีครั้งหนึ่งเขาเห็นว่านางพนมมือขึ้นไหว้ไปที่อาหารและพึมพำบางอย่าง ก่อนจะเป่าลงไปในอาหารที่นำมาให้เขา เซียวจิ้งถอนหายใจออกมา และไม่แตะต้องของที่นางทำให้แม้แต่คำเดียวจางเหมี่ยวลี่หลงใหลวิชาบัดซบพวกนี้จนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรและมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาไปดื่มชาที่โรงน้ำชา และมีสตรีนางหนึ่งลอบส่งสายตาให้เขา เดิมทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ไม่รู้ว่าจางเหมี่ยวลี่มาแอบตามเขามาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อนางเห็นว่าสตรีผู้นั้นยั่วยวนเขา นางก็ตรงเข้ามาตบตีสตรีผู้นั้นอีกทั้งยังพังโรงน้ำชาจนย่อยยับ และเอ่ยทิ้งท้ายว่า"บุรุษของข้าใครกล้าแตะตายสถานเ

    Last Updated : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 2-2 ร่างใหม่

    เจี่ยงหร่านที่ได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตาของนางอย่างชัดเจนสตรีนางนี้มีใบหน้างดงามล่มเมือง งามเสียจนร่างเดิมนางเทียบไม่ติด ผิวพรรณขาวนวลเนียนราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าแพรพรรณเนื้อดี ดูสูงส่งเป็นอย่างมากแตกต่างจากนางโดยสิ้นเชิงนี่มันเรื่องอะไรกัน!เจี่ยงหร่านใจเต้นถี่ระรัว ภาพก่อนตายปรากฏขึ้นมารวมไปถึงภาพที่นางปลิดชีพตนเอง เรื่องราวทั้งหมดไหลวนกลับมา ก่อนที่นางจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงสวรรค์! ข้ามาเกิดใหม่ในร่างของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่แคว้นฟงหลิงเช่นนั้นหรือ เดิมทีนางตายไปแล้ว นางจึงเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ทรุดกายลงบนเตียง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในใจมีทั้งความดีใจและเสียใจนางดีใจที่สวรรค์มีเมตตาให้นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแต่สิ่งที่่เสียใจก็คือ นางกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีอื่น ซ้ำยังเป็นสตรีในแคว้นศัตรู ต้องอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นไปจนวันตายนี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่นางอกตัญญูต่อบิดามารดาใช่หรือไม่แม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินที่เห็นว่าอยู่ๆ บุตรสาวก็เงียบงันไปทั้งยังร้อง

    Last Updated : 2025-04-05
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 3 ความบาดหมางระหว่างพ่อลูก

    นับจากวันนั้น เจี่ยงหร่านก็กลายเป็นจางเหมี่ยวลี่ไปโดยปริยาย แรกเริ่มนางไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก คาดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางด้านเซียวจิ้งนั้น หลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาก็เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสด็จลุงของตน ฮ่องเต้เซียวหลางดีใจเป็นอย่างมากที่หลานชายกลับมาอย่างปลอดภัยฮ่องเต้มีบุตรชายที่เกิดจากฮองเฮาหนึ่งคนและบุตรีหนึ่งคน องค์หญิงใหญ่เซียวหลิงคือบุตรสาวคนโตปีนี้อายุยี่สิบปีแล้ว เพราะเขาสุขภาพไม่สู้ดีทำให้มีบุตรยาก เมื่อสิบปีก่อนฮองเฮาเพิ่งจะมีพระประสูติกาลองค์รัชทายาท นามว่าเซียวหลง เวลานี้มีอายุได้สิบปีแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถมีทายาทได้อีก ในวังหลวงมิได้รับนางสนมเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียวมีเสียงเล่าลือหนาหูว่าเขารักใคร่เซียวจิ้งราวกับบุตรแท้ๆของตน นั่นอาจทำให้เซียวจิ้งมีใจคิดก่อกบฏแต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้น เขารู้นิสัยของเซียวจิ้งเป็นอย่างดี หลานชายผู้นี้หากไม่มีเรื่องสำคัญ ย่อมไม่คิดจะกลับเมืองหลวงอยู่แล้วเพราะอย่างนี้ข่าวลือภายนอกจึงมิอาจส่งผลใดๆ ต่อฮ่องเต้และฮองเฮาได้เลยแม้แต่น้อย"ถวายพระพรเสด็จลุงพ่ะย่ะค่ะ"เซียวจิ้งทำควา

    Last Updated : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 4 ภาพวาดของจางเหมี่ยวลี่

    เหลาสุราแห่งนี้เป็นเหลาสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแคว้นฟงหลิง เป็นกิจการเดียวที่ตระกูลท่านตามี นับตั้งแต่ท่านตาท่านยายและท่านแม่ตายจากไป กิจการนี้เคยตกไปอยู่ในมือของหลี่ฟางมารดาเลี้ยงของเขา นางอ้างว่าเขาอายุยังน้อยยังไม่รู้เรื่องยื่นมือมาจัดการบัญชี เมื่อเขาเติบโตขึ้นต้องใช้ความพยายามอยู่ไม่น้อย เพื่อให้กิจการนี้กลับมาอยู่ในมือของตนอีกครั้งแม้หลี่ฟางจะเคยดูแลกิจการอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กลับไม่อาจทำให้มีกำไรงอกงามขึ้นมาได้ เพราะสูตรลับทั้งหมดท่านแม่ให้เขาเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี เมื่อเขากลับมาดูแลอีกครั้ง จึงมอบสูตรลับให้คนที่ไว้ใจได้ ก่อนที่เหลาสุราจะกลับมาทำเงินเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง นับแต่นั้นทุกครั้งยามที่กลับมาเมืองหลวง เขามักจะมาอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับตำหนักชินอ๋องอีกเลยเมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้ว ชายหนุ่มก็ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของเหลาสุรา ที่นี่คือที่พักของเขา ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา มิได้ด้อยไปกว่าตอนที่เขาพำพักในตำหนักชินอ๋องเลย ท่านลุงหม่าบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านแม่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ก็ติดตามเขามาอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ท่านลุงหม่าก็ดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด"ซื่อ

    Last Updated : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 5 น้ำแกงที่คุณหนูชอบ

    เจี่ยงหร่านทนอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว เจ้าของร่างเดิมใจกล้าเหลือเกิน นางทำสิ่งที่สตรีทั่วไปไม่ทำกันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวเสียจริงเชียวนางจัดการปิดหีบใบนั้นและเลื่อนเก็บเอาไว้ที่ใต้เตียงเช่นเดิม ในขณะเดียวกันก็มีเสียงของเยว่ซินที่แจ้งนางว่าอาหารมาแล้วเจี่ยงหร่านเองก็หิวจนตาลาย เมื่อเดินมาถึงนางก็ยิ้มจนนัยน์ตาโค้ง อาหารเช่นนี้สิจึงจะเหมาะสมกับนางเมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงจับตะเกียบคีบอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย อีกทั้งยังแบ่งส่วนที่เหลือให้สาวใช้นำไปกินอีกด้วย มื้อนี้นับว่าเป็นมื้อที่อิ่มที่สุดแล้ว ตั้งแต่ถูกขังอยู่ที่คุกหลวง ฟ่านเหยาไม่เคยให้นางกินดีอยู่ดี ให้อาหารนางเพียงวันละมื้อ ล้วนเป็นโจ๊กที่ใสราวกับน้ำข้าว เจี่ยงหร่านยกมือลูบท้องตนเอง ก่อนจะเรอออกมาอย่างสบายอารมณ์ เยว่ซินมองท่าทีของผู้เป็นนายด้วยความตะลึงงัน แต่ก่อนคุณหนูมักจะรักษากิริยามารยาท งดงามไร้จุดบกพร่อง แต่วันนี้นางกลับยกขาขึ้นพาดโต๊ะ อีกทั้งเรอออกมาอีกด้วยเป็นเพราะคุณไสยสะท้อนเข้าตัวเป็นแน่แท้ คุณหนูของนางจึงเสียสติถึงเพียงนี้ น่าสงสารเหลือเกินเมื่อเจ้านายกินอาหารอิ่มแล้ว เยว่ซินก็ตรงไปที่โต๊ะ ก่อนจะย

    Last Updated : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 6 เหลาสุราจิ๋นฮวา

    เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษเรียบร้อย เจี่ยงหร่านก็เดินลงมาจากรถม้าพร้อมกับเยว่ซิน ในมือของนางมีพัดอันหนึ่ง หญิงสาวสะบัดพัดกางออก พร้อมกับโบกพัดไปมา ท่าทางราวกับคุณชายเสเพลที่กำลังมาหาความสำราญยังเหลาสุราอย่างไรอย่างนั้นเมื่อเดินเข้ามาในเหลาสุราจิ๋นฮวาก็มีคนมาต้องรับนาง เป็นเด็กหนุ่มท่าทางนอบน้อมผู้หนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ เด็กหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านพลางค้อมคำนับ"ข้าน้อยไม่เคยเห็นหน้าคุณชายมาก่อนเลย ท่านคงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงใช่หรือไม่"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสอบถาม"เหลาสุราของเจ้ามีสุราชั้นดีอันใดบ้างเอามาให้ข้าลองดื่มหน่อย ขอสุราที่แรงที่สุด"ชายหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านอย่างอึ้งงัน สุราที่แรงที่สุดเช่นนั้นหรือเดิมทีเหลาสุราจิ๋นฮวามีสุราที่แรงที่สุดอยู่แล้ว เป็นสูตรลับเฉพาะที่ซื่อจื่อทำขึ้นมา โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดดื่มแล้วไม่เมาจะได้ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัล เขาใคร่ครวญในใจก็คาดเดาได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมาท้าประลองหวังเงินกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยิ้มแย้มพลางตอบรับคำ"ขอห้องชั้นบน เอาที่เห็นเมืองหลวงชัดๆ""เชิญทางนี้ขอรับ"หนุ่มน้อยพูดจบก็ผายมื

    Last Updated : 2025-04-21

Latest chapter

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 38 หลอกล่อปลามาติดแห

    หลายวันต่อมา ฮ่องเต้เซียวหลางก็มีรับสั่งให้คณะทูตของแคว้นซ่งเข้าเฝ้า จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอย่างสมเกียรติ และยังให้ขุนนางชั้นสูงรวมถึงบุตรสาวและฮูหยินเอกเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเจี่ยงหร่านเองก็ต้องร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันเจี่ยงหร่านวันนี้สวมชุดขุนนางหญิง ที่ทางราชสำนักเพิ่งตัดส่งมาให้เข้าร่วมงานตามตำแหน่งทางการทหารของนาง หญิงสาวเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เซียวหลิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาทักทายนาง ก่อนจะดึงนางให้ไปลองชิมขนมที่ตนเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ เจี่ยงหร่านอยู่สนทนากับเซียวหลิงได้ไม่นาน ก็ต้องกลับมานั่งประจำตำแหน่งที่เดิมของตน ไม่นานนัก ขันทีก็ประกาศว่าฮ่องเต้เซียวหลางเสด็จมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นและอยู่ในความสงบฮ่องเต้เซียวหลางเดินเข้ามาพร้อมกับฮองเฮาของตน ส่วนเซียวจิ้งนั้นยามเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งยังมีเซียวกั๋วมาร่วมงานด้วย อย่างไรเสียก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ในยามปกติจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อมีคนต่างแคว้นเข้ามา ย่อมต้องแสดงออกว่าพี่น้องรักใคร่กันดีเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นจุดอ่อนได้"ทุกคนลุกขึ้นเถ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 37 ตลบหลัง

    ด้านเจี่ยงหร่านที่ได้รับทราบว่าผู้นำคณะทูตเดินทางมาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ก็คือราชครูฟ่านบิดาของฟ่านเหยา ถ้วยชาในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปที่รถม้า นางบอกเยว่ซินว่าจะไปที่หอสุราจิ๋นฮวา อีกทั้งยังไม่ให้เยว่ซินตามไปด้วยเมื่อมาถึงนางมุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ลุงหม่าเองระยะหลังมานี้ เริ่มจะคุ้นเคยกับเจี่ยงหรานมากขึ้น เมื่อนางมาถึงเขามักจะจัดห้องที่ด่ีที่สุดให้ และสั่งให้คนนำสุราชั้นดีส่งให้นางอย่างรู้งานวันนี้เซียวจิ้งเองก็มิได้มีงานเร่งด่วน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหร่านต้องการพบเขา และรออยู่ชั้นสองของเหลาสุรา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหานางทันที เมื่อมาถึงก็พบว่า ในห้องมีเจี่ยงเฮ่าอยู่ด้วย เจี่ยงเฮ่ายิ้มให้เซียวจิ้งอย่างนอบน้อม เซียวจิ้งเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างกายของเจี่ยงหร่านและถามขึ้นมา"เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ ให้คนส่งจดหมายมาก็ได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าเอง"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาได้ แล้วพูดว่า"เซียวจิ้ง ที่ข้ามาพบท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้าคิดไตร่ตรองมาทั้งคืนแล้ว"เซียวจิ้ง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 36 คณะทูต

    เซียวจิ้งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เจี่ยงหร่าน อย่างแผ่วเบา เอ่ยกับนางว่า"อาหร่าน เจ้าอย่าให้ความเกลียดชังกัดกินจิตใจเจ้าจนทุกข์ทรมานเลยนะ"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่เงยหน้าขึ้นมามองเซียวจิ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อครู่เพราะนางถูกความโกรธแค้นครอบงำจิตใจมากเกินไป จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ทำไมหรือสหายเซียว ท่านกลัวข้าถลำลึกเช่นนั้นหรือ""ข้ากลัวเจ้าไม่มีความสุข ข้าอยากเห็นเจ้ามีสุขไร้ทุกข์กังวล"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปอึดใจ คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางกำลังจะถลำลึกจนถูกความแค้นกัดกินครอบงำจิตใจ ทว่าเซียวจิ้งกลับสามารถดึงนางขึ้นมาจากหลุมดำภายในจิตใจได้ทุกครั้งเขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้าและงดงามยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหร่านมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันที"แม้นางจะตั้งครรภ์ แต่ได้ยินว่าระยะหลังมานี้สุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะอารมณ์เสียจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่นางมีโทสะเรื่องใดนัั้นคนของข้ายังสืบได้ไม่แน่ชัด"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มน้อยๆ"สหา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status