เมื่อภายนอกเงียบสงบลง คนใบ้จึงคลายเชือกแล้วลุกขึ้น และรีบเข้าไปแกะเชือกที่มัดลั่วชิงยวนออกจากนั้นก็แกะเชือกของโฉวสือชีทั้งสามหมอบต่ำฟังเสียงฝีเท้าที่ยังคงเดินไปมาอยู่ภายนอกเมื่อมองลอดร่องประตูออกไปก็เห็นว่ามีคนอยู่ค่อนข้างมากมายโฉวสือชีรีบรวบแขนเสื้อขึ้น หมายจะกระโจนออกไปเสียเดี๋ยวนั้นแต่ลั่วชิงยวนกลับดึงเขาไว้ ก่อนจะหยิบขวดยามาแล้วคุกเข่าลงนำปากขวดไปที่ร่องประตู และเป่าเบา ๆผงยาปลิวออกไปตามลมราตรีรออยู่ครู่หนึ่ง คนที่อยู่ติดด้านนอกประตูก็ล้มลงก่อนคนอื่น ๆ รีบกรูเข้าไปดู “เกิดกระไรขึ้น?”และแล้วก็ทยอยกันล้มลงทีละคนเมื่อคนล้มลงหมดแล้ว ทั้งสามก็หยิบกริชงัดกลอนประตู เปิดประตูแล้วเดินออกไป“ไป”ลั่วชิงยวนพาทั้งสองรีบออกจากห้องเก็บฟืนเดิมทีคิดจะเข้าไปในเรือนชั้นใน แต่กลับพบว่ามีผู้คุ้มกันตรวจตรามากมาย กระทั่งบนหลังคาก็มีคนเฝ้าอยู่พวกเขาทำได้เพียงหลบซ่อน หลีกเลี่ยงผู้คุ้มกันที่กำลังเดินตรวจตราไปมาโฉวสือชีถามว่า “พวกเราจะออกไปเลยหรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ไปหาโหยวหัวหนิงก่อน นางกำลังมีปัญหา”......ภายใต้ความมืดมิด เวินซินถงค่อย ๆ ย่องออกจากห้องพักพร้อมกำกริช
อวี๋หงตกตะลึง และขมวดคิ้วครุ่นคิด เมืองแห่งภูตผี ที่นั่นมิใช่สถานที่ที่คนธรรมดาสามัญจะไปได้อีกทั้งภูเขาทั้งลูกใหญ่โตเพียงนั้น ศพอยู่ที่ใดก็มิอาจสืบหาได้ จะขุดภูเขาทั้งลูกก็มิใช่เรื่องอวี๋หงยังคงครุ่นคิด ลั่วชิงยวนจึงกล่าวต่อไปว่า“ข้าสามารถนำท่านขึ้นเขาได้ บนเขายังมีผู้คนมากมาย พวกเขาจะเป็นพยานให้ข้าได้”“อวี๋ตันเฟิ่งตายไปหลายสิบปีแล้ว คนอายุเท่าข้าไม่มีทางสังหารนางได้ ข้าหลอกลวงท่านหรือไม่ เมื่อถึงกาลนั้นท่านย่อมกระจ่าง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านมิรู้สึกหรือว่าหลังจากภรรยาของท่านกลับมาเมื่อคืนก็มีบางสิ่งผิดปกติ?”“บัดนี้นางมิใช่โหยวหัวหนิงแล้ว! หากมิรีบขับไล่สิ่งชั่วร้าย ภรรยาของท่านจะเป็นอันตรายถึงชีวิต!”อวี๋หงมีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยแต่ในเวลานั้นเอง ร่างหนึ่งก็บุกเข้ามาในห้องเก็บฟืนโดยตรงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ท่านเจ้าเมือง ภรรยาของท่านมิได้มีปัญหาอะไร ท่านอย่าได้ถูกลั่วชิงยวนหลอกลวง”“ถึงแม้จะมีปัญหาอะไรจริง ข้าก็สามารถจัดการให้ท่านได้”เมื่อเห็นผู้มาเยือน รูม่านตาของลั่วชิงยวนก็หดเล็กลงเวินซินถง!ในที่สุดนางก็ปรากฏตัวแล้ว!อวี๋หงยังคงครุ่นคิด เวินซินถงจึงกล่าวอี
อวี๋หงเดินนำหน้า สีหน้าดูโกรธเคืองยิ่งนักเมื่อประตูห้องเปิดออก อวี๋หงก็เดินเข้ามา“ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน คิดดีแล้วหรือยัง” อวี๋หงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงไว้ด้วยความข่มขู่“ยังมิยอมบอกใช่หรือไม่? ได้!”จากนั้นอวี๋หงก็โบกมือ ผู้คุ้มกันหลายคนถือถังเข้ามาเมื่อเปิดออก ด้านในมีทั้งงูพิษและแมงป่องพิษอวี๋หงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ของพวกนี้เพียงพอที่จะทรมานพวกเจ้าให้ตายทั้งเป็น!”“ในเมื่อเจ้ามิคิดจะกล่าวสิ่งใดก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายแล้วกัน”หลังจากพูดเช่นนั้น อวี๋หงก็ออกคำสั่งทันที “ใครก็ได้!”“ให้พวกมันสองคนลิ้มรสก่อน!”อวี๋หงชี้ไปยังคนใบ้และโฉวสือชีเขามองไปยังลั่วชิงยวน “เจ้ายังมีเวลาอีกเล็กน้อย ลองคิดดูอีกทีเถอะ”จากนั้นผู้คุ้มกันก็ก้าวเข้ามาจับตัวโฉวสือชีและคนใบ้ จับเท้าของพวกเขาแล้วถอดรองเท้าออกจากนั้นก็จับงูพิษตัวหนึ่งหมายจะเอามากัดฝ่าเท้าของพวกเขาลั่วชิงยวนใจหายวาบรีบกล่าวเสียงดัง “หยุดนะ!”“ข้าจะบอก!”“ท่านให้พวกเขาทั้งสองหยุดก่อน!”อวี๋หงจึงห้ามผู้คุ้มกัน กล่าวเสียงเย็น “บอกมา”“หากเจ้ากล้าหลอกลวงข้า พวกเจ้าทั้งสามก็ต้องตาย”ลั่วชิงยวนมองไปยังคนอื่น ๆ ในห้อ
คนใบ้ชะงักไปลั่วชิงยวนเองก็ชะงักไปเช่นกัน“เจ้าแกะเชือกอย่างนี้ได้หรือ?” ลั่วชิงยวนสงสัยโฉวสือชียกยิ้ม “อย่าลืมว่าข้าหาเลี้ยงชีพด้วยงานอะไร”คนใบ้จึงพยายามขยับตัวสุดกำลัง พยายามให้เชือกที่อยู่ด้านหลังเผยออกมาให้โฉวสือชีเห็นหลังจากที่โฉวสือชีเกี่ยวปมเชือกได้แล้วก็เริ่มออกแรงนิ้วเท้าลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขากำลังค่อย ๆ ใช้เท้าแกะเชือกออกลั่วชิงยวนเองก็เพิ่งเคยเห็นเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เห็นคนใช้นิ้วเท้าคล่องแคล่วถึงเพียงนี้ สามารถใช้แทนนิ้วมือได้เลยทีเดียวทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็จับเสียงฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วนางรีบสั่งให้โฉวสือชีหยุด“มีคนมาแล้ว ซ่อนรองเท้าถุงเท้าให้ดี!”โฉวสือชีรีบดึงเท้ากลับ เก็บรองเท้าถุงเท้าไว้ข้าง ๆ แล้วนั่งขัดสมาธิทับไว้ครู่หนึ่ง ประตูก็เปิดออกเปิดอย่างเงียบเชียบเมื่อเห็นคนที่เข้ามา ลั่วชิงยวนก็ตกใจปรากฏว่าเป็นท่านพ่ออวี๋ท่านพ่ออวี๋ค่อย ๆ เดินเข้ามาย่อตัวลงข้างลั่วชิงยวน แล้วถามว่า “เด็กน้อย เจ้าจงบอกความจริงแก่ข้า การตายของอวี๋ตันเฟิ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่น “หามิได้! มิเกี่ยวข้องกับข้าแม้แต่
มิได้พูดพร่ำทำเพลงก็เข้ามาจับตัวลั่วชิงยวนดึงขึ้นมาเชือกหนังวัวถูกนำมามัดไว้รอบตัวลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนดิ้นรน สายตามองไปยังอวี๋หงในลานบ้าน “ท่านเจ้าเมือง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”อวี๋หงยืนไพล่หลังด้วยสีหน้าเย็นชา จ้องมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ“เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือ?”“ในเมื่อกล้าลักพาตัวภรรยาข้าไป เจ้าก็มิควรกลับมาอีก เจ้าคิดว่าไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำรึ!”คำพูดนี้ทำให้ลั่วชิงยวนงุนงง“ท่านเจ้าเมือง โปรดกล่าวให้ชัดเจน ข้าทำสิ่งใด? เหตุใดจึงเป็นข้าที่ลักพาตัวฮูหยิน?”“หรือว่าฮูหยินบอกเช่นนั้น?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วอวี๋หงมิได้ตอบจากนั้นก็เห็นคนใบ้และโฉวสือชีถูกจับมัดแล้วลากตัวออกมาด้วย“จับพวกมันทั้งสามไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน! เฝ้าดูอย่างเข้มงวด!”จากนั้นพวกลั่วชิงยวนก็ถูกลากเข้าไปในห้องเก็บฟืนทั้งสามถูกจับมัดวางไว้คนละมุมมิอาจเข้าใกล้กันได้จากนั้นอวี๋หงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามามองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย็นชา“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จงตอบมาโดยดีว่าเจ้าสังหารน้องสาวข้าอย่างไร”“มิเช่นนั้นข้าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ เสียเดี๋ยวนี้”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวน
“ต้องหาตัวนางมาให้ข้าให้ได้!”กองทหารรีบรุดออกไปค้นหาในทันทีพวกลั่วชิงยวนก็เข้าร่วมด้วย พาอวี๋หงไปยังสถานที่ที่พวกนางเคยเดินผ่านในวันนี้ และเพิ่มกำลังค้นหาในบริเวณนั้นตรอกซอยเล็ก ๆ ใกล้เคียงถูกตรวจสอบซ้ำหลายครั้ง ร้านค้าและบ้านเรือนโดยรอบก็ถูกค้นทีละแห่งการจับตัวคนในเวลากลางวันแสก ๆ ย่อมมิอาจหลบหนีไปไกลได้ ดังนั้นจึงต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้พวกลั่วชิงยวนก็ช่วยกันค้นหาในบริเวณใกล้เคียงด้วยค้นหาอยู่เป็นเวลานานในที่สุดลั่วชิงยวนก็พบกระสอบใบหนึ่งลั่วชิงยวนตกใจโฉวสือชีรีบค้นหาโดยรอบ แต่กลับมิพบเบาะแสอื่นใด“นี่คือที่ที่ฮูหยินถูกจับตัวไปหรือ? แต่เหตุใดจึงเหลือเพียงกระสอบ แล้วนางหายไปที่ใด?”ลั่วชิงยวนรีบเรียกผู้คุ้มกันมาตรวจค้นเรือนแห่งนี้อย่างละเอียดทุกคนต่างตามหาโหยวหัวหนิงด้วยความกระวนกระวายใจลั่วชิงยวนครุ่นคิด “มีคนจับโหยวหัวหนิงไปเรียกค่าไถ่ในยามนี้ถือว่าบังเอิญเกินไปแล้ว”“ต้องมุ่งเป้ามาที่ข้าแน่นอน”“เพียงแต่มิรู้ว่าเป็นฝีมือของเกาเหมียวเหมี่ยวหรือเวินซินถงกันแน่”ศัตรูที่ติดตามมายังตลาดมืดแห่งนี้มีเพียงพวกนางสองคนเฉินชีคงโกรธและไปจากตลาดมืดแล้วแต่เกาเ