Share

บทที่ 155

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสแข็งทื่อ

จริงด้วย หากเป็นผู้อื่น พวกเขายังสามารถคิดแผนรับมือโดยคิดว่าคนผู้นั้นมีความคิดเหมือนคนทั่วไป แต่จั๋วจิ่วนั้น...นางบ้าคลั่งจริง ๆ

ดูเหมือนนางมีความคิดไม่เหมือนผู้อื่น ดูเหมือนนางไม่สนใจว่าจะมีใครคอยหนุนหลังนางหรือไม่ นางไม่สนใจว่าตระกูลของคู่แข่งจะแข็งแกร่งเพียงใด นางอยากโจมตีผู้ใดเมื่อใด นางโจมตีทันที

แม้ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลเฟิง ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่ในขณะนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็หมดคำพูดเช่นกัน

เฟิงเหยียนพูดเบา ๆ “นางทำให้ตระกูลเหยียนอับอายมากจนทุกคนรู้ สุดท้าย มันเป็นเพียงการชนะเพื่อเรียกร้องการเดิมพันเท่านั้น ให้เหยียนชางคุกเข่าลงและยอมรับความพ่ายแพ้ นางให้ความสำคัญกับการเดิมพันอย่างมาก”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า "แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเดิมพันกับนางล่ะ"

เฟิงเหยียนจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและไม่แยแส "หากนางสามารถรักษาข้าได้ ทำไมข้าไม่เดิมพันกับนางล่ะ หรือข้าต้องเหมือนพวกท่าน ฝากความหวังไว้กับคนของตระกูลเหยียน เช่นนั้นจะแก้ปัญหาได้หรือ"

เฟิงเหยียนไม่ไคิดจะอยู่นานเกินไป เขาหันหลังกลับและเดินไปที่ทางเข้าห้องโถงด้านหน้า

“เหยียนเอ๋อร์...”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 156

    โดยปกติแล้ว เรื่องที่ทำได้ง่ายเกินไปจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยอยู่เสมอแต่มันง่ายมากในขณะนี้ และทุกอย่างดูสมเหตุสมผล ทุกการสงสัยมีคำตอบหมดดังนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สงสัยและระมัดระวังเท่านั้น แต่... พวกเขากลับผ่อนคลายลงมากแม้ว่าจั๋วจิ่วผู้นี้จะมีความสามารถและทรงพลังมากแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นเพียงคนตัวเล็กที่น่าสมเพชและไม่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูลชายชุดดำสามคนมาถึงประตูห้องนอนของจั๋วซือหรานอย่างราบรื่นพวกเขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อไม่ให้นางตื่นตระหนกดังนั้นพวกเขาจึงสบตากัน และดวงตาของพวกเขาดูเหมือนจะมีความหมายเหมือนกัน นี่มันง่ายเกินไป ไม่มีการป้องกันแต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสามไม่รู้ก็คือทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกหลอดอันสีดำสังเกตบนหลังคากระจกของหอระฆังที่อยู่ห่างไกลออกไป มีร่างสีดำเรียวยาวนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยมีของที่เป็นสีดำขนาดใหญ่พาดอยู่บนสันหลังคาของหอระฆังรูม่านตาของนางอยู่ใกล้กับกล้องส่องทางไกลของของชิ้นใหญ่นี้ นิ้วเรียวเล็กของนางกำลังค่อย ๆ ปรับความแม่นยำของการมองเห็นเป้าเล็งเคลื่อนไป ๆ มา ๆ บนร่างกายของทั้งสามคนจั๋วซือหรานพึมพำกับตัวเอง "พวกเจ้าไม่ระมัดระวังเลย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 157

    กลิ่นหอมแปลก ๆ อบอวลไปทั่วทั้งห้องในไม่ช้า ชายชุดดำผู้นี้ก็สังเกตร่างกายของตัวเองเริ่มอ่อนแอลง ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาค่อย ๆ หมดแรงเท่านั้น แต่เขาก็ค่อย ๆ พร่ามัวไปด้วยและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองของเขาที่ได้รับบาดเจ็บด้านนอกก็ค่อย ๆ หมดสติไปก่อนที่พวกเขาหมดสติไป ดวงตาของพวกเขาก็มองไปในทิศทางนั้นพวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นอาการประสาทหลอนเมื่อพวกเขาหมดสติหรือว่าพวกเขามองเห็นนางจริง ๆ บนหลังคาหอระฆังที่อยู่ไกล ๆ มีร่างผอมของใครบางคนกำลังแบกอาวุธยาวเครื่องหนึ่งและกำลังยืนขึ้น...ก่อนที่พวกเขาจะหมดสติไป ความคิดสุดท้ายในสมองของพวกเขาคือ ตระกูลใหญ่เช่นนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะพวกเขาประเมินนางต่ำเกินไป ทำไมพวกเขาทั้งสามถึงไม่ได้ประสบการณ์จากตัวอย่างของคนอื่นบ้างล่ะเพราะหากดูถูกผู้หญิง จะเกิดปัญหาใหญ่แน่ ๆจั๋วซือหรานดูสถานการณ์ที่นี่จากระยะไกลกล้องส่องทางไกล จริง ๆ แล้วก่อนที่นางออกมา นางได้จุดธูปที่ทำให้คนสลบในห้องเพื่อให้ไม่มีภัยเดิมทีนางยังรู้สึกอยู่ว่า นางกำลังทำสิ่งที่ไม่จำเป็นโดยไม่คาดคิด...มีคนถูกหลอกจริง ๆจั๋วซือหราน"เชอะ"หนึ่งที วางของชิ้นใหญ่บนไหล่ของนางเข้าไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 158

    กวนคุนรีบรับเหรียญที่เจ้านายยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง "บ่าวรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ"เขารีบออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาออกจากจวน เขาจึงตระหนักได้ถึงคำพูดของคุณหนูจิ่ว“อะไรนะ...นักฆ่าหรือ”หลังจากนั้นไม่นาน จวนของท่านอ๋องเซี่ยนห้องโถงด้านหน้าสว่างไสว ซือคงเซี่ยนสวมเสื้อคลุมและนั่งบนเก้าอี้ เขากำลังรับถ้วยชาร้อนจากคนรับใช้และจิบชาหนึ่งคำเขามองคนรับใช้ที่อยู่ใต้เก้าอี้ของเขา เหรียญในมือของคนรับใช้คนนี้คือของที่เขามอบให้กับจั๋วซือหรานจริง ๆ“ใช่ขอรับ คุณหนูให้บ่าวมาส่งข่าวถึงท่านอ๋องขอรับ ว่ามีนักฆ่า แอบมาที่จวน แต่คุณหนูคุมพวกมันไว้แล้ว คุณหนูบอกว่าตราบใดที่บ่าวแค่นี้ ท่านจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ”ฉวนคูนวิ่งถึงที่นี่สุดพลัง เขาแทบจะหายใจไม่ได้ เขากลั้นหายใจและวิ่งถึงที่นี่ และหลังจากรายงานเรื่องที่จั๋วซือหรานให้เขาพูด เขาจึงเริ่มหายใจแรง ๆซือคงเซี่ยนนั่งอยู่ที่นั่น เขายกมือขึ้นแล้วบีบดั้งจมูกตรงของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาแสดงถึงความทำอะไรไม่ถูกและความกังวลเขาใช้นิ้วจับหน้าผากแล้วเหลือบมองฉวนคูน "คุณหนูของเจ้าปลอดภัยอยู่ไหม"ฉวนคูนคิดสักพักแล้วตอบว่า "กราบท่านอ๋อง ดูจาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 159

    ต่งคังตระหนักได้อย่างรวดเร็วโดยธรรมชาติว่า นี่ไม่ใช่ทางที่ไปจวนของท่านอ๋องจริง ๆ แต่ท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ที่นำทาง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่ทางไปจวนอ๋องก็ตาม...ไหน ๆ ก็มาแล้ว เขาก็ไม่ละเลยเรื่องนี้ดังนั้น เมื่อพวกเขาหยุดที่หน้าบ้านของจั๋วซือหราน ผู้ที่อยู่หน้าบ้านจวนของจั๋วซือหราน ได้แก่ ซือคงเซี่ยน, ต่งคัง ซึ่งผู้เป็นผู้อำนวยการของกรมสอบสวนคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนสองทีม รวมเป็นสิบคนพวกเขาเห็นร่างผอมบางยืนอยู่ที่ประตูบ้านจาดที่ไกล ๆ แม่นางผู้นี้มีผมยาวไว้ด้านหลัง ถือตะเกียงอยู่ในมือดูเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งในความเหงาซือคงเซี่ยนเสียนรัดบังเหียนให้แน่น เขาหยุดม้าที่หน้าประตู พลิกตัวลงจากม้าทันที แล้ววิ่งไปหาจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว เจ้าสบายดีไหม"ซือคงเซี่ยนถามไปและมองจั๋วซือหรานอย่างละเอียดด้วย แต่เขาไม่เห็นอาการบาดเจ็บใด ๆ บนร่างกายของนางซือคงเซี่ยนจึงรู้สึกโล่งใจและถอนหายใจด้วยความโล่งอกจั๋วซือหรานส่ายหัว "ข้าสบายดี" นางยิ้มอย่างหมดคำพูด "ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง คนรับใช้ที่ข้าส่งไปบอกข่าวไม่ชัดเจนหรือ"“คนรับใช้ของเจ้าพูดชัดเจนเพียงพอแล้ว แต่เขาอาจจะวิ่งไปจนส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 160

    พูดตามตรง หากนางไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะควบคุมมือสังหารได้หากนักฆ่าประสบความสำเร็จจริง ๆ จะไม่มีใครรู้ว่านางตายที่นี่เป็นเวลาสักพักหนึ่งซือคงเซี่ยนสังเกตเรื่องนี้เหมือนกัน เขาขมวดคิ้วแน่น "จวนของเจ้าเงียบและว่างเปล่าเหลือเกิน นี่อันตรายเกินไป หากเจ้าเป็นอะไรในจวนจริง ๆ ข้าขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อย เจ้าตายในนี้ ไม่มีใครรู้แน่ ๆ ”จั๋วซือหรานหรี่ตาลง และไม่มีความกลัวหรือความตื่นตระหนกบนใบหน้าที่สวยงามของนาง นางโค้งมุมปากเล็กน้อย "แต่..."นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซือคงเซี่ยน "...และในทางกลับกัน ก็เหมือนกันนี่"เมื่อซือคงเซี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ตกตะลึงใช่และในทางกลับกันก็เหมือนกัน วันนี้หากนางฆ่านักฆ่าเหล่านั้นที่นี่ กลัวว่า... จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำและ... ซือคงเซี่ยนคิดออกว่า เนื่องจากนางสามารถควบคุมมือสังหารทั้งสามคนนั้นได้ นางต้องสามารถฆ่ามือสังหารทั้งสามคนนั้นได้เพราะโดยทั่วไป การจับคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นยากกว่าการฆ่าตายซือคงเซี่ยนเข้าใจทันทีว่า ทำไมจั๋วซือหรานจึงไว้ชีวิตพวกเขาซือคงเซี่ยนพึมพำ "ดังนั้น เจ้าต้องการ..."“ในความเป็นจริง ข้าเป็นหมอ ดังนั้นโดยป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 161

    ในห้องนั้น มือของชายชุดดำสามคนถูกมัดไว้อย่างแน่น และเชือกที่ผูกมือของพวกเขาก็ถูกแขวนไว้บนคานและจั๋วซือหรานได้ปรับความยาวพอดี เพียงพอที่จะยกทั้งสามตัวขึ้นได้ ยิ่งกว่านั้น ปากของเขาเต็มไปด้วยบางสิ่งและพันด้วยผ้า ไม่เพียงแต่พวกเขาพูดไม่ได้ พวกเขายังต้องรักษาอารมณ์ของเขาให้สงบด้วยเพราะเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาตื่นตระหนกเหลือเกิน พวกเขาไม่สามารถหายใจจากทางปาก หากพวกเขาไม่ไม่ระวัง พวกเขาอาจจะต้องเป็นลม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้จั๋วซือหรานไม่ได้แขวนทั้งตัวของพวกมันไว้บนอากาศ แต่นางก็ไม่ให้เท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นด้วย พวกเขาทำได้แค่ปล่อยให้ปลายเท้าของพวกเขาสัมผัสพื้นเท่านั้นท่านี้ทรมานมาก เพราะหลังจากถูกแขวนไว้เป็นเวลานาน ข้อมือ แขน และไหล่ทั้งหมดจะรู้สึกเจ็บราวกับว่าหักดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามยืดหลังเท้าให้ตรงและพยายามให้ปลายเท้าแตะพื้น เพื่อลดแรงกดบนข้อมือ แขน และไหล่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนาน เท้าของพวกเขาก็เจ็บปวดมากเช่นกันความเจ็บปวดนี้ไม่เคยหายไปแม้แต่วินาทีเดียวยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสองคนได้รับบาดเจ็บที่ขา โดยมีเลือดหยดลงมาที่ขา แล้วหยดจากปลายเท้าลงสู่พื้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 162

    ขณะที่นางพูด นางมองไปที่ชายชุดดำสามคนที่ถูกแขวนอยู่ "นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่กล้ารบกวนใต้เท้าของกรมสอบสวนคดีอาญา ข้าจะสืบสวนพวกเขาเอง ส่วนขั้นตอนหลัง ๆ ข้าขอใต้เท้าต่งจัดการอย่างเป็นกลาง”จั๋วซือหรานพูดและเดินไปข้างหน้าชายชุดดำสามคนจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาส่งเสียงคำรามจากลำคอและบิดตัวอย่างแรงจั๋วซือหรานเดินเข้าไปหาพวกเขา แล้วเอายาเม็ดในมือของนางให้พวกเขาดู“ก่อนอื่น แน่นอนพวกเจ้าต้องกินยาที่ช่วยขยายการรับรู้ความรู้สึกของอวัยวะ เดี๋ยวเมื่อพวกเจ้าถูกทรมาน พวกเจ้าจะได้รับรู้ความรู้สึกทอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น”พวกเขาทั้งสามฟังนางพูดไป และมองนางค่อย ๆ เขย่าขวดยา เม็ดยากลิ้งอยู่ในขวดและส่งเสียงกึกก้องแล้วพอได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ ทำไมพวกเขากลับรู้สึกนางคลายอารมณ์ ราวกับว่านางกำลังตื่นเต้ากับเรื่องที่นางจะทำในวินาทีต่อมาพวกเขาทั้งสามหวาดกลัว ในใจพวกเขาไม่เพียงแต่เกลียด จั๋วซือหราน แต่ยังเกลียดตัวเองที่ประเมินศัตรูต่ำเกินไป พวกเขายังเกลียดนายจ้าง ซึ่งเป็นตระกูลเหยียนด้วยเพราะพวกเขาบอกชัดเจนว่า วันนี้คุณหนูจั๋วจิ่วได้ใช้พลังมากเกินไปแล้ว ไม่น่ากลัวอีกแล้วนี่หรือที่เรี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 163

    ต่งคังไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขารีบเรียกหน่วยลาดตระเวนที่มากับเขาทันที เพื่อวางสามคนนั้นลงมาก่อนที่จะวางพวกเขาลง ต่งคังถามจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว แม่นางมีอะไรจะทำอีกไหมขอรับ หากไม่มีแล้ว ข้าจะให้สั่งคนวางสามคนนี้ลงและพาออกไป"จั๋วซือหรานส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าไม่มีอะไรทำอีกแล้ว ได้โปรดทุกท่าน"ต่งคังส่งสัญญาณไปยังหน่วยลาดตระเวน พวกเขาเข้ามา และเตรียมเอาชายสามคนนั้นลงจากคานใครจะรู้...“ปมนี้…” ทหารองครักษ์หลายคนปมบนเชือกที่ผูกชายชุดดำทั้งสามคนนั้น พวกเขารู้สึกปมนี้แกะยากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ปมที่หญิงสาวผกไว้ พวกเขาแกะไม่ออกมีคนไม่กี่คนยังไม่ยอมรับความจริง พวกเขาพยายามแกะปมอีกสองสามครั้ง พวกเขาแน่ใจว่าแกะปมนี้ไม่ออก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอามีดตัดเชือกในความเป็นจริง พวกเขาสามารถตัดเชือกได้โดยตรงตั้งแต่ต้น พวกเขาอยากแสดงมิตรภาพต่อจั๋วซือหรานเพราะพวกเขามักจะรู้สึกเสมอว่า นี่คือห้องของเด็กผู้หญิง และหากตัดเชือกออก เหลือเพียงเชือกปอที่หักเพียงสามเส้นห้อยลงจากคาน ซึ่งไม่เหมาะสมใครจะรู้ว่าปมของหญิงสาวคนนี้แปลกมาก ถึงแม้พวกเขาอยากแกะปมนี้ แต่พวกเขาไม่รู้จะแกะ

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status